Mean Talk.
"มาเลยครับจูงมือออกมาเลยครับ มาให้ไวครับน้อง” พี่ว้ากตะโกนเร่ง ไอ้เต้ยออกแรงลากแขนฉัน ฉันพยายามขืนตัว
"เต้ย เต้ย” ฉันพร่ำเรียกชื่อมัน แต่มันก็ลากฉันไม่หยุด มารู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่หน้าแถวเรียบร้อย
"ตาถึงนะครับ ชื่ออะไรนะ เราน่ะ” พี่ว้ากถามชื่อเต้ยอีกครั้ง
"ภพธรครับ"
"ว้าว ชื่อเพราะเสียด้วย"
"สาวสวยตาโตคนนี้ชื่ออะไรครับ แนะนำตัวเสียงดัง ๆ เอาให้เพื่อนทุกคนได้ยินทั้งหมดนะ” พี่ว้ากหันมาถามฉัน
"มินรญา เกิดสมมาตร ชื่อเล่นมีน สถาปัตยกรรมค่ะ!” ฉันตะโกนจนสุดเสียง เพราะไม่อยากพลาด เผื่อพี่ว้ากพิเรนทร์สั่งให้ฉันถอดเสื้อแบบไอ้เต้ย ฉันจะทำไงล่ะ ในใจฉันยังนึกเดือดไม่หาย มึงนะมึง ฉันคาดโทษมันไว้ในใจ แล้วใช้หางตาตวัดมองมัน
"น้องครับ! คนที่ยืนคนสุดท้ายได้ยินไหมครับ!” พี่ว้ากตะโกนถามเพื่อนที่ยืนคนสุดท้ายของแถว ซวยแล้วกู ถ้ามันบอกไม่ได้ยิน จะทำไงวะ เพื่อน ๆ ในแถวเริ่มหันหน้าหากัน ต่างฝ่ายต่างสงสัยไม่รู้ว่ารุ่นพี่ถามใคร
"คุณนั่นแหละครับ คุณเบาหวาน!” พี่ว้ากชี้ไปที่เพื่อนคนที่อ้วนที่สุด พร้อมตั้งชื่อให้ใหม่ เบาหวานทำหน้าแบบเหลือเชื่อ ฉันภาวนาในใจขอให้เบาหวานตอบได้ด้วยเทอญ
"มีน พีชญาครับ!" อ้าว! ซวยสิกู มีน มินรญาโว้ย ไม่ใช่พีชญา นั่นมันดาราช่องหลากสี
"ทำไงครับน้อง เพื่อนพลาด” พี่ว้ากอีกคนที่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามฉัน
"แดดร้อนนะครับ เพื่อน ๆ จะเป็นอูฐกันหมดแล้ว เรามารีบ ๆ ทำกิจกรรมของวันนี้ให้เสร็จกันดีกว่า" พี่ว้ากคนเดิมพูดต่อ นอกจากนิสัยดีแล้วพี่ยังหล่อมาก หล่อมากจริง ๆ คะ ไว้มีนจะไปขอบคุณนะคะ พี่ว้ากคนที่ดูมีอำนาจมากที่สุดสั่งให้เต้ยใส่เสื้อ แล้วให้พวกเราย้ายไปใต้อาคาร
"มีน!” ไอ้เต้ยเรียกฉันเมื่อเดินตามกันไปใต้อาคาร หึ ฉันไม่สน
"มีน!” มันยังเดินเรียกฉันอยู่แบบนี้ จนฉันรำคาญ เมื่อฉันไม่หยุดมันก็เริ่มฉุดรั้ง
"อะไรวะ!” จังหวะนั้นที่ฉันหันมาถามมัน สายตาของฉันปะทะเข้ากับ ‘นม’ เน้นย้ำว่านมจริง ๆ นมชมพูอยู่ในระดับสายตาฉันพอดี เพราะมันเป็นคนสูง เมื่อยืนเทียบกันฉันก็อยู่แค่บ่าของมัน
"มีไร!” ฉันหันไปถาม สายตายังต้องมองหน้าอกของมันนิ่ง เฮ้ยรีบ ๆ ติดกระดุมให้มันเสร็จ ๆ เสียที่สิวะ เสียสายตาโว้ย
"โกรธเหรอ"
"สมควรเปล่าล่ะ"
"ไม่มีใครจริง ๆ เห็นมีนเป็นเพื่อน เลยดึงมา ขอโทษนะ” เต้ยพูดเสียงอ่อน มือก็ติดกระดุมไปเรื่อย มันก็จริงนะ พวกเราเป็นน้องใหม่ ยังไม่มีเพื่อนที่ไหน ไม่รู้จักใคร ถ้าเป็นฉันก็คงมาดึงมันเหมือนกัน เอาวะ ก็ได้ เพื่อเห็นแก่นมชมพูของมันมีนจะยกโทษให้สักครั้ง
