Share

บทที่ 165

Penulis: ไห่ตงชิง
จินเสวี่ยยวนไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของหลี่เฉินเลย

แต่นางรับรู้โดยสัญชาตญาณว่า หลี่เฉินกำลังวางแผนบางอย่างอยู่

ถ้าตะพาบน้อยคือต้วนจั่งเหมียน แล้วตะพาบแก่คือใครล่ะ?

ต้วนจิ่นเจียง?

ขุนนางคนสำคัญของสำนักราชเลขาปัจจุบัน มหาอำมาตย์เหวินเก๋อ ต้วนจิ่นเจียง?

ความคิดนี้ทำให้จินเสวี่ยยวนตกใจ

นางมองไปที่หลี่เฉินด้วยความหวาดกลัว และอุทานอย่างตกใจว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”

หลังจากปิดหน้าต่าง อุณหภูมิในห้องก็สูงขึ้นมาก หลี่เฉินเอื้อมมือออกจากผ้าห่มแล้วดึงจินเสวี่ยยวนเข้ามา

“อย่าคิดมากไปเลย เจ้าควรจะเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในคืนพรุ่งนี้ และคิดหาวิธีโน้มน้าวให้องค์รัชทายาทช่วยพวกเจ้า แต่ก่อนหน้านั้น มาสนุกกับข้าอีกสักรอบจะดีกว่า”

คำพูดของหลี่เฉินนั้นฟังดูเหมือนลูกค้าที่กำลังหยอกล้อสตรีในหอโคมเขียวหรือซ่อง

ทำให้ศักดิ์ศรีของจินเสวี่ยยวนเหมือนถูกโจมตีอย่างหนัก

นางพยายามดิ้นหนี ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“ปล่อยข้านะ ไอ้ชาติชั่ว!”

“หากบุรุษในใต้หล้าทำตัวเป็นปราชญ์เมธีที่ไม่ใกล้ชิดกับสตรี คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความสูญเสียที่สุดก็คือบุรุษนั่นแหละ หรือเจ้า สตรีเช่นเจ้าที่สามารถทำให้ผู้ชายจ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Daan
ทำไมมันบ้ากามตลอด
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 166

    คำพูดของซูผิงเป่ย ทำให้หลี่เฉินพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ซูผิงเป่ยต้องรอเก้อ“เอาล่ะ ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้นก็ตามนั้นเถอะ”หลี่เฉินมุ่งหน้าออกจากจุดพักแรม เขาเอามือไพล่หลังแล้วพูดว่า “แต่วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก มีหลายสิ่งที่ข้าไม่สามารถคาดเดาได้ทั้งหมด จึงปล่อยให้เจ้าลงมืออย่างอิสระ ตรรกะความเข้าใจของเจ้าก็ไม่เลว ถือว่ามีไหวพริบเลยทีเดียว”ซูผิงเป่ยยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที“ทั้งหมดนี้ต้องขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมเพียงทำตามขั้นตอนเท่านั้น”“สิ่งที่เจ้าพูด นับว่าต่ำกว่ามาตรฐาน”หลี่เฉินเหลือบมองซูผิงเป่ยแล้วพูดว่า “หากคนที่ข้าใช้งาน รู้แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าข้าใช้งานคนผิดอย่างนั้นหรือ?”ทันใดนั้นซูผิงเป่ยก็ตื่นตระหนกขึ้นมา และไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี แต่หลี่เฉินก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “เอาล่ะ ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง อย่ากังวลไปนักเลย”หลี่เฉินส่ายหน้า เมื่อสถานะสูงขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องที่ไร้เหตุผลเลยหากจะบอกว่ายิ่งสูงยิ่งโดดเดี่ยว คำพูดธรรมดาบางคำ แต่คนด้านล่างกลับครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน และจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเข้าใจมันเมื่อเดินออกจากประตูจุดพักแรม หลี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 167

