Share

บทที่ 135

Penulis: ไห่ตงชิง
“ฝ่าบาท! ทุกสิ่งที่กระหม่อมพูดล้วนเป็นความจริง ไม่มีอะไรเป็นเท็จ สมุดบัญชีซ่อนอยู่ในถังข้าวที่บ้านของกระหม่อม ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้!”

เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ เจียงโจวที่หวาดกลัวสุดขีดจึงคุกเข่าโขกหัวบนพื้นหิมะอย่างบ้าคลั่ง

ในหิมะเต็มไปด้วยโคลน มีโคลนกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งของเจียงโจวจึงเหมือนอาบไปด้วยน้ำโคลน

แต่เขากลับไม่สนใจ ทั้งยังตะโกนโหยหวนเสียงแหลมว่า “ได้โปรดเถิด ฝ่าบาท ถึงแม้กระหม่อมจะไม่มีผลงานใหญ่หลวงอะไร แต่ก็ทำงานหนักมาหลายปี เห็นแก่คำสารภาพของกระหม่อม โปรดมอบทางรอดให้กับกระหม่อมด้วย กระหม่อมยินดีสละทรัพย์สมบัติทั้งหมด ขอเพียงฝ่าบาททรงเมตตาไว้ชีวิต!”

คำพูดของเขานั้น องครักษ์อวี่หลิน องครักษ์เสื้อแพรและผู้ประสบภัยทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน

องครักษ์อวี่หลินกับองครักษ์เสื้อแพรยังดี แต่ละคนแค่มองเจียงโจวด้วยสายตาที่เย็นชา

ในฐานะทหารรากหญ้า สิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่ทุจริตเช่นนี้

เจ้าหน้าที่ทุจริตไม่เพียงแต่ปล้นเลือดเนื้อของประชาชนเท่านั้น แต่ยังดื่มเลือดของทหารอีกด้วย

ส่วนเหล่าผู้ประสบภัยนั้น แต่ละคนต่
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 136

    “พ่อ!แม่! ลูกสอบผ่านการสอบขุนนางแล้วนะ! ลูกได้อันดับที่สามเป็นทั่นฮวา! ลูกมีอนาคตที่ดีแล้วนะ!”“พวกเราไม่ต้องถูกคนอื่นดูถูกอีกต่อไป หรือยืมเงินคนอื่นเพื่อดำรงชีวิต!”“ลูกกลายเป็นทั่นฮวาแล้ว ต่อให้ถูกส่งไปยังท้องถิ่น อย่างน้อยก็ได้เป็นปลัดอำเภอ พวกเรากำลังจะเจริญรุ่งเรืองแล้ว!”ดูเหมือนเจียงโจวเป็นบ้าไปแล้ว เขาหัวเราะเสียงดัง ในดวงตาทอประกายความสับสนและบ้าคลั่งทันใดนั้นเขาก็กอดหวังเถิงฮ่วนที่อยู่ข้างๆ แล้วกระโดดโลดเต้นพร้อมกับตะโกนว่า “พ่อ ทำไมท่านไม่หัวเราะล่ะ? ท่านไม่มีความสุขเหรอ?”หวังเถิงฮ่วนตกใจกลัวสุดขีด เขาพยายามผลักเจียงโจวแล้วตะโกนว่า “บ้าไปแล้ว คนคนนี้บ้าไปแล้ว รีบดึงคนบ้าคนนี้ออกไปเร็วๆ เข้า!”แต่พละกำลังของเจียงโจวก็แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ไม่ว่าหวังเถิงฮ่วนจะผลักเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อย สีหน้าของเขาดูคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ“พ่อ ลูกไม่ได้บ้า ลูกสอบผ่านแล้วจริงๆ! ท่านไม่มีความสุขเหรอ? เหตุใดท่านถึงไม่มีความสุขล่ะ?”“พ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สอบครั้งนี้ ผู้คุมสอบคือใต้เท้าหวังเถิงฮ่วน เขาเป็นเสนาบดีกรมขุนนาง ได้ยินมาว่าในอนาคตเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งสู่สำนักราชเลขา ลู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 137

    หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังกับสถานการณ์นี้เลยด้วยซ้ำเขาสามารถฆ่าหวังเถิงฮ่วนโดยไม่สนสิ่งใดได้ แต่ถ้าองค์ชายเก้าโดนทำร้ายที่นี่ นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอนอย่างน้อยที่นี่ตอนนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายเก้าไม่ได้โดยเด็ดขาดในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เมื่อเจียงโจวกระโจนเข้าใส่องค์ชายเก้า จู่ๆ ร่างของเจียงโจวก็แข็งทื่อตรงหน้าอกของเขา มีปลายดาบแทงทะลุหน้าอกออกมาเลือดที่ข้นหนืดไหลลงมาตามปลายดาบ แล้วหยดลงบนปลายจมูกขององค์ชายเก้าที่นั่งอยู่บนพื้น เลือดอุ่นๆ กระตุ้นให้องค์ชายเก้าตัวสั่นเขาจ้องมองใบหน้าอันแข็งทื่อของเจียงโจวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และปลายดาบนั้นก็อยู่ห่างจากหว่างคิ้วของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว เขาส่งเสียงกรีดร้องอันแหลมหูออกมาเป็นครั้งที่สาม ขาทั้งสองข้างอ่อนระทวย และมีของเหลวสีเหลืองใสไหลออกมา ย้อมหิมะสีขาวบนพื้นจนกลายเป็นสีเหลือง จากนั้นองค์ชายเก้าก็กลอกตาขาวแล้วเป็นลมด้วยความตกใจซูผิงเป่ยชักดาบออกมา แล้วเตะร่างของเจียงโจวออกไป จากนั้นก็มองดูองค์ชายเก้าด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นองค์ชายเก้าฉี่รดกางเกง และเป็นลมล้มกับพื้น เขาก็อดส่ายหัวไม่ได้เขาไม่เข้าใจว่าเลยทำไม ท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 138

    ซูจิ่นพ่าเลิกคิ้วขึ้น และพูดอย่างโมโหว่า “คนหยาบคายหัวรุนแรงอย่างพวกท่านสองจะไปรู้อะไร? จะเข้าใจอะไร?”“ใช่ๆ สิ่งที่เจ้าต้องการข้าไม่เข้าใจหรอก”ซูผิงเป่ยเบะปากแล้วพูดว่า “แต่ข้ารู้ว่าการอยู่ท่ามกลางความโชคดีแต่ไม่ตระหนักถึงมัน มันหมายความว่าอย่างไร วันๆ เอาแต่คิดถึงอิสรภาพในอุดมคติ ความรักที่สวยงาม และสามีที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยาก เจ้าตื่นเสียทีเถอะ สงสัยจะกินอิ่มเกินไปแล้ว”ซูจิ่นพ่ากำลังจะพูด แต่กลับเห็นหลี่เฉินที่อยู่ไม่ไกลตะโกนว่า “จิ่นพ่า ต้มน้ำร้อนให้ข้าหน่อยสิ”ดวงตาเมล็ดซิ่งของซูจิ่นพ่าก็เบิกกว้าง และพูดอย่างโมโหว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นสาวใช้ของท่านหรือ?”หลี่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ทำไม หรือเจ้าอยากให้ข้าไปต้มน้ำเอง?”ซูจิ่นพ่าเห็นหลี่เฉินขมวดคิ้ว ในใจพลันรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงทำได้เพียงกระทืบเท้า และมองพี่ชายอย่างคับข้องใจ“ยังไม่รีบไปอีก!”เมื่อเห็นน้องสาวถูกชี้นิ้วสั่ง ซูผิงเป่ยไม่เพียงไม่รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของน้องสาวอีกด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงชักดาบออกมาทักทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 139

