แชร์

บทที่ 86

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
หลี่เฉินเอ่ยจบ ซูผิงเป่ยก็เผยความโหดเหี้ยมออกมา เขาสั่งทหารสองนายให้จับจ้าวเจี้ยนเย่ไว้ เขาชักดาบฟันเล็บนิ้วมือทั้งสิบของจ้าวเจี้ยนเย่ออก

ความทรมานเช่นนี้ไม่ร้ายแรงเท่าใดนัก อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตาย แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแทบไม่มีผู้ใดทนได้

บนทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่ เสียงร้องโหยหวนของจ้าวเจี้ยนเย่ดังก้องราวกับภูตผีเลือดไหลจากปลายนิ้วแปดเปื้อนไปทั่วหิมะสีขาว ใบหน้าซีดเผือด เส้นเลือดขมับปูดโปน เหงื่อเม็ดโตไหลรินบนหน้าผาก

ความเจ็บปวดอันรุนแรงกระตุ้นให้เขารู้สึกโกรธแค้น เขาต่อสู้ดิ้นรนและตะโกนว่า “องค์รัชทายาท! เจ้ามีเพียงวิธีต่ำช้าอย่างนั้นรึ! ฆ่าข้า! ฆ่าข้าซะ!”

“ฆ่าเจ้า! ข้าแทบอยากถลกหนังเจ้า! หากข้าฆ่าเจ้าเพียงดาบเดียวจะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ”

“ซูผิงเป่ย!”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ตัดแขนขาทั้งสองข้างทิ้งซะ แล้วโยนเข้าไปในหลุมใหญ่ ให้คนเฝ้าทั้งวันทั้งคืน ปล่อยให้ตายไปเอง ใครกล้าช่วยก็ฆ่าทิ้งให้หมด!”

คำสั่งของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวเจี้ยนเย่ที่ไม่กลัวตายเผยใบหน้าหวาดกลัวขึ้นมา

“ไม่ ไม่เอา”

เขาดิ้นรน อยากหลุดพ้นจากการควบคุมของทหาร

ทว่ายามนี้ แขนขาของเขาที่ถูกคลึงไว้จะสลัดหลุดได้อย่างไร

หลี่เฉินจ้องจ้า
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 87

    ซูผิงเป่ยก็เกลียดชังจ้าวเจี้ยนเยี่ยผู้โหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างมากดังนั้น หลังจากที่หลี่เฉินออกคำสั่งแล้ว ไม่พูดจาอะไรสักคำ ชักดาบออกมาฟันทันทีแสงดาบสะท้อนไปทั่วทิศ สองแขนสองขาของจ้าวเจี้ยนเยี่ยหลุดออกจากร่างทันทีจ้าวเจี้ยนเยี่ยถูกฟันทำให้เป็นคนแขนขาดขาขาดทั้งเป็น ร่างของเขาล้มลงจมกับกองเลือด แขนขากระจายอยู่รอบตัว ส่งเสียงเจ็บปวดรวดร้าวดั่งผีอาฆาตยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เอาเรื่องความเร็วที่โลหิตหลั่งแบบนี้ ไม่นาน จ้าวเจี้ยนเยี่ยต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย“เร็วเข้า ไปตามหลางจงมาสักสองสามคนมาห้ามเลือดให้จ้าวเจี้ยนเยี่ย แล้วโยนมันลงในหลุมศพนี้ ต้องให้มันมีชีวิตอยู่สามวัน หากมันมีชีวิตน้อยไปหนึ่งชั่วโมง ซูผิงเป่ยเจ้าก็ไม่ต้องมาหาเปิ่นกงอีก”หลี่เฉินพูดจบด้วยเสียงเยือกเย็น แล้วชี้นิ้วไปทางผู้สมรู้ร่วมคิดสิบกว่าคนที่ถูกทำให้ตกใจ แล้วพูดว่า “คนพวกนี้ ฆ่าทิ้งให้หมด โยนลงหลุมศพ ให้พวกมันไปสารภาพบาปกับคนบริสุทธิ์ในยมโลก” คำพูดของหลี่เฉินทำให้พวกสมรู้ร่วมคิดส่งเสียงขอร้อง แต่หลี่เฉินไม่สนใจฟัง หันกายแล้วนำจ้าวหรุ่ยที่ตกใจจนสีหน้าไร้เลือดฝาดจากไประหว่างทางกลับ หลี่เฉินไม่ได้อารมณ์ดีข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 88

