Share

บทที่ 10

Penulis: อู๋ตู๋จุ้ยหลิง
ฮองเฮาในฐานะมารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายใหญ่ ย่อมหวังให้หยางเฉินสละตำแหน่งให้ผู้ที่มีความสามารถมากกว่า ทว่า นางมองปราดเดียวก็รู้ว่าหยางเฉินกำลังใช้กลยุทธ์ถอยเพื่อรุก จึงไม่ได้รีบเอ่ยปาก

อย่างไรเสีย เรื่องเช่นนี้ก็ต้องให้ฮ่องเต้อู่เต๋อทรงตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เอง แต่การที่องค์ชายทั้งสองรีบร้อนก้าวออกมาเช่นนี้ ก็ทำให้ฮ่องเต้อู่เต๋อจำต้องยึดมั่นในคำพูดที่พระองค์ได้ตรัสไปก่อนหน้านี้

แน่นอนว่า ในพระทัยของฮ่องเต้อู่เต๋อก็ทรงทราบดีว่า ถึงแม้หยางเฉินจะพ่ายศึก แต่ก็เป็นความพ่ายแพ้ที่ยังคงไว้ซึ่งเกียรติภูมิ ไม่ได้มีความผิดมหันต์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ในราชสำนักยังมีคนช่วยทูลขอความเมตตาให้เขา

ฮ่องเต้อู่เต๋อไม่ต้องการที่จะยืดเยื้อเรื่องนี้อีกต่อไป ทรงหันไปทอดพระเนตรแม่ทัพหนานกง แล้วตรัสถามเสียงดัง หนานกงอู๋ตี๋ สถานการณ์ทางฝั่งจักรวรรดิตงเซิ่งเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ทูลฝ่าบาท แม้ว่าจักรวรรดิตงเซิ่งจะได้รับชัยชนะในศึกที่เขาซือถัว แต่เมื่อเทียบกับกองทัพห้าหมื่นนายของเราแล้ว พวกเขากลับมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บถึงแปดหมื่นนาย อาจกล่าวได้ว่า ศึกที่เขาซือถัวนั้น จักรวรรดิตงเซิ่งพ่ายแพ้อย่างยับเยินพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงอู๋ตี๋ตอบเสียงดัง

“หา... พวกเขาตายไปมากมายถึงเพียงนั้น เช่นนั้นแล้ว พวกเราก็ไม่ได้พ่ายแพ้สิ!” ฮ่องเต้อู่เต๋อก็ทรงตกพระทัยอย่างยิ่ง

“ฝ่าบาท พวกเราย่อมไม่ได้พ่ายแพ้ เพียงแต่เมื่อปราศจากเขาซือถัวและเมืองอู่หลิงแล้ว ป้อมปราการเกอเอ่อเติงซึ่งเป็นฐานที่มั่นทางยุทธศาสตร์ฝั่งตะวันออกของเรา ก็ได้กลายเป็นฐานสนับสนุนทางยุทธศาสตร์ด่านสุดท้ายไปแล้ว กระหม่อมคาดว่าจักรวรรดิตงเซิ่งจะฉวยโอกาสนี้ ผนวกสิบหกแคว้นแห่งจิ้นอวิ๋นของเราพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงอู๋ตี๋วิเคราะห์อย่างละเอียด

สิบหกแคว้นแห่งจิ้นอวิ๋นคือรากฐานทางตะวันออกเฉียงเหนือของจักรวรรดิ เมื่อใดที่ศัตรูข้ามสถานที่แห่งนี้มาได้ ก็เท่ากับเป็นการเปิดประตูใหญ่ทางทิศเหนือของจักรวรรดิเฉียนอู่

กองทัพใหญ่ของจักรวรรดิตงเซิ่งก็จะสามารถบุกเข้ามาได้โดยไร้สิ่งกีดขวาง ผนวกห้าเขตปกครองใหญ่ทางตอนเหนือ และยังสามารถรุกลงมาทางใต้ ยึดครองดินแดนส่วนใหญ่ของจักรวรรดิ คุกคามเมืองอู่ตี้ หรือแม้กระทั่งล้มล้างจักรวรรดิเฉียนอู่ได้

