คิณภัทรทำหน้านิ่งหลังจากเจอคำถามของพราวตะวัน จนเธอคิดว่าตัวเองเผลอถามคำถามที่เสียมารยาทใส่เขาทั้งที่พาเธอมาทานข้าว
“ขอโทษค่ะ พราวไม่ได้ตั้งใจ ที่พราวถามแบบนี้เพราะเห็นว่าพี่คิณยังไม่ได้ลงหลักปักฐานกับใครเท่านั้นเองค่ะ“ “ผมไม่ซีเรียสนะ กินต่อเถอะ” แต่ท่าทางของคิณภัทรทำให้เธอรู้ว่าเขาปากไม่ตรงกับใจ ส่วนแฟนหนุ่มของเธอก็ยังคุยเก่งร่าเริงปกติ โดยไม่สนใจพี่ชายที่นั่งก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ เมื่อจบมื้อกลางวันที่คิณภัทรรู้สึกกร่อยๆ เขาขับรถไปส่งพราวตะวันกลับไปที่แกลลอรี่ ระหว่างขับรถก็นั่งฟังคู่รักหนุ่มสาวที่นั่งเบาะหลังด้วยกัน คุยหัวเราะต่อกระซิกกันเบาๆตลอดทางเหมือนเขาไม่มีตัวตน “พี่คิณ..ขอบคุณที่มาส่งนะคะ เอ่อ..พราวขอโทษที่ทำให้พี่โกรธด้วยค่ะ” เธอยกมือไหว้เขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง เจตนิพัทธ์จึงรีบพูดเพื่อปกป้องเธอตามประสา “พราวคิดมากไปแล้ว พี่คิณไม่คิดอะไรหรอก เก๊กไปงั้นแหละ ถ้าถามแค่นี้แล้วโกรธก็เกินไปแล้ว รักใครเป็นหรือเปล่าเถอะ” “อือ..ฉันมันไม่มีหัวใจสินะ” คิณภัทรพูดเสียงเนือยๆตอบน้องชายพร้อมกับเหลือบหางตามอง “เจต ทำไมต้องพูดแบบนั้นกับพี่คิณล่ะ พี่เขาทั้งช่วยซื้อภาพวาด ขับรถพาไปทานข้าว ต่อให้เป็นพี่น้องกันก็ต้องถนอมน้ำใจกันนะ” “พราวดุเจตทำไมน่ะ?” “ช่างเถอะ ไปทำงานแล้วนะ ขอบคุณนะคะพี่คิณ” พราวตะวันลงจากรถไป ส่วนเจตนิพัทธ์ก็ย้ายไปนั่งหน้าข้างคนขับ ทำหน้าเครียดที่โดนแฟนสาวดุ “พี่โกรธพราวเหรอ? เห็นเงียบตลอด” “ไม่ ที่เธอคิดว่าฉันไม่เข้าใจความรักแบบนั้นเพราะแกชอบพูดให้เธอเข้าใจว่าฉันเป็นเสือผู้หญิงไง ไม่แปลกหรอก ฉันควรโกรธแกมากกว่าที่ทำภาพลักษณ์ฉันเสียหายหมด” “เอ้า พากันมาโกรธเจตกันหมด อะไรวะ” “แกเข้าใจความรักมากกว่าใครๆงั้นสิ” “ไม่ได้พูดแบบนั้น แค่เจอคนที่ใช่ก็หยุดแล้ว ไม่ได้เหมือนตอน15-16” “แกพึ่งอายุ 21 จะ 22 อย่าพึ่งแน่ใจนักเลย ก่อนนี้มีแฟนกี่คนก็เห็นปลื้มนักปลื้มหนา คลั่งรักหัวปักหัวปำแล้วเป็นไง? แกต่างหากที่เป็นคาสโนว่า ไม่ใช่ฉัน ดีนะที่แต่ละคนไม่ท้องในวัยเรียน ไม่งั้นแกฉิบหายแน่” “ยังกับพี่ไม่เคยทำงั้นน่ะ” “ฉันป้องกันโว้ย แล้วเสียซิงก็เกือบจะจบมหาวิทยาลัย ไม่เหมือนแก ล่อตั้งแต่ ม.ปลาย ถ้าแม่รู้นะ นึกภาพไม่ออกเลย” ทั้งคู่จบการสนทนาและนั่งกันเงียบๆในรถ อันที่จริงแล้วเจตนิพัทธ์จงใจพูดให้พราวตะวันคิดแบบนั้นเสมอ เพราะเขาเห็นสายตาที่พี่ชายของตัวเองมองเธอตั้งแต่พาไปแนะนำตัวให้ครอบครัวรู้จัก แค่ว่าเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อหน้าทุกคนเท่านั้น ในใจลึกๆเขารู้ดีว่าด้อยกว่าพี่ชายแทบทุกอย่าง แถมไม่ใช่คนโปรดของพ่อแบบคิณภัทร