    คำพูดของหวังเถิงฮ่วน ทำให้หน้าของจ้าวเสวียนจีกระตุกเขาไม่ได้ตอบกลับหวังเถิงฮ่วน แต่ตะโกนใส่สาวใช้ที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งแรก “ออกไปซะ!”เหล่าสาวใช้รีบออกไปทันทีหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว จ้าวเสวียนจีก็มาที่ข้างเตียง เขานั่งลงแล้วพูดว่า “พี่หวัง นามขององค์รัชทายาทจะถูกดูหมิ่นในที่สาธารณะได้อย่างไร? ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เกรงว่าเขาจะใช้มันเป็นข้ออ้าง”หวังเถิงฮ่วนตาค้าง และกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “ใช้เป็นข้ออ้างแล้วอย่างไร? ข้าถูกลดตำแหน่งและหูก็ขาดไปแล้วข้างหนึ่ง หากตอนนี้ยังหดหัวกลัวทุกอย่าง มิต้องรอให้หลี่เฉินตัดหัวข้าก่อนรึ แล้วค่อยต่อต้าน?”ประโยคนี้ ส่วนใหญ่พูดให้ตัวเองฟังใบหน้าของจ้าวเสวียนจีมืดลงและพูดว่า “พี่หวัง ท่านกำลังพูดเรื่องไร้สาระ”หวังเถิงฮ่วนกัดฟันพูดว่า “พี่จ้าว ตอนนี้ข้าหมดสิ้นหนทางแล้ว องค์รัชทายาทกดดันพวกเราทีละก้าวๆ ท่านจะล่าถอยอีกนานแค่ไหน?”จ้าวเสวียนจีพูดอย่างเย็นชาว่า “ตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาท ครั้งนี้ที่เขาไม่ฆ่าท่าน เพราะยังหวั่นเกรงข้าอยู่ จึงไม่กล้าฉีกหน้ากันตรงๆ”หวังเถิงฮ่วนพูดด้วยความโกรธว่า “ครั้งที่แล้วท่านก็พูดแบบนี้ แต่สถานการณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 140

    ชายวัยกลางคนรับยามาอย่างนอบน้อมแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”“นอกจากนี้ จงไปที่ตำหนักบูรพา และบอกให้พระสนมองค์รัชทายาททำตามคำสั่ง”เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของจ้าวเสวียนจี ก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา“ทำไม?”จ้าวเสวียนจีขมวดคิ้วถาม “มีปัญหาเหรอ?”ชายวัยกลางคนจึงกล่าวว่า “ทหารองค์รักษ์ในตำหนักบูรพาถูกเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เป็นองครักษ์เสื้อแพรรับหน้าที่ดูแลอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น สายที่พวกเราซ่อนเอาไว้ก็ถูกกำจัดไปจนหมด ทำให้การการติดต่อกับพระสนมองค์รัชทายาทจึงเป็นไปได้ยาก”จ้าวเสวียนจีพูดอย่างโมโหว่า “แล้วทำไมพระสนมองค์รัชทายาทถึงไม่ติดต่อมาหาเจ้า?”ชายวัยกลางคนยังคงนิ่งเงียบทันใดนั้นจ้าวเสวียนจีก็หัวเราะขึ้นมา“ฮ่าๆ!”จ้าวเสวียนจีหัวเราะพลางพูดว่า “เอาล่ะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนั้นมีสายตาที่เฉียบคม มีความทะเยอทะยานแต่ขี้ขลาดพอๆ กับหนู นางเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้ ผลคือสิ่งที่คาดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว”“ท่านราชเลขาโปรดระงับโทสะ”ชายวัยกลางคนพูดเบาๆ “เราจำเป็นต้องกำจัดนางหรือไม่?”“สมองหมู!”จ้าวเสวียนจีกล่าวอย่างเย็นชา “หากนางสารภาพทุกอย่างกับองค์รัชทายาท เจ้าคิดว่า เจ้าและคนของเจ้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 141

    ตอนนี้ ถิ่นทุรกันดารที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ เนื่องจากการมาถึงขององครักษ์อวี่หลินและผู้ประสบภัย สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นที่นิยมไปชั่วขณะ นอกจากนี้ การก่อสร้างค่ายของผู้ประสบภัยก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ภายใต้การดูแลของหลี่เฉินอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเสาไม้ 20 ต้นที่สูง 3 ฟุต และยาวเกือบ 10 เมตรนอกค่ายแทบทุกต้นล้วนแขวนศพเอาไว้โดยศพที่อยู่ตรงกลางนั้น คือศพของอดีตผู้ว่าการเมืองหลวง เจียงโจว และทุกคนที่แขวนอยู่บนเสาอีก 19 ต้นที่เหลือ ล้วนเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมโดยตรงในคดีทุจริตของเจียงโจว ซึ่งก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดบางส่วนมาจากกรมครัวเรือน และบางส่วนก็มาจากสำนักงานเมืองหลวง ตราบใดที่พวกเขาปรากฏอยู่ในสมุดบัญชีของเจียงโจว องครักษ์เสื้อแพรก็จะไปรับพวกเขามาโดยตรง แม้แต่เอกสารของกรมยุติธรรม ศาลต้าหลี่และสำนักตรวจการก็ยังถูกข้าม เมื่อพวกเขาถูกจับกุมก็จะถูกพามายังที่นี่ หลังจากพิสูจน์ตัวตนแล้วก็จะส่งกลับบ้านเก่าด้วยดาบ เหล่าผู้ประสบภัยที่ผ่านไปมา หากยังมีเรี่ยวแรงพอ ก็จะหยิบก้อนหินที่พื้นขึ้นมาแล้วปาใส่ศพเหล่านั้น ไม่มีใครกลัว มีแต่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชังเพราะองค์ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 142

