น้ำอุ่นๆร้อนๆทะลักออกมาเมื่อเจตนิพัทธ์เอาแก่นกายที่อ่อนแรงแล้วออกจากช่องทางรักของคนรักสาวสวย แต่เขาก็ยังอ้อยอิ่งอยู่บนร่างกายที่นุ่มนิ่มจนพราวตะวันต้องท้วงขึ้นมา
”เจต..เลอะหมดแล้ว ขอพราวไปห้องน้ำหน่อย“
”ถ้าไปส่งบ้านแล้ว คืนนี้ออกมาอยู่กับเจตที่นี่ได้ไหม? ใกล้เช้าจะไปส่งกลับบ้านเหมือนเดิม”
“แล้วเจตจะไม่กลับบ้านได้ยังไง? บ้าแล้ว”
“ไม่มีโอกาสได้อยู่สองคนนานๆเลยอ่ะ อยากกอดอยากได้ทั้งคืน”
“เจตยังไม่ตอบพราวเลย ทำไมถึงคาสายให้พี่คิณฟังเรามีอะไรกัน?”
“ก็เขาบอกไม่ต้องวาง แล้วตอนนั้นเจตใกล้เสร็จเลยลืมตัวไปหน่อย”
คำตอบของเจตนิพัทธ์ทำเอาพราวตะวันแอบช็อก
นี่แปลว่า…พี่คิณจงใจอยากฟังคนสองคนร่วมรักกันอย่างนั้นเหรอ? แล้วแฟนฉันก็บ้าจี้ทำตามที่พี่ชายสั่งอีกต่างหาก…
พราวตะวันใช้แรงผลักเจตนิพัทธ์ให้ออกจากตัวเธอ พอเธอลุกขึ้นได้ก็กระฟัดกระเฟียด หยิบกางเกงชั้นในไปด้วยแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง
”พราว..ที่รัก ออกมาหน่อยครับ โกรธอะไรอีกแล้วเหรอ?”
เขาเคาะประตูห้องน้ำเบาๆเรียกเธออยู่แบบนั้น เงี่ยหูฟังก็ได้ยินแค่เสียงเหมือนอาบน้ำ สักพักพราวตะวันก็เปิดประตูออกมาโดยไม่มองหน้าเขา
“พราว…เจตขอโทษ”
“ไม่ต้องไปส่งแล้ว พราวจะเรียกวินให้ไปส่งที่บ้าน”
“เดี๋ยว! พราว คุยกันก่อน”
เขารีบกอดเธอที่กำลังเดินหนีจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว
“ทั้งพี่ทั้งน้องเลย พูดไม่จริงกับพราวตั้งแต่แรกถ้าไม่ถามเอาความจริง พี่คิณบอกว่าเจตไม่ได้วางสาย ส่วนเจตก็ไม่บอกตั้งแต่แรกว่าพี่ชายสั่ง ดีจังนะ เป็นพี่น้องที่แชร์ทุกอย่างด้วยกัน แต่พราวไม่ใช่สิ่งของ..ปล่อย! แม่พราวรอทานข้าว”
“ขอโทษ…อย่าโกรธเลยนะ นี่คือความผิดพลาดของเจตเอง ผิดครั้งแรกและจะเป็นครั้งเดียว ให้อภัยได้ไหม?”
“พราวไม่อยากสู้หน้าพวกคุณ อย่าพึ่งเจอกันสักระยะแล้วกันนะ”
เจตนิพัทธ์ถึงกับตะลึงเหมือนถูกบอกเลิก ใจเขาเหมือนหล่นตุ้บลงกับพื้นทำเอาหูอื้อไปเลย
“ไม่อ่ะ ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย?”
“ทำอะไร? แค่ไม่เจอกันไม่ตายหรอก..ปล่อย!”
เขาไม่ยอมปล่อยกอดแน่นเอาหน้าซุกที่ซอกคอเธออยู่แบบนั้น
“ถ้าไม่ปล่อยนะเจต อย่าให้พราวได้พูดออกมานะ”
“เจตผิดไปแล้ว ขอแค่พราวอภัยให้ จะไปส่งกลับบ้านตอนนี้เลย”
“ไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง คนเราโกรธจะให้หายทันทีเลยเหรอ? ปล่อยนะ!”
