LOGINบาร์หรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท
เสียงเพลงจังหวะช้าแผ่วคลอเคลียอยู่ในอากาศ แสงไฟนวลส่องสะท้อนแก้วไวน์ในมือของหญิงสาวผู้มีใบหน้าสวย “ณิชา” นั่งอยู่ในห้อง VIP กับเพื่อนสนิท “ของขวัญ” ทั้งคู่มักนัดกันออกไปช้อปกันบ่อย ๆ แต่ค่ำคืนนี้กลับแตกต่างออกไป
“ณิชาเป็นอะไร วันนี้ถึงชวนมาดื่ม ปกตินัดแต่ช้อปปิ้งนี่นา”
ของขวัญถามพลางเอนพิงโซฟา
ณิชาหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจ
“เบื่อ ๆ น่ะขวัญ... ตอนนี้ครอบครัวณิชามีปัญหาทางธุรกิจ พ่อกับแม่ก็เลยอยากให้ฉันแต่งงานกับอีตาคีรติ ประธานบริษัทอภิพัฒน์วัฒนากุล”
เธอเว้นจังหวะแล้วพูดเสียงแผ่ว
“เธอก็รู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นคนเย็นชา แล้วข่าวลือเรื่อง... เรื่องอย่างว่าของเขา ก็ไม่ค่อยดีนัก”
ของขวัญหัวเราะเบา ๆ
“แต่เขาหล่อมากนะ ฉันยังแอบปลื้มอยู่เลย จะดูรูปไหม เดี๋ยวเปิดให้ดู”
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ณิชาส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ
“ไม่ต้องหรอก เพราะฉันจะไม่แต่งงานแน่ ฉันจะหาทางช่วยครอบครัวเอง...มันต้องมีทางอื่นสิ”
เสียงของณิชานิ่งแต่แน่วแน่
“แล้วจะปฏิเสธยังไงล่ะ พ่อแม่เธอจะยอมหรือ?”
“ก็ง่าย ๆ ถ้าฉันมีแฟนแล้ว ใครจะกล้ามาแตะต้องล่ะ”
ณิชายิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“คืนนี้จัดเด็กมาดูแลฉันสักคนสิ”
ของขวัญอ้าปากค้าง
“ณิชา! นี่เธอจะยอม... แบบนั้นเลยเหรอ?”
หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ
“ขวัญ ฉันยี่สิบสี่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กสิบแปดที่ต้องกลัวเรื่องแบบนี้”
“จริงจังเหรอเนี่ย?”
“แน่นอนสิ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์... แค่คืนเดียว”
เธอยกแก้วขึ้นดื่มอย่างไม่ลังเล
ของขวัญส่ายหน้ายิ้ม ๆ
“ได้เลย เดี๋ยวฉันจัดให้ ร้านที่ฉันเคยใช้บริการไว้ใจได้แน่นอน”
“ขอบใจนะ คืนนี้ฉันจองห้องโรงแรมข้าง ๆ ไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง”
“งั้นดื่มเลยสิ ดื่มให้ลืมทุกอย่างไปเลย”
เสียงหัวเราะของสองคนกลบอยู่ใต้ทำนองเพลงแจ๊สเบา ๆ
ณิชายกแก้วขึ้นอีกครั้ง ดื่มรวดเดียวสามแก้วติด ๆ
ความร้อนแล่นปราดไปทั่วร่าง แต่ในใจกลับรู้สึกเย็นชาอย่างประหลาด
คืนนี้... เธอแค่ต้องการลืมทุกอย่าง และเริ่มต้นใหม่ด้วยเงื่อนไขของตัวเอง
บาร์หรูแห่งเดียวกันย่านสุขุมวิท
คีรติเดินผ่านห้อง VIP ที่มีเสียงหัวเราะและดนตรีคลอเบา ๆ ดึงดูดสายตาของเขาไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่กับเพื่อนหญิงอยู่กันแค่สองคน ล้อมรอบด้วยชายหนุ่มบริการเครื่องดื่ม
“ผู้หญิงสมัยนี้ก็ไม่เบาเหมือนกันนะ...”
