Share

บทที่ 942

Author: ไห่ตงชิง
แต่ละแคว้นล้วนมีองค์กรสายลับของตนเอง

หน่วยบูรพาของต้าฉิน องครักษ์ฝ่ายในของแคว้นเหลียว และเสวี่ยตีจื่อของแคว้นจิน

แม้ชื่อจะแตกต่างกัน แต่ล้วนเป็นข้ารับใช้ของผู้ปกครองในเส้นทางเดียวกัน

เพียงแต่ หน่วยบูรพาของต้าฉินมีโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบกว่า อำนาจหน้าที่ก็ชัดเจนกว่า แต่ก็ใช่ว่าองครักษ์ฝ่ายในของแคว้นเหลียวหรือเสวี่ยตีจื่อของแคว้นจินจะด้อยไปกว่า

เมื่อหวงจี๋เทียนกล่าวว่ายินดีมอบเสวี่ยตีจื่อสามพันนายให้โดยไม่คิดมูลค่า หลี่เฉินก็เข้าใจเจตนาของเขาทันที

เขาไม่ต้องการเสี่ยง แต่ก็ยังต้องการร่วมมือกับต้าฉิน ทว่าด้วยสถานการณ์อันปั่นป่วนของต้าฉินในเวลานี้ เขาไม่มีคุณสมบัติ และไม่กล้าใช้ชื่อของแคว้นจินวางเดิมพันทั้งหมด ดังนั้น เขาจึงเลือกเสียสละบางสิ่งก่อน และนำเดิมพันไปวางไว้ในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท

“เจ้าต้องการช่วยข้าแย่งชิงอำนาจหรือ?” หลี่เฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มแฝงความนัย

หวงจี๋เทียนตอบกลับอย่างจริงจังว่า “ไม่ว่าจะแคว้นใด องค์รัชทายาทคือองค์รัชทายาทโดยชอบธรรมเพียงหนึ่งเดียวตามกฎหมาย องค์รัชทายาทเป็นองค์รัชทายาทที่ฝ่าบาทแห่งต้าฉินทรงแต่งตั้งโดยชัดแจ้ง อีกทั้งยังมีอำนาจสำเร็จราชการแทนพระองค์
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 943

    หวงจี๋เทียนรู้สึกว่าหลี่เฉินต้องเป็นบ้าไปแล้วทว่าหลี่เฉินกลับกล่าวกับเขาว่า “แม้แต่เจ้าเองยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เย่ลู่เสินเสวียนย่อมไม่มีทางคาดฝันว่า เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพหกแสนนายของเขา ข้ากลับไม่ได้คิดว่าจะดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่คิดจะพลิกกลับมาจัดการเขาเสียเอง”“สงครามคือศิลปะแห่งเล่ห์กล”“เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีกำลังเหนือกว่าโดยตรง หนทางเดียวที่จะได้รับชัยชนะ คือใช้กลอุบายให้เหนือกว่า ใช้ปัญญาให้ชนะอำนาจ”หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หรือเจ้าไม่อยากได้ความดีความชอบอันใหญ่หลวงนี้?”หวงจี๋เทียนถึงกับหายใจติดขัดต้องยอมรับว่าความดีความชอบครั้งนี้ล่อตาล่อใจเกินไปมันมากพอที่จะทำให้เขาสามารถโดดเด่นขึ้นมาจากเหล่าพี่น้องของตนเองได้“องค์รัชทายาทคิดจะทำเช่นไร?” หวงจี๋เทียนถาม“นอกด่านเย่ว์หยาเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ และทุ่งหญ้านั้นเป็นบ้านเกิดของทหารม้าแคว้นเหลียว ดังนั้น ไม่มีทางจะกำจัดพวกเขาที่นั่นได้เลย หากต้องการทำเช่นนั้น ก็ต้องปล่อยให้พวกเขาเข้ามาก่อน”หลี่เฉินกล่าวว่า “เปิดด่านเย่ว์หยา ปล่อยให้พวกเขาเข้าสู่เขตแดนต้าฉิน จากนั้นค่อยปิดประตูตีสุนัข”หวงจี๋เทียนตื่นตะลึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 944

