Share

บทที่ 554

Author: ไห่ตงชิง
เสียงตะโกนที่พลุ่งพล่านของคนข้างนอกราวกับระลอกคลื่น คลื่นลูกหลังมักจะสูงกว่าลูกแรกเสมอ

ถานไถจิ้งจือลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ได้ทักทาย แค่ยืนอยู่นอกรถม้าเท่านั้น

เป็นผลให้ผู้คนยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นและไล่ตามรถม้า

ตอนนี้เอง ซานเป่าก็เข้ามาอย่างเงียบๆ และกระซิบพูดกับหลี่เฉินว่า “ฝ่าบาท มีคนหลายร้อยคนอยู่ข้างนอก พวกเขาทุกคนได้ยินเกี่ยวกับการมาถึงของถานไถจิ้งจือ จึงพากันแห่ตามมา จะให้องครักษ์เสื้อแพรขับไล่ไปหรือไม่?”

“ไม่เป็นไร”

หลี่เฉินโบกมือ และมองถานไถจิ้งจือซึ่งกำลังทักทายผู้คนที่มาต้อนรับด้วยสายตาลึกล้ำ

“นั่นคือสิ่งที่ผู้คนต้องการ นี่เป็นการพิสูจน์ว่าทางเลือกและการลงทุนของข้าถูกต้องแล้ว”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซานเป่าก็ไม่พูดมาก และค่อยๆ ถอยออกไป

เพียงแต่ตอนที่หันกลับไปมองถานไถจิ้งจือ เขาก็ส่ายหน้าเบาๆ

แค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียว เขาก็มองออกว่านักวิชาการเช่น ถานไถจิ้งจือ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากตำหนักบูรพา คงมีชีวิตอยู่ในราชการได้ไม่นาน

ในสถานการณ์เดียวกันนั้น อย่าว่าแต่สุนัขจิ้งจอกเฒ่าอย่างจ้าวเสวียนจีหรือสัตว์ประหลาดแก่ๆ ในสำนักราชเลขาเลย ต่อให้ลากสวีฉังชิงเข้ามาร่วมด้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 555

    สถานที่ที่หลี่เฉินพาถานไถจิ้งจือมาดูก็ไม่ใช่ที่ไหน มันคือราชบัณฑิตยสถานในอนาคตเมื่อตามหลี่เฉินลงมาจากรถม้า และมองไปยังสถานที่ก่อสร้างที่พลุกพล่านตรงหน้า สีหน้าของถานไถจิ้งจือก็ดูประหลาดใจขึ้นมา“ที่นี่คือราชบัณฑิตยสถานในอนาคต”หลี่เฉินมองสถานที่ก่อสร้างตรงหน้าด้วยความพอใจแล้วพูดว่า “พื้นที่นี้มีขนาด 130 หมู่ ทั้งสถาบันแบ่งออกเป็นพื้นที่เรียน พื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่พักผ่อน ไม่เพียงแต่จะมีอาคารไว้อ่านหนังสือและเรียนเท่านั้น แต่ยังมีห้องทำงานให้เหล่าอาจารย์อีกด้วย นอกจากนี้นักเรียนทุกคน อาจารย์ทุกท่าน ต่างมีที่พักแยกต่างหาก” “พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจมีหินจำลอง สวนดอกไม้ และมีการขุดสระเป็นแม่น้ำเล็กๆ”“ข้ายังสงวนแผงขายของไว้มากมาย ในอนาคต สถานที่แห่งนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยและทำงานได้หลายหมื่นคน เนื่องจากมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ย่อมมีการค้าข้ายเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นจึงต้องมีร้านอาหารและโรงน้ำชาสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ”“เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จตามพิมพ์เขียวที่ข้าออกแบบแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็สามารถขยายไปสู่เขตเมืองหลวงได้”เมื่อหันไปมองถานไถจิ้งจือ หลี่เฉินก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “และ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 556