เขาพึมพำในใจ แต่ทันใดนั้นสายตากลับหยุดอยู่ที่ณิชา
ความสวย ความน่ารัก และรอยยิ้มบาง ๆ ของเธอทำให้หัวใจเขาเต้นแรงโดยไม่ทันตั้งตัว
“ไอ้คีย์ มึงดูอะไรอยู่วะ ของเราห้องถัดไปโน้น ไป ๆ”
เสียงเตชทัตเพื่อนสนิทของเขาเรียก พลางเกาะบ่าเขาแล้วพากันเดินผ่าน ไปยังห้อง VIP ห้องถัดไป
เตชทัตยกแก้วขึ้น
“วันนี้คิดยังไง ชวนมาดื่มล่ะ?”
คีรติยกแก้วตาม
“พ่อแม่กูอยากให้แต่งงานกับยัยณิชา… ลูกสาวลุงประสิทธิ์น่ะ”
เตชทัตทำหน้าเอือม
“แล้วมึงจะเอายังไงวะ? เขาลือกันว่าแม่นั่นสาวไฮโซหัวสูง ใช้เงินเปลืองไปหมด คนทั่วไปก็ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ ถ้ามึงต้องแต่งงานไปมีหวังทนทุกข์ไปตลอดชีวิตนะ”
คีรติพยักหน้า
“กูก็ยังไม่เคยเจอตัวเธอเอง แต่ข่าวของเธอก็ไม่ได้ดีอะไรนัก”
“เพราะมึงก็ไม่เคยหาแฟนสักทีนี่ พ่อแม่เลยอยากให้แต่งงานไง”
“จะไปหาจากไหน? คนที่กูชอบเขาก็หนีกูไปทำงานต่างประเทศแล้ว”
“เออจริงถ้าตอนนั้นมึงขอมุกดาเป็นแฟนตั้งแต่แรก ป่านนี้คงแต่งงานกันแล้ว” เตชทัตพูดเหน็บ
คีรติยักไหล่
“มึงพูดง่าย มุกดาอาจไม่ชอบกูก็ได้”
เตชทัตยกแก้วขึ้นอีกครั้ง
“มา ๆ มาดื่มดีกว่า กูสั่งพนักงานจองโรงแรมให้มึงแล้วนะ VIP 66”
“เออ ขอบใจมาก มาดื่ม ๆ กันเถอะ”
คีรติยิ้มแผ่ว
แม้คีรติจะนั่งดื่มกับเพื่อน และหัวเราะสนุกสนาน แต่ในใจกลับไม่เคยสงบ
ความคิดเรื่องการแต่งงานที่พ่อแม่จะจัดการให้ยังคงวนเวียนอยู่ตลอด
เขาแทบจินตนาการไม่ออกว่าต้องใช้ชีวิตร่วมกับหญิงสาวคนหนึ่ง
ลูกสาวเพื่อนพ่อที่ ไม่เคยทำอะไรจริงจังสักอย่าง ใช้ชีวิตหรูหรา และใช้เงินไปวัน ๆ คู่ชีวิตที่ไม่ได้มาจากความรักจะอยู่ได้นานแค่ไหน แค่คิดก็ทำให้เขารู้สึกหนักใจไม่น้อย
หลังจากดื่มกับเพื่อนสักพัก ทั้งคู่ต่างแยกย้ายกลับที่พัก
คีรติไปถึงโรงแรม เข้าเข้าห้อง VIP 66 ด้วยความรีบร้อน
จนลืมล็อกประตูห้องโดยไม่ตั้งใจ
ณิชาเองก็พักโรงแรมเดียวกันกับเขา
เธอดื่มหนักจนสติไม่เต็มร้อย
จึงเดินเข้าห้องด้วยความรีบร้อน คิดว่านี่คือห้องของตัวเอง
และคิดว่าคีรติคือเด็กหนุ่มที่เพื่อนของขวัญเรียกมาบริการ
คืนนี้… โรงแรมหรูกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
ที่ทั้งสองต้องเผชิญหน้าและแก้ไขความเข้าใจผิดแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้บ้านณิชา..เสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตหรูดังแผ่วก่อนดับลงตรงหน้าบ้านของณิชา คีรติเปิดประตูลงจากรถในชุดสูทเรียบหรู สายตาคมกริบกวาดมองตัวบ้านด้วยท่าทีสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจเฉพาะตัวภารดีที่กำลังจัดแจกันดอกไม้ตรงห้องรับแขกหันมาเห็นเข้าพอดี“อ้าว...ตาคีย์ มารับน้องเองเลยหรือลูก?”