ชายหนุ่มหญิงสาวที่นอนคุดคู้อยู่ด้วยกันในผ้าห่ม แม้จะเงียบกันไปแล้วแต่ทว่าทั้งสองต่างก็ไม่หลับ
“ที่ผมพูดไป คุณไม่มีอะไรโต้แย้งใช่ไหม?” “เรื่องไหน?” “ถ้าคุณเลิกกับเจต..” “เลิกพูดแบบนี้เถอะค่ะ” เธอทำท่าจะขยับออกจากกอดของเขาแต่ก็โดนสองแขนแข็งแรงรวบกอดเอาไว้ พราวตะวันรู้สึกได้ว่าจมูกเขาสัมผัสต้นคอด้านหลังชวนให้ขนลุกเกรียว “ผมยอมดูคุณมีความสุขและคบหากับน้องชายผม ดีกว่าจะเห็นคุณจากพวกเราไปคบกับคนอื่น” “พี่คิณ…ชีวิตพี่ต้องได้เจอคนอีกมากมาย พี่ต้องได้เจอคนที่คู่ควรแน่นอน เชื่อพราวสิ” “พี่เชื่อ..เพราะตอนนี้เจอแล้ว..อยู่ในอ้อมแขนของพี่เอง” ตอนนี้พราวตะวันเข้าใจได้อย่างหนึ่ง ถ้าเขาอารมณ์ดีจะพูดแทนตัวเองอย่างสนิทสนม แต่ถ้าเขาไม่พอใจหรือโมโหจะเรียกใช้คำแทนตัวที่ดูห่างเหิน “พี่คิณกับเจตนี่เหมือนกันจริงๆ เวลาอยากได้อะไรก็จะสรรหาคำพูดตื๊อจนกว่าจะได้” เขากอดกระชับเธอมากขึ้น ลำตัวที่กำยำนัวเนียด้านหลังของเธอให้รู้สึกร้อนรุ่ม คิณภัทรเอาแขนข้างที่กอดเธอเปลี่ยนไปลูบขาและเลิกชุดนอนขึ้นเพื่อจะลูบไล้สะโพกและลามมาที่หน้าท้อง ก่อนจะค่อยๆล้วงเข้าไปที่กางเกงชั้นใน พราวตะวันรีบจับมือเขาไว้ทันที “อย่าค่ะ..พอเถอะ” คิณภัทรกลับเงียบและเอาหน้ามุดผมของเธอ เสียงลมหายใจเร่าร้อนของเขาอยู่ข้างหูจนพราวตะวันรู้สึกร้อนรน นิ้วมือของชายหนุ่มที่ควานหาสิ่งที่เขาต้องการภายใต้กางเกงชั้นในตัวน้อยพลางจินตนาการไกลไปถึงไหนต่อไหน ทำให้เขาเกิดความรู้สึกกับเธออีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นบนเตียงนี้ที่เธอพึ่งมีอะไรกับน้องชายของเขาไปเมื่อหัวค่ำ มันยิ่งตอกย้ำให้เขาอยากได้สาวน้อยในอ้อมกอดนี้เช่นกัน “พี่คิณจะไม่หยุดจนกว่าอารมณ์จะลงใช่ไหม? พราวบอกให้กลับบ้านก็ไม่กลับ” พราวตะวันจับแขนเขาที่มือนวดคลึงน้องสาวของเธอไม่ยอมหยุด เธอต้องทำอะไรสักอย่างก่อนจะแพ้ใจตัวเอง “พี่กำลังทำตัวเป็นชู้รักของน้องชายตัวเองนะ..นี่เหรอที่บอกว่ารักเจต? จริงๆพี่คิณก็แค่เห็นแก่ตัว อยากเอาชนะน้องตัวเองเพราะอิจฉาที่แม่รักมากกว่า” ได้ผล..เขาเลิกทำ เปลี่ยนมากอดเธอและนอนเงียบๆ แม้ในใจเธอจะสงสารเขาขึ้นมาแต่ก็บอกตัวเองว่าจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด ด้วยความเพลียพออยู่นิ่งๆกันไปสักพัก พราวตะวันก็เผลอหลับลึกไปหน้าตาเฉย คิณภัทรจึงใช้แขนที่เธอหนุนอยู่ค่อยๆโอบให้เธอหันมานอนหงายจนได้ และค่อยๆพลิกร่างของเธอให้นอนตะแคงหันมาหาเขา ซึ่งเธอก็ส่งเสียงในลำคอนิดหน่อยด้วยความง่วงจัด “หลับง่ายแบบนี้กับคนอื่นไม่ได้เชียวนะ..