“เยว่เล่อคารวะท่านซู่ วันนี้เยว่เล่อเสียมารยาทแล้วเจ้าค่ะ”
แม้ในใจบุรุษสูงวัยเช่นเสนาบดีซู่จะคิดนึกชังนาง แต่ไม่อาจหวั่นไหวกับความงามไร้ที่ติของนางได้ เนินอกขาวผ่องที่มองเห็นเพียงวับ ๆ แวม ๆ แต่ก็ชวนหวาบหวิวไม่น้อยนั่น อีกทั้งหน้าตาท่าทางผิวพรรณนางอีก เล่นเอาชายสูงวัยที่ยังไม่เสื่อมในกามเช่นเขาตาวาววับขึ้นมาเสียไม่ได้ และนั่นไม่อาจจะรอดพ้นสายตาคมปลาบของคนผู้หนึ่งไปได้จึงเลือกยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดในคราเดียว
“ไม่เกรงใจ ๆ มาเถอะ เช่นไรก็มาแล้วมาดื่มกับข้าสักจอกเถอะ”
“เจ้าค่ะ” เยว่เล่อเดินมานั่งแทรกที่ว่างระหว่างจวิ้นอ๋องและเฟยเซียน นั่นทำเอานางตวัดตามองเยว่เล่ออย่างนึกชัง
เยว่เล่อรับเอาจอกสุราจากเสนาบดีซู่ยกกระดกดื่มจนหมด สุราดีหากแต่ร้อนแรงไปหน่อยดื่มไปเพียงจอกเดียวก็ทำเอานางร้อนรุ่มเสียแล้ว โหนกแก้มนางรื่นสีแดงขึ้นน้อย ๆ
‘หึ! ดื่มไม่เก่งแต่อวดดีเสียจริง!’ เฟยหลงต่อว่าสาวใช้ต้นห้องในใจ
“เจ้ามาทำไม!” ทั้งสี่นั่งดื่มพูดคุยกันตามปกติ แต่หากมีใครสังเกตจะพบว่าตอนนี้สายตาอ๋องหนุ่มเหี้ยมสักเพียงใด อีกทั้งยังลอบกัดฟันเอ่ยถามเสียงเย็นให้ได้ยินเพียงเขาและนางแค่สองคน
‘สตรีน่าตายใครใช้ให้นางแต่งกายเช่นนี้ออกจากบ้านกัน ของ ๆ เขาก็ต้องมีเพียงเขาที่ชมได้ กลับไปเห็นทีต้องกำราบเสียหน่อย’
“มาตามท่านไง” เยว่เล่อเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ส่งยิ้มหวานหยดให้ ก่อนจะเริ่มแสดงความเป็นเจ้าของจวิ้นอ๋องในทันที
“ท่านอ๋องเยว่เล่อรู้สึกมึนหัวเสียแล้วสิ” เยว่เล่อแสร้งซบอิงอกแกร่ง ปากก็พร่ำพูดว่ามึนหัวเกรงว่าสาเหตุมาจากสุราดีของเสนาบดีซู่เป็นแน่ นางทั้งอิงแอบทั้งคว้ากอดแขนแกร่งอย่างไม่เกรงใจรึว่าเอียงอายเช่นสตรีต้าเว่ย
ท่าทางของนางที่ทำกับจวิ้นอ๋องเล่นเอาเฟยเซียนถึงกับอ้าปากหวอพูดไม่ออก นี่นางมาแย่งจวิ้นอ๋องไปอย่างหน้าด้าน ๆ เลยรึ
“เช่นนั้นเยว่เล่อไปพักผ่อนที่เรือนข้าก่อนดีรึไม่”
“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากติดเสนียด เอ๊ย! ไม่อยากให้เตียงเจ้าเปื้อนประเดี๋ยวต้องวุ่นวายทำความสะอาดอีก”