เสียงเธอแฝงรอยยิ้มปลื้มชัดเจนคีรติยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“ครับคุณแม่ วันแรกของการทำงาน มารับเลขาส่วนตัวสะหน่อยครับ”ภารดียิ้มกว้าง“น่ารักจังลูกเขยของแม่”ทันใดนั้น เสียงเครื่องดนตรีเบา ๆ ดังจากในบ้าน ก่อนชายหนุ่มอีกคนจะเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สะพายข้าง“อ้อ นี่พอร์ช ลูกชายคนเล็กของแม่”ภารดีแนะนำพอร์ชยิ้มกว้าง“สวัสดีครับพี่เขย”เขาแกล้งเอ่ยคำเรียกอย่างซุกซน“เดี๋ยวผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ”คีรติหัวเราะเบา ๆ“สวัสดีพอร์ช ขับรถดี ๆ นะ”ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังลงมาจากชั้นบน ก่อนจะตามด้วยเสียงใสที่คุ้นหู“แม่ค่ะ มีอะไรทานบ้างคะเช้านี้?”ณิชาในชุดสูทกระโปรงสีครีมอ่อนก้าวลงมาจากบันได ผมยาวสลวยถูกรวบเรียบ เธอดูเรียบร้อยแต่น่ามองอย่างเหลือเชื่อ...จนคีรติอดยิ้มไม่ได้“อรุณสวัสดิ์ครับ...น้องณิชา”เขาเอ่ยเสียงทุ้มต
“คุณ!”เสียงทั้งสองซ้อนทับกันกลางห้องอาหารรอยยิ้มของอรสาและภารดีแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากันด้วยแววตาฉงน“อ้าว...รู้จักกันอยู่แล้วเหรอลูก?”ภารดีถามด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดีณิชารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกยิ้มบาง“เอ่อ...บังเอิญเคยเจอกันค่ะ”“อย่างนี้ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเริ่มทำความรู้จักใหม่ให้เสียเวลา”อรสากล่าวอย่างมีความหวัง มือประคองถ้วยชาเบา ๆ พลางมองเด็กทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยนคีรติทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับณิชา ท่าทีสงบนิ่งแต่ดวงตากลับไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอหญิงสาวพยายามหลบสายตานั้น แต่ยิ่งหนี...เขากลับยิ่งมองบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มเปลี่ยนจากความอบอุ่น เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น“หนูณิชาชอบอาหารญี่ปุ่นไหมลูก ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบเลยนะ”ดำรงเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่เริ่มหนาแน่น“ชอบค่ะคุณลุง”ณิชาตอบอย่างเรียบสุภาพ แต่ปลายนิ้วยังคงสั่นเล็กน้อยใต้โต๊ะคีรติปรายตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มบางแฝงอยู่บนริมฝีปาก รอยยิ้มที่มีทั้งเย็นชาและความหมายบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก“โลกกลมมากเลยนะครับผมพึ่งเจอเธอไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้...”เขาพู