หน้าตาน่ารักจริงๆเลย” เขาจูบและใช้ลิ้นแตะแล้วดูดริมฝีปากของพราวตะวันอย่างแผ่วเบา จูบเปลือกตาที่มีแพขนตางอนหนานั้น หน้าผากที่สวยยันไรผม เธอช่างเหมือนนางฟ้าที่ลงมาเกิดให้เขาได้หลงรัก ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ เธอรู้สึกอยากขยับตัวแต่โดนแขนที่เธอหนุนอยู่กอดรัดจนตัวเธอใกล้ชิดเขามาก ลมหายใจที่ร้อนผ่าวพรมลงที่ใบหน้าเธอแบบหอบแรงๆ มีการกระทำบางอย่างอยู่ช่วงล่างของเขา ของเหลวร้อนๆหยดใส่ขาอ่อนและกางเกงชั้นในจนเหนอะหนะ เขาพ่นลมหายใจแรงๆหลายครั้งจนสงบลงในขณะที่พราวตะวันลืมตาโพลงตัวแข็งอยู่แบบนั้น “อาาา…” เขาหายใจยาวๆอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลุกออกจากที่นอนไปแบบระมัดระวัง หันรีหันขวางเหมือนหาอะไรสักอย่าง ส่วนพราวตะวันก็แกล้งหลับ คิณภัทรเปิดไฟที่มือถือแล้วตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างตัว “อิ๊ววว..อะไรเนี่ย? นี่เขาทำไมถึงทำสกปรกแบบนี้แล้วยังมีหน้าไปล้างตัวเองก่อนอีก” เธอลุกไปเปิดไฟ หาทิชชูเปียกและแห้งเอามาเช็ด พร้อมกับเปลี่ยนชุดนอนและชั้นในใหม่เพราะเปื้อนน้ำกามเต็มไปหมด คิณภัทรออกมาก็เห็นเธอนั่งบนเตียงและเปิดไฟแล้ว “พึ่งจะตีสี่ครึ่ง นอนต่อสิ” “พี่คิณทำให้พราวตื่น นอนไม่พอจะทำงานยังไงพรุ่งนี้?ตายแน่ๆ แล้วทำไมถึงทำอะไรแย่ๆตอนที่พราวหลับ นี่มันฉวยโอกาสชัดๆ” คิณภัทรยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เดินมาจับและลูบผมเธอเบาๆ แต่เธอเอาศีรษะหลบนิดหน่อย “ลางานวันนึงได้ไหมล่ะ?” “กลับไปได้แล้วค่ะ” “ถ้าเกิดมีคนเห็นแล้วบอกคุณแม่จะทำยังไง?” “พราวก็จะยอมรับมัน เฮ้อ…” คิณภัทรค่อยๆเดินย่องเบาออกไป ท่ามกลางใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆของพราวตะวัน กระทั่งเงาของเขาพ้นไปจากบ้าน เธอรีบล็อกทุกอย่างแล้วย่องกลับขึ้นไปบนห้องตามเดิม ในเวลาอาหารเช้าที่บ้านจิรวราพงศ์ ทุกคนแปลกใจที่วันนี้คิณภัทรอยู่ที่ห้องรับประทานอาหารเป็นคนแรก ไม่มีใครเอ่ยถามอะไรยกเว้นเจตนิพัทธ์ “เอ้า พี่คิณ ตื่นเช้าจัด เมื่อคืนนอนไวอ่ะดิ เมื่อคืนกลับมาไปเคาะเรียกแต่เงียบ สงสัยหลับเลยไม่กวน” “มีอะไรล่ะ? กลับดึกใครจะมานั่งรอคุย” “ก็..ตอนอยู่บ้านพราวพี่โทรเข้ามาไง” คิณภัทรไม่มองน้องชายของเขา พลางหยิบผ้ากันเปื้อนวางไว้บนตักระหว่างแม่บ้านนำอาหารมาเสิร์ฟ “ฉันเห็นว่าแกดูยุ่งๆเลยวางสายไป ก็แค่นั้น” “พี่ทำตัวเป็นพ่อคนที่สองแล้วรู้ป่ะ” “อือ..