Mean Talk.
"มาเลยครับจูงมือออกมาเลยครับ มาให้ไวครับน้อง” พี่ว้ากตะโกนเร่ง ไอ้เต้ยออกแรงลากแขนฉัน ฉันพยายามขืนตัว
"เต้ย เต้ย” ฉันพร่ำเรียกชื่อมัน แต่มันก็ลากฉันไม่หยุด มารู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่หน้าแถวเรียบร้อย
"ตาถึงนะครับ ชื่ออะไรนะ เราน่ะ” พี่ว้ากถามชื่อเต้ยอีกครั้ง
"ภพธรครับ"
"ว้าว ชื่อเพราะเสียด้วย"
"สาวสวยตาโตคนนี้ชื่ออะไรครับ แนะนำตัวเสียงดัง ๆ เอาให้เพื่อนทุกคนได้ยินทั้งหมดนะ” พี่ว้ากหันมาถามฉัน
"มินรญา เกิดสมมาตร ชื่อเล่นมีน สถาปัตยกรรมค่ะ!” ฉันตะโกนจนสุดเสียง เพราะไม่อยากพลาด เผื่อพี่ว้ากพิเรนทร์สั่งให้ฉันถอดเสื้อแบบไอ้เต้ย ฉันจะทำไงล่ะ ในใจฉันยังนึกเดือดไม่หาย มึงนะมึง ฉันคาดโทษมันไว้ในใจ แล้วใช้หางตาตวัดมองมัน
"น้องครับ! คนที่ยืนคนสุดท้ายได้ยินไหมครับ!” พี่ว้ากตะโกนถามเพื่อนที่ยืนคนสุดท้ายของแถว ซวยแล้วกู ถ้ามันบอกไม่ได้ยิน จะทำไงวะ เพื่อน ๆ ในแถวเริ่มหันหน้าหากัน ต่างฝ่ายต่างสงสัยไม่รู้ว่ารุ่นพี่ถามใคร
"คุณนั่นแหละครับ คุณเบาหวาน!” พี่ว้ากชี้ไปที่เพื่อนคนที่อ้วนที่สุด พร้อมตั้งชื่อให้ใหม่ เบาหวานทำหน้าแบบเหลือเชื่อ ฉันภาวนาในใจขอให้เบาหวานตอบได้ด้วยเทอญ
"มีน พีชญาครับ!" อ้าว! ซวยสิกู มีน มินรญาโว้ย ไม่ใช่พีชญา นั่นมันดาราช่องหลากสี
"ทำไงครับน้อง เพื่อนพลาด” พี่ว้ากอีกคนที่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามฉัน
"แดดร้อนนะครับ เพื่อน ๆ จะเป็นอูฐกันหมดแล้ว เรามารีบ ๆ ทำกิจกรรมของวันนี้ให้เสร็จกันดีกว่า" พี่ว้ากคนเดิมพูดต่อ นอกจากนิสัยดีแล้วพี่ยังหล่อมาก หล่อมากจริง ๆ คะ ไว้มีนจะไปขอบคุณนะคะ พี่ว้ากคนที่ดูมีอำนาจมากที่สุดสั่งให้เต้ยใส่เสื้อ แล้วให้พวกเราย้ายไปใต้อาคาร
"มีน!” ไอ้เต้ยเรียกฉันเมื่อเดินตามกันไปใต้อาคาร หึ ฉันไม่สน
"มีน!” มันยังเดินเรียกฉันอยู่แบบนี้ จนฉันรำคาญ เมื่อฉันไม่หยุดมันก็เริ่มฉุดรั้ง
"อะไรวะ!” จังหวะนั้นที่ฉันหันมาถามมัน สายตาของฉันปะทะเข้ากับ ‘นม’ เน้นย้ำว่านมจริง ๆ นมชมพูอยู่ในระดับสายตาฉันพอดี เพราะมันเป็นคนสูง เมื่อยืนเทียบกันฉันก็อยู่แค่บ่าของมัน
"มีไร!” ฉันหันไปถาม สายตายังต้องมองหน้าอกของมันนิ่ง เฮ้ยรีบ ๆ ติดกระดุมให้มันเสร็จ ๆ เสียที่สิวะ เสียสายตาโว้ย
"โกรธเหรอ"
"สมควรเปล่าล่ะ"
"ไม่มีใครจริง ๆ เห็นมีนเป็นเพื่อน เลยดึงมา ขอโทษนะ” เต้ยพูดเสียงอ่อน มือก็ติดกระดุมไปเรื่อย มันก็จริงนะ พวกเราเป็นน้องใหม่ ยังไม่มีเพื่อนที่ไหน ไม่รู้จักใคร ถ้าเป็นฉันก็คงมาดึงมันเหมือนกัน เอาวะ ก็ได้ เพื่อเห็นแก่นมชมพูของมันมีนจะยกโทษให้สักครั้ง