    “ข้าน้อยขอบพระทัย องค์รัชทายาททรงพระเจริญนับพันปี!”หลี่เฉินไม่ได้สนใจหลี่ชิงที่ขอบพระทัยเขา หลี่เฉินหันกายจากศพของปู่หลานทั้งสองหลี่เฉินมองไปทางจ้าวหรุ่ยที่ตามอยู่ด้านหลัง แล้วพูดว่า “เราไม่กล้ามองนานมากนัก เรารู้สึกตลอดเลยว่ามีวิญญาณมากมายกำลังถามว่า พวกเขาเพียงแค่อยากจะกินอิ่ม เหตุใดกลับยากเพียงนั้น เหตุใดจึงได้หนาวเพียงนั้น เหตุใดจึงทุกข์ยากเพียงนั้น”เขาไม่ได้แทนตัวเองว่าข้า แต่แทนตัวเองว่าเราจ้าวหรุ่ยสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้นางมองไปทางหลี่เฉินอย่างทำตัวไม่ถูก นางเคยเห็นหลี่เฉินตอนเป็นคนโง่เขลาและไม่มีความทะเยอทะยานนางยังเคยเห็นหลี่เฉินดูน่ากลัวและเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกยิ่งกว่านั้น นางเคยเห็นหลี่เฉินฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมและบ้าคลั่งแต่นางไม่เคยเห็นหลี่เฉินในยามนี้ ที่เหนื่อยทั้งกายและใจ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดทั้งๆ ที่นี่เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ และเป็นเพราะจ้าวเจี้ยนเยี่ยโหดเหี้ยมอำมหิต สั่งประหารชีวิตของชาวบ้านที่ประสบภัย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลี่เฉินสักนิดแต่หลี่เฉิน ราวกับว่าได้แบกเอาความผิดมาไว้ที่ตัวเองทั้งหมด ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของจ้าวห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 89

    "คำพูดนี้ของพี่จื่อเจี้ยนถูกต้อง ข้าได้คัดลอกทั้งบทมาแล้ว ทั้งหมดเจ็ดร้อยสิบเจ็ดตัวอักษร ข้าอ่านทั้งคืน แต่ละรอบต่างทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้น ความรู้สึกชื่นชมเอ่อล้นขึ้นในใจ น่าเสียดายที่ไม่ได้ก้มคาราวะให้กับคุณชายจ้าวไท่ไหล่ต่อหน้า บทความที่น่าทึ่งขนาดนี้ ข้ากล้าพูดเลยว่า หากในโลกวรรณกรรมมีสิบส่วน แปดส่วนต้องเป็นของคุณชายจ้าวไท่ไหลอย่างไม่ต้องสงสัย!”“อย่าว่าแต่เจ้าเลย หากเป็นคนที่ศึกษาตำราเล่าเรียน มีใครบ้างเล่าที่จะไม่มี “ลำนำหอเถิงหวัง” สักฉบับติดมือแล้วอ่านอย่างละเอียด เฮ้อ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ท่านใต้เท้าราชเลขาเองก็เป็นเสาหลักของบ้านเมือง หากไม่มีท่านราชเลขาคอยค้ำจุนราชสำนัก ไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะวุ่นวายสักเพียงใด บวกกับความสามารถทางวรรณกรรมที่น่าทึ่งของคุณชายจ้าวไท่ไหล เพียงประโยคที่ว่าแสงอรุณโรยราห่านป่าบินเดียวดาย อุทกแห่งฤดูใบไม้ร่วงรวมสีเดียวกับท้องนภานี้จะทำให้นักกวีใต้หล้าอับอายไปอีกนานเท่าใด”ที่จริงแล้ว ไม่ว่าพวกบัณฑิตเหล่านี้จะถกกันเรื่อง “ลำนำหอเถิงหวัง” ก็ดีหรือจ้าวไท่ไหลก็ตาม ล้วนไม่ดึงดูดความสนใจของหลี่เฉินทั้งนั้น แต่หากจะรวมสองชื่อนี้เข้าด้วยกัน หลี่เฉินจำต้องฟังเสียห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 90