งั้นพ่อคนที่สองนี่แหละจะไปทำงานกับแกวันนี้” “ไม่ได้ เจตนัดกินข้าวเที่ยงกับแฟน” “ฉันไปส่งแกกินข้าวกับแฟนได้ เช้านี้แกนั่งรถฉันไปฝึกงานมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” แม่ที่ฟังพี่น้องคุยกันสักพักหนึ่งแล้ว เลยพูดขึ้นมากลางวง “คิณ ไม่ต้องเข้มงวดกับน้องเกินไปก็ได้มั้งลูก” เขายักไหล่พร้อมกับยิ้มบางๆ “ถ้าไม่เข้มงวดตอนนี้ วันหนึ่งไม่มีพ่อ ไม่มีคิณ น้องจะดูแลทุกอย่างได้ยังไงครับแม่?” เมื่อมื้อเช้าจบลง เจตนิพัทธ์เดินตามก้นพี่ชายตัวโตของเขาต้อยๆไปขึ้นรถ ทำให้นึกถึงความทรงจำในวัยเด็กที่เขามักมองคิณภัทรเป็นฮีโร่มาตลอด เขาชอบไปดูพี่ชายเตะบอล เล่นเกมด้วยกัน เที่ยวผับครั้งแรกก็เป็นพี่ชายที่พาไป เวลาเงินที่แม่ให้ไม่พอก็ไปขอพี่ “วันเกิดแก อยากพาแฟนไปเที่ยวต่างประเทศมั้ยเจต? ฉันจะ offer ให้” คิณภัทรถามน้องชายขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยในตอนที่ขับรถมุ่งหน้าไปบริษัท “จริงดิ ให้ pocket money ด้วยมั้ยล่ะ?” “อือ..ขืนไม่ให้แกจะเที่ยวยังไงล่ะ” “เจตเลือกฝรั่งเศส” “จัดไป” “เมื่อคืนอ่ะ เจตไม่ได้เป็นคนไม่วางสายนะ แล้วพี่ก็ชอบโทรมาเวลาแบบนั้นตลอด” “อือ ไม่กลัวแม่เขาจะจับได้รึไง?” “บอกแล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อน คุณแม่พราวเค้าหัวสมัยใหม่ไม่เหมือนพี่หรอก นับวันจะเป็นคุณลุงไปทุกวันๆ” ระหว่างที่รถติด สองพี่น้องก็คุยกันสัพเพเหระบ้าง นั่งฟังเพลงเงียบๆบ้าง แต่ความที่เจตนิพัทธ์เป็นคนซุกซน เขาเปิดลิ้นชักรถไปแบบนั้นเอง แต่ดันเจอโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของแฟนสาวอยู่ในนั้นโดยที่มันยังใส่เคสเดิมอยู่ นั่นทำให้เขาสตั้นไปครู่หนึ่ง ส่วนคิณภัทรที่เห็นแบบนั้น เขาไม่มีทีท่าอะไรนอกจากนิ่งเฉย แต่ก็คิดคำตอบไว้ได้ในทันที ……………………………..🍂🧚🏻♀️เจตนิพัทธ์เริ่มกดโทรหาพราวตะวันอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเดินเตร็ดเตร่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่เปิดในเวลา 10.00 แล้ว เมื่อเห็นว่าเขาโทรมา เธอกลับกลัวจนไม่กล้ารับสาย เขาจึงส่งข้อความหาแทน”เจตใจเย็นลงแล้วพราว ขอคุยด้วยดีๆนะ ไม่โกรธเลย เข้าใจพราวทุกอย่าง เจตผิดเอง”“ขออยู่คนเดียวซักพักนะ”“รับสายเจตได้ไหม? ขอร้องเถอะพราว เจตเสียใจจริงๆ สับสนไปหมด”“โอเค”พราวตะวันใจอ่อนให้แฟนหนุ่มเสมอ เขารีบโทรหาเธอแล้วผลุนผลันออกไปทันที ในขณะที่คิณภัทรจับปากกาในมือแน่นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แต่ทว่าในใจเขากลับนึกถึงแต่เธอ โดยที่ทำอะไรไม่ได้…เขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน รู้ว่าเธอกำลังกลัว..