ฮ่องเต้อู่เต๋อย่อมทรงทราบถึงตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ดี ตรัสถามเสียงดัง “สถานการณ์ของป้อมปราการเกอเอ่อเติงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“หลังจากศึกที่เขาซือถัว กระหม่อมได้ออกคำสั่งให้แม่ทัพเหมยป้องกันป้อมปราการเกอเอ่อเติงไว้อย่างสุดชีวิต ห้ามออกรบโดยเด็ดขาด และได้ระดมพลทหารหนึ่งแสนนายไปสนับสนุนแล้วพ่ะย่ะค่ะ...” หนานกงอู๋ตี๋ทูลรายงานเสียงดัง

ในฐานะจอมพลใหญ่แห่งจักรวรรดิ ผู้บัญชาการกองทัพนับล้านของจักรวรรดิ และยังควบตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหม เขาคือเสาหลักแห่งจักรวรรดิผู้มีตำแหน่งสูงและมีอำนาจล้นฟ้า

แน่นอนว่า เขายังเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้เชี่ยวชาญการศึก และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นยอดฝีมือชั้นสูงในขอบเขตปฐพีสำราญอีกด้วย

ฮ่องเต้อู่เต๋อทรงทราบถึงความสำคัญของป้อมปราการเกอเอ่อเติงเป็นอย่างดี และยังทรงทราบด้วยว่าป้อมปราการแห่งนี้มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่าจะถูกตีแตกได้โดยง่าย ทั้งยังทรงทราบมานานแล้วว่าหนานกงอู๋ตี๋กำลังระดมพลเคลื่อนทัพอยู่

เพียงแต่ที่พระองค์ทรงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาในที่ประชุม ก็เพื่อที่จะสร้างขวัญกำลังใจให้กองทัพ เกรงว่าการเมืองในราชสำนักไม่มั่นคง จะทำให้ผู้คนตื่นตระหนก

หลังจากที่หนานกงอู๋ตี๋ทูลรายงานจบ ซ่างกวนหลินก็ก้าวออกมา แล้วกล่าวเสียงดัง “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้รับข่าวว่า จักรวรรดิตงเซิ่งได้ส่งทูตมายังเมืองอู่ตี้แล้ว กล่าวว่าจะมาเจรจาสงบศึกกับเรา แต่กระหม่อมคาดว่าพวกเขาต้องการจะร้องขอสิบหกแคว้นแห่งจิ้นอวิ๋น พวกเราควรจะเตรียมการไว้ล่วงหน้าหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เจรจาสงบศึกหรือ? ร้องขอสิบหกแคว้นแห่งจิ้นอวิ๋นหรือ?

อันที่จริงแล้วก็คือต้องการประตูใหญ่ทางทิศเหนือของจักรวรรดิเฉียนอู่ การเจรจาสงบศึกเช่นนี้ จักรวรรดิเฉียนอู่จะยอมตกลงได้อย่างไรเล่า?

เมื่อฮ่องเต้อู่เต๋อได้ยินดังนั้น สีพระพักตร์ก็พลันเคร่งขรึมลง แล้วตรัสเสียงเย็นว่า “เจรจาสงบศึกหรือ? ยังต้องการสิบหกแคว้นแห่งจิ้นอวิ๋นอีก ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันโดยแท้!”

“ท่านอัครมหาเสนาบดี ข่าวของท่านแม่นยำหรือไม่? เพราะข่าวที่ข้าได้รับมาคือ จักรวรรดิตงเซิ่งกำลังรวบรวมกองทัพ ต้องการที่จะตีป้อมปราการเกอเอ่อเติงให้แตก” หนานกงอู๋ตี๋เอ่ยถาม

“ข่าวของข้าน่าจะแม่นยำ และการที่พวกเขาเตรียมจะโจมตีป้อมปราการเกอเอ่อเติง ก็น่าจะเป็นความจริงเช่นกัน พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้จักรวรรดิตงเซิ่งต้องการที่จะดำเนินกลยุทธ์สองทางไปพร้อมกัน ทั้งข่มขู่และหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า” ซ่างกวนหลินตอบอย่างเรียบเฉย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 83