พราวตะวันใช้แรงที่มีทั้งหมดสะบัดปัดแขนของเจตนิพัทธ์ออกไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเธอรุนแรงกับเขามากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกไปโดยไม่ปิดประตู
เธอเดินดุ่มๆจ้ำอ้าวออกไปที่หน้าปากซอย โดยที่เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไปเงียบๆ เธอกดเรียกในแอปพลิเคชันแล้วยืนรอ ส่วนเจตนิพัทธ์ที่เก้ๆกังๆยืนอยู่ข้างหลังได้แต่จับปลายเสื้อของแฟนสาวเอาไว้เพราะไม่กล้าแตะต้องตัวเธอ
“ถ้าไม่เจอกัน ขอโทรหาได้ใช่มั้ยครับ?”
เชอะ..มาทำเป็นพูดเพราะใส่ฉันงั้นเหรอ ให้รู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร ขืนฉันให้อภัยง่ายๆก็คงจะเคยตัวสินะ…
“ได้แค่ส่งข้อความเท่านั้น”
มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งได้มาจอดเพื่อรับพราวตะวัน เธอไม่มองหน้าแฟนหนุ่มและบอกให้ไรเดอร์รีบขี่ออกไป
เจตนิพัทธ์ขับรถกลับบ้านด้วยความไม่พอใจระคนเศร้า เขาไม่กินมื้อเย็นกับทุกคนเอาแต่อยู่ในห้อง พลางกดส่งข้อความหาพี่ชายเพื่อเคลียร์เรื่องที่แฟนสาวโกรธ
ไม่นานหลังมื้อเย็นจบลง คิณภัทรได้ไปเคาะห้องของน้องชายเพื่อสอบถาม
“พี่ไปบอกพราวทำไมเรื่องที่ได้ยินตอนที่เจตมีอะไรกับพราว? มันเป็นปัญหารู้ป่ะ พราวโกรธจนไม่ให้เจอกันสักระยะซึ่งก็ไม่รู้กี่วัน โทรหาก็ไม่ได้ ขอโทษก็ไม่ให้อภัย พราวบอกพี่กับเจตอ่ะรู้กันแล้วเข้าหน้าพวกเราไม่ติด โธ่เว้ย..”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คิณภัทรถามด้วยความขำเล็กน้อย
“ไม่ตลก..พราวไม่เคยพูดคำว่า..เลิก แต่เมื่อกี้เจตโคตรกลัว เราไม่เคยไม่เจอหรือไม่คุยกันเลย เป็นเพราะพี่นั่นแหละ”
“โอเค พี่จะจัดการให้แกคืนดีกับน้องพราวเอง”
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องจะอยากติดต่อกับพราว เจตรู้ว่าพี่คิดอะไรก็แล้วกัน ถึงเจตจะรักพี่แค่ไหน แต่อย่าหักหลังกันแบบนี้ ที่อยากจะพูดคือนี่แฟนเจต เจตรักมาตั้งนานแล้ว”
“ที่ผ่านมาฉันเสียสละให้แกมาก็เยอะอยู่นะ”
“หมายความว่าไง? พี่มีทุกอย่างเลย ใช้เงินได้เต็มที่ มีรถหรูของใช้หรูๆ ส่วนเจตต้องรอแม่ซื้อให้ พี่เป็นลูกคนโตต้องได้ทุกอย่างอยู่แล้ว จะมาอยากได้ของๆเจตอีกเพื่อ?..”
