ชายสูงวัยในชุดสูทแบบซุนยัตเซ็นเอ่ยถามว่ามีเหล้าไหม ถังเหยานึกขึ้นได้ว่ายังมีเหล้าที่คุณทวดหมักเก็บไว้ตั้งแต่สมัยก่อนอยู่ในครัวสองสามไห คิดได้แบบนั้นก็รีบบอกกับหยางอิงไว้เลย ว่าถ้ามีใครถามถึงเหล้า ให้บอกไปว่า “หนึ่งโต๊ะสั่งได้แค่หนึ่งไห” ก็แล้วกัน ถือว่าให้ทุกคนได้ลิ้มลองฝีมือ การหมักเหล้าโบราณของตระกูลแบบพอเป็นพิธี
คุณลุงทั้งสองไม่ได้สั่งข้าวอาหารจานเดี่ยว แต่จัดเต็มสั่งเป็นเซ็ตชุดใหญ่ ถังเหยาจึงเร่งมือทำข้าวผัดหยางโจวกับสลัดผักแบบด่วนจี๋ เธอจัดวางซี่โครงวัวตุ๋นซอสไวน์แดง, ไก่ผัดพริกสไตล์เสฉวน และเต้าหู้เห็ดหอมลงจานอย่างสวยงาม พร้อมกับปลาในน้ำซุปเปรี้ยวหวาน และสลัดผักน้ำมันงาใส่ถาด ให้หยางอิงยกออกไปเสิร์ฟก่อน
เธอจัดการเตรียมถ้วยชาม ตะเกียบ ช้อน จอกเหล้าเล็กๆ สองใบ และไหหนึ่งไหวางไว้บนถาดไม้ ปิดท้ายด้วยข้าวผัดร้อนๆ จานใหญ่
พอดีกับจังหวะที่หยางอิงเดินกลับมา เฉินผิงกับเพื่อนอีก 5 คนก็เดินเข้ามาในร้าน เห็นมีลูกค้านั่งอยู่ก่อนแล้ว ทุกคนยังแอบคิดว่าตัวเองจะมาเป็นกลุ่มแรกเสียอีก เพิ่งหกโมงเอง ก็มีคนมาเร็วขนาดนี้แล้วเหรอ
พวกเขาก็ชอบบรรยากาศกลางแจ้งกับโคมไฟพอๆ กัน หลังจากทักทายสองสาวเจ้าของร้านแล้ว ก็พากันไปนั่งโต๊ะใต้หอมหมื่นลี้
“ร้านนี้ดูดีแฮะ แค่เห็นบรรยากาศร้าน ฉันก็ให้คะแนนบวกก่อนเลย”
“ทุกคนได้กลิ่นไหม ข้าวผัดหอมเวอร์! ยังไม่เคยเจอร้านไหนข้าวผัดหอมแบบนี้เลยนะ”
“แน่นอน ตอนที่เอาออเดอร์ไปส่งลูกค้ายังห้ามน้ำลายแทบไม่อยู่เลย แถมร้านนี้ดูสะอาดมาก มองจากด้านนอกก็เห็นครัวข้างในได้”
“นั่นสิ อย่างนี้ก็กินได้อย่างสบายใจ”
ระหว่างที่กำลังคุยกันอย่างออกรส อาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟพอดี แต่ละคนได้จานข้าวของตัวเอง พร้อมซุปและกับข้าวอย่างละจาน แถมยังมีสลัดแยกให้แต่ละคนอีกต่างหาก การจัดจานสวยแปลกตา พอเห็นแล้วก็รู้สึกพอใจโดยไม่ต้องชิมเลยด้วยซ้ำ
“โห ข้าวผัดอร่อยมาก! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกลิ่นมันถึงหอมขนาดนั้น ฉันไม่คิดเลยนะว่าข้าวผัดจะหอมได้ขนาดนี้”
“ไม่น่าเชื่อเลย ซี่โครงวัวตุ๋นไวน์แดงนี่อร่อยสุดๆ รสชาติแบบนี้ฉันเพิ่งเคยได้กินเป็นครั้งแรก”
“ไก่ผัดพริกเสฉวนเผ็ดๆ ชาๆ เปรี้ยวนิดๆ แต่ไม่บาดคอ ความเผ็ดกำลังดีเหมือนเกาโดนจุดคันมันยิบๆ แบบอร่อยจริงๆ”
ตอนแรกโต๊ะพวกเขายังมีเสียงอุทานชมโน่นนี่ประปราย แต่สักพักเสียงก็ค่อยๆ เงียบลง ไม่ใช่อะไร…แต่ละคนมัวแต่ก้มหน้ากินจนลืมโลก ลืมแม้แต่จะพูดคุยกัน
โต๊ะข้างๆ ที่ผู้กำกับเฉินกับผู้กำกับซ่งนั่งอยู่ ก็อินกับบรรยากาศและอาหารไม่แพ้กัน กินจนพออิ่มถึงได้หยิบเหล้ามารินคนละถ้วยเพื่อคลายหนาว
“นึกไม่ถึงเลยนะว่าร้านที่เสี่ยวติงแนะนำจะอร่อยขนาดนี้ ฝีมือเชฟที่ดูจากภายนอกไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะเก่ง เทคนิคตุ๋นซี่โครงนี่ ไม่แพ้ร้านอาหารระดับห้าดาวเลยสักนิด กลิ่นและรสเหนือกว่าเห็นๆ”