    “แท้จริงแล้วในใต้หล้านี้ ผู้ที่อยากเห็นประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขมากที่สุด ก็คือราชวงศ์”หลี่เฉินประคองถานไถจิ้งจือขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างลึกล้ำว่า “หากผู้คนไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ประเทศก็จะไม่มั่นคง เมื่อประเทศไม่มั่นคงจนถึงจุดหนึ่ง ก็จะเกิดความไม่สงบขึ้นมา หากก้าวไปเกินกว่าจุดนั้น ก็จะเกิดการล่มสลายขึ้น เมื่อประเทศล่มลาย เหล่าท่านอ๋องและขุนนางในราชสำนัก ก็ยังคงมีโอกาสที่จะอยู่รอดและยังคงเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งในราชวงศ์ใหม่ได้ แต่สำหรับราชวงศ์นั้น กลับถูกกำหนดให้ต้องตาย”“ดังนั้นเรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับรากฐานของประเทศ และเป็นเรื่องสำหรับคนรุ่นหลัง ข้ามิกล้าประมาทหรือเลินเล่อได้”ถานไถจิ้งจือเห็นด้วยอย่างยิ่ง เขามองไปยังพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่แล้วถามว่า “ฝ่าบาท สถาบันขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ ตามคำอธิบายของฝ่าบาทแล้ว เกรงว่าอาจจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก?”“ถูกต้อง”หลี่เฉินไม่ได้ปิดบังอะไร เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ตามงบประมาณของกรมโยธาธิการ และการตรวจสอบจากกรมครัวเรือน หากราชบัณฑิตแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันตามข้อกำหนดของข้า จะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยแปดล้านตำลึง”เมื่อได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 557

    ถานไถจิ้งจือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงงานหนัก แต่จะมีกี่คนในใต้หล้านี้ที่มีดวงตาที่ชัดเจนได้? ท้ายที่สุดแล้ว กระหม่อมเกรงว่าฝ่าบาทจะต้องทนแบกรับความอับอายมากมาย”หลี่เฉินเลิกคิ้วและพูดว่า “ตลอดทุกยุคสมัย มีคนโง่ คนฉลาด คนปัญญาอ่อน และคนไร้ความรู้สึก คนทุกประเภทล้วนเป็นเหมือนปลาคาร์ปในแม่น้ำ เหมือนกรวดในคงคา พวกเขามีมากมายนับไม่ถ้วน แต่มีเพียงคนสองประเภทเท่านั้นที่ไม่ได้รวมอยู่ในนั้น เจ้ารู้ไหมว่าเป็นคนประเภทใด?”ถานไถจิ้งจือครุ่นคิด จากนั้นก็ประสานมือกล่าวว่า “ฝ่าบาทโปรดแถลงไข” “ผู้เป็นอมตะและมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ”หลี่เฉินพูดเสียงเรียบว่า “ทุกคนจะต้องตายในที่สุด ชีวิตอาจจะหนักเท่าขุนเขาหรือเบาดุจขนนก แต่ไม่มีใครในใต้หล้าที่เป็นอมตะ”“ใต้หล้านี้ ก็ไม่มีคนที่สมบูรณ์แบบ”“จะน้ำผึ้งหรือสารหนู ความคิดเห็นของแต่ละคนต่างก็แตกต่างกัน แม้จะเป็นบุคคลหรือสิ่งของเดียวกัน แต่คนมองก็ก็มีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น มีใครบ้างที่สามารถทำให้ทุกคนในใต้หล้าชื่นชอบหรือชื่นชมได้?”“ชื่อเสียงฉาวโฉ่แล้วอย่างไร ตั้งแต่สมัยโบราณ นักปราชญ์และกษัตริย์ผู้ชาญฉลาดก็ถูกบ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 558