คิณภัทรถอนหายใจและทรุดตัวนั่งลงที่สตูลวางขาใกล้กับโซฟานั่งเล่นในห้อง
“แกคิดว่าฉันสบายสินะ ตอนอายุเท่าแก ฉันยังแทบไม่มีชีวิตวัยรุ่นไปไหนก็ต้องไปกับพ่อ เรียนรู้การเข้าสังคม เรียนรู้งาน ห้ามมีแฟนเพราะพ่ออยากให้โฟกัสที่ธุรกิจครอบครัว ฉันแอบคบใครก็ไม่เคยคบได้นานเพราะดูชีวิตฉันสิ ครอบครัวต้องมาก่อนเสมอ ตอนแกอยู่มัธยมต้น ฉันเรียนมหาวิทยาลัยก็ใช้รถธรรมดาเหมือนกันกับแกตอนนี้ พ่อบอกเสมอให้ฉันเป็นหัวเรือใหญ่ อย่าทิ้งน้อง ต้องดูแลกิจการทั้งหมด แกไม่รู้หรอกว่ามันโคตร..จะ..เหนื่อย! วิธีเดียวที่จะเป็นอิสระได้คือต้องพิสูจน์ตัวเอง ฉันต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ คิดว่าฉันอยากไปเล้าจ์ ผับ บาร์งั้นเหรอ? ต้องเอนเตอร์เทนลูกค้าทั้งจากรัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศมันเหนื่อยนะเว้ย ผลกำไรที่ฉันทำได้ ฉันสมควรได้ใช้ป่ะ? ถามจริง?”
“ถ้าเจตทำงาน เจตมีสิทธิ์ใช้เงินมั้ยล่ะ? หรือต้องขอจากพี่เหมือนตอนที่ขอกับแม่?”
“ถ้าแกทำงานได้ดี ฉันไม่ใจร้ายกับน้องหรอก แต่ถ้าแกอยากได้ของระดับลักซ์ชัวรี่ ก็จงทำงานให้ฉันเห็นว่าบริษัทเรามีกำไรมากพอจะสปอยแกได้…”
คิณภัทรถือโอกาสพูดสั่งสอนน้องชายที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของเขาต่อทันที
“อีกปีเดียวก็จะจบ เตรียมตัวได้เลย แกจะมัวหมกมุ่นกับแฟนสาวสวยอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าไม่ทำให้เธอเห็นว่าแกมีอนาคต ไม่ใช่จะเกาะครอบครัวไปแบบนี้ เธอเองก็ต้องใช้ชีวิตมีสิ่งที่เธออยากทำเหมือนกัน จะมาทำตัวติดกันเป็นแฝดอินจันได้ยังไง ถ้าน้องเขาจะเลิกก็เพราะตัวแกเอง ไม่ใช่จากตัวแปรอื่นหรอก พราวตะวันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบล้อเล่นกับใจคนอื่น นี่คือความโชคดีของนาย เธอให้โอกาสนายแต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้ได้ตลอด ผู้หญิงแบบนี้เวลาเหลืออดจะไม่พูด แต่ถ้าได้พูดแล้ว นายจะเสียเธอตลอดไป”
“พี่รู้นิสัยพราวดีจังเลยนะ ไปทำความรู้จักกันตอนไหน?”