มีแค่หัวใจเขาเท่านั้นที่โหยหา…และมันทำได้แค่นั้นเจตนิพัทธ์ไปรับเธอแล้วพาไปส่งที่บ้าน เพราะเธอดูเศร้าและเงียบงัน ชวนไปกินอะไรรองท้องเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขารู้สึกผิดที่ไม่ไว้ใจคนที่รักเขา ทั้งที่เธอไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย พราวเองก็คงกลัวที่รับของจากพี่คิณเหมือนกัน มีใครบ้างจะไม่ดีใจที่ได้ของใหม่ราคาแพง..เป็นเจตเองที่ผิดเพราะให้พราวไม่ได้ ทั้งๆที่เก็บเงินไม่กี่เดือนก็น่าจะซื้อให้เธอได้แท้ๆ….เขาเอื้อมไปจับมือของพราวตะวันที่เย็นมาก เ
เจตนิพัทธ์ที่กำลังใช้ความคิด คิณภัทรก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไร “ฝากคืนให้น้องพราวด้วยแล้วกัน ฉันก็ลืม ที่เธอไปกินข้าวกับพวกเราวันนั้น มันคงหลุดตกในรถ เอารถไปทำสปาแล้วพนักงานร้านเก็บไว้ให้”“ทำไมตอนเจตย้ายจากเบาะหลังไปนั่งหน้าไม่เห็นว่าโทรศัพท์พราวตก ตอนนั้นพราวใช้เครื่องนี้อยู่ยังไม่ได้ใช้เครื่องใหม่..”เขาพยายามใช้ความคิดพอๆกับที่พี่ชายก็กำลังคิดหาข้อแก้ตัวเช่นกัน เจตนิพัทธ์มองพี่ชายที่ขับรถอยู่ด้วยหน้าตาที่เรียบเฉย ส่วนตัวเขาในใจเต้นแรงมากแทบหลุดออกมา“มีอะไรที่เจตควรรู้มั้ย?”“ไม่มีอะไรที่แกต้องกังวลแบบที่คิดหรอก พราวรักแกคนเดียว ฉันยืนยันได้”“ทำไมพี่ถึงยืนยันได้!”เจตนิพัทธ์ตะคอกเสียงดังใส่พี่ชายที่มองหน้าเขาสลับกับมองถนน “พราวใช้โทรศัพท์ใหม่ แล้วเครื่องพราวอยู่ที่พี่ได้ไง?”เจตนิพัทธ์เปิดโทรศัพท์ของแฟนสาวขึ้นมาก็ตรงกับที่เขาคิด “ย้ายข้อมูลไปเรียบร้อยแล้วซะด้วย จอดเลยพี่คิณ จอดรถ!”“ไม่ อยากลงก็กระโดดลงไปเอง ถ้าจะงี่เง่าจนไม่ฟังอะไรเลย”เขาโทรหาพราวตะวันที่กำลังนั่งอยู่ในแท็กซี่จะถึงที่ทำงานพอดี “พราว เดี๋ยวเจตไปหาที่ทำงาน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“มีอะไรเจต พราวต้องเข้าง