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้าแดงก่ำของบัณฑิตเปลี่ยนเป็นขาวซีด“เจ้า เจ้ากล้าดูหมิ่นคนสุภาพเรียบร้อย!”หลี่เฉินขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงกับคนไร้ค้าเช่นนี้“ซานเป่า ไล่คนไม่เอาไหนที่กินอุจาระของตระกูลจ้าวออกไปซะ”ซานเป่าที่ทนดูไม่ไหวนานแล้วรีบลุกขึ้น ขณะเดียวกันองครักษ์ผ้าแพรหลายนาบก็มาปิดล้อม จับพวกเขาและลากออกไปทันทีเหล่าบัณฑิตจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ผ้าแพรได้อย่างไร จึงร้องโหยหวนอย่างไร้เรี่ยวแรงต้านทานออกจากโรงเตี๊ยมหลี่เฉินหันหลังเดินมายังโต๊ะที่มีหญิงสาวสองคนปลอมตัวเป็นชายหนุ่มคนที่พูดก่อนหน้านี้ ดูงดงามกว่าเล็กน้อย การแต่งกายด้วยชุดผู้ชายก็มิได้ดูแปลก กลับยิ่งสง่าสงามและสูงศักดิ์ ทำให้ชุดที่สวมใส่ดูพิเศษมากขึ้นจึงอดจินตนาการไม่ได้ว่านางสวมชุดผู้หญิงตามปกติจะงดงามเพียงใดเมื่อเห็นหลี่เฉินจ้องมองตน หญิงสาวก็มิได้หลบสายตา และมองหลี่เฉินด้วยความสนใจ เพียงแค่ความตรงไปตรงมาและเปิดเผยนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปมี“คุณชายดูแปลกตามาก ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ” จินเสวี่ยยวนเอ่ยถาม“บัณฑิตเหล่านั้นมิใช่คนดี ดูไร้มารยาทมาก และแท้จริงแล้วล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลจ้าว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 91

    “คุณหนูจินเป็นหญิงปลอมเป็นชาย เดิมก็พบเจอได้ยากอยู่แล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้เจ้าได้ยอมรับกลายๆ แล้วว่าเจ้าไม่ได้มาจากจักรวรรดิต้าฉิน บัดนี้ที่จักรวรรดิต้าฉินได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติมาหลายปี ยามนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาส่งเครื่องบรรณาการจากชาวต่างแคว้น ตอนนี้มีชาวตะวันตกผมสีทองตาสีฟ้าอยู่บ้าง แต่ลักษณะรูปร่างหน้าตานั้นแตกต่างจากคุณหนูจินมาก พอมาคำนวณดูแล้ว ชาวต่างแคว้นที่มีตาสีดำผมสีดำที่ยังอยู่เมืองหลวง ก็เป็นคณะทูตเสียนเฉาแล้วล่ะ”หลี่เฉินพูดเนิบๆ “ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่แน่ใจ แต่พอได้ทดสอบปฏิกิริยาขององค์หญิงจินแล้ว ถึงได้มั่นใจ”เมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว จินเสวี่ยยวนจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าตัวเองถูกหลี่เฉินหลอกเข้าแล้ว“คุณชายฉลาดเหนือใครจริงๆ อาศัยแค่เบาะแสบางอย่างก็สามารถเดาตัวตนของข้าได้ แต่คุณชายยังต้องการทำอะไรอีก” จินเสวี่ยยวนนั่งลงที่เดิม จ้องมองใบหน้าของหลี่เฉินนิ่งๆ แล้วเอ่ยถาม“ที่นี่คนเยอะหูตามากมาย ไม่เหมาะสมที่จะพูดคุยกัน องค์หญิงขึ้นไปนั่งที่ห้องส่วนตัวชั้นบนกับข้าดีหรือไม่”หลังจากที่หลี่เฉินพูดจบ ก็เรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้เปลี่ยนไปยังห้องส่วนตัวชั้นบน โดยไม่รอค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 92

    คำพูดนี้ของหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้างามของจินเสวี่ยยวนหยุดชะงัก“ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้าถึงยังแสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อน” จินเสวี่ยยวนขมวดคิ้ว ท่าทางเย็นชาขึ้นหลี่เฉินกล่าวอย่างสงบ “ช่วงนี้องค์หญิงนำคณะทูตไปเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ขุนนางราชสำนักในเมืองหลวงมากมาย ย่อมรู้แน่ว่าตอนนี้ต้าสิงฮ่องเต้กำลังป่วยหนัก การบริหารบ้านเมืองทั้งหมดในราชสำนักล้วนมีองค์รัชทายาทผู้ฉลาดปราดเปรื่องคอยจัดการดูแล หากเจ้าต้องการพบฮ่องเต้ จะเป็นไปได้อย่างไร”จินเสวี่ยยวนได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดว่า “เรื่องที่ต้าสิงฮ่องเต้ป่วยหนักข้าย่อมรู้อยู่แล้ว แต่เรื่องการบริหารบ้านเมืองของแคว้นต้าฉิน เหมือนจะมีราชเลขาจ้าวเสวียนจีเป็นผู้จัดการดูแลมาโดยตลอด ส่วนองค์รัชทายาทผู้ฉลาดปราดเปรื่องที่เจ้าพูดถึง เท่าที่ข้าเคยได้ยินมา เหมือนจะไม่สำคัญขนาดนั้น”หลี่เฉินตาค้าง พูดว่า “ถ้าจ้าวเสวียนจีมีความสามารถในการควบคุมบริหารบ้านเมืองคนเดียวจริงๆ ทำไมเจ้าไม่ไปหาเขาล่ะ”จินเสวี่ยยวนส่ายหัวแล้วพูดว่า “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงการทูตระดับแคว้น ไม่ว่าจ้าวเสวียนจีจะเก่งกาจเพียงใดก็เป็นเพียงราชเลขาเท่านั้น ฮ่องเต้อาจถามความคิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 93

