มินรญาไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเพราะเธอเป็นทีมออกแบบส่วนมากจะเป็นงานในออฟฟิศ แต่ก็จำเป็นต้องรู้ข้อมูลของลูกค้า ต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการงานแบบไหนเพราะเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน
มินรญานั่งดูงานในคอมพิวเตอร์ วันนี้ไม่มีอะไรมากเพราะงานส่วนใหญ่ได้ส่งไปหมดแล้วรอแค่เจ้าของโครงการอนุมัติ ร่างบางนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงกลุ่มคนคุยกันและเดินตามกันออกมาจากห้องของธีรเทพ โดยมีวัลลภตามออกมารั้งท้าย ทั้งหมดมาหยุดคุยใกล้ ๆ โต๊ะทำงานเธอ
"เอาเป็นว่าพี่จะส่งคนไปดูหน้างานก่อนก็แล้วกันนะ” ธีรเทพพูดกับลูกค้า มินรญานั่งฟังแบบไม่ใส่ใจนัก
"ได้ไงคะพี่ธี นั่นบ้านน้องนะคะ น้องอยากให้พี่ธีทำให้ค่ะ” สาวสวยที่ยืนหันหลังให้เธอบอกด้วยท่าทางไม่พอใจ
"น้องต้องเข้าใจนะว่าบ้านเราน่ะมันไกล ทีมงานพี่มีแต่ แม่ลูกอ่อน กับพวกพ่อบ้านกลัวเมีย” ธีรเทพตอบแบบติดตลก
"ฝากพี่ธีดูให้หน่อยนะครับ ถ้าพี่ธีไม่ทำน้องคงงอแงไม่เลิก” เสียงนุ่มทุ้มแกมเอ็นดูของชายหนุ่มที่ยืนหันหลังคู่กับหญิงสาวเอ่ยขอร้องธีรเทพ
มินรญามองข้างหลังสองคนนั้นอย่างเพลิน ๆ
"ได้ ๆ พี่จะดูให้นะ แต่ไม่รับปาก” ธีรเทพตอบอย่างเกรงใจ
"ไม่ค่ะ พี่ธีต้องทำให้น้อง” หญิงสาวยังคงเอาแต่ใจ
"ไม่เอาน่าน้อง อย่าบังคับพี่ธีสิครับ” เสียงนุ่มเอ่ยปรามคนรัก
"เต้ยน่ะ!” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มแบบแสนงอนเมื่อโดนขัดใจ
เพล้ง! เสียงวัตถุตกกระทบพื้น แก้วกาแฟในมือมินรญาร่วงตกลงพื้นทันที ที่สิ้นเสียงแสนงอนของหญิงสาวคนนั้น
สายตาทุกคู่หันไปตามเสียง มินรญาเองก็ตกใจเพราะความร้อนของกาแฟที่หกราดบริเวณหน้าขา ร่างบางลุกขึ้นเต้นเป็นกุ้งในสภาพเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนขาเดฟแบบนั้น
"เป็นไรมากไหมมีนระวังเศษแก้ว" มาลินถามอย่างห่วงใย
"ไม่ ๆ แค่นิดเดียว” มินรญาหันไปตอบมาลิน
"พักนี้เหม่อบ่อยนะเราน่ะ มีความรักใช่ไหม" มานพเอ่ยเเซว
มินรญาหันไปถลึงตาใส่เพื่อน หญิงสาวหันมาทางที่เจ้านายคุยกัน ด้วยท่าทางสำนึกผิด พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
จังหวะนั้นตากลมโตก็สบเข้ากับดวงตาคู่คมดุที่แสนคุ้นเคย มินรญาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเธอประหม่าจนดูลนลาน เจ้าของตาคมดุก็เช่นกัน เขาเองก็มีอาการตกตะลึง เมื่อสบกับดวงตาคู่สวย แต่ยังคงควบคุมตัวเองได้ดีเป็นปกติ
"ขอตัวนะครับ” วัลลภเอ่ยขอตัวกับแขกของธีรเทพ