ไม่มีอิสรภาพทางการเงินเหมือนพี่ชายที่จะจ่ายเอาใจผู้หญิงได้ตามอำเภอใจตราบใดที่ยังเรียนไม่จบและยังไม่ได้ทำงาน ที่ผ่านมาก็ทำได้แค่ซื้อของขวัญวันเกิดด้วยช่อดอกไม้ พาไปทานข้าว ดูหนัง เที่ยวเตร่ทั่วๆไป เขาอยากขอเงินแม่เพื่อซื้อของแพงๆให้เธอ แต่ติดที่ก่อนหน้านี้ครอบครัวเขายังไม่เคยเจอเธอสักครั้ง เพราะพราวตะวันอยากคบหาให้แน่ใจในกันและกันสักพักก่อน แกลลอรี่ อาร์ต Sukhumvit Art Haus พราวตะวันเดินเข้าไปเพื่อจะเริ่มทำงานต่อ เนื่องจากมีผู้เข้ามาชมงานศิลปะอยู่ประปราย แต่ทางผู้จัดการได้เข้ามาพูดคุยกับเธอด้วยท่าทางกรุ้มกริ่มมีเลศนัย “พราว พี่คุยด้วยครู่นึงจ้ะ” “ค่ะพี่” “ลูกค้าซื้อภาพวาดที่พราวขายไปช่วงเที่ยง เขาโดเนทให้พราวเท่ากับราคาภาพเลย บวกกับ5%ที่พราวได้ เดี๋ยวพี่คำนวนแบบหักภาษี ณ ที่จ่ายให้เลย ขอเลขบัญชีของพราวด้วยจ๊ะ” พราวตะวันอึ้งบวกตะลึงจนดวงตาที่โตอยู่แล้วกลายเป็นเท่าไข่ห่าน พร้อมกันเขียนเลขบัญชีธนาคารใหัไป พี่คิณทำไมทำแบบนี้นะ แล้วเจตจะรู้หรือเปล่า?… “พี่คะ ลูกค้าได้ให้รายละเอียดอะไรไว้มั้ย? พราวอยากติดต่อเพื่อขอบคุณเขาน่ะค่ะ” “อ้อ มีๆ เขาให้นามบัตรเอาไว้เพราะมีที่อยู่บริษัทของเขาน่ะ พี่ต้องส่งใบเสร็จใบกำกับภาษีส่งให้ฝ่ายบัญชีบริษัท นี่เขาเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ชื่อดังเลยนะ” “ขอพราวดูหน่อยค่ะพี่” ผู้จัดการได้ยื่นนามบัตรของคิณภัทรให้ เธอแค่ถ่ายรูปเอาไว้แล้วคืนให้ไป “พราวขออนุญาตโทรศัพท์ไม่เกินห้านาทีได้มั้ยคะ? แล้วจะรีบมาดูแลหน้างานค่ะ” “ตามสบายๆ ไม่เป็นไรพราว” เธอรีบเดินไปมุมๆหนึ่งของแกลลอรี่แล้วโทรหาคิณภัทรตามเบอร์ในนามบัตรนั้นทันที “ฮัลโหล” “พี่คิณใช่มั้ยคะ?” ฝ่ายที่รับสายถึงกับตกใจระคนตื่นเต้น รีบลุกจากเก้าอี้ไปยืนคุยที่หน้าต่างห้องทำงาน “พราวเหรอ?” “ค่ะ ผู้จัดการบอกว่าพี่คิณโดเนทให้ แต่มันมากเกินไปนะคะ พราวได้คอมมิชชั่นจากการขายอยู่แล้ว เกรงใจมากค่ะ” ซึ่งเธอคิดแบบนั้นจริงๆ พาลนึกไปถึงที่ร้านอาหารตอนเสียมารยาทกับเขา “ผมอยากให้เอง มันคือสิ่งที่คุณควรได้ แค่นึกถึงว่าคุณต้องอธิบายซ้ำๆกับทุกคนแบบนี้ ผมยังเหนื่อยแทนเลย” นี่ฉันตัดสินเขาเร็วเกินไปจริงๆ ขนาดเรื่องเล็กๆน้อยๆเขายังรู้จักเห็นอกเห็นใจ อยากให้กำลังใจคนอื่น แต่ฉันดันไปถามเขาแบบนั้นทำเหมือนว่าเขาไม่มีหัวใจ “ถ้าพี่คิณมีอะไรให้พราวทำเป็นการตอบแทนได้ พราวยินดีค่ะ” “ผมไม่ต้องการอะไรในตอนนี้ แต่ที่แน่ๆผมมีเบอร์คุณแล้ว พราวตะวัน” “เรื่องโดเนทนี้เจตรู้มั้ยคะ?” “ผมไม่จำเป็นต้องบอก เพราะเขาจะคิดมาก” เธอรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะกล่าวขอบคุณอีกครั้งแล้วกดวางสาย หันหลังเดินกลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ เจตนิพัทธ์นั่งดูเอกสารทำงานด้วยใจที่ไม่มีสมาธิ เขาอยากโทรไปง้อเธอ แต่ติดที่อยู่กับผู้จัดการกองทุนของบริษัทกำลังสอนงานเขาอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าพี่ชายของตัวเองออกไปจากบริษัทอีกครั้งวันนี้ครอบครัวโบฟัวร์ได้ชวนเพื่อนๆศิลปินของพวกเขามาทานอาหารค่ำที่บ้าน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานศิลปะที่พวกเขาจะจัดการแสดงนิทรรศการด้วยกันจนดึก ทำให้พราวตะวันกับเจตนิพัทธ์ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน โดยทั้งสองอาสาพาโคลเอ้น้องสาวตัวน้อยเข้านอนแทนเดลฟีน“ขอบใจนะจ๊ะ แพรีส รบกวนมากเลย”“ยินดีค่ะ”ทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนโคลเอ้ด้วยการที่พราวตะวันเล่าเรื่องต่างๆให้เธอฟัง เจตนิพัทธ์รู้สึกเพลินมากเวลาที่ฟังแฟนสาวพูดภาษาฝรั่งเศส เธอดูมีเสน่ห์ สำเนียงและน้ำเสียงไพเราะ แม้จะฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม จนกระทั่งเด็กหญิงค่อยๆผล็อยหลับไป…จากนั้นทั้งคู่ได้ค่อยๆย่องออกมาและปิดประตูอย่างเบามือ โดยไม่ลืมที่จะปิดไฟในห้องให้“พรุ่งนี้ไปดิสนีย์แลนด์ไหม?”“อื้ม..ได้ งั้นวันนี้นอนพักกันก่อน พรุ่งนี้ลุยกันต่อ”พราวตะวันพูดจบเจตนิพัทธ์ก็จู่โจมจูบทันที จนตัวเธอเอนไปติดผนัง “ไม่ไหวแล้ว..คืนนี้ได้ไหม?”เธอไม่ตอบและหลบตาเขาเหมือนกำลังคิดว่าจะปฏิเสธยังไง “ทำไมเหรอ? จริงๆแล้วในใจพราวสับสนใช่ไหม?”“หือ สับสนอะไร? แค่คิดว่าต้องกินยาอีกแล้วเหรอ แค่นั้นเอง”“เจตจัดการตัวเองได้”“ขออาบน้ำก่อนนะ แล้วจะไปหาเอง”เจตนิพัทธ์ปล่อยเธอ
พราวตะวันได้เห็นข้อความนั้นในตอนเช้าที่ตื่นนอน เธอยิ้มให้กับตัวเองที่เขาละเอียดอ่อนถึงกับอ่านกวีฝรั่งเศสและส่งประโยคที่น่ารักแต่ลึกซึ้งมาให้ สติ! พราวตะวัน…แม่บ้านได้มาทำงานแต่เช้าและเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนด้วย oeuf à la coque เสิร์ฟกับขนมปังปิ้งที่เรียกว่าบาแก็ตสำหรับจุ่มน้ำ Les oeufs brouillés ไข่คน หรือออมเล็ต ตามด้วยเครื่องดื่มคือ เกรปฟรุต“ขอโทษนะคะ ฉันอยากได้ครัวซองต์ มีมั้ยคะ?”“ได้ค่ะ คุณแพรีส”“Merci beaucoup” (ขอบคุณมากนะคะ)พราวตะวันกล่าวและยิ้มให้แม่บ้านอย่างน่ารัก ก่อนจะหันไปถามเจตว่าต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งเขาโอเคกับทุกอย่างบนโต๊ะอยู่แล้วจึงปฏิเสธ “พี่แพรีส วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนคะ?”โคลเอ้ถามพี่สาวตาแป๋ว พร้อมกับตักซีเรียลผลไม้กินไปด้วย“ว่าจะไปลูฟวร์ แล้วก็แวะกินอะไรอร่อยๆแถวนั้น พ่อว่าร้านไหนดีคะ?”“ใกล้ลูฟวร์อย่างนั้นเหรอ.. Le Procope เป็นไง? มีไวน์ดีๆ กับสเต็กเนื้อ tenderloin อย่างดี พ่อแนะนำให้ลูกพาแฟนไปกินให้ได้นะ เอารถพ่อไปใช้สิ นั่งแค่สองคนใช้คันเล็กน่าจะได้”“ค่ะพ่อ”คิณภัทรที่ตื่นเช้ามาเห็นว่ามีข้อความเสียงจากพราวตะวัน เขาดีใจมากที่เธอยอมเรียกว่าพี่เหมื