“ฉันมีสิทธิ์สแกนผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตน้องชายคนเดียวของฉัน ไม่ให้ถูกปอกลอกจากพวกหิวเงิน ทำไมจะไม่ได้? ไม่ดีหรือไงเวลาที่พ่อแม่ถาม ฉันสามารถพูดให้เครดิตเธอได้ว่าเป็นคนดี”
เจตนิพัทธ์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องอยู่ใต้เงาของพี่ชายตลอดไป ถ้าไม่จริงจังกับชีวิตตั้งแต่ตอนนี้ เขาอาจเสียพราวตะวันไปจริงๆ
วันนี้ครอบครัวโบฟัวร์ได้ชวนเพื่อนๆศิลปินของพวกเขามาทานอาหารค่ำที่บ้าน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานศิลปะที่พวกเขาจะจัดการแสดงนิทรรศการด้วยกันจนดึก ทำให้พราวตะวันกับเจตนิพัทธ์ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน โดยทั้งสองอาสาพาโคลเอ้น้องสาวตัวน้อยเข้านอนแทนเดลฟีน“ขอบใจนะจ๊ะ แพรีส รบกวนมากเลย”“ยินดีค่ะ”ทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนโคลเอ้ด้วยการที่พราวตะวันเล่าเรื่องต่างๆให้เธอฟัง เจตนิพัทธ์รู้สึกเพลินมากเวลาที่ฟังแฟนสาวพูดภาษาฝรั่งเศส เธอดูมีเสน่ห์ สำเนียงและน้ำเสียงไพเราะ แม้จะฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม จนกระทั่งเด็กหญิงค่อยๆผล็อยหลับไป…จากนั้นทั้งคู่ได้ค่อยๆย่องออกมาและปิดประตูอย่างเบามือ โดยไม่ลืมที่จะปิดไฟในห้องให้“พรุ่งนี้ไปดิสนีย์แลนด์ไหม?”“อื้ม..ได้ งั้นวันนี้นอนพักกันก่อน พรุ่งนี้ลุยกันต่อ”พราวตะวันพูดจบเจตนิพัทธ์ก็จู่โจมจูบทันที จนตัวเธอเอนไปติดผนัง “ไม่ไหวแล้ว..คืนนี้ได้ไหม?”เธอไม่ตอบและหลบตาเขาเหมือนกำลังคิดว่าจะปฏิเสธยังไง “ทำไมเหรอ? จริงๆแล้วในใจพราวสับสนใช่ไหม?”“หือ สับสนอะไร? แค่คิดว่าต้องกินยาอีกแล้วเหรอ แค่นั้นเอง”“เจตจัดการตัวเองได้”“ขออาบน้ำก่อนนะ แล้วจะไปหาเอง”เจตนิพัทธ์ปล่อยเธอ
พราวตะวันได้เห็นข้อความนั้นในตอนเช้าที่ตื่นนอน เธอยิ้มให้กับตัวเองที่เขาละเอียดอ่อนถึงกับอ่านกวีฝรั่งเศสและส่งประโยคที่น่ารักแต่ลึกซึ้งมาให้ สติ! พราวตะวัน…แม่บ้านได้มาทำงานแต่เช้าและเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนด้วย oeuf à la coque เสิร์ฟกับขนมปังปิ้งที่เรียกว่าบาแก็ตสำหรับจุ่มน้ำ Les oeufs brouillés ไข่คน หรือออมเล็ต ตามด้วยเครื่องดื่มคือ เกรปฟรุต“ขอโทษนะคะ ฉันอยากได้ครัวซองต์ มีมั้ยคะ?”“ได้ค่ะ คุณแพรีส”“Merci beaucoup” (ขอบคุณมากนะคะ)พราวตะวันกล่าวและยิ้มให้แม่บ้านอย่างน่ารัก ก่อนจะหันไปถามเจตว่าต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งเขาโอเคกับทุกอย่างบนโต๊ะอยู่แล้วจึงปฏิเสธ “พี่แพรีส วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนคะ?”โคลเอ้ถามพี่สาวตาแป๋ว พร้อมกับตักซีเรียลผลไม้กินไปด้วย“ว่าจะไปลูฟวร์ แล้วก็แวะกินอะไรอร่อยๆแถวนั้น พ่อว่าร้านไหนดีคะ?”“ใกล้ลูฟวร์อย่างนั้นเหรอ.. Le Procope เป็นไง? มีไวน์ดีๆ กับสเต็กเนื้อ tenderloin อย่างดี พ่อแนะนำให้ลูกพาแฟนไปกินให้ได้นะ เอารถพ่อไปใช้สิ นั่งแค่สองคนใช้คันเล็กน่าจะได้”“ค่ะพ่อ”คิณภัทรที่ตื่นเช้ามาเห็นว่ามีข้อความเสียงจากพราวตะวัน เขาดีใจมากที่เธอยอมเรียกว่าพี่เหมื