“อ๋อ เช่นนั้นรึเช่นนั้นท่านอ๋องเอาเช่นไรดีล่ะ จะอยู่ต่อรึจะกลับข้าเห็นว่าเยว่เล่อนางไม่สู้ดีนัก” เสนาบดีซู่แทบสำลักสุรายิ่งเยว่เล่อนางกอดซบแขนแกร่งถูไถไปมาชายเสื้อนางยิ่งขยับต่ำ
ใช่ว่าจวิ้นอ๋องอ่านสายตาเสนาบดีเฒ่าไม่ออก เขาเองมองจากมุมนี้ก็แทบสำลักเช่นกัน เนินอกขาวผ่องสองลูกเบียดกันภายใต้ป่านปี้ของนางทำเอาเลือดในกายเดือด อีกทั้งการที่บุรุษอื่นมองนางยิ่งทำให้อารมณ์อ๋องหนุ่มเดือดในอกรุ่มร้อนแปลกประหลาด ในใจก็นึกเกิดหวงไม่อยากให้ผู้ใดมองนาง เมื่อไม่อาจทนต่อสายตาโลมเลียของเฒ่ามากกามได้ ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วไม่เสียเวลาต้องร่ำลา เสนาบดีผู้นี้ต่อไปคงไม่พ้นเป็นศัตรู รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นสาวใช้ตำหนักเหมันต์แต่ก็ยังบังอาจมองนาง
มือแกร่งดั่งคีมเหล็กคว้าท่อนแขนเสลาลากไปตามทางอย่างนึกโมโห เมื่อถึงรถม้าคันใหญ่ก็ผลักนางเข้าไปด้านในอย่างแรงตามพายุอารมณ์ที่กำลังก่อย่อม ๆ ในใจ
“โอ๊ย ข้าเจ็บนะท่านอ๋องผลักมาได้ นี่คนนะเจ้าคะ!”
สองปีต่อมา“อิงเว่ยเร็วเข้าลูก หลงหลงอย่าวิ่ง ๆ” เสียงหวานของเยว่เล่อคอยเอ่ยเตือนบุตรสาวบุตรชายที่กำลังอยู่ในวัยซุกซนหลงหลงวิ่งไล่วิ่งแอบผู้เป็นน้องสาวอย่างนึกสนุก ก่อนจะวิ่งเข้าไปยังศาลาที่มีท่านอาจารย์รอท่าคอยสอนเขียนอักษรอยู่“จวิ้นอ๋องดูลูกสาวเราสิ ไม่ห่างพี่ชายเลยจริง ๆ”“ดีแล้วโตมาจะได้ไม่อ่อนแอ คนอื่นจะได้มิรังแกได้ง่าย ”“ท่านนี่คอยตามใจไปเสียหมด ระวังลูกจะเสียคนเอาได้นะเพคะ”“รู้แล้วน่า เยว่เล่อ...”“ท่านอ๋อง ไม่พอได้แล้วรึเจ้าคะ นี่ก็สองคนแล้วนะ” เยว่เล่อเพียงสบตาก็รับรู้ทุกสิ่ง“ไม่! ข้าอยากมีซักห้าหกคน นะ ๆ เยว่เล่อป่ะไม่อ่านแล้วนิทานพวกนี้ ไปเถอะนะ ๆ ”“เฮ้อ ก็ได้เจ้าค่ะแต่แค่รอบเดียวนะเจ้าคะ”“อืม ย่อมได้” จวิ้นอ๋องรับปากนางเพียงครั้งเดียวจริง ๆ หากนางต้องการเองรอบต่อไปนั่นก็ไม่นับกันแล้ว หึ ๆ”“ว๊าย อุ๊ย” เยว่เล่อตกใจที่จู่ ๆ ถูกอุ้มตวัดเข้าอ้อมแขนอย่างเร็วหลังสองสามีภรรยาจับพลิกคว่ำพลิกหงาย ทั้งนั่ง ทั้งยืน กันเสียหลายท่าจนสุขสมภิรมย์ เยว่เล่อก็ได้เอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจมาตลอด“อาหลง เหตุใดตอนนั้นไม่ไปหากันบ้างเลย ทั้งที่ทุ่งหญ้ากับวังหลวงอยู่ไม่ไกล” เยว่เล่อเขี่ยยอดอ