"มีน ร้อนไหมน่ะ เลอะเทอะหมดเลย ลินเรียกแม่บ้านหน่อย" วัลลภเดินเลี่ยงอ้อมโต๊ะไปหาหญิงสาว เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก แล้วคลุมลงที่ไหลบอบบางเพื่อกันสายตาของคนนอกที่มองมา วัลลภออกอาการงงเมื่อเห็นมินรญายังยืนค้างอยู่แบบนั้น
"มีน มีน” ฝ่ามือหนาตบลงที่แก้มสวยเบา ๆ เพื่อเรียกสติด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและห่วงใย สายตาคมดุยังมองดูตลอดเวลา มือแกร่งเผลอกำเข้าหากันแน่น
"อะไรนะลภ” มินรญาขานรับเมื่อได้สติ
"ลภพามีนไปห้องน้ำเถอะ เลอะหมดแล้ว” ธีรเทพหันไปบอก เมื่อเห็นมินรญาดูลนลานจนผิดปกติ
"ขอโทษนะครับเต้ย ยายน้อง พนักงานพี่คงเป็นลม” ธีรเทพเอ่ยแก้ตัว เมื่อวัลลภกับมาลินช่วยกันประคองมินรญาเดินไปทางห้องน้ำ
สายตาคู่คมยังมองตามร่างบางที่โดนหิ้วปีกไปจนลับตา ด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา ทั้งตกใจ แปลกใจ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่เห็นเธอที่นี่
หลายปีแล้วที่เขาติดต่อเธอไม่ได้ ผู้หญิงโกหกหลอกลวงปล่อยให้เขาอยู่ในต่างแดนอย่างโดดเดี่ยว ภพธรกำมือแน่นกรามกัดกันจนเป็นสันนูน
Mean Talk.
หลังจากวันบายศรีสู่ขวัญรับน้องใหม่ทั้งรุ่นเข้าสู่มหาวิทยาลัย
ฉันกับเต้ยต่างก็แยกย้ายไปตามคณะของตัวเอง มีบ้างบางวิชาที่มีเรียนตรงกันจึงได้เจอกันอยู่บ้าง หอพักของเต้ยเดินถัดไปจากหอฉันสองช่วงตึก จริง ๆ ก็หอเดียวกันนั่นแหละ แต่อยู่คนละตึก ฉันจึงหนีมันไม่พ้น แรก ๆ เราก็เงอะงะไปเรียนพร้อมกันเดินกลับหอพร้อมกัน เต้ยแวะมาหาฉันที่หอบ้างในช่วงแรก ๆ แต่ตอนนี้มันดังจนติดลมบนไปแล้ว ฉันจึงไม่ค่อยได้เจอมันเท่าไร แล้วคนอย่างฉันก็คงถูกลืมไปตามเวลา
"มีน!” เสียงเรียกที่ดังจากข้างหลัง ฉันตกใจหันไปมองร่างสูงที่ยืนพิงกำแพงข้างตึก เต้ยในชุดนิสิตแต่ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกง แขนเสื้อถูกพับไปจนถึงข้อศอก
"เต้ย มีอะไร” ฉันถามทันที มาแปลกวันนี้มันมารอฉันหน้าหอ
"กลับเย็นจัง"
"อืม…พอดีหาหนังสือทำรายงานน่ะ” ฉันบอกเรื่อย ๆ
"ข้อมูลในเน็ตก็มี อยากรู้อะไรถามอากู๋เอาก็ได้” ไอ้เต้ยมันเสนอแนะแนวทาง ฉันรู้แต่ว่าบางอย่างมันก็ยังต้องหาในหนังสือบ้าง
"กินข้าวกัน” เต้ยชวนฉัน วันนี้มันมาแปลกจริง ๆ
"อืม” ฉันไม่พูดมากเดินตามมันไปที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอ ปกติฉันจะฝากท้องที่โรงอาหารมาเลย เพราะอร่อยและราคาถูก
"มีนไม่มีเพื่อนเดินเหรอกลับมืด ๆ แบบนี้”
ไอ้เต้ยละสายตาจากมือถือในมือแล้วนั่งมองหน้าฉัน
"เพื่อนน่ะมี แต่วันนี้วันศุกร์เขากลับบ้านกันหมด” ฉันตอบมันไปเรื่อย ๆ ปากก็ดูดน้ำในแก้วไประหว่างรออาหาร
"ไม่กลับบ้านเหรอ” เต้ยถามต่อ