    ฉึบ!เสิ่นหนานซิงโดนเข้าอีกหนึ่งกระบี่ ครั้งนี้เป็นบริเวณต้นขา เลือดพุ่งออกมาในทันที หากเป็นคนทั่วไปต้องสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้วเป็นแน่ทว่า เจ้าหนุ่มนี่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างแม้แต่น้อย เขาพุ่งเข้าไปต่อสู้กับเผิงหู่อีกครั้งกล่าวตามตรง เผิงหู่ก็ถูกวิธีการต่อสู้แลกชีวิตของเจ้าเด็กนี่ทำเอาตกใจจนมือเท้าติดขัดแล้ว ทันทีที่ไม่ทันระวังก็ถูกฟันเข้าดาบหนึ่งดาบนี้เมื่อตวัดลงไป ก็กรีดแผ่นหลังของเผิงหู่เป็นแผลยาวสายหนึ่ง โลหิตเนืองนองยิ่งกว่า“เสิ่นหนานซิง พวกเราแค่ประลองยุทธ์กัน เหตุใดเจ้าจึงเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้เล่า!” เผิงหู่ร้องตะโกนเสียงดัง“การประลองก็เหมือนการเข้าสู่สนามรบ แม้แต่พญาราชสีห์ยามสู้กับกระต่ายก็ยังต้องใช้สุดกำลัง หากข้าแม้แต่แลกชีวิตก็ยังไม่กล้า แล้วจะเข้าสู่สนามรบไปเอาชีวิตศัตรูได้อย่างไร?” เสิ่นหนานซิงตอบกลับอย่างเย็นชาก็เห็นเขาพุ่งเข้าหาเผิงหู่อีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำดั่งโลหิตคู่นั้น ฉายไอสังหารที่เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง ทำเอาเผิงหู่หวาดหวั่นจนถอยหลังติดต่อกันเผิงหู่ที่พลังใจตกเป็นรอง สุดท้ายก็ถูกเสิ่นหนานซิงถีบลงเวทีประลอง ตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ย

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 82

    เมื่อเสิ่นหนานซิงเห็นกระบอกเขี้ยวหมาป่าเพิ่มความเร็วขึ้น คล้ายกับคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วก็ไม่ปาน เขากระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนด้ามยาวของกระบองเขี้ยวหมาป่า หยิบยืมกำลังกระโจนเข้าหาเฟิงปู้ผิงเคร้งเคร้งเคร้ง…เสียงอาวุธกระทบกันดังต่อเนื่องไม่หยุด ทำเอาคนทั้งหลายชมดูไม่ทันจนตาลายท่ามกลางการปะทะกันอย่างแข็งกร้าวนั่นเอง อาวุธหนักอย่างกระบองเขี้ยวหมาป่าก็ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ถูกเสิ่นหนานซิงถีบลงจากเวทีประลองไปในเท้าเดียวป๊าบป๊าบป๊าบ…เสียงปรบมือดังกระหึ่มอย่างกึกก้องหยางจิ่นอวี๋เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าว่าเจ้าหนุ่มนี่เป็นอย่างไร?”“เห็นว่าเขาอายุยังน้อย เป็นผู้มีพรสวรรค์ให้ส่งเสริมได้ก็จริง แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่ข้าต้องการ” หยางเฉินส่ายหัวอย่างไม่สนใจนัก“เหตุใดกันเล่า? ตอนนี้เขาอายุยังน้อย แค่สิบเจ็ดสิบแปดเท่านั้น โอกาสในการพัฒนาต่อยังมีอีกมาก ขอเพียงเจ้ามอบให้ทรัพยากรให้เขาเล็กน้อย จะฟูมฟักถึงระดับเก้าก็ไม่น่ามีปัญหาอันใด” หยางจิ่นอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้ม“เฟิงปู้ผิงประลองมาแล้วหลายสนาม สูญเสียกำลังภายในไปมาก หากเป็นยามปกติ เสิ่นหนานซิงย่อมไม่อ