สองเดือนต่อมาพระราชวังมีการเฉลิมฉลองพิธีสมรสของจวิ้นอ๋องอย่างยิ่งใหญ่ ตระกูลอัน เผ่าทุ่งหญ้า ท่านตานาง ทั้งเสนาบดีใหญ่หลั่งไหลเข้ามาในงานพิธีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทันทีที่เจ้าสาวก้าวเดินออกมาผู้คนทั่วทั้งงามต่างตะลึงในความงามของเจ้าสาว สินสอดในงานมีมากมายจนเรียกเสียงฮือฮา จวิ้นอ๋องร่ำรวยใยจะปล่อยให้ภรรยานำสินเดิมออกมาแต่งงาน เขาจัดการทั้งเงินทอง ตั๋วเงิน ที่ดิน เครื่องประดับล้ำค่ามากมายมอบให้กับนางหลงหลงเดินเคียงข้างผู้เป็นมารดาและบิดาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ในที่สุดวันนี้เด็กน้อยก็มีครอบครัวพร้อมหน้า อีกทั้งท่านพ่อยังเก่งกาจ รูปงาม เช่นนี้ถึงจะเหมาะสมกับท่านแม่คนงามของเขา“อาหลง เยว่เล่อ วันนี้ข้าดีใจยิ่งนักในที่สุดเจ้าก็ได้มาเป็นลูกสะใภ้ข้าสมใจเสียที” ไทเฮามอบไข่มุกพันปีเป็นของขวัญวันแต่งงานของพวกเขา พร้อมที่ดินอีกมากมายท่านตานางก็หาได้น้อยหน้าไม่ มอบทั้งม้า ทั้งของล่ำค่าของเผ่าทุ่งหญ้าให้กับฝ่ายเจ้าบ่าวเช่นกัน“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” เยว่เล่อและจวิ้นอ๋องร่วมดื่มสุรามงคลด้วยความชื่นมื่น ทั้งท่านตาและไทเฮาต่างกระซิบขอหลานอีกคนอย่างวาดหวัง ทั้ง จวิ้นอ๋องเองยังตกคำรับเป็นมั่นเป็นเหมาะ
จวิ้นอ๋องบรรจงวางเยว่เล่อลงเตียงช้า ๆ สองตาประสานลึกซึ้ง จวิ้นอ๋องรีบถอดชุดจากตัวอย่างเร่งรีบ เพียงชั่วพริบตากายแกร่งก็เปลือยเปล่าต่อหน้าเยว่เล่อจนนางนึกอายต้องหันหน้าหนี“เยว่เล่อเร็วเข้า”“เร็วอันใด”“อ่อ เช่นนั้นข้าถอดเอง” จวิ้นอ๋องรีบร้อนไม่เสียเวลาปลดอาภรณ์น้อยชิ้นของนางให้เสียเวลา มือหนาเพียงกระชากชุดนางก็หยุดติดมือใหญ่ออกมา พลันปรากฏเรือนร่างงดงามขาวเนียนแก่สายตา เยว่เล่อพวงแก้มแดงปลั่งเนื้อตัวสั่นไหวจนแดงก่ำไปทั้งตัว“อ๊ะ อ๊า จะจวิ้นอ๋อง”“อืม เรียกอาหลง เยว่เล่อ”“อ๊ะ อะอาหลง อ่า” เยว่เล่อถูกจวิ้นอ๋องทรมานทั้งบนทั้งล่างพร้อมกันจนนางต้องดิ้นอย่างทรมานราวไฟเผา ลิ้นเปียกชื้นตวัดเลียตุ่มไตกลางเต้าใหญ่อย่างหลงใหล