"เออ!” ฉันตอบสั้น ๆ ไอ้เต้ยยิ้มหน้าบาน
"นี่ไม่รู้ว่าจะให้ทำอะไรพิเรนทร์ ๆ อีกหรือเปล่า กลัวว่ะ” ฉันพูดกับมันแล้วถอนใจ จริง ๆ ฉันไม่ได้กลัวหรอก ที่บอกว่ากลัวคือ กลัวอายมากกว่า
และก็เป็นไปตามที่ฉันคิด ฉันถูกรุ่นพี่ผู้หญิงรุมชุดใหญ่ จับฉันแต่งหน้าทำผม เเบบสวยสุด ๆ สวยจนวัวตายควายล้ม สวยจนหมาเห่าหมาหอน
ไอ้เต้ยก็เช่นกัน มันโดนรุ่นพี่สาวประเภทสองรุมโทรม ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนั่นแหละ หน้าตามันยับขนาดนั้น โห ตาคนหรือหมีแพนด้าวะนั่น หัวหูฟูกระเจิง
ฉันแอบขำไอ้เต้ยจนท้องแข็ง เพื่อน ๆ ในรุ่นก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น โชคยังดีมีเพื่อน ๆ ที่ทำผิดโดนทำโทษให้ออกมายืนรวมกันอีกหลายคน
พี่ว้ากสั่งให้ฉันกับเพื่อน ๆ ทำตามคำสั่งทุกอย่าง เต้นทุกเพลง ทำทุกท่า จนกว่าพวกเขาจะพอใจ แล้วที่พิเศษสุด ๆ ฉันกับไอ้เต้ย ได้เป็นตัวแทนรุ่น นำของเซ่นไหว้ไปถวายเจ้าแม่มะขาม ในคืนที่เราจะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญรับน้องใหม่อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
End Talk.
"มิม! มิม! ฮือ ฮือ ฮือ มิมจ๋า!" เสียงมดยิ้มที่ร้องเรียกมาจากชั้นบน ทำให้มินรญาสะดุ้งตื่นจากความคิด
ร่างบางรีบวิ่งขึ้นบันได ตรงดิ่งไปหาลูกน้อยในห้อง มดยิ้มนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ตื่นมาแล้วไม่เจอใคร คงตกใจ มินรญาปลอบลูกแล้วอุ้มพาเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ เช้านี้มดยิ้มหลับสองรอบเลยยังไม่ได้อาบน้ำตอนเช้า
ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนขาเดฟเข้ารูป ยืนสลัดน้ำฝนออกจากผมอย่างทุลักทุเล เสื้อเชิ้ตสีขาวที่บางอยู่แล้วพอเปียกน้ำฝนยิ่งทำให้บางแนบเนื้อจนมองเห็นทะลุไปถึงไหนต่อไหน ดีนะที่มินรญาใส่เสื้อกล้ามข้างในมาอีกชั้น
เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านฝนทำท่าเหมือนจะตก และก็ตกจริง ๆ เมื่อขับรถมาได้สักพัก มินรญามานึกขึ้นได้ว่าลืมร่มกันฝนไว้ที่บ้านก็ตอนหาไม่เจอนี่เอง เเม่คงเอาลงไปใช้ตอนที่พามดยิ้มไปซื้อขนมที่หน้าปากซอย
มินรญากลอกตาให้กับความสะเพร่าของตัวเองจนทำให้ต้องมาเปียกปอนแบบนี้ รองเท้าผ้าใบคู่เก่งนี่ก็เหมือนกันพอได้น้ำฝนแล้วหนักอึ้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ คิดอย่างเซ็ง ๆ เมื่อถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออก ต้องผึ่งให้แห้งก่อนไม่งั้นคงเข้าออฟฟิศไม่ได้แน่ เพราะน้ำคงหยดไปเป็นทาง ดีที่กางเกงเปียกไม่เยอะ ร่างบางขนลุกซู่เมื่อเดินเข้ามาในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำในสภาพที่เปียกแบบนี้