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 81

    เมื่อเฟิงปู้ผิงเห็นว่าดาบคู่ของอีกฝ่ายเป็นอาวุธเบา ก็ฟาดกระบองลงไปอย่างแรงทันที คิดจะกระแทกเขาให้ตกเวทีไปในกระบวนท่าเดียวทว่าเสิ่นหนานซิงคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมาก เขากลิ้งตัวไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว ดาบคู่ฟันใส่ขาทั้งสองข้างของเฟิงปู้ผิงเฟิงปู้ผิงย่อมไม่ให้เขาได้สมหวัง เขาถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว พร้อมรั้งกระบองเขี้ยวหมาป่าในมือกลับมาฝืนสกัดแนวโจมตีของดาบคู่น่าเสียดายที่ดาบคู่ของเสิ่นหนานซิงได้พุ่งมาถึงเบื้องหน้าของเขาแล้ว พร้อมกับการโจมตีราวพายุฝนโหมกระหน่ำเคร้งเคร้งเคร้ง…ดาบคู่สลับฟันเข้ามาจนเฟิงปู้ผิงร่นถอยติดต่อกัน และเป็นเพราะดาบคู่จู่โจมช่วงล่าง ทำให้เฟิงปู้ผิงสูญเสียสมดุลไปอย่างสิ้นเชิง และต้องถอยร่นอย่างเร่งร้อนอยู่หลายครั้งเมื่อหยางเฉินเห็นการจู่โจมของเขา ก็อดเผยรอยยิ้มชื่นชมออกมาไม่ได้ยาวขึ้นหนึ่งนิ้วก็แข็งแกร่งขึ้นหนึ่งขั้น!กระบอกเขี้ยวหมาป่าจัดเป็นอาวุธหนัก ต้องใช้กระบวนท่ารุกถอยอย่างต่อเนื่องโจมตีอย่างลื่นไหล และทุกกระบวนท่าล้วนดุดันทรงพลังแต่ดาบคู่จัดอยู่ในประเภทอาวุธเบา และจำเป็นต้องต่อสู้ในระยะประชิดจึงจะสำแดงพลังของดาบคู่ออกมาได้ ที่เสิ่นหนานซิงเข้าประชิ

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 80

    การประลองยุทธ์บนเวทีประลองเช่นนี้ อันแรกต้องมีเจ้าแห่งเวทีประลอง คนที่มาทีหลังจะต้องท้าประลองกับเจ้าแห่งเวทีประลอง จนกว่าจะไม่มีคนขึ้นมาท้าประลองบนเวที ก็จะได้เป็นผู้ชนะคนสุดท้ายของค่ำคืนนี้โดยทั่วไปแล้ว ทุกสัปดาห์จะจัดการประลองเช่นนี้หนึ่งครั้ง ทันทีที่องค์หญิงใหญ่พอใจ ก็จะแนะนำให้เข้ารับตำแหน่งในกองทัพ หรือแนะนำให้แก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ จากนั้นก็จะได้เดินไปสู่ชีวิตที่รุ่งโรจน์ทันทีที่สาวใช้พูดจบ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เหาะขึ้นมาบนเวที กล่าวเสียงดัง “ข้าน้อยอวี๋จื่อเชิงจากอำเภอหลินอู่ ยินดีเป็นเจ้าแห่งเวทีประลอง เพื่อรับการท้าประลองจากวีรบุรุษทุกท่าน”คนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ ในมือถือดาบขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเชี่ยวชาญวิชาดาบ“ในเมื่อมีเจ้าแห่งเวทีประลอง ตอนนี้ขอเชิญวีรบุรุษทุกท่านขึ้นเวทีเพื่อท้าประลอง หากสุดท้ายสามารถเป็นเจ้าแห่งเวทีประลองคนสุดท้ายได้ ตามกฎ องค์หญิงใหญ่จะเสนอแนะบุคคลผู้นั้น” สาวใช้กล่าวเสียงดังเมื่อได้ยินว่าผู้ชนะจะได้รับการเสนอแนะจากองค์หญิงใหญ่ หนุ่มน้อยรูปร่างผอมโซคนหนึ่ง ถือหอกยาว ก็กระโดดขึ้นมาบนเวทีทันที“ข้าน้อยเผิงจื้อหย่ง มาเพื่อท้าประลอง!” หนุ่มน้อย