"เออ!” ฉันตอบสั้น ๆ ไอ้เต้ยยิ้มหน้าบาน
"นี่ไม่รู้ว่าจะให้ทำอะไรพิเรนทร์ ๆ อีกหรือเปล่า กลัวว่ะ” ฉันพูดกับมันแล้วถอนใจ จริง ๆ ฉันไม่ได้กลัวหรอก ที่บอกว่ากลัวคือ กลัวอายมากกว่า
และก็เป็นไปตามที่ฉันคิด ฉันถูกรุ่นพี่ผู้หญิงรุมชุดใหญ่ จับฉันแต่งหน้าทำผม เเบบสวยสุด ๆ สวยจนวัวตายควายล้ม สวยจนหมาเห่าหมาหอน
ไอ้เต้ยก็เช่นกัน มันโดนรุ่นพี่สาวประเภทสองรุมโทรม ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนั่นแหละ หน้าตามันยับขนาดนั้น โห ตาคนหรือหมีแพนด้าวะนั่น หัวหูฟูกระเจิง
ฉันแอบขำไอ้เต้ยจนท้องแข็ง เพื่อน ๆ ในรุ่นก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น โชคยังดีมีเพื่อน ๆ ที่ทำผิดโดนทำโทษให้ออกมายืนรวมกันอีกหลายคน
พี่ว้ากสั่งให้ฉันกับเพื่อน ๆ ทำตามคำสั่งทุกอย่าง เต้นทุกเพลง ทำทุกท่า จนกว่าพวกเขาจะพอใจ แล้วที่พิเศษสุด ๆ ฉันกับไอ้เต้ย ได้เป็นตัวแทนรุ่น นำของเซ่นไหว้ไปถวายเจ้าแม่มะขาม ในคืนที่เราจะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญรับน้องใหม่อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
End Talk.
"มิม! มิม! ฮือ ฮือ ฮือ มิมจ๋า!" เสียงมดยิ้มที่ร้องเรียกมาจากชั้นบน ทำให้มินรญาสะดุ้งตื่นจากความคิด
ร่างบางรีบวิ่งขึ้นบันได ตรงดิ่งไปหาลูกน้อยในห้อง มดยิ้มนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ตื่นมาแล้วไม่เจอใคร คงตกใจ มินรญาปลอบลูกแล้วอุ้มพาเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ เช้านี้มดยิ้มหลับสองรอบเลยยังไม่ได้อาบน้ำตอนเช้า
ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนขาเดฟเข้ารูป ยืนสลัดน้ำฝนออกจากผมอย่างทุลักทุเล เสื้อเชิ้ตสีขาวที่บางอยู่แล้วพอเปียกน้ำฝนยิ่งทำให้บางแนบเนื้อจนมองเห็นทะลุไปถึงไหนต่อไหน ดีนะที่มินรญาใส่เสื้อกล้ามข้างในมาอีกชั้น
เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านฝนทำท่าเหมือนจะตก และก็ตกจริง ๆ เมื่อขับรถมาได้สักพัก มินรญามานึกขึ้นได้ว่าลืมร่มกันฝนไว้ที่บ้านก็ตอนหาไม่เจอนี่เอง เเม่คงเอาลงไปใช้ตอนที่พามดยิ้มไปซื้อขนมที่หน้าปากซอย
มินรญากลอกตาให้กับความสะเพร่าของตัวเองจนทำให้ต้องมาเปียกปอนแบบนี้ รองเท้าผ้าใบคู่เก่งนี่ก็เหมือนกันพอได้น้ำฝนแล้วหนักอึ้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ คิดอย่างเซ็ง ๆ เมื่อถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออก ต้องผึ่งให้แห้งก่อนไม่งั้นคงเข้าออฟฟิศไม่ได้แน่ เพราะน้ำคงหยดไปเป็นทาง ดีที่กางเกงเปียกไม่เยอะ ร่างบางขนลุกซู่เมื่อเดินเข้ามาในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำในสภาพที่เปียกแบบนี้
คงเซ็กซี่มากสินะเธอบอกกับตัวเอง เมื่อลุงยามกับป้าแม่บ้านมองเธออย่างตกตะลึง มินรญาได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ กลับไป แล้วส่งเสื้อให้ป้าแม่บ้านเมื่อนางอาสาจะเอาไปซักรีดให้
สายตาเพื่อนร่วมงานหลายคู่มองเธอแบบเหลือเชื่อ จะไม่ให้มองได้อย่างไรก็เสื้อกล้ามตัวเล็กที่ใส่มันรัดหน้าอกคัปดีของเธอออกมาจนล้นขนาดนี้ ก็แล้วอย่างไรล่ะลูกเธอยังกินนมอยู่นี่ มันก็ต้องอวบอึ๋มเป็นธรรมดามินรญาคิดแบบไม่ใส่ใจ
"มองอะไรกันไม่เคยเห็นหรือไง” มินรญาเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานที่ยืนมองเธออยู่ แล้วสะกิดต่อ ๆ กันให้หันมาดูเธอ
"เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลยมีน” วัลลภเอ่ยทักทายมาจากโต๊ะกาแฟ เมื่อเธอเดินมาถึงโต๊ะทำงาน
"อืม…ลืมร่ม ลภเอาเสื้อมาให้ใส่หน่อยหนาว” มินรญาเอ่ยยืม สายตาจ้องที่เสื้อคลุมโลโก้บริษัทตัวเก่งของเพื่อนสนิท
"เสื้อนำโชคโว้ย! ประชุมเช้าต้องใส่เข้าประชุม ลูกค้าวีไอพี พี่ธีเลยให้แต่งตัวให้ดูน่าเชื่อถือหน่อย" วัลลภบอกแล้วทำหน้าเห็นใจเพื่อน
"อะไร แล้วมีนต้องเข้าด้วยไหมเนี่ย ไม่พร้อมเลย เสื้อเปียก กางเกงก็เปียก รองเท้าด้วย มีนไม่เห็นรู้เลยว่ามีประชุม"
"ไลน์กลุ่มน่ะอ่านบ้างนะ พี่ธีลงตอนสี่ทุ่ม แจ้งว่ามีงานด่วน" มินรญาหน้าเหลอ ค้นหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า
เธอไม่ชอบโลกโซเชียลสักเท่าไร ส่วนมากก่อนนอนจะเช็กอีเมล เช็กตารางงาน แล้วนอนเลย ไลน์กลุ่มเป็นอะไรที่เธอไม่ค่อยใส่ใจเพราะมินรญาคิดว่าคุยไม่รู้เรื่อง คนหนึ่งคุยเรื่องนี้ อีกคนคุยเรื่องนั้น สรุปคุยกันไปคนละทาง
ถ้าใครมีงานอะไรด่วนเธอมักจะขอให้ติดต่อกับเธอโดยตรง ไม่โทรหาก็เป็นช่องทางส่วนตัวทางเฟซฯ ทางไลน์จะสะดวกกว่า
"ไม่ต้องก็ได้มั้ง เดี๋ยวถามพี่ธีให้ไปก่อนนะ เตรียมตัวหน่อย” วัลลภเดินกลับห้องหลังจากได้กาแฟที่ตัวเองต้องการ