คงเซ็กซี่มากสินะเธอบอกกับตัวเอง เมื่อลุงยามกับป้าแม่บ้านมองเธออย่างตกตะลึง มินรญาได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ กลับไป แล้วส่งเสื้อให้ป้าแม่บ้านเมื่อนางอาสาจะเอาไปซักรีดให้
สายตาเพื่อนร่วมงานหลายคู่มองเธอแบบเหลือเชื่อ จะไม่ให้มองได้อย่างไรก็เสื้อกล้ามตัวเล็กที่ใส่มันรัดหน้าอกคัปดีของเธอออกมาจนล้นขนาดนี้ ก็แล้วอย่างไรล่ะลูกเธอยังกินนมอยู่นี่ มันก็ต้องอวบอึ๋มเป็นธรรมดามินรญาคิดแบบไม่ใส่ใจ
"มองอะไรกันไม่เคยเห็นหรือไง” มินรญาเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานที่ยืนมองเธออยู่ แล้วสะกิดต่อ ๆ กันให้หันมาดูเธอ
"เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลยมีน” วัลลภเอ่ยทักทายมาจากโต๊ะกาแฟ เมื่อเธอเดินมาถึงโต๊ะทำงาน
"อืม…ลืมร่ม ลภเอาเสื้อมาให้ใส่หน่อยหนาว” มินรญาเอ่ยยืม สายตาจ้องที่เสื้อคลุมโลโก้บริษัทตัวเก่งของเพื่อนสนิท
"เสื้อนำโชคโว้ย! ประชุมเช้าต้องใส่เข้าประชุม ลูกค้าวีไอพี พี่ธีเลยให้แต่งตัวให้ดูน่าเชื่อถือหน่อย" วัลลภบอกแล้วทำหน้าเห็นใจเพื่อน
"อะไร แล้วมีนต้องเข้าด้วยไหมเนี่ย ไม่พร้อมเลย เสื้อเปียก กางเกงก็เปียก รองเท้าด้วย มีนไม่เห็นรู้เลยว่ามีประชุม"
"ไลน์กลุ่มน่ะอ่านบ้างนะ พี่ธีลงตอนสี่ทุ่ม แจ้งว่ามีงานด่วน" มินรญาหน้าเหลอ ค้นหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า
เธอไม่ชอบโลกโซเชียลสักเท่าไร ส่วนมากก่อนนอนจะเช็กอีเมล เช็กตารางงาน แล้วนอนเลย ไลน์กลุ่มเป็นอะไรที่เธอไม่ค่อยใส่ใจเพราะมินรญาคิดว่าคุยไม่รู้เรื่อง คนหนึ่งคุยเรื่องนี้ อีกคนคุยเรื่องนั้น สรุปคุยกันไปคนละทาง
ถ้าใครมีงานอะไรด่วนเธอมักจะขอให้ติดต่อกับเธอโดยตรง ไม่โทรหาก็เป็นช่องทางส่วนตัวทางเฟซฯ ทางไลน์จะสะดวกกว่า
"ไม่ต้องก็ได้มั้ง เดี๋ยวถามพี่ธีให้ไปก่อนนะ เตรียมตัวหน่อย” วัลลภเดินกลับห้องหลังจากได้กาแฟที่ตัวเองต้องการ
ลูกค้าวีไอพีของเจ้านายเป็นคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน มินรญาฟังข้อมูลคร่าว ๆ ของลูกค้าจากเพื่อนร่วมงาน ผู้หญิงเป็นญาติฝ่ายน้องของธีรเทพเจ้านายของเธอจึงมาใช้บริการ เพราะอยากได้ช่างไปตบแต่งบ้านที่ต่างจังหวัด ที่ฝ่ายหญิงต้องการเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ
"เต้ย! ทะลึ่งไม่เลือกเวลาเลย เมื่อกี้มีนซึ้งจนแทบจะร้องตาม อะไรตัดมาหื่นเฉยเลย ไม่เอาแล้วมีนไปนอนดีกว่า" "เดี๋ยวสิ กำลังจะบอกเรื่องสำคัญเลย" "เรื่องอะไรอีก" "พรุ่งนี้กลับไปอยู่ที่บ้านนะ บ้านมีนหรือบ้านเต้ยก็ได้ เดี๋ยวตอนเช้าเต้ยไปส่ง" "ไม่เอาจะอยู่กับเต้ย" "โอ้โฮทูนหัว ชื่นใจมากที่ได้ยินแบบนี้ แต่เวลานี้ไม่เหมาะที่เราจะอยู่ด้วยกัน อย่างที่บอกเต้ยยุ่งและดูแลมีนไม่ได้ เต้ยไม่อยากทิ้งมีนกับลูกไว้ตามลำพัง เลยอยากให้กลับไปอยู่ที่บ้านก่อน ถ้าเต้ยเลิกงานเร็วเต้ยก็กลับไปบ้าน ปทุมฯ ใกล้แค่นี้เอง" "ขอเหตุผลจริง ๆ” มินรญาถาม ตากลมโตจ้องตาดุอย่างคนรู้ทัน "ก็ได้ ๆ คืองี้นะ ไอ้ตี๋มันหนีออกไปได้ และยังหาตัวไม่เจอ พวกเรากลัวมันจะมาที่นี่มาทำร้ายมีนกับลูก เต้ยเลยอยากให้มีนกลับไปอยู่บ้านก่อน เอาจริง ๆ นะธามมันกลัวว่าตอนนี้จะมีคนของไอ้ตี๋ปนอยู่ด้วย และคอยส่งข่าวให้ไอ้ตี๋รู้เต้ยกลัวมันย้อนรอยมาทำร้ายมีนกับลูก เลยอยากให้มีนไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ได้ยินแบบนี้สบายใจหรือยัง เต้ยพูดความจริงหมดแล้ว" "ทำไมมันดูซับซ้
"เต้ย” มินรญาเรียกชื่อคนตรงหน้า น้ำเสียงของภพธรมีความเจ็บปวดปนมาในนั้น แขนเรียวโอบรอบเอวหนา ก่อนจะซุกใบหน้าลงกับอกกว้างเพื่อซ่อนน้ำตา นาทีนี้เธอสงสารเขาเหลือเกิน ผู้ชายร้าย ๆ คนนั้นไปไหนกันนะ "ทำไมวะมีน การที่เต้ยให้เงินลูกน้องเยอะ ๆ มันคือการใช้เงินเลี้ยงคนเหรอ เพราะไว้ใจพวกมัน ปล่อยให้มันทำหน้าที่กันไป ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงงานของพวกมัน ทำให้เต้ยกลายเป็นคนไม่ทำงานเหรอวะ" "เต้ย" "เต้ยรวยแล้วไง เงินที่สร้างบริษัททุกบาททุกสตางค์มันมาจากน้ำพักน้ำแรงเต้ยทั้งนั้น เต้ยทำงานตั้งแต่สมัยเรียน เต้ยใช้เงินเก็บที่มีมาสร้าง เต้ยใช้ฝีมือเปล่าวะ มันถึงได้มาไกลขนาดนี้ พวกมันไม่เคยคิดเลย มันว่าเต้ยด่าเต้ยสารพัด" "ไม่เอาเต้ย แค่คำพูดของคนคนเดียวอย่าเอามาตัดสินชีวิตตัวเองสิ ยังมีคนอีกตั้งเยอะที่รักเต้ย ไม่เอาอย่าคิดมากสิ” มินรญาปลอบ พยายามปรับน้ำเสียงให้ฟังดูเป็นปกติที่สุด ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอก็รู้สึกอ่อนไหวไปกับเขาด้วย "คนตั้งเยอะเหรอมีน ลับหลังมามันก็ด่าเต้ยทั้งนั้น เต้ยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ" "ใครจะว่ายังไงก็ช่างมันนะ สำหรับมีนแล้ว
