เมื่อถึงโรงพยายาบาล หลังจากที่ตรวจเบื้องต้นแล้ว น้ำหวานก็ถูกส่งไปยังห้องผ่าตัดโดยด่วนเนื่องจากไส้ติ่งแตก น้ำตาลและภูริทัตรออยู่หน้าห้อง เวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงคุณหมอก็เดินออกมา น้ำตาลจึงรีบเดินเข้าไปหา
“เป็นยังไงบ้างคะหมอ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง โชคดีที่นำตัวคนไข้มาส่งโรงพยาบาลทัน ให้คนไข้พักดูอาการสักสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวพยาบาลจะรับหน้าที่ต่อจากนี้นะครับ หมอขอตัวก่อน”
หมอหนุ่มยิ้มให้แล้วเดินกลับไป
ภูริทัตเดินเข้ามายืนด้านข้าง “ไม่เป็นไรแล้วนะตาล”
“อืม” น้ำตาลพยักหน้ารับ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เธอหนักใจไม่น้อย
“ทัต พี่ภูไม่ได้ทำงานที่นี่ใช่มั้ย” ที่เธอถามเพราะภูริทัตเป็นคนพามาโรงพยาบาลนี้
เพื่อนหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ เธอไม่ต้องกังวล”
“อืม” น้ำตาลกัดริมฝีปากและพยักหน้า
จากนั้นพยาบาลก็เดินออกมาหาญาติคนไข้ บอกกล่าวเรื่องการนำตัวคนไข้ไปยังห้องพักฟื้นและเรื่องขั้นตอนการรักษาต่าง ๆ
“เดี๋ยวฉันจัดการให้ เธอไม่ต้องห่วง” ภูริทัตอาสา
“ขอบใจนะทัต”
น้ำตาลนั่งมองหน้าน้องสาวที่ขณะนี้กำลังหลับเพราะฤทธิ์ยา การอยู่เงียบ ๆ แบบนี้ทำให้หัวเธอพลางคิดเรื่องราวต่าง ๆ ไปด้วย
สักพักน้ำหวานเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว หูเธอแว่วเสียงคนคุยกันใกล้ ๆ ก่อนที่จะได้ยินชัดเจนขึ้น พี่สาวเธอกำลังคุยกับภูริทัตอยู่ ตอนแรกตั้งใจจะส่งเสียงเรียกให้รู้ว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว แต่สุดท้ายตัดสินใจนอนฟังเงียบ ๆ
“ทัตนายไม่ต้องอยู่รอหรอก หวานปลอดภัยดีแล้ว ฉันขอบใจนายมาก” น้ำตาลบอกเพื่อนเพราะเกรงใจ
เขาหันมาจ้องหน้าเธอ “พูดแบบนี้ได้ไงตาล ฉันจะไม่แค่อยู่รอที่นี่ แต่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนทุกอย่างเรียบร้อย ตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน จะไปพักกับฉันที่บ้านมั้ย”
“งั้นเหรอ” น้ำตาลแค่นหัวเราะเมื่อเขาชวนเธอไปบ้าน
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำอะไรให้เธอเกลียดจนไม่อยากเจอหน้ากันขนาดนี้” เขาส่ายหัว รู้สึกผิดหวังและน้อยใจ
น้ำตาลเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “ฉันไม่ได้เกลียดนาย”
“ถ้างั้น ทำไมเธอถึงต้องหนี ไม่ติดต่อกลับมาเลย ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้อยากเกี่ยวข้องกับพี่ภูอีก แต่เธอรู้มั้ย ตั้งแต่ที่เธอไม่อยู่พี่ภูก็ไม่เหมือนเดิม ฉันรู้ว่าเขาต้องอยู่กับความเจ็บปวด” ภูริทัตเอ่ยท่ามกลางความเงียบ
น้ำตาลหันหน้ากลับมา “จริงเหรอ เขาสังเกตด้วยเหรอว่าฉันไม่อยู่”
