공유

บทที่ 372

작가: ไห่ตงชิง
เมื่อกลับมาที่ตำหนักบูรพา หลี่เฉินก็ไปเยี่ยมวั่นเจียวเจียวก่อนเป็นอันดับแรก

นางฟื้นขึ้นมาแล้ว

เมื่อเห็นหลี่เฉินเดินเข้ามา นางก็พยายามลุกขึ้น

“นอนลงเถอะ ไม่ต้องคารวะข้า”

หลี่เฉินนั่งลงข้างเตียง และเหลือบมองอาหารที่อยู่ด้านข้าง เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้าบาดเจ็บหนักก็ต้องทานอาหารให้มากขึ้น เพื่อเติมพลังงานให้กับร่างกาย แล้วเหตุใดจึงไม่กิน?”

เนื่องจากการเสียเลือดมากเกินไป ริมฝีปากของวั่นเจียวเจียวจึงซีดลงเล็กน้อย ใบหน้าที่ขาวซีดของนางดูไม่คุ้นเคยกับการนอนพูดกับหลี่เฉิน นางกล่าวเสียงเบาว่า “กินไม่ลงเพคะ”

“กินไม่ลงก็ต้องกิน”

หลี่เฉินขมวดคิ้วพูด “ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บ อยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย หากไม่ทานข้าวแล้วจะฟื้นฟูร่างกายได้อย่างไร”

“หรือเจ้าอยากให้ข้าป้อนเจ้า?”

ประโยคสุดท้ายของหลี่เฉิน ทำให้วั่นเจียวเจียวที่อยากพูดอย่างอื่นก็พลันหยุดชะงักทันที

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางไม่กล้าให้หลี่เฉินป้อนอาหารให้นางแน่

เห็นได้ชัดว่าอาหารมื้อนี้ทำให้วั่นเจียวเจียวเป็นพิเศษ

ไม่เพียงแต่ใช้ส่วนผสมที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายเท่านั้น แต่ยังมีอาหารยาที่หายากอีกมากมายอีกด้วย

ตอนท
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 373

    ในพระที่นั่งสีเจิ้ง อากาศอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิแสงไฟที่พลิ้วไหวส่งเสียงปะทุเป็นครั้งคราว แต่ไม่อาจขัดขวางหลี่เฉินกับซานเป่าที่กำลังพูดคุยอยู่ในพระที่นั่งสีเจิ้ง “จับได้กี่คน?” หลังจากหลี่เฉินนั่งลง เขาก็ถามเข้าประเด็นทันที ซานเป่ารีบตอบกลับไปว่า “ในการค้นหานี้ พวกเราพบมือสังหารทั้งหมดสามคน หนึ่งในนั้นถูกฆ่าเนื่องจากขัดขืน ส่วนอีกสองคนได้รับบาดเจ็บและถูกองครักษ์เสื้อแพรกับองครักษ์อวี่หลินล้อมจับไว้ได้” “สามคน?” หลี่เฉินขมวดคิ้วแน่น “มีสตรีศักดิ์สิทธิ์และหญิงแก่รวมด้วยหรือเปล่า?” ซานเป่าพูดด้วยความอับอายว่า “ทูลฝ่าบาท ตอนนี้ ตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าของหลี่เฉินพลันเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไรบางครั้ง ข้อดีของความเงียบไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความสัมพันธ์ทางอารมณ์ระหว่างชายหญิง แต่ในสนามรบของอำนาจ ความเงียบของผู้บังคับบัญชา มักจะสร้างความกดดันให้กับผู้ใต้บังคับบัญชามากยิ่งขึ้นตามที่คาด ซานเป่ารู้สึกได้ถึงความกดดันและความไม่พอใจจากฝ่าบาท จึงรีบพูดขึ้นมาทันที “ฝ่าบาท โปรดให้เวลาบ่าวเพิ่มอีกสักหน่อย ประตูทางเข้าเมืองทุกด้านและสถานที่ที่สามารถออกจากเมืองหลวงได้น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 374

