พราวตะวันกำลังพูดคุยบรรยายเกี่ยวกับภาพวาดให้กับผู้ที่เข้ามาชมงานศิลป์ โดยไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆเธอ เขาแอบมองความงามนั้นอยู่ห่างๆเพราะทั้งแกลลอรี่นี้ งานศิลปะเดียวที่เขาสนใจคือ เธอ
คิณภัทรยืนรอดูอยู่พักใหญ่เพราะพราวตะวันขยันเดินไปเทคแคร์ผู้ที่มาชมผลงาน เธอพูดเก่ง ดูมีพลังงานล้นเหลือ พลอยทำให้เขารู้สึกสดชื่นและไม่เบื่อเลยสักนิด จนกระทั่งเธอว่างแล้วและกำลังหันไปดูรอบๆก็สบสายตากันพอดี
“พี่คิณ…”
เธอพูดชื่อเขากับตัวเองเบาๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่พึ่งไปทานข้าวด้วยกันมา เธอยืนนิ่งอยู่แบบนั้นโดยที่เขาเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา
“ตกใจเหรอ? ผมคิดไปคิดมาอยากซื้อภาพเพิ่มสักหน่อยน่ะ”
“อ้อ..ค่ะ พี่คิณชอบแนวไหนคะ? เอ่อ..ลองไปดูทางนู้นดีไหมคะ? ราคาไม่สูงมาก เป็นของศิลปินหน้าใหม่แนวร่วมสมัย”
“เหนื่อยมั้ย? คุณดูปวดขานะ”
“ไม่ค่ะ พราวโอเค สบายมาก”
เขาจับแขนเธอดึงเบาๆให้เดินตามมา แต่พราวตะวันขัดขืนนิดหน่อย
“พี่คิณคะ พราวอยู่ในเวลางานค่ะ”
“ผมเป็นลูกค้านะ คิดว่าผู้จัดการถ้าเห็นคุณอยู่กับผมคงไม่ว่าอะไรหรอก ผมยินดีซื้อภาพพวกนั้นเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ได้อยู่กับคุณนิดหน่อย มาเถอะ“
เขาเปลี่ยนไปจับข้อมือเธอที่เล็กดูน่าทะนุถนอม ดึงไปจนถึงมุมหนึ่งที่อับสายตาคนและมีที่พอจะนั่งได้
“อ่ะ นั่งลงก่อน ฝึกงานเสร็จคุณคงเป็นเส้นเลือดขอดพอดี”
พราวตะวันทำตัวไม่ถูกและมุมนี้ก็เงียบไม่มีใครเดินผ่านมา คิณภัทรย่อตัวนั่งลงและจับขาเธอบีบให้เบาๆ
“พี่คิณ! ทำอะไรคะ? อย่าค่ะพี่ คนมาเห็นมันจะดูไม่เหมาะสม พี่เป็นลูกค้านะคะ”
แต่เขาไม่ฟัง ยังคงบีบเบาๆให้อยู่พักนึง
“พราวโอเคแล้วค่ะ ไม่เมื่อยแล้ว พอเถอะค่ะ”
เธอระแวงจนต้องหันซ้ายหันขวาอยู่ตลอด เขาลุกขึ้นมานั่งข้างเธอ ส่งยิ้มที่แสนเสน่ห์นั้นให้
“คุณดูมีความสุขเวลาทำงานที่นี่ แต่เป็นผมเองที่ทนไม่ได้เวลาเห็นคุณยืนตลอดแบบนั้น”
“ที่นี่ไม่ได้บังคับค่ะ พราวอยากคุยกับลูกค้าเอง”
ในใจของพราวตะวันเริ่มคิดว่าเขาจะทนไม่ได้ทำไม ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
“พี่คิณคะ พราวคบกับน้องชายพี่ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ พราวไม่อยากมีปัญหากับเจต”
“ผมทำอะไร? แค่จะมาซื้อภาพเพิ่มแล้วเห็นคุณปวดขาก็แค่นั้นเอง คุณคือแฟนน้องผม ก็เท่ากับว่าไม่ใช่คนอื่น”
ตรรกะอะไรของเขากันเนี่ย คิดได้ยังไง….