    “อืม”ต้วนจิ่นเจียงครางรับในจมูกเขารับผ้าร้อนที่สาวใช้ส่งมาให้เช็ดมือแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นในจวนบ้าง?”พ่อบ้านรีบตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าเมื่อช่วงบ่ายนี้ คุณชายกลับมาเรียกผู้คุ้มกันยี่สิบกว่าออกไป ไม่รู้ว่าออกไปทำสิ่งใด”ใบหน้าของต้วนจิ่นเจียงมืดลง และตะคอกอย่างเย็นชาว่า “เขายังจะทำสิ่งใดได้อีก? นอกจากทะเลาะเบาะแว้งเรื่องผู้หญิงเพราะอิจฉาคนอื่น ข้าเคยบอกเขามาหลายครั้งแล้วว่า สถานการณ์เมืองหลวงในช่วงนี้ค่อนข้างวุ่นวายและไม่สงบ แม้แต่ลูกชายของจ้าวเสวียนจีก็ยังทำตัวซื่อสัตย์ขึ้นไม่น้อย แค่ให้เขาหยุดหาเรื่องสักพัก เจ้าลูกทรพีนี่ก็แสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด”เมื่อเห็นนายท่านไม่มีความสุข พ่อบ้านก็รีบพูดว่า “นายท่าน คุณชายอายุยังน้อย การทำเรื่องเหลวไหลไปบ้างจึงเป็นเรื่องปกติ เมื่อคุณชายกลับมา ท่านก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากับเขา อย่าได้โมโหไปเลย มันไม่คุ้มที่จะโกรธจนทำร้ายตัวเองเช่นนี้”“โกรธเหรอ?”ต้วนจิ่นเจียงโยนผ้าเช็ดมือลงในอ่างน้ำ และเดินเข้าไปในจวนพลางพูดว่า “ถ้าข้าโกรธเจ้าลูกทรพีนี่จริงๆ ข้าคงโกรธจนตายไปนานแล้ว”พ่อบ้านกลอกตาแล้วพูดบ่ายเบี่ยงไปว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 168

    หลังจากถูกหลี่เฉินโจมตีในวันนั้น แม้ว่าโหวอวี้ซูยังไม่รู้ว่าหลี่เฉินเป็นใครแต่ด้วยคำพูดของซูจิ่นพ่าที่ดังก้องอยู่ในหู โหวอวี้ซูจึงรู้ว่า ถ้าเขาต้องการจะเอาชนะหลี่เฉินที่ไม่ทราบที่มาที่ไป และทำให้ซูจิ่นพ่าผู้ซึ่งมีสายตาที่สูงส่งหันมามองตัวเอง เช่นนั้นเขาจำเป็นจะต้องเข้าสู่ระดับการสอบหน้าพระที่นั่งให้ได้ นี่คือความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเขา ด้วยคำแนะนำของท่านจิ้งจือ บุคคลสำคัญในแวดวงวรรณกรรม และตราบใดที่เขาได้รับการสนับสนุนจากต้วนจิ่นเจียง เมื่อตนเองเข้าสู่เส้นทางขุนนางก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับซูจิ่นพ่า... คิดได้ดังนั้น ดวงตาของโหวอวี้ซูก็เต็มไปด้วยไฟแห่งความทะเยอทะยาน“ไม่เลว”หลังจากได้เห็นสายตาของโหวอวี้ซู ต้วนจิ่นเจียงก็ลูบเคราของเขาแล้วพูดว่า “หนุ่มน้อย การมีความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ดี หากไม่มีความทะเยอทะยาน แม้ว่าเจ้าจะเริ่มต้นอาชีพขุนนาง แต่ก็ไม่สามารถไปได้ไกล ข้ารับปากเจ้าว่า ตราบใดที่เจ้าสามารถติดสิบอันแรกของการสอบขุนนาง และมีคุณสมบัติได้สอบหน้าพระที่นั่ง ข้าจะทำให้เจ้าติดหนึ่งในสามอันดับแรก นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่สูงเพียง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 169

    การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้โหวอวี้ซูที่อยู่ข้างๆ ตกใจ มือที่จับตะเกียบจึงพลอยสั่นไปด้วยเสียงเคร้งดังขึ้น เป็นตะเกียบในมือของโหวอวี้ซูที่ร่วงลงพื้น จนเกิดเสียงดังกังวานขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของพ่อบ้านและต้วนจิ่นเจียงที่จ้องมองมา โหวอวี้ซูก็อยากจะหารอยร้าวบนพื้นแล้วมุดเข้าไปในนั้นแต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเขารู้สึกหวาดกลัวถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เข้าสู่เส้นทางของขุนนาง แต่ใครในใต้หล้าบ้างที่ไม่รู้จักความน่ากลัวของหน่วยบูรพา ผู้ที่ถูกจับกุมไปนั้นมีใครเคยกลับมาบ้าง?หน่วยบูรพาจับกุมต้วนจั่งเหมียนและส่งเขาเข้าคุกจริงๆ นี่ไม่ใช่คดีปกติ แต่เป็นเหตุการณ์ทางการเมือง มีคนกำลังมุ่งเป้ามาที่ต้วนจิ่นเจียง“หลานชาย...ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ…”แค่ได้ยินเสียงสายก็ทราบความนัย โหวอวี้ซูได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นมาทันที ประสานมือแล้วกล่าวว่า “อวี้ซูนึกขึ้นได้ว่า ท่านอาจารย์กำลังรอให้อวี้ซูกลับไปรายงาน เช่นนั้นข้าขอลาก่อน”พูดจบ โหวอวี้ซูก็จากไป ต้วนจิ่นเจียงที่ตอนนี้ตกอยู่ในอาการสับสน ยังจะมีแก่ใจอวดความหรูหราของตนกับโหวอวี้ซูต่อหรือ ดังนั้นเขาจึงโบกมือและปล่อยเขาไปรอจนโหวอวี้ซูจาก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 170

    หลังจากที่ต้วนจิ่นเจียงวิเคราะห์ พ่อบ้านก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาทันที “นายท่าน ท่านหมายถึง...องค์รัชทายาทกำลังลงมือกับพวกเราหรือ!?”ต้วนจิ่นเจียงมีสีหน้าเคร่งเครียด และพูดว่า “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจนัก มันเป็นเพียงการเดาของข้า แต่การคาดเดานี้ อาจจะเป็นจริงได้...”“เจ้าไปเตรียมรถม้าก่อน ข้าจะไปที่จวนจ้าวสักครา...จากนั้น เจ้าก็คอยสืบข่าวต่อไป อย่างแรกคือค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นที่จุดพักแรมวันนี้ อย่างที่สองคือดูว่าวันนี้องค์รัชทายาทออกจากตำหนักบูรพาหรือไม่ หากมีข่าวใดๆ รีบรายงานข้าตอนกลับมาทันที”“บ่าวจะจัดการทันที”“รีบไป!” ……ตำหนักบูรพา พระที่นั่งสีเจิ้ง“ฝ่าบาท เพิ่งมีข่าวมาถึงว่า ต้วนจิ่นเจียงเดินทางไปที่จวนจ้าวแล้ว”เฉินทงยืนรายงานอย่างนอบน้อมอยู่กลางห้องโถงหลี่เฉินกำลังดูสาส์นกราบทูลข้อราชการของวันนี้ เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็จิบชาในมือแล้วพูดโดยไม่ยกเปลือกตาขึ้นว่า “ข้าทราบแล้ว”เมื่อมองดูสาส์นกราบทูลข้อราชการในมือของเขา หลี่เฉินก็พูดด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “สาส์นกราบทูลฉบับนี้ เป็นของกวนเหยียนเทา ปลัดมณฑลเจียงเจ้อที่ยื่นมา เขากล่าวว่าการป้องกันทางชายฝั่งมณฑลเจียงเจ้อจำเป็

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 171

    นั่นเป็นคําพูดที่ชาญฉลาดไม่เพียงแต่แสดงทัศนคติของตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้สถานการณ์สมบูรณ์แบบอีกด้วยหลี่เฉินยิ้มหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่ในใจแทบจะให้คะแนนเฉินทงไม่ผ่านเลยเฉินทงแค่คิดมากเกินไปซานเป่ายังฉลาดกว่าเขาหากเป็นสถานการณ์เดียวกัน ถ้าเป็นซานเป่าตอบ เขาคงแสดงความปรารถนาอยากจะมีอำนาจอย่างเปิดเผยอย่างแน่นอนเนื่องจากเฉินทงไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นหลี่เฉินหรือจักรพรรดิองค์ปัจจุบันผู้ก่อตั้งหน่วยบูรพา ซึ่งยังนอนอยู่บนแท่นมังกร โดยไม่อาจขยับตัวได้ในขณะนี้พวกเราไม่กลัวความทะเยอทะยานของคนที่อยู่ต่ำกว่า แม้กระทั่งยิ่งทะเยอทะยานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้นเพราะมีเพียงคนที่มีความทะเยอทะยานเท่านั้นที่จะคิดทำสิ่งต่างๆ เพื่อควบคุมมันมิฉะนั้นจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะมอบอำนาจทั้งหมดของหน่วยบูรพาให้กับซานเป่าได้อย่างไร?“ข้าทราบแล้ว”หลี่เฉินไม่คิดที่จะชี้แนะเลยสักนิดเรื่องแบบนี้ เฉินทงต้องเข้าใจด้วยตัวเอง หากไม่เข้าใจ เขาจะเป็นเพียงผู้บัญชาการขององครักษ์เสื้อแพรไปตลอดชีวิต และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก้าวหน้าได้จากทัศนคติที่สงบของหลี่เฉิน เฉินทงจึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าหลี่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 172