    “ข้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอก คำพูด และการกระทำของเจ้า เจ้าจะต้องเป็นชาวต้าฉินอย่างแน่นอน ไม่ใช่พวกชาวต่างชาติ”“ในเมื่อเจ้าเป็นชาวต้าฉิน เจ้ากินอาหารที่ปลูกโดยชาวต้าฉิน สวมเสื้อผ้าที่ทอโดยช่างปักของต้าฉิน และเดินไปตามถนนหลวงที่สร้างโดยช่างฝีมือของต้าฉิน นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าเกิดมา เจ้าก็เพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายที่ทางราชสำนักต้าฉินและเหล่าขุนนางสร้างให้กับสังคม”“เจ้าสามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้ ก็เพราะต้าฉินได้มอบสภาพแวดล้อมที่มั่นคงให้กับเจ้า สร้างสังคมที่ไม่ต้องขึ้นไปบนภูเขาเพื่อล่าสัตว์และดื่มเลือดทุกวัน”“ทหารต้าฉินเฝ้าอยู่ที่ชายแดน คอยหลั่งเลือดอยู่ในสนามรบ ต่อต้านศัตรูจากต่างประเทศ เพื่อปกป้องราษฎร์ดรต้าฉินที่อยู่ข้างหลังพวกเขา”“ขุนนางต้าฉิน บริหารจัดการท้องถิ่น เก็บภาษีและบรรเทาภัยพิบัติ สร้างเมืองและพัฒนาถิ่นทุรกันดาร ทำให้สังคมและประเทศเจริญรุ่งเรือง”“เชื้อพระวงศ์ต้าฉิน ใช้ทักษะการเมืองและการทหาร คอยบัญชาการเหล่าทหารนับล้านและเหล่าบัณฑิตวิชาการ ทำให้ประชาชนเช่นเจ้า มีอาหารให้กิน มีเสื้อผ้าให้สวม มีถนนหลวงให้ใช้ มีบ้านเมืองให้เจ้าได้อยู่อาศัยอย่างปลอดภัย”ฝ่าเท้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 375

    “ไปตรวจสอบประวัติของพวกมันให้ข้า”หลี่เฉินชี้ไปที่มือสังหารที่ไร้ซึ่งความกลัวใดๆ ด้วยสีหน้าอันบ้าคลั่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า “ตรวจสอบทุกเบาะแสของพวกมัน เพื่อค้นหาทะเบียนบ้าน ภูมิลำเนา ญาติในครอบครัว ทั้งที่ตายไปแล้วและที่ยังเหลืออยู่ ตรวจสอบบรรพบุรุษของพวกมันทั้ง 18 รุ่น!”“พวกมันอยากเป็นวีรบุรุษ ได้สิ งั้นนับรวมพ่อกับแม่ไปด้วยเลยดีไหม? ในเมื่อมีลูกเป็นวีรบุรุษ เช่นนั้นพ่อแม่และตระกูลของพวกมัน ก็สมควรออกมาอาบแสงแห่งเกียรติยศนี่ด้วยกัน”“เมื่อค้นพบบรรพบุรุษทั้งสิบแปดรุ่นของพวกมันแล้ว คนที่ตายไปแล้วให้ขุดหลุมศพขึ้นมา เปิดโลงศพแล้วบดกระดูกของพวกมัน เพื่อโปรยขี้เถ้าของพวกเขา หากยังมีชีวิต ผู้ชายให้สังหารให้หมด ส่วนผู้หญิงถ้าอยู่ในวัยที่เหมาะสมก็ส่งไปยังหอคณิกาของทางการ หากมีอายุที่ไม่เหมาะสมก็ส่งไปที่ฝ่ายแรงงาน ลงทะเบียนเป็นทาส ไม่อนุญาตให้พลิกสถานะตลอดชีวิต!” หลังจากออกคำสั่ง ชายร่างอ้วนและชายร่างผอมก็มีสีหน้าซีดเซียวในทันทีอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เหล่าองครักษ์เสื้อแพรที่คุ้นเคยกับความโหดร้ายก็ยังตกใจกลัว การทรมานดังกล่าวอาจกล่าวได้ว่าโหดร้ายถึงแก่นแท้ นี่ไม่ใช่แค่กรณีของค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 376