ตาดุมองไปที่หน้าท้องขาวนวลที่นูนป่องขึ้นมาจนกลม ลำพังแค่เขาคนเดียวคงรับมือกับไอ้พวกคนพาลได้ไม่ยาก แต่นี่เขามีห่วงเพิ่มขึ้นมาอีก และเป็นห่วงที่คนพวกนั้นรู้ว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของเขา นับว่าตี๋ฉลาดมากที่ยังไม่ย้อนกลับมาที่นี่แต่พวกมันคงไม่ปล่อยไว้แน่ ถือว่าวันนี้เขายังโชคดีที่ยังมีเวลารับมือกับคนพวกนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเรื่องนี้มากไปหรือเปล่า แต่กันไว้ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือร่างสูงเดินมาสวมกอดเอวคนท้องไว้หลวม ๆ ก่อนจะพาเดินกลับเข้าไปด้านใน เป็นจังหวะเดียวกับที่อธิปกับปอมาถึงพอดีมินรญาตกใจเมื่อเห็นหน้าเพื่อนร่วมรุ่นอีกคน อธิปโล่งอกเมื่อมองเห็นคนหน้าหวานในอ้อมกอดเพื่อน ก่อนจะค่อย ๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อหันไปล้อเล่นกับมดยิ้มเพื่อกลบเกลื่อน มองสบตาดุที่มีแววขอร้องปนมาในนั้น อธิปยักคิ้วตอบเมื่อเข้าใจสิ่งที่เพื่อนสนิทส่งมา ก่อนจะถอยไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งสงบในห้องรับแขก เมื่อภพธรต้อนคุณแม่และลูกเข้าห้องนอนด้านใน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากที่ส่งกลุ่มเพื่อน ๆ กลับร่างสูงก็ยังนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น คนที่กำลังก้าวมาหาชะงักเท้านิดหนึ่งยืนมองคนที่นั่งทอดอ
ตาคมดุกวาดมองไปเรื่อย ๆ เมื่อวิ่งไปเปิดประตูห้องนอน ไอ้สามคนที่ตามมาก็ช่วยกันวิ่งหาจนทั่ว ห้องครัว ห้องรับแขกทุกอย่างเงียบสนิท ตาดุเงยหน้าขึ้นมองชั้นบนที่เป็นห้องนอนเล็กและห้องทำงานของเขา แต่มินรญาไม่เคยเข้าไปเพราะเธอชอบคิดว่าเขากันตรงนั้นไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เท้าหนาซอยขึ้นบันไดชั้นบนพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นประตูระเบียงที่แยกออกไปยังสระว่ายน้ำเปิดออก ให้ตายเถอะทำไมเขามองไม่เห็นแต่แรกนะ เท้าหนาถอยกลับลงมาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้สามคนนั่นวิ่งพรวดออกไปที่ระเบียงพร้อมกันพอดี "พี่เต้ย!” คนทั้งสามคนประสานเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาพร้อมกัน ภพธรยังไม่ทันตอบอะไร พวกมันก็เรียกชื่อเขาซ้ำอีกรอบ หัวใจชายหนุ่มปวดหนึบเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ตื่นตกใจของคนเรียก "พี่เต้ย!” ร่างสูงโผล่หน้าออกไปที่สระว่ายน้ำ ก่อนจะตั้งสติแล้ววิ่งไปบริเวณขอบสระเร็ว ๆ "มีน!” ภาพที่เห็นทำให้ภพธรเข่าทรุด มินรญาในชุดบิกินีสีส้มอิฐที่เขาซื้อให้ที่ทะเลวันนั้น กำลังประคองห่วงยางเป็ดเหลืองอันใหญ่อยู่กลางสระ ในห่วงยางมีร่างเล็กที่ใส่ชุดสีเดียวกันของมดยิ้มอยู่ในนั้น คนที่อยู่ในสระหัน