    เมื่อได้ยินเสียงโมโหของจ้าวหรุ่ย หลี่เฉินที่กำลังจะก้าวเข้าไปทางประตู ก็ก้าวถอยหลังออกมา เขาโบกมือเรียกนางกำนัลที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นให้เข้ามา หลี่เฉินจำได้ลางๆ ว่า นางกำนัลคนนี้น่าจะชื่อเสี่ยวเหลียน และเป็นนางกำนัลข้างกายของจ้าวหรุ่ย“เกิดอะไรขึ้นข้างใน?” หลี่เฉินถามเห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเหลียนรู้สึกกังวลมาก จึงพูดติดอ่างอยู่นานกว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้“ทูลองค์รัชทายาท นางสนมได้เตรียมยาบำรุงพระวรกายไว้ล่วงหน้า เพื่อถวายองค์รัชทายาทด้วยตนเอง แต่องค์รัชทายาทเสด็จออกไปข้างนอก นางสนมก็สังเกตเห็นสตรีผู้นั้นในพระที่นั่งสีเจิ้ง จึงถามคำถามสองสามข้อ แต่สตรีผู้นั้นไม่เพียงแต่เพิกเฉยต่อนางสนมเท่านั้น แต่ยังใส่ร้ายนางสนมว่ายาบำรุงนั้นไม่ดีสำหรับองค์รัชทายาท”“ดังนั้นนางสนมจึงพิโรธมาก และไม่ว่านางสนมจะพูดอะไร สตรีผู้นั้นก็ไม่สนใจ...”หลี่เฉินได้ฟังก็พลันขมวดคิ้วเยี่ยมมาก เข้ากับบุคลิกของผู้หญิงสองคนนี้เป็นอย่างดี“ข้ารู้แล้ว ออกไปเถอะ”หลี่เฉินปล่อยเสี่ยวเหลียนที่เกือบจะหายใจไม่ออกด้วยความกระวนกระวายใจ และยกขาขึ้นเข้าไปข้างในทันทีที่เห็นหลี่เฉิน จ้าวหรุ่ยที่กำลังโกรธเคืองก็แสดงสีหน้าคับ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 559

    “บอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่”หลี่เฉินพูดอย่างสบายๆ “เมื่อเทียบกับคนทั่วไปแล้ว ข้าให้อะไรนางไม่ได้มาก แต่นางมีความตั้งใจที่ดี จึงไม่ควรปล่อยให้นางรู้สึกผิดหวัง”หลังจากพูดอย่างนั้น หลี่เฉินก็เหลือบมองกงฮุยอวี่ และพูดต่อว่า “ในทางกลับกัน เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?”กงฮุยอวี่พูดเสียงเรียบว่า “แค่ไม่อยากให้เจ้าดื่มน้ำแกงที่ไม่มีผลในการบำรุงใดๆ และอายุเช่นเจ้า ไม่จำเป็นต้องบำรุงให้มาก มิฉะนั้นจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ง่าย”หลี่เฉินยิ้มเล็กน้อย และไม่ต่อบทสนทนานี้“ ในมือเจ้า ส่งมาให้ข้า”กงฮุยอวี่ผู้ซึ่งสุขุมเยือกเย็น ไร้ซึ่งอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ราวกับมิใช่ปุถุชนธรรมดา กลับขมวดคิ้วกับประโยคนี้“ข้าสัญญากับคนอื่นว่าจะมอบหนังสือชุดนี้ให้เขา และตอนนี้ก็กำลังถูกกดดันอย่างหนัก ทำได้เพียงมอบให้เขาก่อนเท่านั้น”เมื่อปฏิกิริยาของกงฮุยอวี่ หลี่เฉินจึงอธิบายกงฮุยอวี่ได้ยินดังนั้น จึงจำใจวางหนังสือลง แต่สายตาของนางยังคงยึดติดกับหนังสือเล่มนั้นด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจหลี่เฉินเรียกองครักษ์เสื้อแพรเข้ามาคนหนึ่ง และสั่งให้เขาส่งบทคัดย่อแห่งความภักดีไปให้ถานไถจิ้งจือในขณะที่องครักษ์เสื้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 560

    หลังจากการพูดคุยสัพเพเหระผ่านพ้นไป หลี่เฉินก็เข้าสู่หัวข้อแรกของการประชุมราชการเช้าของวันนี้“ทุกคนคงทราบข่าวดีจากแนวหน้าเมื่อวานนี้แล้ว ซูผิงเป่ยนำทัพเข้าปราบกองทัพตงอิ๋ง ไม่เพียงแต่จะสังหารผู้คนนับหมื่น แต่ยังจับกุมนักโทษได้นับไม่ถ้วน และยังจับกุมจอมทัพของตงอิ๋ง เคียวจิโระ คุซานางิทั้งเป็นด้วย เท่านี้เราก็สรุปได้ว่า สงครามในเสียนเฉานั้น พวกเราต้าฉินเป็นฝ่ายชนะ ไม่เพียงชนะเท่านั้น แต่ยังเป็นชัยชนะที่สวยงามอีกด้วย!”กล่าวถึงตรงนี้ หลี่เฉินก็กวาดตามองเหล่าขุนนางในพระที่นั่งไท่เหอซึ่งส่วนใหญ่ยืนกรานต่อต้านการส่งกองทัพออกไปคนเหล่านั้นต่างสบตากันและกัน และมิกล้าสบตากับหลี่เฉินหลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าบางคนไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ และรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ แม้จะได้รับชัยชนะ แต่โดยผิวเผินแล้วมันไม่เป็นประโยชน์ต่อต้าฉิน ในทางตรงข้าม ต้าฉินของพวกเรากลับได้รับความสูญเสียไปไม่น้อย”“สำหรับคนเช่นนี้ ข้าคงพูดได้คำเดียวว่าถอดหมวกกับเครื่องแบบราชการออกโดยเร็วที่สุด แล้วกลับบ้านไปทำนาซะ ข้าจะให้ที่ดินอุดมสมบูรณ์แก่พวกเจ้าหลายหมู่ เพื่อให้พวกเจ้าได้ทำนาอย่างสบายๆ”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 561