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 79

    “เช่นนั้นเซวียกุ้ยเฟยส่งคนมาเป็นแม่สื่อให้แก่องค์ชายรอง เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องจริงกระมัง?” หยางจิ่นอวี๋ถามพร้อมอมยิ้ม“องค์หญิงใหญ่ ข้าไม่รู้จริง ๆ หรือ? แต่ว่า องค์ชายรองมีพระชายาตั้งนานแล้ว ท่านพ่อตงจะไม่ยอมให้แต่งเข้าไปเป็นอนุหรอกเจ้าค่ะ” ซ่างกวนซืออินพูดจบ แก้มก็เป็นสีแดงก่ำ เขินอายจนไม่กล้าสบตา“เอาล่ะ ข้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น หากเจ้าแต่งงานกับองค์รัชทายาท เช่นนั้นข้าก็จะเป็นท่านน้าของเจ้าอย่างชอบธรรมแล้ว” หยางจิ่นอวี๋หัวเราะอย่างมีเลศนัย“ได้ข่าวว่านับตั้งแต่ที่องค์รัชทายาทกลับมาจากศึกเขาซือถัว ก็สูญเสียวรยุทธ์ไปจนหมดสิ้น ทั้งขาข้างหนึ่งยังพิการอีกด้วย ท่านพ่อคงไม่มีทางให้ข้าแต่งเข้าไปเป็นแน่” ซ่างกวนซืออินวิเคราะห์ได้อย่างสมเหตุสมผล“สูญเสียวรยุทธ์ไปจนหมดสิ้นก็ไม่เป็นอะไรนี่นา! ก็เหมือนกับเจ้า เจ้าก็ไม่เป็นวรยุทธ์เช่นกันมิใช่หรือ? แต่ บทกวี คำกลอน และบทประพันธ์ของเจ้า มีด้านใดที่ด้อยไปกว่าชายชาตรีบ้างเล่า?” หยางจิ่นอวี๋หยิบยกนางขึ้นมาเปรียบเทียบ“ข้าไม่เหมือนเขา ข้าเป็นสตรีที่อ่อนแอ หากเขาอ่อนแอเกินไปละก็ ต่อไปจะปกครองบ้านเมืองอย่างไรล่ะเจ้าคะ?” ซ่างกวนซืออินไม่ค่อย

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 78

    ในฐานะที่เป็นน้องสาวของฮ่องเต้ องค์หญิงใหญ่มีทรัพยากรมากมายในมือ เพียงแต่นางอายุสามสิบกว่าปีแล้ว จึงไม่คิดที่จะแต่งงานมาโดยตลอด ทำให้ผู้คนยากจะคาดเดาความคิดในใจของนางได้หยางเฉินไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของท่านน้า ที่เขามาในครั้งนี้ก็เพราะต้องการมาคัดเลือกบุคคลผู้มีความสามารถในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังสนทนา ร่างงดงามร่างหนึ่งเดินย่างกรายเข้ามาที่ประตูใหญ่ของหอถงเหวิน ดึงดูดสายตาของชายหนุ่มนับไม่ถ้วนทันทีหญิงงามคนหนึ่งในชุดสีเขียวบาง สวมผ้าคลุมหน้า แม้จะมองเห็นหน้าไม่ชัด แต่ ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้น กลับส่องประกายใสกระจ่าง ดุจดวงดาวพร่างพราวบนท้องฟ้ารูปร่างอันน่าประทับใจ สมส่วน เรือนร่างที่ได้สัดส่วนทองคำ ผมยาวสลวยพอดีเอว ปอยผมหลายเส้นพลิ้วไหวตามการก้าวเดิน“แม่นางซ่างกวนมาแล้ว! แม่นางซ่างกวนมาแล้ว...” ภายในห้องโถงมีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นเมื่อหยางเฉินได้ยินก็ตกตะลึงเล็กน้อย หันศีรษะมองไปทางด้านนอกหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “ท่านน้า ท่านนี้คงจะไม่ใช่คุณหนูแห่งตระกูลอัครมหาเสนาบดีใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง นางก็คือซ่างกวนซืออิน แล้วก็เป็นแขกประจำของหอถงเหวินของเรา อีก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status