    สีหน้าของซานเป่าพลันเคร่งขรึม เขาสงสัยด้วยซ้ำว่าฝ่าบาทเคยต่อกรกับสำนักบัวขาวมาก่อนแล้วหรือไม่มิฉะนั้นจะรู้พฤติกรรมของสำนักบัวขาวได้อย่างไร? ซึ่งในความเข้าใจของซานเป่าที่มีต่อสำนักบัวขาว พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ใครมีชีวิตอยู่จริงๆอู๋เจียงอี้ผู้น่าสงสารคงคิดไม่ถึงว่า เมื่อข่าวที่เขาถูกจับทั้งเป็นแพร่กระจายออกไป วันนั้นก็คือวันตายของแม่เขา “ฝ่าบาท บ่าวมีแผน”ซานเป่าลดเสียงลงและพูดว่า “บ่าววางแผนที่จะประกาศข่าวว่าสองคนนี้ถูกจับทั้งเป็น จากนั้นก็เลือกวันสอบสวนและสังหารต่อหน้าสาธารณชน ด้วยวิธีนี้ สำนักบัวขาวจะต้องมาช่วยคนอย่างแน่นอน พวกเขาสองคนคือเหยื่อล่อชั้นดี” หลี่เฉินเข้าใจทันทีว่าซานเป่าหมายถึงอะไร เขามองขันทีที่มีน้ำเสียอยู่เต็มท้องอย่างรังเกียจ ก่อนจะโบกมือแล้วพูดว่า “เจ้าจัดการตามที่เห็นสมควรเถอะ”แต่หลี่เฉินไม่รู้ว่ากระบวนการทั้งหมดที่เขาจัดการกับมือสังหารสองคนนั้น ถูกจับตามองด้วยดวงตาสองคู่ ในมุมบอดของห้องด้านข้างพระที่นั่งสีเจิ้ง ย่าเมิ่งโกรธจัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว นางปรารถนาจะออกไปสับหลี่เฉินออกเป็นชิ้นๆ ด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าอู๋เจียงอี้ต้องการที่จะสารภาพ เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 377

    สตรีศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ความจริงแล้ว นางมั่นใจว่าตัวเองนั้นสามารถพาย่าเมิ่งหลบฝ่ามือของขันทีซานเป่าได้ หรือจะกล่าวตรงๆ ก็คือ ย่าเมิ่งตายเปล่าแต่ที่เรื่องมาถึงจุดนี้ได้ เป็นเพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกย่าเมิ่งหาเหามาใส่หัวไม่ขาดสาย นางจึงไม่สนใจย่าเมิ่งอีกต่อไป ไม่ว่าความสัมพันธ์จะดีแค่ไหน แต่ถูกทำให้ลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันก็ทนไม่ไหวสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่กล่าวสิ่งใด ร่างอันบอบบางพุ่งทะยานไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างรวดเร็วดุจเทพเซียนส่วนย่าเมิ่งที่ตั้งใจจะตายอยู่แล้ว ก็ใช้หน้าอกของนางรับพลังฝ่ามือของซานเป่าเข้าอย่างจัง ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากปาก ท่าทางของนางดูเหมือนแสงสายัณห์ของตะวันรอน[footnoteRef:1] นางเปิดปากที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วพุ่งเข้าหาซานเป่าด้วยรอยยิ้มที่บ้าคลั่ง [1: แสงสายัณห์ของตะวันรอน อุปมาว่า สีหน้าดูสดใสขึ้นก่อนที่จะตาย] “กำเนิดมาจากโคลนตมผลิบานในความโกลาหล ดอกบัวขาวจงเจริญ!”“มีนางเฒ่าคนนี้อยู่ เจ้าอย่าหวังว่าจะจับสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้!”ซานเป่าที่ถูกถ่วงเวลาก็ระเบิดความโมโหออกมา เขากระแทกฝ่ามือไปที่ร่างของย่าเมิ่งอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้งย่าเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 378

    กลางคืนเย็นเหมือนน้ำ หิมะเย็นเหมือนน้ำแข็งสุรารสร้อนแรงไหลเข้าไปในลำคอของเขา และก่อนที่ความเผ็ดร้อนของสุราจะออกฤทธิ์ หัวของหลี่เฉินก็พลันเย็นยะเยือกขึ้นมาทันทีที่เขาเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ หลี่เฉินก็เกือบตะโกนเรียกทหารองค์รักษ์ แต่จู่ๆ คำพูดนั้นก็ติดค้างที่ริมฝีปาก เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่มีเหตุผลเลยที่ตัวเขาเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์กลับไม่เห็นเขาเพราะมีความเป็นไปได้ว่าตอนที่เขาปีนขึ้นหลังคามาหาที่ตายด้วยตัวเองนั้น สตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนั่งรอคอยกระต่าย[footnoteRef:1] ก็จะฆ่าเขาทันทีด้วยการโบกมือครั้งเดียว [1: นั่งรอคอยกระต่าย อุปมาว่า มีความคิดที่ไม่ได้เรื่องแต่บังเอิญประสบความสำเร็จ] หากคิดเรื่องนี้จากมุมมองของสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว หลี่เฉินคงหัวเราะแทนนางซะด้วยซ้ำ เพราะจู่ๆ ก็มีพายตกลงมาจากฟ้าแต่ความจริงก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์นอนแน่นิ่งอยู่บนหลังคากระเบื้อง สวมเสื้อผ้าสีขาวราวกับหิมะ ซึ่งกลมกลืนไปกับหิมะสีขาวที่อยู่รอบๆ ทำให้การอำพรางตัวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ถ้าหากไม่เข้าไปใกล้ก็จะมองไม่ออก เมื่อพิจารณาอย่างใกล้ชิด หลี่เฉินก็พบว่าดวงตาของสตรี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 379