    เวลานี้ แม้แต่หวังเถิงฮ่วนที่เหลือหูแค่ข้างเดียง ก็ยังได้ยินความขุ่นเคืองในคำพูดอันสงบนิ่งของหลี่เฉินเสียงเจี๊ยวจ๊าวในพระที่นั่งไท่เหอในตอนแรกก็พลันเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาอีก มีเพียงหวังเถิงฮ่วนเท่านั้นที่เงยหน้ามองหลี่เฉินแล้วกล่าวเสียงดังว่า “หรือฝ่าบาทคิดว่ากระหม่อมพูดผิด?”“พูด? เจ้าพูดอะไร?”ทันใดนั้นเสียงของหลี่เฉินก็สูงขึ้น เขาตวาดอย่างโมโหว่า “ที่ข้าได้ยินเมื่อครู่ก็แค่ตาแก่ผายลมเท่านั้น!”ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนในพระที่นั่งไท่เหอต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจพระที่นั่งไท่เหอเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิและขุนนางหารือเกี่ยวกับราชกิจ ตั้งแต่สมัยโบราณ มันไม่เคยเป็นสถานที่ที่กลมกลืนกันอยู่แล้ว การโต้เถียงและทะเลาะวิวาทจึงเป็นเรื่องที่ปกติแม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังโกรธจัดจนสะบัดชายแขนเสื้อเดินจากไป หรือขุนนางที่ถูกตำหนิแล้วขู่จะเอาหัวโขกเสาก็มี เรียกได้ว่าละครที่คนยอมตายเพื่อแสดงถึงปณิธานนั้นเกิดขึ้นนับไม่ถ้วนแต่ตลอดทุกยุคทุกสมัยนั้น ไม่มีใครพูดภาษาหยาบคายเช่นนี้ในพระที่นั่งไท่เหอท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนต่างก็เป็นคนที่มีวัฒนธรรม และยังเป็นคนชนชั้นสูงของประเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 562

    “เป็นเรื่องจริงที่ตงอิ๋งเป็นประเทศเล็กๆ และเต็มไปด้วยพวกป่าเถื่อน!”“แต่ด้วยเหตุนี้เอง ชาวตงอิ๋งจึงเป็นพวกมืดมน จิตใจคับแคบ และมีความคิดที่บิดเบือน!”“หวังเถิงฮ่วน เจ้าเข้ารับราชการเป็นขุนนางมาหลายสิบปี ทุกๆ ปี มีชาวประมงและผู้คนบนชายฝั่งของต้าฉินเรา ถูกรุกรานโดนชาวตงอิ๋ง พวกเขาเผา สังหาร และปล้นสะดมชาวต้าฉินของเรา โศกนาฏกรรมและเอกสารคดีต่างๆ กองพะเนินเทินทึก หวังเถิงฮ่วน เจ้าเป็นถึงขุนนางใหญ่ที่มีอำนาจ กลับไม่มีคิดจะเหลียวมองดูสักหน่อยเลยหรือ!?”“ชาวตงอิ๋งเหล่านี้จับประชาชนต้าฉินของพวกเรา ตัดหัวผู้ชาย ส่วนผู้หญิงเว้นแต่จะอายุน้อยกว่า 7-8 ปี หรืออายุมากกว่า 60-70 ปี ล้วนถูกข่มขืนโดยสัตว์ร้ายเหล่านี้”“การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเหล่านี้ถูกพบเห็นบ่อยที่สุด ส่วนแย่กว่านั้น ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะพูดเรื่องพวกนั้นออกมาได้!”หลี่เฉินชี้นิ้วไปทางหวังเถิงฮ่วนซึ่งนอนหน้าซีดอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด แล้วก่นด่าเสียงดังว่า “นี่คือคนที่เจ้าอยากจะอวดความมีน้ำใจของต้าฉินเรางั้นหรือ?” “นักปราชญ์กล่าวว่า: จงปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความสุภาพ และตอบแทนผู้อื่นด้วยความมีน้ำใจ” “แต่คำกล่าวเหล่านั