    “องค์รัชทายาทต้าฉิน สิ่งนี้คืออะไร?”เมื่อเห็นซ่งอิงซิงเปิดผ้าห่อออกทีละชั้น แล้วค่อยๆ ประคองสิ่งของสีดำทมิฬชิ้นหนึ่ง หวงจี๋เทียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยหลี่เฉินยิ้มอย่างลึกลับ ก่อนกล่าวว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะได้เห็นแล้ว”พูดจบ เขาก็ส่งสัญญาณให้ซ่งอิงซิงส่งของสิ่งนั้นมาให้ตนซ่งอิงซิงตกใจจนหน้าถอดสี ในฐานะผู้คิดค้น เขาย่อมรู้ดีว่าเจ้าสิ่งนี้ แม้รูปลักษณ์จะไม่น่าดูนัก แต่พลังของมันมหาศาลเพียงใด มากพอที่จะส่งทุกคนในพระที่นั่งสีเจิ้งไปพบยมบาลพร้อมกัน“องค์รัชทายาท ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ของสิ่งนี้มีอานุภาพร้ายแรง ควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ให้กระหม่อมเป็นผู้สาธิตเองจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ?”เห็นซ่งอิงซิงตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่น หลี่เฉินถึงกับรู้สึกหมดคำพูดแนวคิดนี้เขาเป็นคนเสนอขึ้นมาเอง แถมเขายังเป็นผู้เดินทางข้ามเวลามาอีกด้วย จะไม่รู้จักอานุภาพของระเบิดมือได้อย่างไร?และด้วยกระบวนการสกัดดินปืนของต้าฉิน พลังทำลายล้างของมันคงมีไม่ถึงหนึ่งในสามของระเบิดมือที่แท้จริงแต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็เพียงพอแล้วอย่าลืมว่า นี่คือยุคอาวุธเย็น หากขว้างระเบิดมือลูกหนึ่งออกไป มั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 945

    แนวคิดเรื่องการระเบิดที่ชัดเจนที่สุดสำหรับคนยุคโบราณ ก็คือดอกไม้ไฟในเทศกาล และเสียงฟ้าร้องในพายุฝนแม้ว่าอาวุธประเภทระเบิด ซึ่งพัฒนาขึ้นจากดอกไม้ไฟ จะใช้ดินปืนเป็นแรงขับเคลื่อน แต่พลังทำลายของมันยังคงจำกัดอยู่ที่แรงกระแทกของลูกเหล็ก แม้ภายหลังจะมีการบรรจุดินปืนภายในเพื่อเพิ่มแรงระเบิดให้กระจายออกไปรอบๆ แต่มันก็ยังเทียบไม่ได้กับระเบิดมือที่ใช้ดินปืนเข้มข้นพร้อมกับลูกเหล็กที่พุ่งกระจายออกไปนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ดินปืนถูกนำมาใช้เพื่อสร้างแรงระเบิดในสนามรบอย่างแท้จริงหวงจี๋เทียนตกตะลึง องครักษ์ที่ติดตามเขามาก็ตกตะลึง แม้แต่ทหารยามที่เฝ้าอยู่ห่างออกไปก็ยังตกตะลึงทุกคนต่างสงสัย หรือว่านี่คือพิโรธของสวรรค์?"ฮ่าๆๆ"หลี่เฉินพึงพอใจอย่างมากกับผลลัพธ์ของการระเบิดครั้งนี้ เขาเดินไปข้างกายหวงจี๋เทียนก่อนเอ่ยว่า “หากอาวุธนี้ถูกใช้ในสนามรบ เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร?”หวงจี๋เทียนพยายามสงบสติจากความตกใจ ก่อนตอบว่า “ไร้เทียมทาน”เขากลืนน้ำลายลงคอ พลางเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเคารพ “ข้าสังเกตว่ารัศมีของการระเบิดอยู่ที่ราวสิบห้าถึงยี่สิบก้าว แม้ว่าห่างออกไปยังอาจสร้างความเสียหายได้บ้าง แต่ก็ลดล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 946