เสียงเปิดและปิดประตูดัง ๆ เรียกสายตาของคนที่กำลังนั่งทอดอารมณ์ให้หันไปมอง "มีเรื่องอะไรอีก” อธิปถามเมื่อเห็นมุ้ยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา มุ้ยหลบตาก้มมองมือตัวเอง "แย่แล้วพี่ธาม ไอ้ตี๋มันหนีไปแล้ว!” มุ้ยละล่ำละลักตอบคำถาม "สัตว์! กูสั่งให้เฝ้ามันให้ดีไง” อธิปตบโต๊ะดังปัง เมื่อลุกขึ้นมาประจันหน้ากับมุ้ย "ผมบอกพี่แล้วว่าให้ส่งมันให้ตำรวจ” มุ้ยเถียง "มันหายไปตั้งแต่ตอนไหน” ภพธรถาม เมื่อรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ "ไม่รู้พี่เต้ยผมกับไอ้คิงขังมันไว้บนห้องชั้นสอง ปิดล็อกประตูอย่างดี แต่มันปีนหน้าต่างหนีไป" "แม่งเอ้ย! ใช้พวกมึงเหมือนใช้ควาย” อธิปสบถลั่น มุ้ยหน้าเสีย "ไอ้คิงล่ะ” ภพธรถาม "ไปกับแอม" "ห่าเอ้ย! แต่ละคน” อธิปหัวเสียไปกันใหญ่ "กูจะโทรหามีน ไม่รู้แอมไปถึงหรือยัง” ภพธรบอกเมื่อรู้สึกห่วงมินรญากับลูกขึ้นมา "มึงรีบกลับเลยเต้ย ถ้าแอมไปถึงมึงให้มีนออกมากับแอมเลย” อธิปเสนอเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง "มึงหมายความว่า” ภพธรจ้องหน้าเพื่อน ก่อ
"คุณออกไปได้แล้วผมรีบ เสื้อผ้าก็ร่วงอยู่ตามพื้นนั่นแหละ หาเอา อ้อ...อย่าเล่นตุกติกกับผม จำไว้ผมมีหลักฐาน คงจำห้องพักได้นะ ผมไม่ส่ง เชิญ” ธนากรมองไปที่ร่างบางอีกครั้ง ตาคมเข้มสำรวจไปทั่ว ถึงจะสงสารแต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลา ร่างบางสั่นจากแรงสะอื้น ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวเองลงจากเตียง มือบางไล่เก็บชุดที่ร่วงเกลื่อนพื้น ธนากรตัดใจเดินหลบไปอีกมุม เมื่อมองเห็นน้ำตาที่ไหลทะลักลงมาบนแก้มสวย ถึงแม้จะสะใจที่ได้แกล้งคนอวดดี แต่น้ำตาที่อาบแก้มนวลกลับทำให้หัวใจชายหนุ่มอ่อนยวบ อารดากลั้นใจก่อนจะใส่เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน จำได้ว่าเธอไม่มีอะไรติดตัวมานอกจากกระเป๋าถือที่ใส่ของใช้และเงินจำนวนหนึ่งทุกอย่างยังอยู่ครบ ตากลมโตมองแบงก์สีเทาที่วางซ้อนทับกันอยู่บนหัวเตียงก่อนจะหยิบขึ้นพลิกไปมา รู้สึกเจ็บร้าวที่กลางอก "ค่าตัว" มือบางกำเข้าหากันแน่น ธนบัตรในมือยับผิดรูปก่อนจะโยนกลับไปที่เก่า ไม่รอให้เสียเวลาเธอใช้จังหวะนี้หนีไปให้พ้นจากที่นี่ ถึงแม้จะยังเสียใจและเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่โวยวายไปก็เท่านั้นทุกอย่างมันชัดเจนตามที่ผู้ชายคนนั้นบ