LOGIN"พ พี่คะ" ฉันพาตัวเองเดินกล้าๆ กลัวๆ มาหาใครคนนึงที่นั่งกดมือถืออยู่กับเฮดว้ากตัวพ่อของคณะ ทำไมฉันถึงได้เดินมาหาเขาหน่ะหรอ? ก็เพราะว่าฉันกับใยไหมถามรุ่นพี่ครบทุกคนแล้วยังไงหล่ะ แต่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันให้เราสองคนมาถามคนที่น่ากลัวที่สุดในห้องนี้
จะเป็นใครได้นอกจากเขาและเฮดว้าก! แค่ยืนเฉยๆ รังสีความดุก็แผ่ออกมาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ "ครับ" เขาละสายตาจากมือถือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองฉัน ที่จริงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกันพูดคุยกัน แถมวันนี้เป็นครั้งที่สามของวันแล้วด้วยซ้ำ แต่ใจฉันก็ยังไม่กล้าพออยู่ดี "เครื่องบินสีดำคือพี่เลนส์ใช่มั้ยคะ" "ถ้าบอกจะได้อะไร" ต้องมีอะไรมาแลกด้วยหรอ หรือว่าเป็นธรรมเนียมว่าต้องมีของขวัญมาให้พี่รหัส แบบนี้ใช่หรือเปล่านะ "วันนี้พรีมไม่ได้เตรียมมา พรุ่งนี้ได้มั้ยคะ" ฉันก้มมองดูนาฬิกาสีโรสโกลด์ที่ข้อมือ พึ่งห้าโมงเย็น เพราะงั้นวันนี้ยังพอมีเวลาไปเดินห้างหาของขวัญมาแลกกับคำตอบจากเขา "มาถามใหม่พรุ่งนี้" คิ้วเล็กขมวดแน่นเม้มปากเล็กน้อยอย่างลังเล ก็ใจอยากจะรู้วันนี้เลยนี่นา เพราะถ้าเกิดไม่ใช่เขาขึ้นมาฉันจะได้มีเวลาหาคำตอบใหม่ได้ทัน "พรีมอยากรู้เลยค่ะ" "พี่เลนส์บอกพรีมหน่อยได้มั้ยคะ" "ไม่ พี่ยุ่ง" แล้วเขาก็กลับไปให้ความสนใจกับมือถือในมืออีกครั้ง ทิ้งฉันให้ยืนทำหน้างงมองเขาอย่างสงสัย และสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือฉันดื้อเกินกว่าจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ นี่ก็ผ่านไปห้านาทีแล้วที่ฉันยืนมองเขาอยู่อย่างนี้ เขาก็ก้มหน้าก้มตากดมือถือไม่ยอมใจอ่อนเงยหน้าขึ้นมาสนใจกันเลยสักนิด สองขาเล็กพยายามเขย่งสูงขึ้นให้พอเห็นหน้าจอสี่เหลี่ยมนั่น ใจอยากจะรู้นักอะไรที่ดึงความสนใจจากเขาได้มากขนาดนี้ แต่เหมือนว่ายิ่งขยับเข้าไปใกล้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งขยับมือหนีฉันเท่านั้น จากตรงหน้าขยับไปทางซ้าย จากทางซ้ายก็เอี้ยวตัวมาทางขวาราวกับกำลังแกล้งกันอย่างไงอย่างงั้น พาฉันเสียหลักเซถลาไปข้างหน้า "ว้าย!" ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ใจเจ้ากรรมเต้นดังโครมครามให้ได้ยิน จนใบหน้าของฉันมันร้อนผ่าวกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันที่มันดังระรัว เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ใกล้เขา แล้วยิ่งตอนนี้หน้าของฉันซบลงตรงหน้าอกแน่นๆ มีเพียงเสื้อนักศึกษาสีขาวกั้นอยู่เท่านั้นด้วยแล้วฉันก็ยิ่งดูเหมือนไม่เป็นตัวเอง แต่ที่ทำให้ฉันอายจนผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพูอยู่ตอนนี้ ก็เพราะสองมือของเขาที่เคยจับมือถือก่อนหน้ากลับวางอยู่ตรงแผ่นหลังบางของฉัน เหมือนฉันกับเขากำลังยืนกอดกันอยู่เลย...