ภูริทัตถอนหายใจ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตาล ฉันไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างเธอกับพี่ภูมีเรื่องอะไรกัน แต่ฉันรู้ว่าพี่ภูเป็นเจ็บปวดมากหลังจากที่เธอจากไป ฉันแค่อยากบอกว่าเธอควรจะคุยกับเขา เพราะเขายังคงเป็นสามีเธออยู่ไม่ว่าเธอจะยอมรับความจริงข้อนี้ได้หรือไม่”
เขายังคงเป็นสามีเธออยู่
ประโยคนี้ของเพื่อนสะท้อนก้องในหัวของน้ำตาล สามปีมานี้เธอพยายามที่จะไม่เอ่ยหรือคิดถึงเรื่องนี้มาตลอด เธอเหมือนจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโสดไร้พันธะแต่ที่จริงแล้วรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และที่สำคัญ ยังไม่ได้หย่า เธอรู้ว่าเพื่อนพูดถูก เธอต้องยอมรับว่าเธอเป็นภรรยาของภูริวัฒน์ พี่ชายของเขา ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม
“พ่อเพิ่งเสียไปเมื่อสามเดือนก่อน” ภูริทัตเอ่ยหลังจากที่ทั้งคู่เงียบไปสักพัก
ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกใจหาย น้ำตาลวางมือลงบนบ่าเพื่อน “ฉันเสียใจด้วย”
ภูริทัตมองหญิงสาว ยิ้มเศร้า ๆ ให้ “พ่อหัวใจวายเฉียบพลัน ตลกเนอะ พ่อเป็นหมอแต่ก็มาตายด้วยโรคหัวใจ” เขาส่ายหัวด้วยท่าทางที่ยังไม่อาจยอมรับความจริงได้
“เอ่อ…แล้วพี่ภูเป็นไงบ้าง” ถามเสียงเบา
เพื่อนหนุ่มเลิกคิ้วมอง “พี่ภูพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้เขารับช่วงต่อโรงพยาบาลจากพ่อ แล้วก็ทำงานหนักเป็นบ้าเป็นหลัง ฉันแทบไม่เคยเจอหน้าเลยถึงจะอยู่บ้านเดียวกัน”
“สมเป็นพี่ภู” น้ำตาลถอนใจยาว
“เธอควรไปเจอเขานะตาล อย่างน้อยถ้าไม่อยากเจอก็โทรหาให้เขารู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ก็ยังดี เราเคยคิดว่าเธอ…อาจตายไปแล้ว” ภูริทัตพยายามตะล่อม แน่นอนว่าเขาหวังผล เขาเป็นคนกลาง ไม่อยากให้ทั้งสองคนลงเอยเช่นนี้
สองปีต่อมาภูริวัฒน์นอนตะแคงข้าง มองผู้หญิงสองคนที่เขารักที่สุดในโลก คนหนึ่งคือภรรยาที่กำลังนอนคว่ำหน้าหมดแรง เนื่องจากเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก และอีกหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนางฟ้าตัวน้อยของเขา น้องดาหวัน ซึ่งกำลังหลับปุ๋ยอยู่ระหว่างพ่อและแม่ ในมือกอดขวดนมไว้หลวม ๆ เขาอดใจไม่ไหวยื่นนิ้วออกไปเกลี่ยแพขนตางอนหนาของเจ้าตุ๊กตาตัวน้อย ไม่ได้อยากทำให้ตื่น แต่ทนต่อความน่ารักไม่ไหวจริง ๆไม่มีคำไหนมาบรรยายความรักของเขาที่มีต่อเธอได้เลย ตอนนี้ชีวิตเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาอิ่มเอมอย่างที่สุด มีทั้งภรรยาที่รัก และลูกสาวที่น่ารัก นอกจากนี้ แม่เขาก็เปิดใจรับน้ำตาลมากขึ้น หลังจากเกิดเรื่องราวในคืนนั้น แม่กับน้ำตาลแม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบเมื่อก่อน เขารู้สึกขอบคุณแม่ที่ยอมละทิฐิตัวเองลงไปได้บ้างไม่กี่นาทีถัดมา น้ำตาลรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอหยีตาก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตา“พี่ภูตื่นแล้วเหรอคะ” ถามพร้อมบิดขี้เกียจ