คิณภัทรเฝ้าถามตัวเองทุกวันว่าเขาหงุดหงิดอะไรที่ไม่ได้เห็นหน้าพราวตะวัน จนทำให้เขาต้องแอบออกไปดื่มคนเดียวในตอนดึกๆเป็นระยะเวลาสักพักใหญ่มาแล้วตั้งแต่เริ่มคบกับเกรซเธอทำของใส่ฉันหรือเปล่านะ..ทำไมฉันเลิกคิดถึงเธอไม่เคยได้เลย..13.00 สนามบินสุวรรณภูมิ วันศุกร์ครอบครัวจิรวราพงศ์ได้มาส่งเจตนิพัทธ์เพื่อขึ้นเครื่อง ในขณะที่พราวตะวันลากกระเป๋าใบโตมาคนเดียว เธอดูสดใส มัดผมหางม้าที่หนาและยาวเป็นลอนใหญ่ เสื้อแขนกุดปิดคอรัดรูปสีดำแบบบอดี้สูท กางเกงยีนรัดรูปและบู้ทส้นสูงสีดำยาวถึงหัวเข่า ตุ้มหูเงินวงใหญ่และแต่งหน้าสวยมากแบบที่เจตนิพัทธ์ที่คบมาสองปีกว่ายังอ้าปากค้าง“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่..พี่คิณ เอ้อ เจต ตื่นเต้นมั้ยน่ะดูทำหน้า”สายตาเธอที่มองน้องชายของเขา ทำให้คิณภัทรได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจเงียบๆ ทุกคนพูดคุยสนุกสนานกัน มีเพียงเขาที่เหมือนส่วนเกิน“แม่โอนเงินให้เจตแล้วนะ อย่าลืมเอาคืนให้หนูพราวล่ะ ค่าตั๋วน่ะ แล้วแม่ให้เงินหนูพราวไว้ติดตัวด้วย ให้เผื่ออยากได้อะไรก็ซื้อเลยนะ“”แม่ให้พราวต่างหากแสนห้ากับค่าตั๋วของเราสองคน เจตโอนเลยตอนนี้แหละ”เธอตกใจที่คุณเจตสุภาให้ขนาดนั้น ทั้งที่เจอกันไม่กี่คร
เกรซพยายามชวนแฟนหนุ่มไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อผ่อนคลายจากการที่เขาทำงานหนักตลอดจนแทบไม่มีเวลาให้เธอ ตั้งแต่เขากลับมาขอคบได้สองเดือน ไม่เคยมีช่วงเวลาส่วนตัวด้วยกันสักครั้ง ทั้งที่ในอดีตเขาไม่เคยปฏิเสธการที่จะได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเธอเลย“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็ไปเที่ยวฝรั่งเศสแล้วนี่”“จริงสินะ แล้ว…ต้องพักแยกห้องมั้ย? ไปกี่วัน?”“เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอดูอะไรๆก่อน”“วันนี้ไปกินข้าวเย็นที่ไหนดี?”“ผมยังทำงานไม่เสร็จน่ะ อาจไม่ได้เจอกันนะ”“เกรซซื้อของกินไปให้คิณที่บริษัทเอาไหม?”“ไม่ต้องหรอก ผมใช้สมาธิ ยังไม่หิวน่ะ”เธอจึงไปรับลูกชายวัยสี่ขวบที่บ้านของสามีเก่าเพื่อไปกินข้าวเย็นแทนด้วยอารมณ์สุดเซ็งเจตนิพัทธ์พาพราวตะวันไปกินข้าวเย็นที่ห้างและไปเดินซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กที่สาวๆชอบกันก่อนจะกลับบ้านในตอนสามทุ่ม เขารู้สึกว่าช่วงนี้แฟนสาวกลับมาน่ารักเหมือนเดิม อาจจะเพราะพี่ชายของเขาเปิดตัวแฟนไปแล้ว ไม่มีใครมาคอยก่อกวนให้เธอต้องไขว้เขวอีก พราวตะวันยืนคุยกับแฟนหนุ่มที่หน้าบ้านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเขย่งตัวหอมแก้มไปหนึ่งที ยืนโบกมือให้เขาจนลับตา พอปิดประตูบ้านแล้ว เธอก้าวเข้าบ้านและกำลังขึ้นบันได