    หลี่เฉินยิ่งพูดยิ่งมั่นใจ เขายิ้มพลางกล่าวว่า “หากมองดูยุทธวิธีของกองทัพม้าโดยรวม ไม่ว่าจะแตกแขนงไปมากเพียงใด แต่หากมองถึงแก่นแท้ ก็เป็นเพียงการใช้ความได้เปรียบด้านความเร็วของทหารม้าเบาเพื่อเคลื่อนพลอย่างคล่องตัวในสนามรบ จากนั้นจึงใช้ทหารม้าหนักเป็นหน่วยกระหน่ำโจมตีโดยตรง ซึ่งโดยปกติ เพียงสามถึงห้ารอบ ก็สามารถบดขยี้ศัตรูได้จนหมดสิ้น”“แต่การจัดรูปขบวนเช่นนี้ นำมาซึ่งปัญหาประการหนึ่ง นั่นคือ ‘ความหนาแน่น’”หลี่เฉินมองสีหน้าที่เคร่งขรึมของหวงจี๋เทียน ก่อนยิ้มกล่าวว่า “ยิ่งกองทัพม้ารวมตัวกันอย่างหนาแน่นเท่าใด ก็ยิ่งเป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับอาวุธชิ้นนี้”หวงจี๋เทียนไม่กล่าวอะไรภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพกองทัพม้าจำนวนมหาศาล ถูกแรงระเบิดถล่มจนกระจัดกระจาย คนล้มม้ากระเด็นเขาย่อมต้องกังวลแคว้นเหลียวแม้จะเป็นผู้นำของชนเผ่าเร่ร่อน และเชี่ยวชาญด้านกองทัพม้าแต่แคว้นจินของพวกเขา ต่างหาก ที่มีชนเผ่าหนี่เจิน ซึ่งเป็นชนเผ่าดั้งเดิมที่สร้างชื่อเสียงในทุ่งหญ้าแห่งนี้ เป็นชนเผ่าที่เกิดมาบนหลังม้าโดยแท้จริง!หนี่ว์เจินมีเพียงสามพัน ก็ยังคงเป็นหนี่ว์เจิน แต่หากมากกว่าสามพันเมื่อใด ย่อมนำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 947

    สีหน้าลังเลและท่าทีปฏิเสธของหวงจี๋เทียนชัดเจนเสียจนคนตาบอดก็มองออกแต่หลี่เฉินกลับทำราวกับมองไม่เห็นอย่างแท้จริง ไม่มีแม้แต่คำพูดทำนองว่า (หากลำบากใจก็ช่างเถอะ หรือไม่อยากบังคับให้เจ้าลำบากใจ)เขาเพียงแค่ยืนตรงอยู่อย่างนั้น รอให้หวงจี๋เทียนเป็นฝ่ายตอบกลับมาเองเมื่อเห็นว่าหลี่เฉินไม่ยอมปล่อยผ่านง่ายๆ หวงจี๋เทียนได้แต่ยิ้มฝืดเฝื่อน ก่อนกล่าวว่า “องค์รัชทายาทต้าฉิน ความจริงแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่อะไร”“ในเมื่อไม่ใช่ความลับอันยิ่งใหญ่ เช่นนั้นอาเกอสิบสามก็โปรดแบ่งปันแก่ข้าด้วยเถิด” หลี่เฉินยิ้มอย่างอารมณ์ดีรอยยิ้มของเขาทำให้หวงจี๋เทียนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ซับซ้อน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ความจริงแล้ว วิธีส่งสารของพวกเรา ไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่แรงงานมนุษย์เท่านั้น”หลี่เฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจก็แน่อยู่แล้ว ต่อให้มนุษย์มีความสามารถมากเพียงใด ก็ยังมีขีดจำกัดระยะทางไกลขนาดนี้ หากสามารถส่งสารไปกลับภายในวันเดียวได้ นับว่าเป็นความเร็วที่น่าตกตะลึงในยุคสมัยนี้เว้นเสียแต่ว่าแคว้นจินจะร่ำรวยจนสามารถมีเซียนบนดินเป็นกลุ่มใหญ่ หรืออย่างน้อยก็ต้องมียอดฝี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 948

    หวงจี๋เทียนถึงกับตกตะลึงในเวลานี้ เขาอดไม่ได้ที่จะมีข้อสงสัยขึ้นมาในใจในโลกนี้เหตุใดจึงมีคนไร้ยางอายถึงเพียงนี้?ก่อนจะได้ของยังกล้าหน้าด้านหน้าทนไล่ถามโดยไม่สนใจความลำบากใจของผู้อื่น แต่เมื่อรู้ว่าต้นทุนสูงลิ่วก็พลันเปลี่ยนท่าทีไปโดยสิ้นเชิงหวงจี๋เทียนรู้สึกแน่นหน้าอกจนต้องหัวเราะฝืดๆ ออกมา ทันใดนั้นก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้น เขาคำนับหลี่เฉินแล้วกล่าวว่า "องค์รัชทายาทต้าฉิน กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งที่ไม่สมควรร้องขอ ไม่ทราบว่าจะกล่าวได้หรือไม่?""ไม่ได้"หลี่เฉินปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเวลานี้ หวงจี๋เทียนใช้วิธีเดียวกับที่หลี่เฉินเคยทำตอนที่ขอข้อมูลช่องทางการสื่อสาร ไม่สนใจความลำบากใจของอีกฝ่าย แล้วเสนอคำขออย่างตรงไปตรงมาหากยังมีความละอายใจอยู่บ้าง เช่นเดียวกับตัวเขาเมื่อครู่ ก็คงปฏิเสธได้ไม่ง่ายนักที่สำคัญที่สุด หวงจี๋เทียนรู้ดีว่า แม้วิธีนี้ดูเหมือนจะได้ผลดี แต่ต้นทุนกลับสูงเกินไป ถึงขนาดพวกเขาเองยังรู้สึกว่าน่าเสียดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลยดังนั้นเขาจึงกล้าพูดออกมาอย่างไม่ลังเลทว่าตอนนี้ หวงจี๋เทียนนำวิธีของหลี่เฉินมาใช้กับหลี่เฉินเอง แต่กลับล้มเหลว!คำที่หลี่เฉินเอ่ยออกมาอย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 949

    เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เฉิน หวงจี๋เทียนกลับรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาเล็กน้อยเขารู้สึกว่าคำพูดของหลี่เฉินจริงใจและซื่อตรงท้ายที่สุดแล้ว อานุภาพของอาวุธชนิดนี้ ทุกคนก็เห็นกับตาอยู่แล้ว หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ตัวเขาคงต้องถูกบรรจุลงในโลงศพและส่งกลับแคว้นแน่นอนแต่หากมีรุ่นที่สองที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า และปลอดภัยกว่า แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องดียิ่งไปกว่านั้น องค์รัชทายาทต้าฉินได้ให้คำมั่นแล้วว่า หากมีรุ่นที่สองออกมา จะมอบให้เขาหนึ่งชุดเป็นการตอบแทน…เพียงแค่คำมั่นนี้ ก็เพียงพอแล้ว“องค์รัชทายาททรงรอบคอบยิ่งนัก”หวงจี๋เทียนประสานมือคารวะ ตอบรับอย่างเหมาะสมหลี่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “เวลานี้ก็คงถึงเวลามื้อเย็นแล้ว ไยอาเกอสิบสามไม่อยู่รับประทานมื้อเย็นร่วมกับข้าก่อน แล้วค่อยกลับไป?”หวงจี๋เทียนตอบกลับอย่างสุภาพ “ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่า ดินแดนจงหยวนอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมากความสามารถ อาหารเลิศรสยิ่งมีมากมาย ข้าเองก็อยากลองลิ้มรสอาหารของแผ่นดินจงหยวนมานานแล้ว ในเมื่อองค์รัชทายาททรงเชื้อเชิญ ข้าก็ต้องขอรับไมตรี ไม่อาจปฏิเสธ”หลี่เฉินหัวเราะเสียงดัง ก่อนหันไปสั่ง “แจ้งห้องครัวให้เตรียมจัดเลี้ยง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 950

    เมื่อได้ฟังคำบ่นโอดครวญของซ่งอิงซิง หลี่เฉินก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ พลางกล่าวว่า “ที่แท้เจ้ากังวลเรื่องนี้เองหรือ?”“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ดีว่าสิ่งนี้ผลิตได้ยากเพียงใด ดังนั้น ข้าย่อมไม่บังคับให้พวกเจ้าสร้างสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าฉินออกมาจำนวนมากในคราวเดียว ที่ข้าพูดกับหวงจี๋เทียนไป ก็เพียงเพื่อหลอกเขาเท่านั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหลงเชื่อหรือไม่ แต่เจ้ากลับเป็นฝ่ายหลงเชื่อเสียก่อนแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งอิงซิงถึงกับถอนหายใจโล่งอกราวกับได้ชีวิตใหม่กลับคืนมา เขารีบถามต่อว่า “เช่นนั้น เรื่องที่องค์รัชทายาทกล่าวถึงรุ่นที่สองก่อนหน้านี้…”“ก็แค่เรื่องหลอกลวงเหมือนกัน”หลี่เฉินโบกมือพลางกล่าวว่า “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเจ้าคือ เพิ่มกำลังการผลิต ส่วนเรื่องพัฒนาเวอร์ชันใหม่ สามารถเลื่อนไปก่อนได้ ตอนนี้สิ่งที่เราต้องการคือ ปริมาณ ไม่ใช่คุณภาพ”ซ่งอิงซิงได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ “องค์รัชทายาท สิ่งนี้ต้องอาศัยเทคนิคขั้นสูง คนที่สามารถสร้างมันได้มีเพียงไม่กี่คน แม้จะทำงานกันทั้งวันทั้งคืน แต่ต่อให้ทำเต็มกำลัง ก็ผลิตได้เพียง วันละสามถึงสี่ลูกเท่านั้น ไม่อ

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status