“เมนูไก่ผัดพริกเสฉวนจานนี้ดีกว่าของเต๋ออี้จิ่วโหลวอีก น้ำซอสอร่อยกว่าเป็นกองเลย ไก่นึ่งกับสมุนไพรหอมฟุ้ง แต่ยังคงความนุ่มหวานของเนื้อไก่ไว้ได้ ส่วนของทางร้านนั้นไก่แข็งกว่า แถมน้ำมันยังเยิ้มอีกต่างหาก”
ผู้กำกับเฉินกำลังพูดอยู่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นไหเหล้าที่เพิ่งเปิดฝา ร้านอาหารร้านนี้ตกแต่งแบบย้อนยุค ชามกับตะเกียบเลยดูเข้าชุดกันหมด พอเห็นไหเหล้าในมือของผู้กำกับซ่งแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในกองถ่ายหนังเรื่องที่ตัวเองกำกับซะอย่างนั้น
ผู้กำกับซ่งรินเหล้าใส่จอกสองใบแล้วรีบปิดฝาไหทันที ถึงแม้จะยังไม่ได้ดื่ม แต่แค่เปิดฝาก็พอรู้ได้แล้วว่านี่คือเหล้าชั้นดี สำหรับสายสะสมเหล้าอย่างเขา แค่กลิ่นก็รู้เลยว่าไม่ธรรมดา
เขายกชามเหล้าขึ้นสูดกลิ่นเบาๆ กลิ่นหอมหวานสดชื่นลอยมาแตะจมูก ชนิดที่ยังไม่ทันดื่มก็เหมือนกลิ่นไหลลงคอไปแล้ว รสหวานอ่อนๆ เหมือนจะละลายอยู่ในปาก แค่ได้กลิ่นก็แทบจะเมาแล้ว
“เหล้าชนิดนี้ ผมว่าไม่ธรรมดาแน่ อย่างน้อยต้องมีอายุกว่าร้อยปี แล้วก็น่าจะใช้วิธีหมักแบบโบราณด้วย ผมเคยมีเพื่อนคนหนึ่ง บังเอิญได้ลองเหล้าแบบนี้อยู่ครั้งนึง รสชาติตอนนั้นไม่เหมือนที่ไหนเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ถึงขั้นเท่าที่นี่ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าใต้เชิงเขาเหิงเตี้ยน ในร้านอาหารบ้านๆ แบบนี้จะมีของดีซ่อนอยู่แบบนี้”
ผู้กำกับเฉินพอฟังจบก็ลองจิบตามเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยให้รสเหล้าค่อยๆ ละลายไหลลงลำคอ แล้วถึงจิบอีกคำหนึ่งอย่างช้าๆ ช่วงแรกจะรู้สึกจี๊ดๆ นิดหน่อย แต่พอสักพักก็จะกลายเป็นรสสดชื่นนุ่มลิ้น แล้วปิดท้ายด้วยความหวานอ่อนๆ พร้อมกลิ่นข้าวหมักที่ติดอยู่ในคอ…เหล้าดีจริงๆ
เขามองไหเหล้าสีแดงน้ำตาลอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนจะหันกลับมามองสีเหล้าในชาม ที่ออกชมพูจางๆ แล้วหลุดปากออกมา “นี่มัน ‘นารีแดง’ ที่หมักมาจากข้าวเหนียวนี่นา ไม่น่าเชื่อเลยว่าในร้านเล็กๆ แบบนี้จะมีฝีมือหมักเหล้าระดับเทพซ่อนอยู่แบบนี้ ของดีไม่กลัวสถานที่จริงๆ”
ผู้กำกับซ่งหลับตา ลิ้มรสเหล้าที่ยังติดอยู่ในลำคออย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองโคมไฟที่ปลิวไหวตามลม บรรยากาศชวนให้ใจสงบ เขาเลยฮัมกลอนเบาๆ ออกมา
“หนี่ว์เอ๋อร์หง เจ้าหลับข้าตื่น คิดถึงไม่รู้จบ ข้าร่ายเจ้าอย่าฟังเงียบๆ เลย ของอร่อยบนโลกนี้มันก็แบบนี้แหละ ข้าวดีๆ ซุปหวานๆ เหล้าหอมๆ นั่งดูพระจันทร์รับลมเย็นๆ สุดท้ายแล้วในเมืองเหิงเตี้ยน ก็ยังมีที่ที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจแบบนี้อยู่เหมือนกัน”
ผู้กำกับเฉินได้ยินอย่างนั้นก็เลยท่องบทกลอนกลับบ้าง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ เหมือนทุกอย่างช้าลง เหมาะกับการปล่อยใจล่องลอยไปกับธรรมชาติ
“เหล้าแรงพาใจลอย ชาหมักล้างใจคน”