ลูกค้าวีไอพีของเจ้านายเป็นคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน มินรญาฟังข้อมูลคร่าว ๆ ของลูกค้าจากเพื่อนร่วมงาน ผู้หญิงเป็นญาติฝ่ายน้องของธีรเทพเจ้านายของเธอจึงมาใช้บริการ เพราะอยากได้ช่างไปตบแต่งบ้านที่ต่างจังหวัด ที่ฝ่ายหญิงต้องการเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ
“เฮ้ย!”ผมร้องเสียงดัง เมื่อสายน้ำเบ่งของเก่าออกมาทางตูด! เจ๊มดที่นั่งข้างๆวิ่งเลยครับ ไม่ได้วิ่งมาช่วยนะ นางวิ่งหนีไปหน้าประตูครัวโน้น ไหนใครบอกว่ามดยิ้มรักน้อง! “สายน้ำทำอะไรเนี่ย หึ้ย!วางระเบิดพ่อได้ไง”ผมพูดกับสายน้ำ เอาไงดีล่ะผมน่ะเลี้ยงลูกได้ แต่ตอนอึเนี่ยบอกตรงๆผมไม่ชอบเลย เด็กห้าเดือนนะ คุณคิดภาพตามดิ เหมือนซุปข้าวโพดอะ แล้วกลิ่นเนี่ยไม่ต้องพูดถึง พูดแล้วขมคอ ตอนนี้ผมมีทางเลือกสองทางคือหนึ่งโทรตามเด็กที่บ้านใหญ่ให้มาจัดการลูก และสองคือผมทำเอง . . . “มดยิ้มหยิบผ้าขนหนูน้องให้พ่อหน่อยลูก!”ครับตามที่เห็น ตอนนี้ผมจัดการกับสายน้ำแล้วครับ พามาล้างอึในห้องน้ำแล้วก็อาบน้ำให้เลยครับ “มดยิ้มลูก ได้ยินพ่อไหม”ผมตะโกนถามเจ๊มดอีกครั้ง ไม่นานก็เห็นร่างเล็กๆเดินเข้ามาในห้องน้ำ มดยิ้มถือผ้าขนหนูมาวางไว้ให้น้องด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย นางยืนกอดอกดูน้องที่เล่นน้ำในอ่างด้วยสีหน้าที่เดาอารมณ์ไม่ออก แต่ผมจะบอกว่าโครตเหมือนมีนเลยครับ หน้าแบบนี้การกระทำแบบนี้ มันมีนชัดๆเวลาที่ผมเมาแล้วงอแง มีนก็จะมายืนทำหน้าแบบนี
“แล้วมึงกับแก้วไปถึงไหนกันแล้ววะ”ผมถามตรงๆ อยู่กันมาขนาดนี้ก็ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว สองปีแล้วที่มันวิ่งไปกลับแบบนี้ มันก็น่าจะได้อะไรกลับมาบ้างแหละ “เหมือนเดิม” “แค่เนี้ย” “อืม...”ไอ้ธามตอบก่อนจะหันไปหาลูกผมบนตักมีน เหมือนเดิมอีกแล้วเอากับมันสิ แล้วไอ้ที่ว่าเหมือนเดิมน่ะคืออะไรวะ ผมสงสัยต่ออีกนิด “เดือนหน้าเนยจะย้ายไปอยู่อังกฤษ”อยู่ๆไอ้ธามก็พูดเรื่องนี้ออกมา หลังจากที่เราย้ายกันมานั่งดื่มกันที่หน้าบ้าน “อ้าว...ไปอยู่เลยหรือแค่ไปเที่ยว”ผมถามกลับหลังจากเติมเครื่องดื่มในแก้วให้มัน วันนี้มันดื่มหนักนะผมว่า เพราะผมเติมให้มันแบบแก้วต่อแก้วเลย “ไปอยู่เลย...” “อ้าวแล้วลูกมึงล่ะ” “ก็ไปกับแม่มัน” “มึงมีอะไรจะบอกกูไหม” “ไม่มี กูแค่คิดถึงลูก”มันพูดพร้อมกับกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอีกคำใหญ่ ผมก็พูดไม่ออกครับ ไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกมัน ตั้งแต่ที่มันรู้ว่ามีลูกกับน้องเนยมันก็เสนอช่วยดูแลลูก ก็ทำแบบที่ผมทำกับมีนนี่แหละครับ แต่มันไม่ได้เอาแม่แบบผม ก็อย่างที่พวกคุณรู้ ใ