    ผิวบอบบางไร้ที่ติเหมือนดั่งไข่ปอก ความเนียนละเอียดยิ่งไม่ต้องพูดถึงราวกับว่าพระเจ้าตั้งใจจะสร้างสตรีผู้นี้ขึ้นมา โดยไม่คิดถึงความสมดุลใดๆ เพียงเอาสิ่งที่ดีที่สุดมอบให้กับนาง ความงามประเภทนี้ สร้างภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์ในสมัยโบราณ เพื่อทำให้นางเปาซื่อยิ้มออกมา โจวโยวอ๋องจึงจุดไฟสัญญาณหลอกเจ้าเมืองหรือนางปีศาจจิ้งจอกต๋าจี่ที่ทำให้ประเทศชาติต้องล่มจม เพราะนางเปลี่ยนโจ้วอ๋องผู้ชาญฉลาดให้กลายเป็นเผด็จการที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ยังมีอู๋ซานกุ้ยของราชวงศ์ก่อนที่ลุ่มหลงในเฉินหยวนหยวน เขาโกรธจนไฟลุกเพื่อโฉมงามแต่สตรีเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นความสวยและความงดงามนั้นแตกต่างกัน ความสวย จำกัดอยู่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น หากมองแล้วสบายตา ก็เรียกว่าสวยงาม แต่ความงดงาม ความสวยเป็นเพียงรากฐาน และต้องมีอะไรแฝงมากกว่านั้นจึงจะเรียกว่างดงามได้ยกตัวอย่างเช่น จ้าวชิงหลานที่สูงส่งมีเกียรติจนหาใครเทียบไม่ได้ หรือจ้าวหรุ่ยที่มีเสน่ห์ราวกับสายน้ำ และซูจิ่นพ่าที่มีความสง่างามและเปี่ยมไปด้วยอิสระ ส่วนสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้า นางงดงามแบบเยือกเย็น เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 380

    ครั้งแรกที่ต้องซ่อนตัว สตรีศักดิ์สิทธิ์เลือกซ่อนตัวอยู่ที่ตำหนักบูรพา อาจกล่าวได้ว่ากล้าหาญ ระมัดระวัง และเฉลียวฉลาดและเมื่อถูกค้นพบในตำหนักบูรพา นางก็หนีรอดไปได้เป็นครั้งที่สองด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บหนัก แต่นางก็ยังคงกลับมาที่ตำหนักบูรพา จุดนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงความกล้าหาญและความคิดของนาง ซึ่งอยู่เหนือคนธรรมดา ดังนั้นการประนีประนอมของนางในตอนนี้ จึงไม่น่าแปลกใจสำหรับหลี่เฉินสตรีศักดิ์สิทธิ์อาจไม่กลัวความตาย แต่ไม่ว่าจะเป็นฐานะของผู้หญิงหรือสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณของสำนักบัวขาว นางจะไม่มีวันยอมให้ตัวตนทั้งสองนี้ถูกดูหมิ่น นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตายเมื่อเผชิญหน้ากับการประนีประนอมของสตรีศักดิ์สิทธิ์ หลี่เฉินก็ไม่ลังเล เขาหันกลับมาพูดกับทหารองค์รักษ์ที่อยู่ด้านล่างว่า “ไปเรียกซานเป่ามา”หลังจากทหารองค์รักษ์ส่งเสียงตอบรับ หลี่เฉินจึงหันศีรษะกลับมาอีกครั้ง และเห็นสายตาที่เย็นชาของสตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังจ้องมอง“ทำไมถึงมองข้าเช่นนี้ล่ะ ข้าก็แค่กลัวว่าเจ้าจะถ่วงเวลาเพื่อฟื้นฟูพลัง เพราะท้ายที่สุดแล้วยอดฝีมืออย่างพวกเจ้า ก็อาจจะฟื้นพลังขึ้นมาได้ในหนึ่งก้านธูปและสังห

최신 챕터

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status