ลิ้นหนาดูดวนย้ำซ้ำ ๆ ที่ปทุมใหญ่ของนางครั้งแล้วครั้งเล่าจนเปียกชื้นมืออีกข้างก็ฟ้อนเฟ้นรุนแรงขึ้นตามแรงปรารถนาในนาง มือเยว่เล่อเองก็ปัดป่ายไปจนทั่วเนื้อตัวของจวิ้นอ๋อง จนเผลอลูบต่ำลงไปแต่นางยั้งมือไว้สะก่อน และนั่นทำให้จวิ้นอ๋องชะงักค้างตัวแข็งทื่อ เยว่เล่อจึงเปลี่ยนเป็นดูดดึงตุ่มเนื้อน้ำตาลของเขาแทน เลียนแบบที่เขาทำกับนาง ลิ้นเล็กดูดเลียตวัดไปมาเฉกเช่นเขาทำกับนางจวิ้นอ
“ท่านแม่” หลงหลงวิ่งเข้าไปกอดมารดาอย่างคิดถึง เยว่เล่อย่อตัวดึงลูกชายเข้าสู่อ้อมอก มือลูบหลับปลอบจนหลงหลงสงบลง“ลูกแม่ โอ๋ ๆ ไม่ร้อง ๆ แม่อยู่นี่ ๆ”“ท่านแม่หลงหลงง่วงแล้ว” เด็กน้อยใช้สองมือขยี้ตาไปมาอย่างง่วงงุน“ป่ะเช่นนั้นเราก็กลับกันเถอะ” เยว่เล่อเตรียมจูงบุตรชายกลับไปเรือนนอกวัง“เจ้าจะไปที่ใดเยว่เล่อ”“กลับเรือนเจ้าค่ะ” เยว่เล่อตอบไม่มองหน้า“เหตุใดไม่นอนนี่ นี่ก็มืดค่ำแล้ว อีกอย่างหลงหลงก็ง่วงแล้ว จะทรมานเขาไปทำไมกัน”“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ” เยว่เล่อดึงมือบุตรให้ออกเดินตาม“เยว่เล่อนอนนี่!” จวิ้นอ๋องครั้งนี้ไม่ฉายแววหยอกเย้า เอ่ยเสียงเข้มเชิงบังคับ“เฮ้อ ก็ได้แต่แค่ข้ากับหลงหลง อ๊ะท่าน!” เยว่เล่อตกใจตาโตที่จวิ้นอ๋องมิวายรังแกนางหลงหลงน้อยรู้ความรีบปล่อยมือมารดายกมือขึ้นปิดตาทำไม่รู้ไม่เห็น ยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อนึกเอ็นดูในความฉลาดเฉลียวของผู้เป็นบุตรชายจวิ้นอ๋องเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วก็จำใจล่าถอย เขามีวิธีที่จะทำให้เยว่เล่อใจอ่อนกลับมาชื่นชอบในตัวเขาเช่นเดิม ครั้งนี้เขาไม่ยอมให้นางหนีไปอีกแล้ว อีกทั้งหลงหลงน้อยของเขาช่างน่ารักน่าชัง แถมยังบอกว่ามีแต่บุรุษมาขอเป็นพ่อของเขาอีก ฟังแล้วใจ
“เอาล่ะ ๆ เก่งก็เก่ง นี่ก็ใกล้เวลาที่ข้าต้องไปแล้ว ว่าแต่เจ้าพลัดหลงงั้นรึ เหตุใดถึงได้มาเดินในวังหลวงเพียงลำพัง”“ไม่ ๆ ข้าแอบท่านแม่มา”“ห๊ะ แอบมาแล้วพ่อแม่เจ้าเป็นผู้ใดเล่า ป่านนี้ไม่ตามหาเจ้าให้วุ่นแล้วรึ”“ชู่ว ข้าไม่มีพ่อ มีเพียงท่านแม่ท่านตา ถึงจะมีแต่คนแย่งกันเป็นพ่อข้ามากมายก็ตามที” หลงหลงยกนิ้วขึ้นมาป้องปากอย่างน่าเอ็นดู