”ทำไมพี่คิณต้องให้เงินพราวเยอะขนาดนั้นคะ? ต้องการอะไรจากพราวหรือเปล่า? แล้วกดติดตามไอจีอีก อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ พราวคิดดีไม่ได้เลย ขอโทษที่พูดตรงๆค่ะ”
คิณภัทรชอบใจที่เธอถามเขาตรงๆแบบไม่อ้อมค้อม แสดงถึงความเป็นคนชัดเจน ไม่ชอบเล่นเกมกับความรู้สึกของคนอื่น เธอแตกต่างจากผู้หญิงที่เขาเคยเจอมาจริงๆ
“Love at first sight มั้ง”
คำตอบนี้ทำให้พราวตะวันไม่มองเขาและถอนหายใจเฮือก เธอเงียบเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่
“คืนนั้นที่เขาไม่ไปกินข้าวกับที่บ้าน ผมได้ยินเสียงคุณ..เซ็กซี่มากเลย”
คราวนี้เธอหันขวับมามองเขาด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก
“หมายความว่ายังไง?”
“ผมโทรหาเจตตอนกำลังมีอะไรกับคุณมั้ง แล้วเขาไม่ได้กดวางสาย ผมเลยได้ยินทุกอย่าง..จนจบ”
พราวตะวันลุกขึ้นยืน หน้าแดงก่ำด้วยความไม่พอใจอย่างแรง วันนี้เธอต้องเอาเรื่องแฟนหนุ่มให้ได้
“พราวจะต้องคุยกับเจตเรื่องนี้ มันน่าอายจริงๆ แล้วทำไม..พี่คิณก็ต้องอยากฟัง..มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพราวนะ หรือพี่คิณกับเจตรู้กันเลยทำแบบนี้?”
“อย่าเข้าใจผิด ไม่ต้องไปว่าเจตหรอก อยากให้เขารู้ว่าผมมาหาคุณเหรอ?”
“อย่าปั่นหัวพราวแบบนี้เลยค่ะ พราวเข้าใจว่าพี่น้องบางบ้านชอบแข่งขันกัน เอาชนะกัน ไม่งั้นพราวคงต้องเลิกกับเจต”
ท่าทางเธอดูจริงจังจนคิณภัทรต้องรีบอธิบายก่อน
“ผมไม่ได้จะปั่นหรืออยากแกล้งอะไรคุณ ขอโทษที่ปากเร็วไปหน่อย ผมขอแค่ได้คุยกับคุณบ้างก็พอ ทักทายอะไรแบบนี้ แล้วผมจะค่อยๆเฟดตัวเองไปเอง”
“พี่คิณไม่มีใครให้คุยแล้วเหรอคะ? ถ้าเจตรู้จะคิดยังไง? แบบนี้มันไม่ถูกต้อง”
“แค่คุยก็ไม่ได้เหรอ? บางครั้งผมก็แค่อยากมีคนที่แบ่งปันพลังบวกให้บ้าง แค่ข้อความสั้นๆของใครบางคน อาจเปลี่ยนวันทั้งวันของผมให้สดใสขึ้นก็ได้”
เธอทำท่าว่ายอมแพ้กับลูกตื๊อของเขา
“พราวขอไปทำงานต่อก่อนค่ะ”
“โอเค งั้นช่วยแนะนำภาพสักสองสามภาพให้หน่อยนะ”
เธอแยกแยะความรู้สึกส่วนตัวกับเรื่องงานได้ดีพอสมควรในความคิดของคิณภัทร เธอกลับมาเป็นคนที่มีแพชชั่นในการทำงานทันที เสมือนว่าไม่ได้ปะทะอารมณ์กับเขามาก่อน
เขาเลือกได้สองภาพและกลับไปทำงานต่อ โดยไม่เซ้าซี้เธออีก
เช่นเคยผู้จัดการได้แจ้งกับพราวตะวันว่า เขาโดเนทให้เธออีกห้าพันบาทสำหรับการพรีเซนต์ภาพที่เขาถูกใจ
“เขาชอบพราวแน่นอน ดูสายตาก็รู้ พี่นี่เขินแทนเลย แต่ตอนเที่ยงเหมือนเห็นมากับแฟนพราวนี่นา แล้วหน้าคล้ายกันมาก เป็นพี่น้องกันใช่มั้ย?”
“ค่ะ พี่น้องกัน…แต่ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่เขาสงสารเห็นหนูไม่ค่อยมีเงินละมั้ง”
ผู้จัดการมองเธอแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ให้
“ผู้ชายบางคนก็ชอบความท้าทาย ตราบใดที่อีกฝ่ายนิ้วนางซ้ายยังว่างอยู่”
“พราวว่ามันคือธรรมชาติของผู้ชายเจ้าชู้มากกว่าค่ะ”
คิณภัทรกลับมาถึงบริษัท เขาให้พนักงานนำรูปหนึ่งไปติดไว้ในห้องทำงาน อีกรูปเอาไว้ที่ห้องประชุม ระหว่างนั้นเขาเดินผ่านห้องทำงานกระจกใสของผู้จัดการกองทุนที่กำลังพูดคุยกับน้องชายของเขาอยู่ จึงเข้าไปแวะถามไถ่นิดหน่อย
“เป็นยังไงบ้าง?”