บ้านตระกูลอภิพัฒน์วัฒนากุล (บ้านคีรติ)เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านหรูเมื่อ คีรติ พาน้องสาว ครีม กลับมาถึงบ้านทันทีที่ อรสา แม่ของทั้งคู่ได้ยินเรื่องรถชน ใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที“ครีม! ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”หญิงสาวรีบเดินเข้ามาดูบุตรสาวด้วยความร้อนใจ“ไม่เจ็บเลยค่ะแม่ แต่พี่ที่หนูชน...เขาหัวแตกค่ะ”ครีมตอบเสียงแผ่วแต่ยังยิ้มบาง ๆ“ตายจริง! แล้วพี่เขาเอาเรื่องหรือเปล่าลูก?”“ไม่ค่ะ แม่...พี่คนสวยเขาน่ารักมากเลย ยังลงมาดูหนูด้วยนะคะ”คีรติยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น ภาพเธอยังวนอยู่ในหัว ดวงตาคมสวย แววตาแข็งแกร่งแต่เศร้าลึก ๆ “งั้นครีมไปพักก่อนนะลูก เดี๋ยวค่อยลงมาทานมื้อเย็นกัน”“ค่ะแม่ แล้วคุณพ่อกลับมาหรือยังคะ?”“ยังเลยลูก วันนี้บริษัทคุณพ่อมีประชุม คงกลับมามืดหน่อย”“งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ”“ไปสิลูก รีบอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวนะ”อรสามองตามลูกสาวขึ้นบันได ก่อนจะหันกลับมาทางลูกชายที่ยังยืนอยู่ตรงโถงบ้าน“ตาคีย์...แม่มีเรื่องจะคุยด้วย มานั่งก่อนสิลูก”คีรติพยักหน้าเบา ๆ“ครับแม่”น้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับรู้ดีว่าเรื่องที่แม่จะพูดคืออะไร“พรุ่งนี้ว
บ้านตระกูลวัฒนวานิชเจริญ (บ้านณิชา)เสียงส้นรองเท้าดังแผ่วเบาไปตามพื้นหินอ่อน เมื่อ ณิชา เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย ดวงตาคู่สวยดูพร่ามัวราวกับคนไม่ได้หลับทั้งคืน“ณิชา เป็นยังไงบ้างลูก…ทำไมมีเลือด!”เสียงของ ภารดี แม่ของเธอเอ่ยขึ้นทันทีด้วยความตกใจ“รถชนนิดหน่อยค่ะคุณแม่ หนูให้เลขาของคุณพ่อจัดการแล้วค่ะ”หญิงสาวตอบเบาๆ พยายามกลบความอ่อนแรงในน้ำเสียง“ตายแล้ว! มาทำแผลก่อนเถอะลูก”ภารดีรีบพาเธอไปนั่งที่โซฟา มือสั่นเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง“ขอบคุณค่ะ...”ณิชาตอบเสียงเรียบ พลางขยับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นอีกนิด เพื่อปกปิดรอยช้ำที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า รอยที่ไม่ควรมีใครเห็น โดยเฉพาะแม่ภารดีนั่งลงข้างๆ พลางหยิบกล่องยามาจัดการแผลให้ลูกสาวด้วยความอาทร“พรุ่งนี้แม่มีนัดกับป้าอรสา ลูกไปกับแม่นะลูก”“แม่ค่ะ…จะให้หนูไปดูตัวอีกแล้วใช่ไหม?”น้ำเสียงของณิชาปนความเหนื่อยใจ“แม่เชื่อว่าลูกกับตาคีย์เหมาะสมกันมาก”ภารดีพูดเสียงหนักแน่นราวกับตัดสินใจแทนลูกสาวไปแล้ว“แต่แม่ค่ะ…”“เพื่อครอบครัวนะณิชา”หญิงสาวชะงัก เธอเม้มปากแน่น ก่อนถามออกมาด้วยความคับข้อง“ครอบครัวเราลำบากขนาดนั้นเลยหรือคะ ทำไมบัตรของหนูเ