ชายหนุ่มหญิงสาวที่นอนคุดคู้อยู่ด้วยกันในผ้าห่ม แม้จะเงียบกันไปแล้วแต่ทว่าทั้งสองต่างก็ไม่หลับ“ที่ผมพูดไป คุณไม่มีอะไรโต้แย้งใช่ไหม?”“เรื่องไหน?”“ถ้าคุณเลิกกับเจต..”“เลิกพูดแบบนี้เถอะค่ะ”เธอทำท่าจะขยับออกจากกอดของเขาแต่ก็โดนสองแขนแข็งแรงรวบกอดเอาไว้ พราวตะวันรู้สึกได้ว่าจมูกเขาสัมผัสต้นคอด้านหลังชวนให้ขนลุกเกรียว“ผมยอมดูคุณมีความสุขและคบหากับน้องชายผม ดีกว่าจะเห็นคุณจากพวกเราไปคบกับคนอื่น”“พี่คิณ…ชีวิตพี่ต้องได้เจอคนอีกมากมาย พี่ต้องได้เจอคนที่คู่ควรแน่นอน เชื่อพราวสิ”“พี่เชื่อ..เพราะตอนนี้เจอแล้ว..อยู่ในอ้อมแขนของพี่เอง”ตอนนี้พราวตะวันเข้าใจได้อย่างหนึ่ง ถ้าเขาอารมณ์ดีจะพูดแทนตัวเองอย่างสนิทสนม แต่ถ้าเขาไม่พอใจหรือโมโหจะเรียกใช้คำแทนตัวที่ดูห่างเหิน “พี่คิณกับเจตนี่เหมือนกันจริงๆ เวลาอยากได้อะไรก็จะสรรหาคำพูดตื๊อจนกว่าจะได้”เขากอดกระชับเธอมากขึ้น ลำตัวที่กำยำนัวเนียด้านหลังของเธอให้รู้สึกร้อนรุ่ม คิณภัทรเอาแขนข้างที่กอดเธอเปลี่ยนไปลูบขาและเลิกชุดนอนขึ้นเพื่อจะลูบไล้สะโพกและลามมาที่หน้าท้อง ก่อนจะค่อยๆล้วงเข้าไปที่กางเกงชั้นใน พราวตะวันรีบจับมือเขาไว้ทันที“อย่าค่ะ..พอเถอะ”
คิณภัทรมองหน้าเธอด้วยความแน่วแน่ที่เขาจะอยู่ที่นี่กับเธอในคืนนี้ ทำเอาพราวตะวันคอตกที่เขาดื้อมากกว่าที่คิด เขาอดไม่ได้ที่จะใช้สายตามองหน้าอกของเธอเพราะไม่ได้ใส่บรา แล้วดูท่าทางเจ้าตัวก็ลืมเรื่องนี้เสียด้วยพราวตะวันลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วใช้สายตาว่าไม่พอใจก่อนจะเลือกหมอนใบหนึ่งโยนลงไปให้ “ตีสี่พี่คิณต้องออกไปนะ““เจ็บอยู่มั้ย?”“ไม่ต้องถามอะไรแล้วค่ะ ตอบมาก็พอว่าตีสี่ต้องออกไปจากที่นี่”คิณภัทรล้มตัวลงนอนหันหลังให้ พร้อมกับถามตัวเองในใจนี่เขาอายุจะสามสิบแล้ว เป็นนักธุรกิจที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทำไมต้องมางอนง้อแฟนน้อง ยอมนอนบนพื้นแข็ง แถมยังโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาอีก..ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงต้องมาหลงรักเธอด้วยนะ…“ตอบมาสิคะ”“ตามหลัก..เราก็มีอะไรกันแล้วนะ จะไล่ผมแบบนี้ได้เหรอ? ผมก็สามีคุณคนหนึ่งเหมือนกัน”เขาพูดตอบไปทั้งที่นอนหันหลังให้แบบนั้น พราวตะวันโมโหที่เขาไม่รับปากว่าจะออกไปจากบ้านแถมยังมาพูดเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทั้งที่บังคับใจเธอแท้ๆ“แล้วแต่ละกัน อะไรจะเกิดก็เกิด เฮ้อ…”เธอกระแทกเสียงถอนหายใจ แล้วนอนหันหลังให้เขาเช่นกัน ห้องที่เงียบจนเธออึดอัดนอนไม่หลับเพราะรู