อายุครรภ์ของน้ำตาลล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ยี่สิบสอง หน้าท้องของเธอตอนนี้นูนขึ้นมาจนสามารถเห็นได้ชัดขึ้นแล้ว และสิ่งที่น่ายินดีคือเธอรู้เพศของลูกแล้ว เธอกับภูริวัฒน์กำลังจะมีลูกสาว ตอนนี้เธอรับรู้การเคลื่อนไหวของแกบ่อยขึ้น น้ำตาลจำได้ว่าครั้งแรกเธอกลัวมาก เธอรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรขยับในท้อง ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นอันตรายจึงตื่นตระหนก“พี่ภูคะ!” เธอตะโกนเรียกสามีเสียงดังภูริวัฒน์รีบมาหาเธอทันทีโดยที่พันผ้าขนหนูไว้รอบเอวเท่านั้น ผมมีน้ำหยดติ๋ง ๆ หน้าตาเขาตื่นตกใจ “เกิดอะไรขึ้นตาล”“ตาลไม่รู้”เธอมองหน้าเขา แล้วยกมือวางที่หน้าท้อง “ตาลรู้สึกแปลก ๆ ข้างใน”สามีหนุ่มนั่งลงหน้าภรรยา เขาวางมือลงบนหน้าท้องเธอ ทั้งคู่เฝ้ารอจนกระทั่งความรู้สึกแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง“พี่ภู” น้ำตาลบอกให้เขารู้รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา
คุณหมอขยับเครื่องมือไปตามหน้าท้องของน้ำตาลเพื่อหาจังหวะการเต้นของหัวใจของทารกในท้อง เธอรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไปหมด รู้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวลมากแต่ก็อดไม่ได้ ส่วนภูริวัฒน์ยืนอยู่ด้านข้าง จับมือเธอไว้ขณะที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ในที่สุดก็ปรากฏภาพทารกที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์ ซึ่งหมอบอกว่าอายุประมาณเก้าสัปดาห์ น้ำตาลแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้เห็นภาพเจ้าตัวเล็กครั้งแรก ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก เมื่อคุณหมอขยับเครื่องมือ ก็เกิดเสียงดังตุบ ๆ ๆ คุณหมอสาวยิ้มให้“นี่เสียงหัวใจค่ะ” เธอบอกภูริวัฒน์มองหน้าภรรยาพร้อมกับบีบมือ ต่างคนต่างเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ดี มันตื่นเต้นตื้นตันเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พอตรวจเสร็จคุณหมอสั่งปรินต์รูปอัลตราซาวด์เจ้าตัวเล็กให้ จากนั้นพยาบาลก็นำมาให้พร้อมกับทำความสะอาดหน้าท้องคนไข้ เสร็จแล้วภูริวัฒน์ก็ช่วยพยุงภรรยาขึ้นจากเตียง“ทั้งแม่และเด็กแข็งแรงดีค่ะ” คุณหมอบอก
น้ำตาลยืนเอามือยันกับผนัง ชะโงกหน้าเหนือชักโครกและรอ แต่ไม่มีอะไรสักอย่าง เธอเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว รู้สึกอยากอาเจียน เธอเลยรีบมาที่ห้องน้ำ แต่พอมาถึง โก่งคออาเจียนกลับมีแต่น้ำลายเหนียว ๆ ทำเอาเธอเหนื่อยและเพลียมาก เธออยากให้อาการนี้หายไปสักที สุดท้ายเธอตัดสินใจนั่งลงที่พื้น รู้ว่าถ้ากลับไปนอนพัก อย่างไรเดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีก แต่เมื่อนั่งรอไปได้สักพัก ไม่มีทีท่าว่าจะอาเจียนต่อจึงลุกกลับไปนอน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น