“แม่มีน ตื่นแล้วหรอคะ มดยิ้มขอโทษ มดยิ้มจะมาหาน้องค่ะ”พอได้ยินเสียงแม่แค่นั้นแหละ เจ้าตัวเล็กข้างๆผมหน้าเสียเลยครับ “มดยิ้มย่องแล้วค่ะ มดยิ้มไม่ได้ตั้งใจ”นี่คือคำพูดเด็กห้าขวบจริงๆใช่ไหม:) “ไม่เป็นไรค่ะลูก มาหาแม่มา มาให้แม่ดูสิคะว่าพ่อใส่กระโปรงถูกหรือเปล่า”มีนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วเรียกคนตัวเล็กเข้าไปหา พร้อมกับจับลูกหมุนดูนี่นั่นสำรวจไปทั่วตัวลูก ใช่ผมเคยใส่กระโปร่งให้ลูกกลับด้าน แล้วไงวะก็แค่สี่ห้าครั้งเอง:( “น้องตื่นยังคะ” “ยังเลยค่ะน้องเพิ่งหลับ เมื่อคืนน้องงอแงค่ะ แม่มีนเลยตื่นสาย”ยัยตัวเล็กถาม เพราะเมื่อคืนมดยิ้มของผมไปนอนบนตึกใหญ่มาครับ เด็กเพิ่งเอามาส่งให้เมื่อเช้านี้เอง ก็เหมือนเดิมครับ เจ้มดก็ยังต้องเดินสายนอนกับอาม่า นอนกับก๋งเหมือนเดิม ใครว่ามีลูกใหม่พวกเค้าจะเห่อมดยิ้มน้อยลง เปล่าเลยครับ นอกจากจะไม่เบื่อแล้ว แถมยังเอามดยิ้มไปนานกว่าเดิมอีก เพราะไม่อยากให้มดยิ้มมากวนแม่กับน้อง ผมว่ามันคือข้ออ้างครับ คนโตอยากได้มดยิ้มไปนอนกอดเลยเอาน้องมาอ้างมากกว่า “มดยิ้มทานข้าวยังคะ” “ทานแล้วค่ะ
“คุณพ่อไปไหนมาคะ”เจ้ามดยิ้มร้องถาม พร้อมกับวิ่งมากอดที่เอวผม ออลืมบอกไปตอนนี้มดยิ้มสูงเลยหัวเข่าผมมาแล้วครับ เด็กห้าขวบกับความสูงแค่นี้คุณว่าปกติไหม ก็อย่างว่ามีนมันเตี้ย ส่วนผมก็เสือกสูงเองลูกเลยไม่รู้ว่าอันไหนคือมาตฐาน นาทีนี้ตัดเรื่องความสูงมดยิ้มไปก่อน เมื่อผมอุ้มลูกขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปหาคนที่นอนอมยิ้มบนเตียง มีนนะมีนไม่ต้องมาขำเลย ผมงอนจริงด้วยงานนี้ “มีนเป็นไงบ้าง”ผมเอ่ยถามเมื่อมายืนข้างเตียง “มีนน่ะสบายดี ห่วงตัวเองก่อนไหมตี๋ฮาๆๆ”สิ้นเสียงของคนที่ว่าแดกผม คนในห้องก็พากันขำกระจายครับ เจ็กเก้าครับเขาก็คือคู่ปรับตลอดกาลของผมเอง “มีนไม่เป็นไร เต้ยล่ะเป็นไงบ้าง”ใช่เวลาห่วงผัวไหมเมีย ยิ่งเมียถามกลับมาแบบนี้คนให้ห้องก็ยิ่งได้ใจครับ ขำกันหนักกว่าเดิมอีก “พอๆ อย่าล้ออะไรมันมากเลยแค่นี้มันก็อายจะแย่แล้ว ตี๋ป๊ากับม๊าดีใจมากที่ได้หลานชาย ขอบใจมากนะ ชอบใจมากนะมีน”ป๊าเอ่ยขัดขึ้น ก่อนจะขอบใจผมกับลูกสะใภ้อย่างสุดซึ้ง พ่อกับแม่มีนด้วยครับ ท่านทั้งสองมองมาที่ผมด้วยสายตาอ่อนโยนจนผมขนลุก ไม่บอกก็รู้ว่าท่านทั้งสองมีความสุขมากเช่น