คิณภัทรเฝ้าถามตัวเองทุกวันว่าเขาหงุดหงิดอะไรที่ไม่ได้เห็นหน้าพราวตะวัน จนทำให้เขาต้องแอบออกไปดื่มคนเดียวในตอนดึกๆเป็นระยะเวลาสักพักใหญ่มาแล้วตั้งแต่เริ่มคบกับเกรซเธอทำของใส่ฉันหรือเปล่านะ..ทำไมฉันเลิกคิดถึงเธอไม่เคยได้เลย..13.00 สนามบินสุวรรณภูมิ วันศุกร์ครอบครัวจิรวราพงศ์ได้มาส่งเจตนิพัทธ์เพื่อขึ้นเครื่อง ในขณะที่พราวตะวันลากกระเป๋าใบโตมาคนเดียว เธอดูสดใส มัดผมหางม้าที่หนาและยาวเป็นลอนใหญ่ เสื้อแขนกุดปิดคอรัดรูปสีดำแบบบอดี้สูท กางเกงยีนรัดรูปและบู้ทส้นสูงสีดำยาวถึงหัวเข่า ตุ้มหูเงินวงใหญ่และแต่งหน้าสวยมากแบบที่เจตนิพัทธ์ที่คบมาสองปีกว่ายังอ้าปากค้าง“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่..พี่คิณ เอ้อ เจต ตื่นเต้นมั้ยน่ะดูทำหน้า”สายตาเธอที่มองน้องชายของเขา ทำให้คิณภัทรได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจเงียบๆ ทุกคนพูดคุยสนุกสนานกัน มีเพียงเขาที่เหมือนส่วนเกิน“แม่โอนเงินให้เจตแล้วนะ อย่าลืมเอาคืนให้หนูพราวล่ะ ค่าตั๋วน่ะ แล้วแม่ให้เงินหนูพราวไว้ติดตัวด้วย ให้เผื่ออยากได้อะไรก็ซื้อเลยนะ“”แม่ให้พราวต่างหากแสนห้ากับค่าตั๋วของเราสองคน เจตโอนเลยตอนนี้แหละ”เธอตกใจที่คุณเจตสุภาให้ขนาดนั้น ทั้งที่เจอกันไม่กี่คร
เกรซพยายามชวนแฟนหนุ่มไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อผ่อนคลายจากการที่เขาทำงานหนักตลอดจนแทบไม่มีเวลาให้เธอ ตั้งแต่เขากลับมาขอคบได้สองเดือน ไม่เคยมีช่วงเวลาส่วนตัวด้วยกันสักครั้ง ทั้งที่ในอดีตเขาไม่เคยปฏิเสธการที่จะได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเธอเลย“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็ไปเที่ยวฝรั่งเศสแล้วนี่”“จริงสินะ แล้ว…ต้องพักแยกห้องมั้ย? ไปกี่วัน?”“เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอดูอะไรๆก่อน”“วันนี้ไปกินข้าวเย็นที่ไหนดี?”“ผมยังทำงานไม่เสร็จน่ะ อาจไม่ได้เจอกันนะ”“เกรซซื้อของกินไปให้คิณที่บริษัทเอาไหม?”“ไม่ต้องหรอก ผมใช้สมาธิ ยังไม่หิวน่ะ”เธอจึงไปรับลูกชายวัยสี่ขวบที่บ้านของสามีเก่าเพื่อไปกินข้าวเย็นแทนด้วยอารมณ์สุดเซ็งเจตนิพัทธ์พาพราวตะวันไปกินข้าวเย็นที่ห้างและไปเดินซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กที่สาวๆชอบกันก่อนจะกลับบ้านในตอนสามทุ่ม เขารู้สึกว่าช่วงนี้แฟนสาวกลับมาน่ารักเหมือนเดิม อาจจะเพราะพี่ชายของเขาเปิดตัวแฟนไปแล้ว ไม่มีใครมาคอยก่อกวนให้เธอต้องไขว้เขวอีก พราวตะวันยืนคุยกับแฟนหนุ่มที่หน้าบ้านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเขย่งตัวหอมแก้มไปหนึ่งที ยืนโบกมือให้เขาจนลับตา พอปิดประตูบ้านแล้ว เธอก้าวเข้าบ้านและกำลังขึ้นบันได