พร้อมยื่นหน้าไปกระซิบเบา ๆ กับผู้ที่ตนนับว่าเป็นสหายใหม่“หึ แม่เจ้าเป็นหญิงงามเช่นนั้นรึ หญิงงามเช่นไรเจ้าถึงไม่มีพ่อ รึพ่อเจ้าเอ่อ ตายแล้วงั้นรึ” ยิ่งได้พูดคุยจวิ้นอ๋องก็หลวมตัวลุ่มหลงกับความช่างพูดของเจ้าเด็กหลงหลงหลงหลงเองก็นึกชอบบุรุษผู้นี้ ปกติเขาไม่ยอมพูดคุยกับบุรุษคนไหนยาวเหยียดขนาดนี้“แน่นอนแม่ข้างามสมชื่อ พ่อข้าเห็นท่านตาบอกว่าเป็นบุรุษไร้ความรับผิดชอบ เขาไม่ชอบแม่ข้า ข้าแอบได้ยินมาว่าเป็นชาวต้าเว่ย”“บุรุษต้าเว่ยเราใยจะไร้ความรับผิดชอบ” จวิ้นอ๋องจู่ ๆ ก็คิ้วกระตุก ใยในใจเขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง“ท่านอ๋อง ได้เวลาแล้วขอรับ” หลี่อี้เอ่ยเตือน ในใจนึกเหมือนเห็นพ่อกับลูกกำลังสนทนากันอยู่ก็มิปาน หน้าก็คล้าย ท่าทางก็เหมือน ก่อนจะส่ายหัวน้อย ๆ กับความคิ
หลงหลงเมื่อเห็นว่ารถม้าหยุดนิ่งและเสียงของมารดาไกลออกไปก็ออกจากที่ซ่อนอีกทั้งรีบวิ่งลงจากรถม้า เด็กน้อยมองจดจำที่ ๆ รถจอดอยู่อย่างขึ้นใจ ขอเพียงไปเที่ยวชมเมืองใหญ่แห่งนี้เพียงครู่ก็จะกลับมาซ่อนอยู่ที่เดิมก็คงทันมารดาพอดีเด็กน้อยวิ่งเร็ว ๆ เข้าไปในที่ ๆ เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ดวงตามองสอดส่องไปทั่วทั้งตำหนักน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงราย เหล่าทหารเดินสวนเป็นขบวน นางกำนัลเองก็มีแต่คนงาม ๆ สิ่งของแปลกตาทำให้เด็กน้อยเพลิดเพลินจนลืมเวลา เดินลัดเลาะมาเรื่อย ๆ จนเข้าใกล้ลานใหญ่ที่แว่วเสียงดนตรีและพูดคุยของผู้คน โดยมิทันได้ระวังทางก็สะดุดล้มเข่ากรแทกพื้นอย่างแรง“หลี่อี้ นั่นลูกหลานผู้ใด” จวิ้นอ๋องที่เห็นเด็กชายตัวน้อยล้มลงก็รีบวิ่งเข้าไปหา“เจ้าเด็กน้อย”“ฮือ” หลงหลงส่งเสียงครางเพียงครั้งเดียวก็กลั้นเจ็บ เบ้หน้าน้ำตารื้นแต่ก็มิยอมส่งเสียงร้องไห้แต่อย่างใดจวิ้นอ๋องตะลึงเมื่อเด็กน้อยมองหน้าเขา ดวงตาเช่นนี้คล้ายนางยิ่งนัก เพียงครู่ก็ได้สติรีบเปิดกางเกงมองดูเข่าของเด็กน้อยที่เห็นว่าปริแตกเพียงเล็กน้อย จึงช้อนอุ้มเดินอาด ๆ ไปยังเรือนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี“เจ้าชื่ออะไรเจ้าเด็กน้อย” จวิ้นอ๋องเอ่ยเสียงท