บริษัท อภิพัฒน์วัฒนากุล กรุ๊ป ห้องทำงานประธานแสงแดดยามสายลอดผ่านกระจกสูงสะท้อนลงบนโต๊ะทำงานหรูที่เต็มไปด้วยเอกสารสำคัญคีรติพิงเก้าอี้ พลางจิบกาแฟอย่างใจเย็น ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ“ก๊อก… ก๊อก…”“เข้ามาได้”เลขาคนสนิทของเขา ทรงพล เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มสีเทาในมือ“ข้อมูลของผู้หญิงที่คุณคีรติให้สืบมาครับ ทั้งคนที่อยู่กับคุณคืนนั้น… และข้อมูลของคุณณิชาวดีด้วยครับ”คีรติขมวดคิ้วเล็กน้อย พลิกแฟ้มในมืออย่างใช้ความคิด แต่ก่อนที่ทรงพลจะเริ่มรายงานครืด… ครืด… ครืด…เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นหน้าจอขึ้นชื่อว่า “ครีม”คีรติรีบรับสายทันที“ครีม ว่ายังไงพี่ทำงานอยู่”เสียงปลายสายสั่นเครือ“พี่คีย์… ครีมขับรถชนค่ะ พี่มาหาครีมหน่อยได้ไหม”คีรติลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที สีหน้าเปลี่ยนจากเรียบนิ่งเป็นเคร่งเครียดในพริบตา“ครีมบาดเจ็บไหม? อยู่ตรงไหนส่งโลเคชั่นมาพี่จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้” เขาถามไถ่น้องสาวด้วยความห่วงใย“ไม่ค่ะ ครีมไม่เป็นไรเลย”คีรติหายใจโล่งเมื่อรู้ว่าน้องสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ“รอตรงนั้น ห้ามขยับรถ พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”“ค่ะพี่คีย์…”สายถูกตัดไป คีรติหันไปสั่งเล
โรงพยาบาลเอกชน เงียบสงบเสียงพยาบาลดังเรียก“เชิญคุณณิชาวดีที่ห้องตรวจค่ะ”ณิชาเดินเข้าไปพบแพทย์ทันที“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“สวัสดีค่ะคุณณิชา ปวดท้องน้อยบริเวณไหนคะ”“ปวดท้องน้อยตรงนี่ค่ะ หน่วง ๆ”ณิชากุมท้องน้อย กดๆ ให้คุณหมอดู “ไม่ทราบรอบเดือนมาวันที่เท่าไหร่ค่ะ?”“เพิ่งมาสัปดาห์ที่แล้วค่ะ ประมาณวันที่ 4”“เอ่อค่ะ… แล้วไม่ทราบว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ค่ะ”ณิชากลืนน้ำลาย ก่อนตอบเสียงเบา“เมื่อคืนค่ะ”หมอพยักหน้าเบา ๆเดี๋ยวหมอขอตรวจหน่อยนะคะ”ณิชาขึ้นนอนบนเตียงตรวจ หมอเริ่มตรวจอย่างละเอียด“อ่อมีฉีกขาดบ้าง เป็นครั้งแรกหรือเปล่าค่ะ ”“อืม..ค่ะคุณหมอ”ณิชาตอบเสียงเบา สีหน้าเธอแดงก่ำหมอยิ้มอ่อนโยนแต่เอ่ยเสียงจริงจัง“อืม..การใช้งานรุนแรงทำให้เกิดการอักเสบได้ ต่อจากนี้ขอให้งดกิจกรรม 7 วันนะคะหมอจะให้ยาไปทาน เดี๋ยวก็จะดีขึ้นค่ะ”ณิชาพยักหน้าอย่างเขินอาย“ขอบคุณค่ะคุณหมอ… เอ่อ ขอ ‘ยาคุมฉุกเฉิน’ ด้วยได้ไหมคะ คือเมื่อคืน…”หมอยิ้มเบา ๆ อย่างเข้าใจ“ได้ค่ะ เดี๋ยวจัดยาให้เลย”“หมอสั่งยาเรียบร้อยแล้วค่ะ...รอรับยาแล้วกลับบ้านได้ค่ะ”“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”ณิชาเดินออกจากห้องตรวจด้วยหัวใจที่