“สวัสดีค่ะ คุณคิณภัทร น้องชายคุณหัวไวอยู่ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร”
“เดี๋ยวสี่โมงเลิกงานเลยก็ได้เจต เหนื่อยทั้งวันแล้วสิ”
เจตนิพัทธ์ทำมือว่าโอเค พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
ที่ฉันให้เลิกงานไวเพราะนายจะได้ไปง้อเธอหรอกนะ….
คิณภัทรกลับไปที่ห้องนอนของเขา นอนก่ายหน้าผากว่าจะโทรหาเธอดีไหม? ถ้าโทรไปเธอจะวีนใส่เขาหรือเปล่า? เขาตัดสินใจโทรไปซึ่งเธอไม่รับสาย จึงลองโทรอีกครั้งปรากฏว่าโทรไม่ติดอีกเลย ส่งข้อความก็ไม่มีการตอบรับใดๆโอ้โห..บล็อกกันเลยเหรอ? เด็ดขาดดีจริงๆ ไม่งั้นก็คงโดนเกลียดเข้าแล้วสินะ… แต่ทางด้านเจตนิพัทธ์ เขาส่งข้อความหาเธอเพื่องอนง้อขอโทษ พร่ำพรรณนาว่าคิดถึงเธอมากแค่ไหน พราวตะวันตอบมาแค่สั้นๆทำเอาเขาใจแป้ว “สำนึกผิดก็ดี นอนได้แล้วล่ะ”สำหรับเขาที่นิสัยไทป์หมาน้อยบวกกับความรักที่คลั่งไคล้ตามประสาวัยรุ่น ทำให้ตัดสินใจคว้ากุญแจรถแล้วออกไป คิณภัทรได้ยินเสียงปิดประตูห้อง จึงรีบเปิดประตูบ้างก็เห็นหลังน้องชายไวๆเดินลงบันไดไป เขารีบเดินตามไปและเอ่ยห้ามเอาไว้“เจต ยิ่งแกทำแบบนี้ พราวยิ่งหนีแกนะ ปล่อยให้เธออยู่เงียบๆคนเดียวสักพักดีกว่า”“เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่เคยตัดการติดต่อแบบนี้ อะไรจะให้แค่ส่งข้อความ เราเคยคุยกันว่าจะไม่เงียบมีอะไรต้องคุยกัน”คิณภัทรอ่อนใจที่เห็นน้องชายอ่อนไหวกับความสัมพันธ์เกินไปจนดูไม่โตเป็นผู้ใหญ่“นี่มันเป็นเพราะเราสองคนผิดต่อเธอ แล้วมันละเอียดอ่อนกระทบความรู้สึกของผู้หญิง เ
น้ำอุ่นๆร้อนๆทะลักออกมาเมื่อเจตนิพัทธ์เอาแก่นกายที่อ่อนแรงแล้วออกจากช่องทางรักของคนรักสาวสวย แต่เขาก็ยังอ้อยอิ่งอยู่บนร่างกายที่นุ่มนิ่มจนพราวตะวันต้องท้วงขึ้นมา”เจต..เลอะหมดแล้ว ขอพราวไปห้องน้ำหน่อย“”ถ้าไปส่งบ้านแล้ว คืนนี้ออกมาอยู่กับเจตที่นี่ได้ไหม? ใกล้เช้าจะไปส่งกลับบ้านเหมือนเดิม”“แล้วเจตจะไม่กลับบ้านได้ยังไง? บ้าแล้ว”“ไม่มีโอกาสได้อยู่สองคนนานๆเลยอ่ะ อยากกอดอยากได้ทั้งคืน”“เจตยังไม่ตอบพราวเลย ทำไมถึงคาสายให้พี่คิณฟังเรามีอะไรกัน?”“ก็เขาบอกไม่ต้องวาง แล้วตอนนั้นเจตใกล้เสร็จเลยลืมตัวไปหน่อย”คำตอบของเจตนิพัทธ์ทำเอาพราวตะวันแอบช็อกนี่แปลว่า…พี่คิณจงใจอยากฟังคนสองคนร่วมรักกันอย่างนั้นเหรอ? แล้วแฟนฉันก็บ้าจี้ทำตามที่พี่ชายสั่งอีกต่างหาก…พราวตะวันใช้แรงผลักเจตนิพัทธ์ให้ออกจากตัวเธอ พอเธอลุกขึ้นได้ก็กระฟัดกระเฟียด หยิบกางเกงชั้นในไปด้วยแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง ”พราว..ที่รัก ออกมาหน่อยครับ โกรธอะไรอีกแล้วเหรอ?”เขาเคาะประตูห้องน้ำเบาๆเรียกเธออยู่แบบนั้น เงี่ยหูฟังก็ได้ยินแค่เสียงเหมือนอาบน้ำ สักพักพราวตะวันก็เปิดประตูออกมาโดยไม่มองหน้าเขา“พราว…เจตขอโทษ”“ไม่ต้องไปส่