    “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือก”ดวงตาดุจเหวลึกของหลี่เฉินจ้องมองสวีฉังชิงอย่างคลุมเคลือ“หากเจ้าต้องการไปประจำในท้องถิ่น ด้วยตำแหน่งขุนนางขั้นที่สามระดับล่างในปัจจุบัน เจ้าสามารถดำรงตำแหน่งเป็นปลัดมณฑลใดก็ได้ และกลายเป็นขุนนางผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ในฐานะขุนนางมณฑล การดำรงชีวิตของประชาชาชน และนโยบายภายในมณฑล ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า”“แต่ถ้าหากเจ้าต้องการอยู่ในเมืองหลวงต่อไป ก่อนอื่นให้ควบคุมกรมครัวเรือนให้ได้เสียก่อน และแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญๆ ข้าจะให้อำนาจแก่เจ้าในการคัดเลือกคนสนิทที่เจ้าไว้ใจได้ เพราะการจะเลื่อนขั้นเป็นเสนาบดี จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักราชเลขา ซึ่งคุณสมบัติและบารมีของเจ้ายังดีไม่พอ เจ้ายังขาดโอกาสในการสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ เราจึงทำได้เพียงก้าวไปทีละขั้นอย่างมั่นคง”หลี่เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า “หากลงไปท้องถิ่น เจ้าจะมีอำนาจมากขึ้น ทั้งยังปลอดภัยมากขึ้น และอยู่ห่างจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในราชสำนักของข้ากับจ้าวเสวียนจี อย่างน้อยเจ้าก็สามารถอยู่อย่างปลอดภัยได้ จนกว่าฝุ่นจะจางไป ในฐานะขุนนางใหญ่มณฑล ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ก็ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 143

    “เจ้าคิดว่าการบรรเทาภัยพิบัติ ควรมอบให้ใครเป็นผู้รับชอบดี?”หลี่เฉินมองไปที่ซูจิ่นพ่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเคร่งขรึมและจริงจังซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วและพูดว่า “ฝ่าบาททรงสามารถตัดสินพระราชหฤทัยเรื่องนี้ได้ จิ่นพ่าเพียงเป็นสตรี ไม่เข้าใจเรื่องการเมืองมากนัก แต่ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์ถึงไม่ปล่อยมือของหม่อมฉัน?”“เรื่องนี้ ทำให้ข้ากังวลมาก”หลี่เฉินถอนหายใจแล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ก็มีคนให้ใช้น้อยเกินไป”ซูจิ่นพ่ากล่าวอย่างโกรธๆ ว่า “หากฝ่าบาทใส่ใจเรื่องในราชการให้มากขึ้น ลดเรื่องไร้สาระลงบ้าง เรื่องเหล่านี้จะยากลำบากตรงไหนกัน?”……ณ ตำหนักเฟิ่งสี่จ้าวชิงหลานมองไปที่องค์ชายแปดที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างนอบน้อมตรงหน้า แล้วพูดว่า “ตอนนี้องค์ชายเก้ากำลังพักผ่อน สภาพจิตใจของเขายังไม่ค่อยดีนัก เจ้าไม่ควรไปรบกวนเขา”องค์ชายแปดตัวสั่นกล่าวเสียงสะอื้นว่า “ได้โปรดเถิดเสด็จแม่ ลูกและองค์ชายเก้าเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน เพียงแต่มารดาผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตเร็ว โชคดีที่น้องชายได้รับพระคุณจากฮองเฮา ซึ่งยอมรับเป็นเสด็จแม่ของเขา เรื่องนี้ถือว่าเป็นพรสำหรับพวกเราสองคนพี่น้อง แต่ตอน

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status