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1075

    แต่ว่าสภาพของต้าสิงฮ่องเต้ในยามนี้ เกรงว่าวินาทีถัดไปอาจสิ้นใจ เช่นนั้นพระองค์จะกำจัดซานเป่าอย่างไร? หรือว่าความหมายของต้าสิงฮ่องเต้ คือให้ตนลงมือเอง? ในช่วงเวลาอันสั้น ความคิดนานัปการก็พุ่งขึ้นเต็มหัว หลี่เฉินรู้สึกว่าวุ่นวายสับสนยิ่งนัก ด้านหนึ่งคือการล่อลวงของการได้ขึ้นครองราชย์ทันที อีกด้านคือความรู้สึกเสียดายและอาลัยต่อต้าสิงฮ่องเต้ อีกด้านคือความลังเลในชะตากรรมของซานเป่า หลี่เฉินไม่เคยรู้สึกสับสนถึงเพียงนี้มาก่อน เขากับต้าสิงฮ่องเต้ไม่ได้มีความผูกพันกันมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ต้าสิงฮ่องเต้เป็นผู้ที่ผลักดันเขาอย่างเต็มที่ให้ขึ้นนั่งบัลลังก์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนถูกต้าสิงฮ่องเต้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ แม้แต่จุดด่างพร้อยเพียงนิดก็ไม่ให้หลี่เฉินแตะต้อง แม้เขาจะรู้ว่าความ ‘รัก’ ของต้าสิงฮ่องเต้นี้ มีให้แก่โอรสของพระองค์คือหลี่เฉิน ไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่ในเมื่อผู้ได้รับผลประโยชน์คือเขา หลี่เฉินก็จะไม่เปิดเผยความจริงต่อต้าสิงฮ่องเต้ แต่ก็ไม่อาจห้ามใจตนเองไม่ให้เคารพนับถือจักรพรรดิผู้ทรงเปี่ยมด้วยสติปัญญาและความสามารถพระองค์นี้ได้ หากพระองค์สิ้นพระชนม์ในค่ำคืนนี้จริง จ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1074

    หลี่เฉินไม่คาดคิดว่า พระราชโองการฉบับที่สามจะว่างเปล่า พระราชโองการว่างเปล่าฉบับหนึ่ง มีเพียงตราแห่งแผ่นดินกับตราประทับส่วนพระองค์ของต้าสิงฮ่องเต้อยู่ที่ปลายกระดาษ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าใครจะได้ครอบครองพระราชโองการฉบับนี้ แล้วเขียนข้อความใดลงไป ขอเพียงตราแห่งแผ่นดินและตราส่วนพระองค์เป็นของจริง เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นพระราชโองการของต้าสิงฮ่องเต้ หลี่เฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังต้าสิงฮ่องเต้ ต้าสิงฮ่องเต้เอนกายอยู่บนเตียงคนป่วย ลมหายใจรวยรินดุจใยไหม ทว่ายังคงยิ้มบางๆ มองดูหลี่เฉินอ่านพระราชโองการทั้งสามฉบับจบครบถ้วน เมื่อเห็นหลี่เฉินมองมา ต้าสิงฮ่องเต้ก็ยกมือเรียก แม้ท่าทางอ่อนแรงและแทบไม่มีเรี่ยวแรง ทว่าเพียงพอให้หลี่เฉินเข้าใจความหมายได้ หลี่เฉินรีบเดินเข้าไป ยกชายเสื้อขึ้น คุกเข่าลงข้างเตียง “พระราชโองการฉบับที่สาม ให้เจ้าลงมือเขียนเอง” ต้าสิงฮ่องเต้เพียรออกเสียงอย่างชัดถ้อยชัดคำกล่าวประโยคนี้ออกมา หลี่เฉินรู้สึกสะท้านในอก ตั้งแต่เขารับหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ ก็ได้ออกพระราชโองการมาไม่น้อย แม้สุดท้ายจะประทับตราแห่งแผ่นดินลงเช่นกัน แต่ก็ยังเป็นพระราชโอง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1073