ผู้ชายอะไรกลิ่นตัวหอมชะมัด เหมือนอาบน้ำมาวันละสิบรอบเห็นจะได้ รอให้สนิทกันมากกว่านี้สักหน่อย ฉันจะแอบถามว่าเขาใช้น้ำหอมหรือครีมอาบน้ำยี่ห้ออะไร อยากจะซื้อมาลองใช้ดูบ้าง "ซุ่มซ่าม" ว่าฉันอีกแล้ว แต่ฉันก็ทำได้เพียงแค่ยู่ปากเล็กน้อยชักสีหน้าใส่นิดหน่อยยังไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงอะไรออกไป ก่อนจะพยายามผละตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งทั้งสองข้าง ใช่! มันแกร่งเกินกว่าที่ฉันจะขยับออกไปได้ ฉันไม่ได้รู้สึกไปคนเดียวใช่มั้ย? ว่าเขากระชับแขนให้แน่นขึ้นจนเราสองคนแนบชิดกันขนาดนี้ จนฉันกลัวว่าใครต่อใครที่อยู่ในห้องประชุมนี้จะพากันคิดไปไกล แต่หันมองอีกทีที่แห่งนี้ก็มีเพียงเราสองคนยืนอยู่เท่านั้น ทุกคนหายไปในกลีบเมฆไม่เว้นแต่ใยไหมเพื่อนของฉัน ทิ้งกันอย่างนี้ได้ยังไงกัน! "ปะ ปล่อยค่ะ พรีมจะกลับแล้ว" "ไม่อยากรู้?" "ก็พี่เลนส์ไม่บอก" "พรุ่งนี้จะบอก" "งั้นก็ปล่อยพรีมก่อนค่ะ" "..." ผมปล่อยมือออกจากเอวบางตามที่เธอต้องการอย่างง่ายดาย มองแก้มป่องๆ ตากลมโตฉายแววความดื้อรั้นทำหน้างอนๆ มองมาแต่คงไม่กล้าเอะอะโวยวายอะไร ดูท่าทางจะขี้งอนใช่เล่น 'หึ' คำใบ้ที่เธอได้ ผมอุตส่าห์ใช้เวลานั่งวาดอยู่หลายนาที รูปเครื่องบินสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นตัวผมที่สุด ทั้งคณะที่เรียนและธุรกิจของครอบครัว ซึ่งผมคิดว่าเป็นคำใบ้ที่ง่ายมากและหวังว่าเธอน่าจะรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น แต่เธอกลับเดินไปถามตามหาคำตอบจากทุกคนที่ยืนอยู่ในห้องนี้ ปล่อยให้ผมนั่งเล่นเกมส์รออยู่เป็นชั่วโมง จนเพื่อนๆ ของผมต้องช่วยกันใบ้บอกให้เธอกับเพื่อนสนิทเดินมาถามหาจากผมและไอ้ภัทร แน่นอนว่ารูปเสือคือคำใบ้ของเฮดว้าก ก่อนจะทยอยเคลียร์พื้นที่ปล่อยให้เป็นเวลาส่วนตัวของประธานรุ่นอย่างผม เพราะฉะนั้นจะมาขอให้ผมเฉลยง่ายๆ แบบนี้ เป็นไปไม่ได้แน่ ขอดึงเวลาแกล้งเล่นตัวสักหน่อย "ฮัลโหลใยไหมแกอยู่ไหน" "อ้าว กลับแล้วหรอ" "โอเค เจอกันพรุ่งนี้" คนตัวโตเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามหลังตัวเล็กระยะห่างเพียงสองก้าวเท่านั้น ทำให้เขาได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน "เดี๋ยวไปส่ง" "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพรีมเรียกรถกลับเอง" "ดื้อ" #อ่านเพลินๆ สบายๆ กันเหมือนเดิมนะคะใครว่าคนสองคนอยู่ด้วยกัน ยิ่งทะเลาะกันจะยิ่งมีลูกหัวปีท้ายปี ผมขอค้านหัวชนฝา! เพราะตอนนี้ผมกับใยไหม