“สุดท้ายก็ต้องรบกวนแม่สินะ คิณดูแลส่วนนี้เองครับแม่”“อ้อ ดีๆ คิณจัดการให้น้องทีนะ”พราวตะวันรีบบีบขาแฟนหนุ่มให้ปฏิเสธไป ซึ่งเขาเห็นด้วย“ไม่ต้องพี่คิณ เจตกับพราวเราจัดการเองได้ พ่อครับ ถ้าเจตเรียนจบอาจไปลองหาประสบการณ์ทำงานที่อื่นสักพักแล้วจะกลับมาช่วยที่บ้านนะ“พ่อทำหน้าว่าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ก่อนจะท้วง “ทำไมล่ะ ก็เห็นผู้จัดการกองทุนบอกอยู่ว่าหัวไว ตั้งใจทำงาน นี่พ่อมองตำแหน่งไว้ให้แล้วที่ Synergy Finance”“เจตไม่อยากอยู่ใต้เงาคนอื่น อยากไปลองลำบากดูบ้าง”พ่อกับแม่มองหน้ากันทันที พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายคนเล็กคิดแบบนี้ แม้กระทั่งคิณภัทรเองก็ไม่คิดว่าน้องชายจะกล้าพูดออกมา “ใครยุแยงให้แกคิดแบบนี้ล่ะ? เดือดร้อนแม่อีก”เจตนิพัทธ์พยายามหายใจเข้าออกยาวๆ เขาสะกดความหัวร้อนของตัวเองแบบสุดๆที่มาพาดพิงแฟนสาว“ขอตัวไปส่งพราวกลับบ้านก่อนนะครับ”“ขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะ”เขาพยักหน้าให้พราวตะวันลุกขึ้นและจับมือเธอออกไปจากห้องทานอาหารทันที “คิณ! ใช้คำพูดแบบนี้กับคนอื่นมันเกินไปนะ น้องมีความคิดของตัวเอง ไปพูดว่าใครยุแยงได้ยังไง? ลูกหมายถึงหนูพราวเหรอ? ต่อไปเค้าคงไม่มาที่นี่แล้วเพราะลูกปากร้ายก
พราวตะวันไปเอาผ้าชุบน้ำเพื่อมาเช็ดหน้าให้คิณภัทรที่แดงไปจนถึงหูและลำคอ เขาเอนหลังมองผู้หญิงที่เขารักไม่วางตา เธอปลดกระดุมเสื้อเขาออกจนเห็นอกกว้าง แล้วก็รู้สึกเขินเองทั้งจากสายตาและร่างกายที่กำยำนั้น“คุณไปอยู่ที่ไหนมา..ทำไมผมถึงไม่เจอคุณก่อน..”เขาจับมือเธอที่กำลังประคบผ้าบนคอออกไป แล้วกอดกดเธอลงบนโซฟา พราวตะวันละล่ำละลักพูดกระซิบ“พี่คิณ..แม่อยู่ข้างบน”“แม่บอกให้พราวตัดสินใจไม่ใช่เหรอ? แต่งงานกับพี่แล้วเราไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ พี่จะกลับไทยมาเคลียร์งานแค่นั้น พราวอยากทำอะไร พี่จะให้ทุกอย่าง”อกกว้างที่กดทับหน้าอกเธออยู่ หัวใจเขาเต้นแรงสะเทือนมาถึงเธอที่นอนอยู่ใต้ตัวเขา ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากคนทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง หนีไปกับเขาเหรอ…พระเจ้า…เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจฉัน..เธอใช้มือดันอกเขา พยายามเบือนหน้าหนีไปซุกซอกคอเขาแทน ลมหายใจร้อนๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าชวนให้ร้อนรุ่ม “พี่ไม่อยู่สองเดือนกว่า กลับมาเจอพราวไล่เป็นการตอบแทนความคิดถึง”“เราไม่เคยคบกันนะคะ”คิณภัทรไม่ยอมรับสิ่งที่เธอพูด เขาซุกไซ้คอ บีบจับหน้าอกเธอด้วยตัณหาราคะที่ครอบงำเพราะน้ำเมา“ถ้ามันเลือกยากนัก ก็คบทั้งพี่ทั้