    “ใช่แล้ว นี่แหละ!”หลี่เฉินดีใจมากเวลานี้ ปริมานผลผลิตของจักรวรรดิต้าฉินโดยเฉลี่ยแล้วมีเพียงสองต้านต่อหมู่ เมื่อคำนวณสิ่งนี้ จะมีผลผลิตไม่เกิน 300 ชั่ง[footnoteRef:1] [1: 1 ชั่ง = ครึ่งกก.] เรียกได้ว่าค่อนข้างน่าสังเวชเลยทีเดียวแต่ไม่มีทางเลือก ก่อนที่ปุ๋ยเคมีและเทคโนโลยีชลประทานจะก้าวหน้า ปริมานผลผลิตเช่นนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นขีดจำกัดโดยพื้นฐานตลอดสมัยศักดินา โดยพื้นฐานแล้วผลผลิตธัญพืชต่อหมู่ไม่ได้มีความผันผวนมากนัก เพราะทั้งหมดนี้ปลูกด้วยกำลังคน และเมล็ดพืชก็มีทั้งดีและไม่ดี การเก็บเกี่ยวจะเป็นเช่นไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการอวยพรของเหล่าทวยเทพ “สิ่งนี้เรียกว่ามันเทศ มันสามารถใช้เป็นอาหารหลักแทนธัญพืชได้ มันมีประโยชน์มาก เพียงแค่ล้างและปอกเปลือก ก็สามารถทานดิบๆ ได้โดยตรง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปปรุงสุกเพื่อรับประทานได้อีกด้วย หรือถ้าหากตากแห้งก็สามารถเก็บไว้ได้นานเช่นกัน หากไม่ได้ผล หลังจากบดเป็นผงแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนเป็นอาหารได้หลากหลาย”หลี่เฉินหยิบถุงผ้าใบเล็กออกมา นี่คือกุญแจสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนในต้าฉิน“สิ่งสำคัญที่สุดคือ เพียงแค่ปลูกสิ่งนี้และดูแลอย่างเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 173

    “เจ้าพูดเช่นนี้ หากข้าไม่ให้รางวัลเจ้าจริงๆ เจ้าจะไม่เสียใจทีหลังหรือ?” หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดีหลิวซือฉุนพูดด้วยความเคารพ “ไม่เสียใจในภายหลังเพคะ”หลังจากมองหลิวซือฉุนอย่างลึกซึ้งแล้ว หลี่เฉินจึงพูดว่า “ในอนาคต เมื่อสิ่งนี้ได้รับการส่งเสริมเป็นวงกว้าง ข้าจะแบ่งกำไรให้ตระกูลหลิวหนึ่งส่วน”คำสัญญานี้มีค่ามากกว่าทองหนึ่งพันชั่งแม้แต่คนโง่ก็รู้ว่า ถ้ามันเทศนี้ให้ผลผลิตสูงจริงๆ แม้กำไรหนึ่งส่วนจะฟังดูน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะฆ่าคนได้ใบหน้างามของหลิวซือฉุนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง นางโค้งตัวไปข้างหน้าและพูดว่า “ขอบพระทัยองค์รัชทายาท!”“แค่นี้เองหรือ?”หลี่เฉินยกมือเชยคางของหลิวซือฉุนขึ้น เพื่อให้นางเงยหน้าสบตาเขา จากนั้นก็กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ไม่มีอย่างอื่นเลยหรือ?”หลิวซือฉุนใจสั่น และก้าวถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงมือของหลี่เฉินตามสัญชาตญาณ นางก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันจะกลับไปสั่งคนให้รวบรวมมันเทศ หากฝ่าบาทไม่มีธุระอื่นใดแล้ว หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”หลี่เฉินหรี่ตาเล็กน้อยเขาโลภเสน่ห์สาวใหญ่ของหลิวซือฉุนมาเป็นเวลานานแล้วสตรีที่เหมือนท้อสุกประเภทนี้ เต็มไปด้วยออร่าอันแ