ขณะนั้นกลุ่มของนักแสดงตัวประกอบเพิ่งมาถึง เห็นว่าด้านในลานร้านแทบไม่มีที่ว่าง ทุกคนที่มาด้วยกันถึงกับตกใจ คิดว่าหลงเข้ามาในกองถ่ายละครย้อนยุคเข้าให้แล้ว โชคดีที่ตรงมุมลานยังมีโต๊ะเหลืออยู่อีกหนึ่งโต๊ะพอดี
“แค่วันแรกก็มีคนแน่นขนาดนี้ ของอร่อยจริงไม่ต้องกลัวไม่มีคนหาเจอ”
ถิงถิงเหลือบไปเห็นผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง กำลังนั่งดื่มกินคุยกันอยู่ฝั่งโน้น อยากจะเข้าไปทักแต่ก็เกรงว่าจะรบกวน เลยคิดว่าจะรอให้ทั้งสองกลับก่อน แล้วค่อยเข้าไปสวัสดีทีหลัง
“ฉันเคยแนะนำผู้กำกับเฉิน ให้กับผู้กำกับในกองถ่ายที่เรากำลังถ่ายกันอยู่ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาพร้อมกับผู้กำกับซ่งด้วย”
“ผู้กำกับซ่งเหรอ! นี่ฉันก็เล่นอยู่ในกองของเขาอยู่นะ”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ร้านข้าวเล็กๆ แบบนี้จะได้เจอสองผู้กำกับในตำนาน ถ้าเห็นเขากลับเมื่อไร ฝากเตือนฉันด้วยนะ จะได้เข้าไปทักทายทั้งสองท่านสักหน่อย”
จะมีอะไรไปกว่าการได้กินอาหารอร่อยๆ เหล้าสักจอกสองจอก
ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน มลายหายไปได้เลยยย
วันนี้มากับเพื่อนสนิทชื่อ “หยู่เยียน” ให้ช่วยถือกล้องให้ เธอจัดทรงผมนิดหน่อยก่อนจะเริ่มไลฟ์“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่Meo Blog ทายสิว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเอ่ย”หยู่เยียนรู้หน้าที่ดี รีบหมุนกล้องตามนิ้วของเธอที่ชี้ไปบริเวณรอบๆ“ถูกต้องค่า! ตอนนี้เราอยู่ที่เหิงเตี้ยน แฟนๆ เคยแนะนำมาว่าที่นี่มีร้านข้าวชื่อ ‘ตระกูลถัง’ อร่อยมาก วันนี้เลยตั้งใจจะมาลองให้ได้ และมาแชร์กับทุกคนด้วยนะคะ! ได้ข่าวว่าต้องต่อคิว ก็เลยรีบมาตั้งแต่เนิ่นๆ อ้าว มีคนมารอก่อนเราแล้ว!”ซินหยางเดินมาเจอคนยืนรอคิวอยู่แล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงห้าโมงเย็น ทำเอาเธอพูดเสียงเบาลงทันที เพราะรอบตัวก็เริ่มมีคนเยอะขึ้น“ไม่น่าเชื่อเลยทุกคน ยังไม่ห้าโมงแท้ๆ แต่มีคนมารอกินข้าวกันแล้วอะ”ระหว่างรอ คนในคิวก็พูดคุยกันเพลิน ส่วนใหญ่ก็พูดถึงร้านตระกูลถังนั่นแหละ“ผมค
ด้านหน้าร้าน ถังเหยาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ จึงเดินออกมาดู แล้วต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเกาเหวินยืนอยู่ตรงนั้นเจ็ดโมงครึ่งเช้าเองนะ...มาถึงตั้งแต่เช้าแบบนี้ คิดจะมากินอาหารเช้าหรือยังไงกัน? ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารเลยด้วยซ้ำ“สวัสดีครับคุณถัง ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าร้านเปิดขายอาหารเช้าตอนกี่โมงครับ?”“ขอโทษด้วยค่ะคุณเกา ร้านเราไม่ได้ขายอาหารเช้าค่ะ”เกาเหวินได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็พลันดูผิดหวังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ถังเหยารู้สึกแปลกใจเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเล่าเรื่องของกู้จื่ออวี้ให้เธอฟัง พร้อมหยิบใบวินิจฉัยสุขภาพเมื่อวานให้ดู เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ดูสุขุมคนนั้น จะป่วยหนักขนาดนี้“จริงๆ ผมก็พยายามไปซื้อจากร้านอื่นให้แล้วนะครับ แต่เขากินไม่ได้เลย...ใครจะคิดว่าเมื่อวานเขาจะกินได้เยอะขนาดนั้น แถมตอนกลางคืนก็ยังหลับได้ดี ไม่กระสับกระส่ายเหมือนทุกที ผมเลยกะว่าจะมาซื้อให้ครบสามมื้อเลย แต่ไม่รู้ว่าร้านคุณไม่ได้ขายอาหารเช้า”
โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่เพิ่งกินเสร็จ ต่างก็มองมาทางเขาแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆ“คนนั้นใช่กู้จื่ออวี่รึเปล่านะ ฉันดูจากข้างหลังก็ว่าใช่เลย”“มองด้านข้างก็เหมือนอยู่นะ คนที่นั่งข้างๆ ใช่ผู้จัดการเการึเปล่า?”“น่าจะใช่แน่เลย ทำยังไงดี อยากขอลายเซ็นจังเลย”เกาเหวินหยิบหมวกส่งให้กู้จื่ออวี่สวม จากนั้นหันไปมองข้างนอกที่เริ่มมีคนมาต่อคิว ถ้าลุกขึ้นตอนนี้มีหวังสร้างความวุ่นวายให้ร้านแน่ เขาเลยกระซิบกับผู้ใหญ่เบาๆ ผู้กำกับเฉินจึงลุกขึ้นพาสองคนเดินไปทางครัว “เสี่ยวเหยา หนูว่างไหม ลุงมีเรื่องอยากขอหน่อย”ถังเหยาเพิ่งทำข้าวผัดให้ลูกค้าเสร็จ ยังไม่มีออเดอร์ใหม่จึงว่างอยู่พอดี หันมาอีกทีก็เห็นผู้กำกับเฉินยืนอยู่พร้อมกับชายสองคนด้านหลัง คนหนึ่งใส่แว่น มองเธอแล้วยิ้มให้ด้วยท่าทีสุภาพ อีกคนสวมหมวกกับหน้ากาก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็แค่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงทักทายผู้กำกับเฉินมาขอเธอว่าอยากให้สองคนนี้ ไปรอนั่งที่ลานหลังบ้านสักพัก เพราะเหมือนจะมีแฟนคลับจำได้ ถ้าเดินออกไปตอนนี้เกรงว่าจะรบกวนลูกค้าคนอื่น ถังเหยามองไปข้างหลังครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้ตกลง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วผู
เกาเหวินรู้สึกว่าบรรยากาศของร้านนี้พิเศษจริงๆ ตอนแรกเขายังกลัวว่ากู้จื่ออวี่จะถูกคนจับตามอง แต่ผิดคาด ทุกคนในร้านต่างก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่มีใครว่างคุยกันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่มองซ้ายมองขวา เพราะข้างนอกยังมีคนรออยู่ พอกินเสร็จก็ลุกแล้วรีบไปเลยยิ่งไปกว่านั้น แต่ละโต๊ะยังจัดแบบมีระยะห่าง ไม่อึดอัดเหมือนร้านทั่วไป โต๊ะของพวกเขาอยู่ใต้ต้นเหมยตรงมุมลาน มีโคมกระดาษแขวนบนกิ่งไม้ดูสวยงาม จากมุมนี้มองเข้าไปด้านในคล้ายโรงเตี๊ยมย้อนยุคยังไงยังงั้นหยางอิงกับลุงหวังยกอาหารมาเสิร์ฟ พอเห็นเป็นโต๊ะของคนรู้จัก ก็ไม่ลืมกำชับด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “ลุงซ่งคะ ถังเหยาฝากมาบอกลุงทั้งสองว่าดื่มได้แค่ไหเดียวนะคะ ต้องดูแลสุขภาพไว้กินของอร่อยไปอีกนานๆ”“ได้สิ ได้แน่นอน ลุงสองคนแชร์กันแค่ไหเดียวพอ บอกเสี่ยวเหยาว่าไม่ต้องห่วงนะ”เกาเหวินถึงกับเหวอเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นยิ้มสดใสเ หมือนพระอาทิตย์เดินมาอยู่ตรงหน้า เผลอมองตามจนเธอเดินลับตาไป พอได้กลิ่นหอมลอยมาเขาถึงดึงสายตากลับได้โต๊ะของพวกเขาสั่งกับข้าวมาอย่างละจาน โดยเฉพาะหมูตุ๋นตงพอสั่งไซส์ใหญ่สุด วันนี้เลือกกินแค่ข้าวผัดหยางโจวกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อให้เข้ากับหมูตุ๋น เ