เราแต่งงานกันเข้าสู่ปีที่สามแล้วตั้งแต่วันที่เธอเรียนจบ งานแต่งของเราก็เกิดขึ้นทันที ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือเราสองคนอยู่ในสถานะไหน คุณเธอก็มีเรื่องให้ผมอยากฟาดได้ทุกวัน เถียงได้ทุกเรื่อง ต้องจับปรับทัศนคติกันทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นเราสองคนก็ยังไม่มีลูกให้ผมได้มีเพื่อนไปเตะฟุตบอลสักคนเพราะเธอยังสนุกกับอาชีพนักบินอยู่... ปีนี้ จะยังไงก็แล้วแต่ เป้าหมายของผมคือ ต้องมีลูกกับเธอสักคนให้ได้ และเริ่มลงมือทำตามแผนที่วางไว้คนเดียวเงียบๆ มาเกือบสองเดือนแล้ว เริ่มจากทำทีเป็นเผลอลืมใส่เกาะป้องกันบ้าง แอบใช้เข็มเจาะซองสีเงินทุกชิ้นในกล่องบ้าง ถึงจะมั่นใจความแข็งแรงของตัวเองว่ามีมากพอที่ฝ่าฝันทุกด่านผ่านเข้าไปได้ แต่ผมก็ปฏิบัติการทุกวันไม่มีขาดตกบกพร่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้นไม่แน่ว่าตอนนี้...อาจจะมีตัวป่วนตัวน้อยๆ หลับอยู่ในท้องเธอแล้วก็ได้ส่วนวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในแผนที่ผมวางเอาไว้ พาเธอมาเล่นกับน้องภนลูกชายวัยสองขวบของไอ้เลนส์กับน้องพรีม เพราะหว
หลังจากวันนั้น วันที่เขาทั้งย้ำและยัดเยียดความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดดให้ฉัน ยอมรับตามตรงว่าภายในใจตอนนี้ยังคงมีคำถามว่า "ฉันกับเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" จุดที่...ต้องกินข้าวด้วยกันทุกวัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน พากันดูหนังบ้าง ช่วยกันทำการบ้านบ้าง แต่ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องช่วยสอนฉันอยู่แล้วหล่ะ แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ตีกันทุกวัน เป็นเขานั่นแหละที่ชอบหาเรื่องว่าฉัน ใส่กระโปรงสั้นก็ไม่ชอบ แต่งหน้าจัดเกินไปก็ขัดใจ แต่พอฉันพูดว่าเขาบ้าง เขาก็งอนไม่พูดด้วยหาเรื่องให้ฉันคอยง้อ ถามว่าฉันง้อไหม? ก็ต้องง้อซิ เพราะเขาเล่นนอนพลิกตัวเสียงดังไปมากวนจนฉันข่มตาหลับไม่ลงเลย จนบางครั้งฉันอยากจะทุบให้หลังแอ่นสักที แต่ติดตรงที่กลัวว่าเขาจะเอาคืนโดยการกดฉันให้จมเตียงหน่ะสิ และเขาทำอย่างนั้นแน่"วันนี้พี่ภัทรไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ""ไปทำงานกลุ่ม" "งั้นไหมขับรถไปเองแล้วกัน" "ไม่ ไปด้วยกัน" "ไหมเลิกเย็น" "...""โอเค โอเค" ในเมื่อเขาอยากจะขับรถให้ ฉันก็ไม่อยากขัดใจ ดีซะอีก จะได้นั่งสวยๆ ไม่ต้องคอยหงุดหงิดกับรถคันอื่นที่แซงไปปาดมาด้วย คิดได้อย่างนั้นก็รีบหยิบกระเป๋าสะพายและกล่องแซนว