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1071

    เฉินทงแสดงอาการภูมิใจออกนอกหน้า คำพูดที่เปล่งออกมายังแฝงแววโอ้อวด จนหลี่เฉินต้องเหลือบตามองเขาด้วยความรำคาญ ขณะนั้นเอง เสียงกรีดร้องของต้วนจิ่นเจียงก็ดังขึ้น เมื่อปลายนิ้วแรกถูกตัดออก ความเจ็บปวดจากนิ้วที่เชื่อมโยงถึงหัวใจนั้นทำให้เขาดิ้นพล่านราวกับเสียสติ “หลี่เฉิน! เจ้าจะไม่มีวันตายดี! จะไม่มีวันตายดีแน่!!” ในตอนนี้ ต้วนจิ่นเจียงเริ่มรู้สึกเสียใจเสียแล้ว เสียใจที่ตนเองดึงดันต้องมาที่เมืองหลวงเพื่อฆ่าหลี่เฉินด้วยมือตนเอง เขานึกถึงคำพูดที่เหวินอ๋องกล่าวไว้ก่อนออกเดินทาง จู่ๆ ก็เริ่มสงสัยว่า บางทีเหวินอ๋องอาจคาดการณ์ถึงจุดจบเช่นนี้แล้ว ถึงได้พูดคำคลุมเครือเช่นนั้นออกมา เสียดายที่ตนเอง...ไม่อาจเข้าใจ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ ก็คือพยายามยั่วโมโหลี่เฉิน ให้เขาสังหารตนเสียในคราวเดียว แต่หลี่เฉินกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ หลี่เฉินได้มายืนอยู่ตรงหน้าของหลงไหวอวี้แล้ว “เงยหน้าขึ้น” หลี่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ หลงไหวอวี้ตัวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อได้ยินเสียงปราศจากอารมณ์จากเหนือศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉินโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เขาเห็น คือดวงตาที่เย็นชา ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1070

    เสียงหนึ่งประโยคจากหลงไหวอวี้ที่ตะโกนไล่หลัง ยิ่งตอกย้ำความเป็นศิษย์อาจารย์ที่แนบแน่น แรงทะลวงของลูกปืนแต่ละนัดรุนแรงดั่งค้อนทุบ เมื่อกระแทกใส่ร่างมนุษย์ ทีละนัด สองนัด สามนัด แทบทุกคนถูกยิงเข้าร่างกายกว่า 10 นัดในเวลาอันสั้น ในระยะประชิดเช่นนี้ ไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่นอน ผู้คุ้มกันหกถึงเจ็ดคนล้มลงกับพื้น ใครโชคดี โดนจุดสำคัญ ตายทันทีโดยไม่รู้สึกเจ็บ ส่วนคนโชคร้าย แม้ยังไม่สิ้นใจ แต่จิตสำนึกก็พร่ามัว ทรมานเจียนสิ้นใจจนไม่อาจเปล่งเสียงร้องได้ เลือดสดไหลไม่หยุด ชีวิตกำลังร่วงหล่นไปทุกขณะ ส่วนต้วนจิ่นเจียง ถูกยิงเข้าที่ขาทั้งสองนัด พอดีโดนตรงหัวเข่าทั้งสองข้าง ไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เพราะทหารที่ยิงตั้งใจเลี่ยงจุดสำคัญโดยเจตนา ผั่บ เสียงร่างของต้วนจิ่นเจียงกระแทกลงพื้น ที่เต็มไปด้วยน้ำฝนและเลือด ขณะนั้นเอง หลงไหวอวี้ที่เพิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกบังคับให้ถอยหลังกลับมา ตรงหน้าผากของเขา จ่อไว้ด้วยปลายปืนดำมืดหนึ่งกระบอก พร้อมกับอีกสี่ห้ากระบอกที่เล็งทุกจุดสำคัญทั่วทั้งร่างกาย เมื่อเห็นชะตากรรมของต้วนจิ่นเจียงและเหล่าทหารกล้า หลงไหวอวี้ก็รู้ทันทีว่าตนไม่อาจต้านทานได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status