    หลี่เฉินมองจ้าวเสวียนจีแวบหนึ่ง หวังจะจับอารมณ์บางอย่างจากสีหน้าของเขา แต่เจ้าเฒ่าจิ้งจอกผู้นี้กลับไม่เผยความรู้สึกแม้แต่น้อย ทำให้หลี่เฉินต้องผิดหวังกลับไป ทว่าเขาก็ไม่ใส่ใจนัก ก้าวตรงเข้าสู่ตำหนักบรรทมทันที เมื่อได้พบฮ่องเต้ต้าสิงอีกครั้ง พระพักตร์ของพระองค์ซีดเหลือง หายใจราวกับวัวกระทืบข้าว แทบไม่เหลือแรงแม้จะนั่งหรือยืนอยู่แล้ว จึงเอนกายพิงอยู่บนพระแท่น ด้านข้าง คือซานเป่าที่ไม่รู้เข้ามาตั้งแต่เมื่อใด กำลังคุกเข่าอยู่ข้างพระแท่น มือหนึ่งกุมพระหัตถ์ของฮ่องเต้ไว้ ภาพที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้หลี่เฉินต้องหันไปมองอีกครั้ง เมื่อเห็นหลี่เฉินเข้ามา ฮ่องเต้ต้าสิงดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงจะตรัส พระหัตถ์ข้างหนึ่งถูกซานเป่าจับไว้ อีกข้างวางอยู่เหนือท้องน้อยบนผ้าห่ม พระองค์ค่อยๆ ยกพระหัตถ์ที่วางอยู่ขึ้น ชี้ไปทางโต๊ะเขียนหนังสือ หลี่เฉินทำความเคารพอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตามที่ชี้ บนโต๊ะนั้น มีพระราชโองการสามฉบับวางอย่างเป็นระเบียบ หลี่เฉินหันไปมองฮ่องเต้ต้าสิง เห็นพระองค์พยักหน้าจึงหยิบฉบับแรกขึ้นมาอ่าน พระราชโองการฉบับนี้มีความยาวมาก ภาษาสละสลวยล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1072

    หลี่เฉินหันหลังเดินจากไป เฉินทงตามติดอยู่ด้านหลัง และยังมีขุนนางอีกครึ่งหนึ่งร่วมขบวนออกไปด้วย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้น กลุ่มหนึ่งลากหลงไหวอวี้ที่ถูกความกลัวจนเดินแทบไม่ไหวออกไป รอรับชะตากรรมที่ย่อมไม่มีทางดี อีกกลุ่มหนึ่ง คอยดูแลการประหารต้วนจิ่นเจียง เพราะฝ่าบาทเคยตรัสไว้ชัด ต้องให้ต้วนจิ่นเจียงได้รับครบห้าสิบดาบ แม้แต่ดาบเดียวก็ห้ามขาด กลางสายฝนในค่ำคืนอันมืดมิด เสียงร่ำไห้ของหลงไหวอวี้ กับเสียงกรีดร้องของต้วนจิ่นเจียงค่อยๆ แยกห่างออกจากกันเรื่อยๆ จนกระทั่งทั้งสองเสียงถูกกลืนหายไปกับสายฝนที่เทลงมา ภายในตำหนักเฉียนชิงไฟส่องสว่างทั่วห้อง เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ทั้งหมดอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครกล้าออกไป เพียงแต่คราวนี้ เมื่อหลี่เฉินกลับเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสำนักราชเลขาหรือขุนนางฝ่ายตำหนักบูรพาต่างก็รีบทำความเคารพทันที “กระหม่อมทั้งหลาย ขอน้อมคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เฉินเดินไขว้หลังรับการเคารพไปด้วยท่าทางเรียบเฉย เดินผ่านกลางหมู่ขุนนาง เมื่อเดินผ่านจางปี้อู่จู่ๆ หลี่เฉินก็หยุดฝีเท้า ริมฝีปากของจางปี้อู่กระตุกเล็กน้อย เขาก้มหน้าหลบสายตา ไม่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1071