เจตนิพัทธ์ออกจากบริษัทฝ่ารถติดไปที่แกลลอรี่เกือบไม่ทัน เพราะพราวตะวันกำลังจะออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านพอดี“ทำไมเจตเลิกงานไว? แล้วจะมาก็ไม่โทรบอก จริงๆไม่ต้องมารับก็ได้”“โกรธหรือเปล่า?”“คนที่เจตต้องขอโทษคือพี่คิณ พราวจะโกรธทำไมล่ะ ก็แค่เตือนเฉยๆ”เขารู้สึกได้ว่าแฟนสาวมีน้ำเสียงที่แข็ง พูดจาห้วนๆ สีหน้าตึงใส่ ส่วนพราวตะวันที่เก็บความไม่พอใจเรื่องที่เจตนิพัทธ์รับสายพี่ชายแล้วปล่อยให้ได้ยินว่าทั้งสองมีอะไรกันนั้น มันทำให้เธออึดอัดใจแต่ก็ไม่อยากพูด“เจตรู้สึกได้ว่าพราวไม่พอใจ แบบมากๆด้วย คบกันมาสองปี รู้สิ”“มารับกลับบ้านใช่มั้ย? งั้นก็ไปส่งพราว ขอไม่คุยอะไรตอนนี้นะเหนื่อยทั้งวันแล้ว”“โอเค”เขาตอบรับง่ายๆ แล้วคว้ากระเป๋าของเธอมาถือไว้เอง เดินนำไปที่รถและเปิดประตูให้ ระหว่างทางที่ขับรถเจตนิพัทธ์พยายามจับมือเธอแต่ก็โดนดึงมือกลับ “เดี๋ยวเจตโทรหาพี่คิณตอนนี้เลย พูดขอโทษต่อหน้าพราวก็ได้”“พราวไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้นะ เรื่องขอโทษไม่ขอโทษมันเป็นสิ่งที่เจตคิดเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาบอก”“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ? เรามีอะไรก็เปิดอกคุยกันตลอดนะพราว เจตไม่อยากให้เป็นแบบนี้อ่ะ”“ไม่มีอะไรหรอก”พ
พราวตะวันกำลังพูดคุยบรรยายเกี่ยวกับภาพวาดให้กับผู้ที่เข้ามาชมงานศิลป์ โดยไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆเธอ เขาแอบมองความงามนั้นอยู่ห่างๆเพราะทั้งแกลลอรี่นี้ งานศิลปะเดียวที่เขาสนใจคือ เธอ คิณภัทรยืนรอดูอยู่พักใหญ่เพราะพราวตะวันขยันเดินไปเทคแคร์ผู้ที่มาชมผลงาน เธอพูดเก่ง ดูมีพลังงานล้นเหลือ พลอยทำให้เขารู้สึกสดชื่นและไม่เบื่อเลยสักนิด จนกระทั่งเธอว่างแล้วและกำลังหันไปดูรอบๆก็สบสายตากันพอดี“พี่คิณ…”เธอพูดชื่อเขากับตัวเองเบาๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่พึ่งไปทานข้าวด้วยกันมา เธอยืนนิ่งอยู่แบบนั้นโดยที่เขาเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา“ตกใจเหรอ? ผมคิดไปคิดมาอยากซื้อภาพเพิ่มสักหน่อยน่ะ”“อ้อ..ค่ะ พี่คิณชอบแนวไหนคะ? เอ่อ..ลองไปดูทางนู้นดีไหมคะ? ราคาไม่สูงมาก เป็นของศิลปินหน้าใหม่แนวร่วมสมัย”“เหนื่อยมั้ย? คุณดูปวดขานะ”“ไม่ค่ะ พราวโอเค สบายมาก”เขาจับแขนเธอดึงเบาๆให้เดินตามมา แต่พราวตะวันขัดขืนนิดหน่อย “พี่คิณคะ พราวอยู่ในเวลางานค่ะ”“ผมเป็นลูกค้านะ คิดว่าผู้จัดการถ้าเห็นคุณอยู่กับผมคงไม่ว่าอะไรหรอก ผมยินดีซื้อภาพพวกนั้นเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ได้อยู่กับคุณนิดหน่อย มาเถอะ“เขาเป