“สุดท้ายก็ต้องรบกวนแม่สินะ คิณดูแลส่วนนี้เองครับแม่”“อ้อ ดีๆ คิณจัดการให้น้องทีนะ”พราวตะวันรีบบีบขาแฟนหนุ่มให้ปฏิเสธไป ซึ่งเขาเห็นด้วย“ไม่ต้องพี่คิณ เจตกับพราวเราจัดการเองได้ พ่อครับ ถ้าเจตเรียนจบอาจไปลองหาประสบการณ์ทำงานที่อื่นสักพักแล้วจะกลับมาช่วยที่บ้านนะ“พ่อทำหน้าว่าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ก่อนจะท้วง “ทำไมล่ะ ก็เห็นผู้จัดการกองทุนบอกอยู่ว่าหัวไว ตั้งใจทำงาน นี่พ่อมองตำแหน่งไว้ให้แล้วที่ Synergy Finance”“เจตไม่อยากอยู่ใต้เงาคนอื่น อยากไปลองลำบากดูบ้าง”พ่อกับแม่มองหน้ากันทันที พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายคนเล็กคิดแบบนี้ แม้กระทั่งคิณภัทรเองก็ไม่คิดว่าน้องชายจะกล้าพูดออกมา “ใครยุแยงให้แกคิดแบบนี้ล่ะ? เดือดร้อนแม่อีก”เจตนิพัทธ์พยายามหายใจเข้าออกยาวๆ เขาสะกดความหัวร้อนของตัวเองแบบสุดๆที่มาพาดพิงแฟนสาว“ขอตัวไปส่งพราวกลับบ้านก่อนนะครับ”“ขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะ”เขาพยักหน้าให้พราวตะวันลุกขึ้นและจับมือเธอออกไปจากห้องทานอาหารทันที “คิณ! ใช้คำพูดแบบนี้กับคนอื่นมันเกินไปนะ น้องมีความคิดของตัวเอง ไปพูดว่าใครยุแยงได้ยังไง? ลูกหมายถึงหนูพราวเหรอ? ต่อไปเค้าคงไม่มาที่นี่แล้วเพราะลูกปากร้ายก
พราวตะวันไปเอาผ้าชุบน้ำเพื่อมาเช็ดหน้าให้คิณภัทรที่แดงไปจนถึงหูและลำคอ เขาเอนหลังมองผู้หญิงที่เขารักไม่วางตา เธอปลดกระดุมเสื้อเขาออกจนเห็นอกกว้าง แล้วก็รู้สึกเขินเองทั้งจากสายตาและร่างกายที่กำยำนั้น“คุณไปอยู่ที่ไหนมา..ทำไมผมถึงไม่เจอคุณก่อน..”เขาจับมือเธอที่กำลังประคบผ้าบนคอออกไป แล้วกอดกดเธอลงบนโซฟา พราวตะวันละล่ำละลักพูดกระซิบ“พี่คิณ..แม่อยู่ข้างบน”“แม่บอกให้พราวตัดสินใจไม่ใช่เหรอ? แต่งงานกับพี่แล้วเราไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ พี่จะกลับไทยมาเคลียร์งานแค่นั้น พราวอยากทำอะไร พี่จะให้ทุกอย่าง”อกกว้างที่กดทับหน้าอกเธออยู่ หัวใจเขาเต้นแรงสะเทือนมาถึงเธอที่นอนอยู่ใต้ตัวเขา ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากคนทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง หนีไปกับเขาเหรอ…พระเจ้า…เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจฉัน..เธอใช้มือดันอกเขา พยายามเบือนหน้าหนีไปซุกซอกคอเขาแทน ลมหายใจร้อนๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าชวนให้ร้อนรุ่ม “พี่ไม่อยู่สองเดือนกว่า กลับมาเจอพราวไล่เป็นการตอบแทนความคิดถึง”“เราไม่เคยคบกันนะคะ”คิณภัทรไม่ยอมรับสิ่งที่เธอพูด เขาซุกไซ้คอ บีบจับหน้าอกเธอด้วยตัณหาราคะที่ครอบงำเพราะน้ำเมา“ถ้ามันเลือกยากนัก ก็คบทั้งพี่ทั้