    เฉินทงแสดงอาการภูมิใจออกนอกหน้า คำพูดที่เปล่งออกมายังแฝงแววโอ้อวด จนหลี่เฉินต้องเหลือบตามองเขาด้วยความรำคาญ ขณะนั้นเอง เสียงกรีดร้องของต้วนจิ่นเจียงก็ดังขึ้น เมื่อปลายนิ้วแรกถูกตัดออก ความเจ็บปวดจากนิ้วที่เชื่อมโยงถึงหัวใจนั้นทำให้เขาดิ้นพล่านราวกับเสียสติ “หลี่เฉิน! เจ้าจะไม่มีวันตายดี! จะไม่มีวันตายดีแน่!!” ในตอนนี้ ต้วนจิ่นเจียงเริ่มรู้สึกเสียใจเสียแล้ว เสียใจที่ตนเองดึงดันต้องมาที่เมืองหลวงเพื่อฆ่าหลี่เฉินด้วยมือตนเอง เขานึกถึงคำพูดที่เหวินอ๋องกล่าวไว้ก่อนออกเดินทาง จู่ๆ ก็เริ่มสงสัยว่า บางทีเหวินอ๋องอาจคาดการณ์ถึงจุดจบเช่นนี้แล้ว ถึงได้พูดคำคลุมเครือเช่นนั้นออกมา เสียดายที่ตนเอง...ไม่อาจเข้าใจ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ ก็คือพยายามยั่วโมโหลี่เฉิน ให้เขาสังหารตนเสียในคราวเดียว แต่หลี่เฉินกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ หลี่เฉินได้มายืนอยู่ตรงหน้าของหลงไหวอวี้แล้ว “เงยหน้าขึ้น” หลี่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ หลงไหวอวี้ตัวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อได้ยินเสียงปราศจากอารมณ์จากเหนือศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉินโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เขาเห็น คือดวงตาที่เย็นชา ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1070

    เสียงหนึ่งประโยคจากหลงไหวอวี้ที่ตะโกนไล่หลัง ยิ่งตอกย้ำความเป็นศิษย์อาจารย์ที่แนบแน่น แรงทะลวงของลูกปืนแต่ละนัดรุนแรงดั่งค้อนทุบ เมื่อกระแทกใส่ร่างมนุษย์ ทีละนัด สองนัด สามนัด แทบทุกคนถูกยิงเข้าร่างกายกว่า 10 นัดในเวลาอันสั้น ในระยะประชิดเช่นนี้ ไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่นอน ผู้คุ้มกันหกถึงเจ็ดคนล้มลงกับพื้น ใครโชคดี โดนจุดสำคัญ ตายทันทีโดยไม่รู้สึกเจ็บ ส่วนคนโชคร้าย แม้ยังไม่สิ้นใจ แต่จิตสำนึกก็พร่ามัว ทรมานเจียนสิ้นใจจนไม่อาจเปล่งเสียงร้องได้ เลือดสดไหลไม่หยุด ชีวิตกำลังร่วงหล่นไปทุกขณะ ส่วนต้วนจิ่นเจียง ถูกยิงเข้าที่ขาทั้งสองนัด พอดีโดนตรงหัวเข่าทั้งสองข้าง ไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เพราะทหารที่ยิงตั้งใจเลี่ยงจุดสำคัญโดยเจตนา ผั่บ เสียงร่างของต้วนจิ่นเจียงกระแทกลงพื้น ที่เต็มไปด้วยน้ำฝนและเลือด ขณะนั้นเอง หลงไหวอวี้ที่เพิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกบังคับให้ถอยหลังกลับมา ตรงหน้าผากของเขา จ่อไว้ด้วยปลายปืนดำมืดหนึ่งกระบอก พร้อมกับอีกสี่ห้ากระบอกที่เล็งทุกจุดสำคัญทั่วทั้งร่างกาย เมื่อเห็นชะตากรรมของต้วนจิ่นเจียงและเหล่าทหารกล้า หลงไหวอวี้ก็รู้ทันทีว่าตนไม่อาจต้านทานได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status