    คำพูดของหลี่เฉินนั้น ลามกอนาจารเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่มีคำหยาบคายแม้แต่คำเดียวจินเสวี่ยยวนได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงเถือกนางแค่คิดจะเปลืองตัวนิดหน่อย ตกหลี่เฉินเหมือนตกปลา เพื่อให้เขาช่วยทำงานให้ตัวเอง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเรือนร่างที่ล้ำค่าสะอาดผุดผ่องไร้ราคีของตัวเองต้องมาเสียคุณค่าเพราะคนลามกที่อยู่ข้างหน้านี้หลังจากดิ้นรนไปมา จินเสวี่ยยวนก็พบว่าหลี่เฉินมีเรี่ยวแรงมากอย่างน่าประหลาดใจ นางดิ้นหลุดออกไปไม่ได้“คุณชาย แบบนี้ แบบนี้ทำให้ข้าเริ่มกลัวแล้ว”จินเสวี่ยยวนฝืนยิ้ม แล้วพูดอย่างประหม่า “เจ้าปล่อยข้าก่อน พวกเรามีอะไรก็พูดกันดีๆ ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ดีหรือไม่”หลี่เฉินโน้มตัวไปสูดดมลำคอขาวราวหิมะของจินเสวี่ยยวน แล้วพูดอย่างไม่จริงจัง “พัฒนาความสัมพันธ์อะไรกัน ข้าเป็นคุณชายที่จริงจัง มีนิสัยขี้อาย เมื่อเห็นสตรีมักจะรู้สึกมือเท้าอ่อนแรง ทำอะไรไม่ถูก และที่ทำไม่เป็นที่สุดคือการพัฒนาความสัมพันธ์”เมื่อเห็นว่าสิ่งที่หลี่เฉินพูดนั้นตรงกันข้ามกับการกระทำแท้จริงอย่างสิ้นเชิง จินเสวี่ยยวนก็แอบกัดฟันกรอด พยายามดิ้นรนมากขึ้น แล้วพูดว่า “คุณชาย โปรดระวังกิริยาด้วย!”“ระวังกิริยาอย่างไร”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 94

    คำว่าไม่เอานี้ ไม่รู้ว่าพูดให้หลี่เฉินฟัง หรือว่าพูดให้หันชุ่ยที่อยู่นอกประตูฟังขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งต่อต้านการนวดคลึงอย่างย่ามใจของหลี่เฉิน ส่วนอีกด้านหนึ่ง จินเสวี่ยยวนก็ต้องควบคุมน้ำเสียงของตัวเอง พยายามให้ตัวเองพูดตอบหันชุ่ยที่อยู่นอกประตูด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูปกติ“ข้าไม่เป็นไร เจ้าอย่าเข้ามา!”เมื่อรอจนกระทั่งหันชุ่ยที่อยู่นอกประตูเงียบเสียงไปในที่สุด จินเสวี่ยยวนก็ถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งอกแต่แล้ว นางก็ตระหนักว่าร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเองกำลังจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของหลี่เฉิน“หยุดนะ! เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะรู้งั้นรึ! ข้างนอก ข้างนอกมีคนอยู่!”หลี่เฉินกระชับร่างกายของจินเสวี่ยยวนด้วยมือข้างหนึ่ง ทำให้นางนั่งในอ้อมแขนของตัวเองนิ่งๆ อย่างไม่สามารถขยับได้ ส่วนอีกมือหนึ่งเอาแต่เล่นกับหน้าอกงามไร้ขอบเขตของจินเสวี่ยยวน พูดอย่างไม่จริงจัง “ข้ากลัวอะไร อยากกลัว เจ้าก็กลัวไปเองสิ”คราวนี้ หลี่เฉินโน้มตัวเข้ามาใกล้กับกลีบปากสีแดงของจินเสวี่ยยวน ริมฝีปากที่ขยับในขณะที่พูดได้ถูไถมุมปากของจินเสวี่ยยวนเบาๆ การสัมผัสที่คลุมเครือเช่นนี้ ทำให้หลี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก“เจ้าเป