"เป็นอะไรวะ""เปล่า"ผมนั่งมองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ ถ้าเป็นงานเลี้ยงสายรหัสที่พวกผมจัดขึ้นรวมกันทั้งคณะเพื่อให้รุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อนๆ ได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น ผมก็คงนั่งดื่มเงียบๆ อยู่กับไอ้เลนส์ตามปกติ แต่ที่ทำให้ผมอยากกลับห้องตัวเองเต็มทน มองอะไรก็รู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด ก็ตรงที่ยัยตัวป่วนนั่งยิ้มแป้นแล้นหัวเราะคิกคักกับทุกคนที่เข้ามาทักทายชนแก้วกับเธอไม่ขาด แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งนั้น เห็นแล้วรำคาญลูกตา"จะกลับกี่โมง""กี่โมงก็ได้ โตแล้ว" ตาคู่คมของผมกวาดตามองคนลอยหน้าลอยตาพูดอย่างน่าหมันไส้ ก่อนจะไปหยุดมองอะไรอะไรที่มันล้นขึ้นมาจนน่าหยิก หลักฐานที่บอกให้รู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่คอยวิ่งตามป่วนผมแล้ว เธอ...โตขึ้นแล้วจริงๆ"ฉันให้เวลาอีกสิบนาที""มีสิทธิ์อะไรมาสั่งไม่ทราบ""ฉันเป็นพี่รหัสเธอ""ก็แค่พี่รหัส"ปึก!ยัยตัวป่วนใช้ไหล่กระแทกตัวผมให้หลีกทางเธอ เพื่อจะเดินเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางดื้อดึง เชิดหน้าอย่างอวดดี ทำผมแทบอยากจะตามเข้าไปจัดการจับฟาดให้หายซ่าสักที ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนสนิทของป๊าฝากให้ผมช่วยดูแลเธอ ผมคงไม่ต้องมาหาเ
"รูปเสือเหรอ? ยากชะมัด" ฉันนอนมองคำใบ้รูปเสือในมือ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตกว่าพี่รหัสของฉันเป็นใครกันแน่คงไม่ใช่ตานั่นหรอกใช่ไหม? "หรือจะใช่ เขาเกิดปีเสือนี่นา" คิดได้อย่างนั้นฉันก็พาตัวเองลุกจากที่นอนออกจากห้องนอนเดินตรงไป ห้องของใครบางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ใครบางคนที่เป็นคู่ปรับของฉันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังฝากฝังเขาให้ช่วยดูแลฉันที่เพิ่งย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว 'พี่ภัทร' ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ไม่อยู่เหรอ" มือเล็กเคาะประตูอยู่นานหลายนาที แต่เคาะเท่าไหร่ก็ได้รับเป็นเพียงความเงียบงันกลับมาเท่านั้น ฉันจึงตัดสินใจหมุนตัวเตรียมกลับห้องตัวเอง ลองคิดคิดดูอีกที บางทีโลกอาจจะไม่ได้กลมจนทำให้เขามาเป็นพี่รหัสของฉันจริงๆ ก็ได้แกร๊ก! ในตอนที่ฉันกำลังจะเดินกลับไปห้องตัวเอง เสียงเปิดประตูจากด้านหลังก็ดังให้ได้ยิน เรียกความสนใจให้ฉันหันกลับไปมองอย่างมีความหวัง เป็นเขาที่ยืนผมชี้ฟูเปลือยอกทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดอยู่ ทั้งตัวมีเพียงกางเกงกีฬาขาสั้นสีดำปกปิดบางอย่างเท่านั้น แต่เอ๊ะ! รอยสักตรงหน้าอกนั่น! "มีอะไร" "ไหมอยากรู้ว่าพี่ภัทรใช่พี่รหัสของไหมรึเปล่า" "แค่นี้?" "อืม สรุปใช่มั้ย" ปั้ง! ไ