“มีน มีน ไม่เป็นไรนะมีน ถ้ามีนเจ็บมีนปวดจนทนไม่ไหวบีบมือเต้ยนะ จะกัดเต้ยก็ได้”นี่เป็นคำพูดของผมครับ เพราะทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลหมอก็พาคนตัวเล็กเข้าห้องคลอดทันที ผมก็เข้ามาด้วยเพราะเราฝากท้องแบบพิเศษครับ พิเศษสุดๆเลยเอาแบบที่โรงพยาบาลจะจำเราได้ไปอีกนาน และอยากให้เมียผมท้องทุกปีเลยล่ะครับ ลืมบอกไปวันนี้มีนเจ็บท้องและกำลังจะคลอดครับ “เต้ยมีนไม่เป็นไร มาคลอดลูกไม่ได้เจ็บขนาดนั้น”คนตัวเล็กยังพยายามบอกให้ผมโอเค ทั้งๆที่มือเธอยังกำมือผมไว้แน่น เหงื่อก็เริ่มซึมออกมาตามหน้าผาก แถมหน้าก็ซีดลงๆ เอาจริงๆผมไม่รู้หรอกครับว่าเจ็บท้องคลอดลูกเนี่ยมันเจ็บขนาดไหน แต่สำหรับผมแค่มีดบาดก็โครตเจ็บแล้วครับ ภรรยาผมเธออดทนมากแต่ผมรู้ว่าเธอกำลังเจ็บมาก ยิ่งคิดมาถึงตรงนี้ยิ่งโมโหตัวเองครับ เพราะต่อให้มีเงินล้นฟ้าก็ช่วยให้เมียหายเจ็บไม่ได้ เพราะเมียผมเลือกจะคลอดตามธรรมชาติครับ เธอไม่ผ่าคลอดเพราะเมื่อตอนคลอดมดยิ้มเธอก็คลอดเอง แล้วไงล่ะครับทีนี้ก็เลยลำบากมายันผม ทำไมนะหรอครับก็ผมเนี่ยอยากจะเจ็บแทนเธอไง “มดลูกขยายอีกสองเซนเเล้วค่ะ คุณแม่อย่าเพิ่งเบ่งนะคะ รออีกนิด”หมอคนที่ทำหน้า
คุณญดาตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อได้เห็นลูกสมหวัง หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูกท่านคิดในใจ เมื่อเอื้อมมือมาลูบหัวลูกรัก ผู้ใหญ่อวยพรให้คนทั้งสอง บ่าวสาวขอบคุณก่อนจะเดินขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ถึงแม้มินรญาจะกำชับให้จัดแค่งานเล็ก ๆ แต่ครอบครัวของภพธรเป็นครอบครัวใหญ่ เฉพาะญาติ ๆ ก็เกือบ ๆ ร้อย ไม่รวมเพื่อนร่วมรุ่นและรุ่นน้องที่แห่กันมาอวยพรและแสดงความยินดีกับเธอ อธิปกับแก้วสุนีย์มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว มินรญาสังเกตอาการคนทั้งสองตามคำบอกเล่าของภพธร จะเป็นอธิปที่คอยเอาใจแก้วสุนีย์เสียส่วนใหญ่ ในขณะที่แก้วสุนีย์ยังเฉยจนดูไม่ออก งานแต่งงานที่จบไปเมื่อตอนเช้าสร้างความเมื่อยล้าให้ว่าที่คุณแม่ลูกสองไม่น้อย ใช่มินรญากำลังจะกลายเป็นคุณแม่ลูกสองอีกครั้ง เพราะตอนนี้เธอตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว หลังจากที่รู้ว่าท้องภพธรก็ไม่ให้เธอทำอะไรอีกเลย ให้เธอดูแลลูกกินแล้วก็นอน เวลาที่มดยิ้มไปโรงเรียน มินรญาก็ทำงานบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลมินรญาก็ถูกสั่งให้ย้ายมาอยู่บ้านใหญ่ทันที เพราะทุกคนต่างก็รักและเป็นห่วงเธอ แต่คืนวันเสาร์อาทิตย์ภพธรจะ