"รอกลับปิดเทอมทีเดียว ประหยัดค่ารถเมล์"
"กลับพร้อมกันก็ได้ อยากกลับวันไหนก็บอกจะขับรถให้"
"ป๋ามากเลยค่ะ ทำยังกับแกมีเวลา แล้วมารอเนี่ยมีอะไร” ฉันถามตรง ๆ ไม่อยากให้มันอ้อมไปอ้อมมา
"มีน” ไอ้เต้ยมันเรียกฉันแบบนี้ จากประสบการณ์ เป็นเพื่อนกันมาฉันรู้ว่ามันกำลังอ้อน
"มีน…เต้ยกำลังคบกับเพื่อนในห้องน่ะ คนนี้เต้ยคิดจริงจังด้วย เต้ยชอบเขาจริง ๆ” ไอ้เต้ยมองฉันด้วยสายตาวิงวอนแกมขอร้อง
"เต้ยตรง ๆ นะ อย่าแรดอยู่กับฉันมีน แกไม่ต้องแรดก็ได้บอกตรง ๆ มันเลี่ยน” ฉันหันนิ้วมาชี้ที่หน้าตัวเอง เพื่อยืนยันตัวตน ฉันเกลียดมัน เกลียดคำพูดมัน มึงจะสุภาพบุรุษที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่หน้ามีน
"เออ ตรง ๆ ก็ได้คือเรากำลังคบคนใหม่ แกอย่าบอกเดียร์นะถ้าเดียร์ถามน่ะ” นั่นไง ผลประโยชน์ผู้ชายอย่างมันไม่เคยดีกับฉันหรอก มันดีกับคนทั้งโลกได้แต่ยกเว้นฉัน
"เอาแบบนี้นะ” ฉันเว้นวรรคไปเพราะหาคำพูดไม่เจอ
"ชีวิตแก แกก็ดูแลไป แกจะคบใครก็แล้วแต่ อย่ามายุ่งกับฉัน” ฉันบอกมันตรง ๆ นึกน้อยใจเหมือนกัน นี่มันคงเห็นฉันเป็นคนปากมากสินะ
"ไม่ใช่ไม่ไว้ใจมีน อย่าเข้าใจผิดสิ เต้ยแค่ยังไม่อยากให้เดียร์รู้ ยังไม่อยากให้เดียร์เสียใจ"
มันพยายามอธิบาย ถ้าไม่อยากให้เดียร์เสียใจแล้วทำทำไม เดียร์เป็นแฟนมัน และเดียร์เป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มฉัน แต่เดียร์สอบติดอีกที่จึงต้องแยกกัน ตอนนี้ฉันก็ยังคุยกับเดียร์อยู่ แต่หลัง ๆ มาแทบไม่ได้คุยเรื่องเต้ยเลยเพราะฉันไม่เจอมันและเดียร์ก็ไม่ถาม
กับข้าวมาพอดี ฉันกับเต้ยต้องหยุดพักเรื่องที่คุยกันเอาไว้ก่อน จริง ๆ ฉันอยากลุกหนี อยากกลับเข้าหอ แต่เพื่อเห็นแก่ของฟรีตรงหน้า ฉันเลยต้องฝืน ทน ๆ เอาหน่อยนะมีนฉันบอกตัวเอง เมื่อไอ้เต้ยตักต้มยำในชามใส่จานข้าวให้ฉัน ฉันอึ้งไปสองวินาทีหนวดปลาหมึก จะกินข้าวกับมันกี่ครั้งมันก็ตักหนวดปลาหมึกให้ฉันก่อนเสมอ
"มีนชอบ กินเยอะ ๆ ดูผอมไปนะเรียนหนักหรือเปล่า” หลอกลวงอย่ามาทำเป็นห่วงใย ฉันรู้ว่ามันปลอมคนอย่างมีน แค่หนวดปลาหมึกทำมีนหวั่นไหวไม่ได้หรอก
มื้อนี้ฉันก็อิ่มจังตังอยู่ครบ เพราะป๋าเต้ยเป็นคนจ่าย โดยที่ฉันไม่ต้องช่วยแชร์ค่ากับข้าว เต้ยรวยบ้านมันขายทอง และเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดด้วย ค่าอาหารแค่นี้เต้ยไม่สนใจอยู่แล้ว
มันเดินมาส่งฉันที่หอแล้วสั่งกำชับเรื่องที่คุยกันค้างไว้ ฉันไม่ลืมหรอกและฉันก็ไม่คิดจะยุ่งกับเรื่องของเต้ยด้วย เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นแค่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมา ก็แค่นั้นเอง
End Talk.