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1071

    เฉินทงแสดงอาการภูมิใจออกนอกหน้า คำพูดที่เปล่งออกมายังแฝงแววโอ้อวด จนหลี่เฉินต้องเหลือบตามองเขาด้วยความรำคาญ ขณะนั้นเอง เสียงกรีดร้องของต้วนจิ่นเจียงก็ดังขึ้น เมื่อปลายนิ้วแรกถูกตัดออก ความเจ็บปวดจากนิ้วที่เชื่อมโยงถึงหัวใจนั้นทำให้เขาดิ้นพล่านราวกับเสียสติ “หลี่เฉิน! เจ้าจะไม่มีวันตายดี! จะไม่มีวันตายดีแน่!!” ในตอนนี้ ต้วนจิ่นเจียงเริ่มรู้สึกเสียใจเสียแล้ว เสียใจที่ตนเองดึงดันต้องมาที่เมืองหลวงเพื่อฆ่าหลี่เฉินด้วยมือตนเอง เขานึกถึงคำพูดที่เหวินอ๋องกล่าวไว้ก่อนออกเดินทาง จู่ๆ ก็เริ่มสงสัยว่า บางทีเหวินอ๋องอาจคาดการณ์ถึงจุดจบเช่นนี้แล้ว ถึงได้พูดคำคลุมเครือเช่นนั้นออกมา เสียดายที่ตนเอง...ไม่อาจเข้าใจ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ ก็คือพยายามยั่วโมโหลี่เฉิน ให้เขาสังหารตนเสียในคราวเดียว แต่หลี่เฉินกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ หลี่เฉินได้มายืนอยู่ตรงหน้าของหลงไหวอวี้แล้ว “เงยหน้าขึ้น” หลี่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ หลงไหวอวี้ตัวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อได้ยินเสียงปราศจากอารมณ์จากเหนือศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉินโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เขาเห็น คือดวงตาที่เย็นชา ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1070

    เสียงหนึ่งประโยคจากหลงไหวอวี้ที่ตะโกนไล่หลัง ยิ่งตอกย้ำความเป็นศิษย์อาจารย์ที่แนบแน่น แรงทะลวงของลูกปืนแต่ละนัดรุนแรงดั่งค้อนทุบ เมื่อกระแทกใส่ร่างมนุษย์ ทีละนัด สองนัด สามนัด แทบทุกคนถูกยิงเข้าร่างกายกว่า 10 นัดในเวลาอันสั้น ในระยะประชิดเช่นนี้ ไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่นอน ผู้คุ้มกันหกถึงเจ็ดคนล้มลงกับพื้น ใครโชคดี โดนจุดสำคัญ ตายทันทีโดยไม่รู้สึกเจ็บ ส่วนคนโชคร้าย แม้ยังไม่สิ้นใจ แต่จิตสำนึกก็พร่ามัว ทรมานเจียนสิ้นใจจนไม่อาจเปล่งเสียงร้องได้ เลือดสดไหลไม่หยุด ชีวิตกำลังร่วงหล่นไปทุกขณะ ส่วนต้วนจิ่นเจียง ถูกยิงเข้าที่ขาทั้งสองนัด พอดีโดนตรงหัวเข่าทั้งสองข้าง ไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เพราะทหารที่ยิงตั้งใจเลี่ยงจุดสำคัญโดยเจตนา ผั่บ เสียงร่างของต้วนจิ่นเจียงกระแทกลงพื้น ที่เต็มไปด้วยน้ำฝนและเลือด ขณะนั้นเอง หลงไหวอวี้ที่เพิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกบังคับให้ถอยหลังกลับมา ตรงหน้าผากของเขา จ่อไว้ด้วยปลายปืนดำมืดหนึ่งกระบอก พร้อมกับอีกสี่ห้ากระบอกที่เล็งทุกจุดสำคัญทั่วทั้งร่างกาย เมื่อเห็นชะตากรรมของต้วนจิ่นเจียงและเหล่าทหารกล้า หลงไหวอวี้ก็รู้ทันทีว่าตนไม่อาจต้านทานได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status