คิณภัทรทำหน้านิ่งหลังจากเจอคำถามของพราวตะวัน จนเธอคิดว่าตัวเองเผลอถามคำถามที่เสียมารยาทใส่เขาทั้งที่พาเธอมาทานข้าว “ขอโทษค่ะ พราวไม่ได้ตั้งใจ ที่พราวถามแบบนี้เพราะเห็นว่าพี่คิณยังไม่ได้ลงหลักปักฐานกับใครเท่านั้นเองค่ะ““ผมไม่ซีเรียสนะ กินต่อเถอะ”แต่ท่าทางของคิณภัทรทำให้เธอรู้ว่าเขาปากไม่ตรงกับใจ ส่วนแฟนหนุ่มของเธอก็ยังคุยเก่งร่าเริงปกติ โดยไม่สนใจพี่ชายที่นั่งก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ เมื่อจบมื้อกลางวันที่คิณภัทรรู้สึกกร่อยๆ เขาขับรถไปส่งพราวตะวันกลับไปที่แกลลอรี่ ระหว่างขับรถก็นั่งฟังคู่รักหนุ่มสาวที่นั่งเบาะหลังด้วยกัน คุยหัวเราะต่อกระซิกกันเบาๆตลอดทางเหมือนเขาไม่มีตัวตน “พี่คิณ..ขอบคุณที่มาส่งนะคะ เอ่อ..พราวขอโทษที่ทำให้พี่โกรธด้วยค่ะ”เธอยกมือไหว้เขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง เจตนิพัทธ์จึงรีบพูดเพื่อปกป้องเธอตามประสา“พราวคิดมากไปแล้ว พี่คิณไม่คิดอะไรหรอก เก๊กไปงั้นแหละ ถ้าถามแค่นี้แล้วโกรธก็เกินไปแล้ว รักใครเป็นหรือเปล่าเถอะ”“อือ..ฉันมันไม่มีหัวใจสินะ”คิณภัทรพูดเสียงเนือยๆตอบน้องชายพร้อมกับเหลือบหางตามอง “เจต ทำไมต้องพูดแบบนั้นกับพี่คิณล่ะ พี่เขาทั้งช่วยซื้อภาพวาด ขับรถพาไปทานข้าว ต
สองพี่น้องเดินตามพราวตะวันที่มีพนักงานปลดรูปลงมาแล้วเดินนำไปอีกที เพื่อเอาภาพที่ถูกเลือกนั้นไปห่อด้วย Plastic wrap โดยรอบทั้งกรอบรูป รองมุมทั้งสี่ด้วยโฟมกันกระแทก ตามด้วยใส่กล่องกระดาษเป็นขั้นตอนสุดท้าย คิณภัทรยื่นกุญแจรถให้น้องชาย“เจตพาพนักงานไปที่รถสิ เอาแฟนไปด้วยเลยไหนๆก็ได้เวลาพักเที่ยงพอดี พี่จะจ่ายค่าภาพวาดนี่ก่อน สตาร์ทรถรอได้เลย”พอพวกเขาทั้งหมดไปกันแล้ว เขาจัดการรูดบัตรดำชำระค่าภาพวาดเสร็จ ตามด้วยคุยกับผู้จัดการแกลลอรี่ในอีกเรื่องหนึ่ง“เธอคนที่ขายภาพนี้ ผมต้องการโดเนทให้เธอเป็นการส่วนตัวนอกเหนือจากเปอร์เซ็นที่เธอจะได้”“เอ่อ คุณสามารถติดต่อเธอโดยตรงก็ได้นะคะ ถ้ากรณีให้ด้วยความเสน่หา”“ผมต้องการให้เธอมีกำลังใจในการทำงาน แต่อยากให้ในนามลูกค้าไม่ใช่จากส่วนตัว”“โอเคค่ะ คุณสามารถระบุรายละเอียดได้เลยค่ะ”“ผมจะโดเนทให้เธอเท่ากับราคาภาพในนามบริษัท Innova พวกใบเสร็จใบกำกับภาษีทั้งหมดขอให้ส่งไปที่ฝ่ายบัญชีของบริษัทนะครับ”ทำเอาผู้จัดการตาโตที่เขาให้เยอะขนาดนี้สำหรับนักศึกษาฝึกงาน แม้ราคาภาพวาดจะแค่ 12,000 บาทเท่านั้น“ขอถามได้มั้ยคะว่าอะไรที่ทำให้คุณอยากให้เธอมากขนาดนี้?”“แพชชั่นท