"โกรธพี่?" "อยากให้พรีมโกรธเรื่องอะไรดีคะ" สงสัยจะแอบทดไว้หลายเรื่อง"ไม่อยาก" "เปิดตัวทั้งที ที่ร้านส้มตำ" คนตัวเล็กตีหน้าเศร้าราวกับว่ากำลังน้อยใจนักหนาดูน่าเอ็นดูมาก"หึ" ฟอด"พี่ขอโทษครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ ตอนงานวันเกิดพี่เลนส์ พรีมก็ไม่สบาย อดไปสนุกด้วยเลย" "พี่ขอแก้ตัว วันงานเลี้ยงบริษัทนะ" "ค่ะ"อย่างที่เธอบอก ตอนแรกผมตั้งใจพาเธอไปเปิดตัวกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่สนิทในงานเลี้ยงวันเกิดของผมกับไอ้ฟิล์มที่จัดขึ้นที่บ้านใหญ่ แต่เธอป่วยด้วยพิษไข้หวัดใหญ่เสียก่อน วันนั้นพอเปิดของขวัญจากน้องโฟและเป่าเค้กเสร็จ ผมก็รีบขับรถกลับไปหาเธอทันที เพราะไม่อยากทิ้งเธอให้นอนป่วยอยู่คนเดียว "งั้นพรีมต้องลดความอ้วนแล้วค่ะ" "เดี๋ยวไม่สวย" "พอแล้ว แค่นี้ก็สวยไม่ไหวแล้ว" "สวยไม่ไหว แปลว่าสวยหรือไม่สวยกันแน่คะ""หึ สวยที่สุดครับ" สิ่งหนึ่งที่เธออาจจะไม่รู้ตัวก็คือ ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเธอ เธอก็เจื้อยแจ้วช่างซักช่างถามช่างสงสัยมากขึ้น ตอบถูกใจก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้โลกทั้งใบดูสดใสอย่างตอนนี้ แต่ถ้าเกิดผมตอบไม่ถูกใจแล้วละก็ ใบสวยๆ ก็จะง้ำงองอนกันให้เห็นอย่างปิด
@ห้องพักเบรคพนักงาน"แกว่าผู้ช่วยเลขาคิน มีซัมติงกับท่านประธานป่ะ" "หัวข้อแรงมากจ้า" "ไม่กลัวท่านประธานจะผ่านมาได้ยินเหรอ" "สรุปคือ?" "ร้อยเปอร์เซ็นต์" "ฉันเคยเห็นน้องเขาลงมาจากรถท่านประธาน" "ไม่ใช่แค่มาด้วยกันนะ กลับพร้อมกันด้วย" "เศร้าจัง แอบมองมาตั้งนาน""น่าจะอยู่หล่อแบบโสดๆ ให้พวกเรามองไปนานๆ""จริง" หากใครมาเห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้ คงหาว่าฉันเสียมารยาทแอบฟังคนอื่นคุยกันแน่ แต่ฉันเพียงบังเอิญจะเดินมากดน้ำใส่แก้วเก็บความเย็นทั้งของฉันกับพี่เลนส์ตรงตู้กดน้ำที่อยู่ในห้องพักเบรคของพนักงานก็เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าจะได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนาของบรรดาสาวๆ พนักงานออฟฟิศที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างในระยะเวลาค่อนเดือนที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ เพราะอย่างนี้ไงหล่ะ ฉันถึงอยากเก็บทุกอย่างเป็นความลับ ไม่อยากให้ใครคิดว่าฉันถือสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นแต่ก็เอาเถอะ...อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่าเขาฮอตมากขนาดไหน จะรู้ตัวบ้างไหมนะ ว่าตัวเองเป็นขวัญใจสาวๆ ทั้งบริษัท คิดคิดแล้วก็น่าหมันไส้อยู่เหมือนกันฉันยืนรอจนหัวข้อสนทนาเปลี่ยนเป็นเรื่องแฟชั่น ถึงทำทีเป็นไม่เคยได้ยินอะไรก่อนหน้าน