เธอนึกแปลกใจเพราะว่าตอนนี้ใกล้จะตีสี่เข้าไปแล้ว ใครจะโทรมาเวลานี้ เธอควานมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู หัวใจเธอเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เพียงแค่เห็นก็รู้สึกอบอุ่นใจ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอมีอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ“พี่ภู”“ตาล พี่ปลุกตาลรึเปล่า” รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลานอนแต่ทนคิดถึงไม่ไหว ทั้งยังตื่นเต้นที่กำลังจะได้เจอ“เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงเหนื่อยจนคนฟังจับได้“ตาลไม่ได้นอนอยู่เหรอ เป็น
สองสัปดาห์ผ่านไปที่น้ำตาลภรรยาสุดรักกลับไปหลังจากที่เธอมาหาเขาพร้อมกับข่าวดี ภูริวัฒน์ยังคิดว่าตัวเองฝันไปที่กำลังจะมีลูก เขารู้สึกถึงช่วงเวลาสุดพิเศษ มีความสุข ยิ้มได้ทั้งวัน จนคนรอบข้างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่แน่นอนว่าเขาจะต้องบอกน้องชายกับแม่เร็ว ๆ นี้ตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง เขากับน้ำตาลอยู่ไกลกันคนละจังหวัด เขาเป็นห่วงเธอกับลูก อยากเจอ อยากไปหา ไปดูแล เพราะเธออยู่ในช่วงที่อารมณ์อ่อนไหวและต้องการการดูแลอย่างระมัดระวังที่สุด ผลสอบชิงทุนของน้ำหวานประกาศแล้ว สรุปว่าเธอได้รับทุนสมใจ จึงต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะจัดการเอกสารต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เดินทางไปเรียนที่ออสเตรเลียในอีกสี่เดือน เขาไม่อยากให้น้ำตาลอยู่ตัวคนเดียวในช่วงเวลานี้ เพราะเธอยืนกรานว่าจะไม่ย้ายมาอยู่กับเขาก่อนที่น้องจะเดินทาง“พี่ภูไม่ต้องมาหรอกค่ะ ตาลอยู่ได้” เสียงภรรยาตอบกลับเมื่อเขาบอกว่าจะไปอยู่กับเธอ“พี่อยากไปอยู่ใกล้ ๆ ตาลกับลูก”“แ
อาการดีใจของคนที่กำลังจะเป็นพ่อทำให้น้ำตาลน้ำตารื้น เธอรักเขา รักผู้ชายคนนี้ ผลลัพธ์ต่างจากที่เธอคาดเอาไว้มาก“ค่ะ เรากำลังจะเป็นพ่อแม่คน” น้ำตาลหัวเราะกับท่าทางดีใจเกินเหตุของเขาภูริวัฒน์ลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นเสยผมแล้วเดินกลับไปกลับมา“พี่จะทำยังไงดีตาล พี่ไม่ยากแยกจากตาลเลย ให้พี่กลับไปพร้อมกับตาลได้มั้ย…”“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่ภู” น้ำตาลรีบขัด “ใจเย็นแล้วนั่งลงก่อนค่ะ พี่เดินไปเดินมาแบบนี้ตาลเวียนหัวนะ”เขาหันกลับมาแล้วคุกเข่าตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้าง“ตาลไม่รู้หรอกว่าพี่ดีใจขนาดไหน ตาลทำให้พี่เป็นผู้ชายที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลกรู้มั้ย พี่อยากให้ตาลรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้พี่รู้สึกยังไง” น้ำเสียงชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจพูดย้ำไปย้ำมาน้ำตาลยิ้ม ยื่นมือออกไปแนบแก้มเขา “ตาลรู้ค่ะ ตาลดีใจที่ข่าวนี้ทำให้พี่มีความสุข”“ตาล พี่รักตาล”เขา