ช่วงเวลานี้ที่กองถ่ายในเหิงเตี้ยนถือว่าเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด ทุกคนต่างก็ขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเองเหิงเตี้ยนได้ชื่อว่าเป็นกองถ่ายที่ไม่เคยหลับใหล ไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง ได้นัดกันไว้ว่าเย็นนี้หากเลิกงานเร็วแล้วจะแวะไปที่ “ร้านตระกูลถัง” ขอเพิ่มเหล้าสักไห เหล่าซ่งนั่งดูวิดีโอของนักแสดงที่เพิ่งถ่ายเสร็จ ตอนนี้ในบรรดากองถ่ายทั้งหมดที่เหิงเตี้ยน มีแค่สองโปรเจกต์ที่ได้รับการลงทุนสูงที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา อีกเรื่องคือของผู้กำกับเฉินกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะถ่ายซ้ำฉากเมื่อกี้ดีไหม จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา “ผู้กำกับซ่งครับ ผมกลับมาแล้ว”เขามองไปทางผู้จัดการเกา สีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิด “เป็นอะไรไป? แล้วไอ้หนูคนนั้นหายไปไหน?”“เขาไปแต่งหน้าแล้วครับ แต่เรื่องที่ผมจะเล่า...หนักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ นักโภชนาการบอกว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ร่างกายจะทรุดหนักแน่นอน และพอถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไป เขาไม่ใช่แค่ไม่ยอมกิน แต่ยังไม่รู้สึกว่าควรกินด้วยซ้ำ วันนี้ทั้งวันถ้าผมไม่เตือน เขาคงลืมไปเลยว่าต้องกินข้าว
ความโดดเด่นที่สุดของจานนี้ ต้องยกให้กับฝีมือการปรุงรส และความสามารถในการควบคุมไฟของ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆ ต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงถึงจะทำได้แบบนี้ จะใช้ไฟแรงตอนไหน ควรลดไฟหรือถอนฟืนเมื่อใด ทุกขั้นตอนล้วนต้องใช้ประสบการณ์ควบคุม เพื่อให้เนื้อหมูซึมซับน้ำซอสได้อย่างทั่วถึง โดยไม่เละ ไม่แห้ง และยังคงความสดฉ่ำของวัตถุดิบไว้อย่างสมบูรณ์แบบนี่เป็น หมูต้มตงพอ ที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกิน ยิ่งกว่าเมนูขึ้นชื่อของร้านดังเต๋ออี้จิ่วโหลว ที่เขาเคยหลงใหลเสียอีกที่นั่นแต่ละจานจะใช้หม้อดินขนาดเล็กเคี่ยวแยกกันทีละหม้อ ถึงจะได้รสชาติแบบนั้น แต่ที่ร้านตระกูลถังกลับเคี่ยวรวมหม้อใหญ่ แต่ยังคงความสวยงามและรสชาติระดับเทพเอาไว้ได้ทุกชิ้น ฝีมือเชฟสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งเรื่องมีดและการควบคุมไฟ พรสวรรค์ชัดๆ!พอเที่ยงตรงนักแสดงตัวประกอบ รวมถึงพนักงานในกองถ่ายหลายคณะที่เพิ่งเลิกกอง พอมีเวลาปุ๊บก็รีบพุ่งไปที่ร้านตระกูลถัง หวังจะได้ลิ้มรสเมนูใหม่ที่ได้ยินข่าวลือมาว่ามีขายวันนี้ หมูต้มตงพอ สีสวยเคลือบน้ำซอสข้นๆ นั่นแหละ! เมนูในตำนานที่หลายคนรอคอย ยังไม่ทันจะได้กดสั่ง ก็เห็นข้อความที่ทำให้เข่าอ่อนหม