พราวตะวันหันมาตามเสียงเรียกจากคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ เธอสอดส่ายสายตาไม่เห็นรถของเขา และทำหน้าแทนคำถามเชิงว่ามาที่นี่ทำไม“ใจคอจะให้ผมโดนยุงกัดอีกนานไหม? ผมยืนรอให้เจตกลับบ้านมาสักพักใหญ่แล้ว”คิณภัทรไม่เรียกตัวเขาเองว่าพี่อีกและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติมาก แต่ทว่าลึกในใจนั้นตรงข้ามแบบสุดขั้ว นั่นเพราะระหว่างเขาและเธอยังมีประตูบ้านที่ขวางกั้นอยู่ พราวตะวันเดินไปใกล้ประตูหน้าบ้าน เธอรู้ดีว่าเขาได้ยินบทรักแบบจัดเต็มที่เธอมอบให้กับน้องชายของเขา แต่ไม่คิดว่าหลังจากได้ยินได้ฟังแล้วต้องถ่อมาถึงที่บ้านเธอ“พี่คิณ พราวจะลาออกจากฝึกงานที่แกลลอรี่ เพื่อความสบายใจของตัวพราวเอง ที่บอกก็เพื่อที่พี่จะได้รู้ว่าเป็นเพราะพี่ที่ทำลายความรักของพราวที่มีต่องาน และถ้าพี่อยากพูดอะไรกับใครก็ตามสบายเลยค่ะ ไม่ว่าจะกับเจตหรือแม่หรือใครก็แล้วแต่ อย่างมากพราวก็แค่ไปอยู่ฝรั่งเศส”เขาตกใจกับสิ่งที่เธอบอก จนเผลอจับประตูบ้านไว้ มองด้วยสายตาที่แพ้ใจให้คนตรงหน้าอย่างราบคาบ“อย่าไปไหนเลย ผมขอโทษนะ ขอคุยด้วยแค่วันนี้ได้มั้ย?”พราวตะวันกอดอกแล้วหันด้านข้างให้เขา “พูดได้เลยค่ะ เชิญ”“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม?”“ไ
พราวตะวันลุกไปเปิดแค่โคมไฟหัวเตียงและปิดไฟในห้อง ชายหนุ่มอ้าแขนรับเธอให้กลับมานั่งบนตักเขา เงยหน้าจูบเธอที่ประคองวงหน้าเขาอย่างรักใคร่ สองมือของเจตนิพัทธ์ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วกายเธอ ก่อนจะเปลี่ยนจากจูบที่ปากไล่ลงมาตามลำคอ จมูกโด่งของเขาดอมดมไปทั่ว ลมหายใจแสนอบอุ่นนั้นชวนให้เธอเคลิ้ม“หอมจังที่รัก..ผิวก็นุ่มนิ่มไปหมด”พูดจบแค่นั้นก็อุ้มเธอขยับไปนอนบนเตียงให้อยู่ภายใต้ร่างกายเขาอย่างง่ายดาย เจตนิพัทธ์ใช้มือลูบไล้ขาอ่อนพลางสบตาเธอไปด้วย “บอกก่อนนะว่าพราวน่าจะขาอ่อน”พราวตะวันขำเบาๆ ในสายตาเขาเธอทำอะไรก็น่ารักไปหมดนั่นแหละ เจตนิพัทธ์เลื่อนสายบ่าของชุดนอนลงจนเห็นหน้าอกขาวเนียน ใช้นิ้วจับยอดอกบี้เบาๆ จนพราวตะวันทั้งเสียวทั้งจักจี้,จั๊กจี้ จนต้องมุดหน้าเข้าซบอกแฟนหนุ่มพร้อมกับร้องครางเสียงอู้อี้ไม่หยุดเขาเริ่มละเลงลิ้นลงบนหน้าอกทั้งสองเต้านั้นอย่างหลงใหล โดยที่สาวสวยได้แต่ครางเบาๆแอ่นตัวเล็กน้อยอยู่ตลอด ก่อนจะดึงปลายชุดนอนสั้นนั้นให้เลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องและกางเกงชั้นในแบบซีทรูสีขาว ที่ทำให้เห็นเงาของดงดอกหญ้าบางๆที่แสนเซ็กซี่ชวนให้น่าค้นหาสุดๆ แล้วค่อยๆเลื่อนตัวขยับลงไปจนหน้าของเขาอยู่ที