"เต้ย! ทะลึ่งไม่เลือกเวลาเลย เมื่อกี้มีนซึ้งจนแทบจะร้องตาม อะไรตัดมาหื่นเฉยเลย ไม่เอาแล้วมีนไปนอนดีกว่า" "เดี๋ยวสิ กำลังจะบอกเรื่องสำคัญเลย" "เรื่องอะไรอีก" "พรุ่งนี้กลับไปอยู่ที่บ้านนะ บ้านมีนหรือบ้านเต้ยก็ได้ เดี๋ยวตอนเช้าเต้ยไปส่ง" "ไม่เอาจะอยู่กับเต้ย" "โอ้โฮทูนหัว ชื่นใจมากที่ได้ยินแบบนี้ แต่เวลานี้ไม่เหมาะที่เราจะอยู่ด้วยกัน อย่างที่บอกเต้ยยุ่งและดูแลมีนไม่ได้ เต้ยไม่อยากทิ้งมีนกับลูกไว้ตามลำพัง เลยอยากให้กลับไปอยู่ที่บ้านก่อน ถ้าเต้ยเลิกงานเร็วเต้ยก็กลับไปบ้าน ปทุมฯ ใกล้แค่นี้เอง" "ขอเหตุผลจริง ๆ” มินรญาถาม ตากลมโตจ้องตาดุอย่างคนรู้ทัน "ก็ได้ ๆ คืองี้นะ ไอ้ตี๋มันหนีออกไปได้ และยังหาตัวไม่เจอ พวกเรากลัวมันจะมาที่นี่มาทำร้ายมีนกับลูก เต้ยเลยอยากให้มีนกลับไปอยู่บ้านก่อน เอาจริง ๆ นะธามมันกลัวว่าตอนนี้จะมีคนของไอ้ตี๋ปนอยู่ด้วย และคอยส่งข่าวให้ไอ้ตี๋รู้เต้ยกลัวมันย้อนรอยมาทำร้ายมีนกับลูก เลยอยากให้มีนไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ได้ยินแบบนี้สบายใจหรือยัง เต้ยพูดความจริงหมดแล้ว" "ทำไมมันดูซับซ้
"เต้ย” มินรญาเรียกชื่อคนตรงหน้า น้ำเสียงของภพธรมีความเจ็บปวดปนมาในนั้น แขนเรียวโอบรอบเอวหนา ก่อนจะซุกใบหน้าลงกับอกกว้างเพื่อซ่อนน้ำตา นาทีนี้เธอสงสารเขาเหลือเกิน ผู้ชายร้าย ๆ คนนั้นไปไหนกันนะ "ทำไมวะมีน การที่เต้ยให้เงินลูกน้องเยอะ ๆ มันคือการใช้เงินเลี้ยงคนเหรอ เพราะไว้ใจพวกมัน ปล่อยให้มันทำหน้าที่กันไป ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงงานของพวกมัน ทำให้เต้ยกลายเป็นคนไม่ทำงานเหรอวะ" "เต้ย" "เต้ยรวยแล้วไง เงินที่สร้างบริษัททุกบาททุกสตางค์มันมาจากน้ำพักน้ำแรงเต้ยทั้งนั้น เต้ยทำงานตั้งแต่สมัยเรียน เต้ยใช้เงินเก็บที่มีมาสร้าง เต้ยใช้ฝีมือเปล่าวะ มันถึงได้มาไกลขนาดนี้ พวกมันไม่เคยคิดเลย มันว่าเต้ยด่าเต้ยสารพัด" "ไม่เอาเต้ย แค่คำพูดของคนคนเดียวอย่าเอามาตัดสินชีวิตตัวเองสิ ยังมีคนอีกตั้งเยอะที่รักเต้ย ไม่เอาอย่าคิดมากสิ” มินรญาปลอบ พยายามปรับน้ำเสียงให้ฟังดูเป็นปกติที่สุด ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอก็รู้สึกอ่อนไหวไปกับเขาด้วย "คนตั้งเยอะเหรอมีน ลับหลังมามันก็ด่าเต้ยทั้งนั้น เต้ยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ" "ใครจะว่ายังไงก็ช่างมันนะ สำหรับมีนแล้ว
ตาดุมองไปที่หน้าท้องขาวนวลที่นูนป่องขึ้นมาจนกลม ลำพังแค่เขาคนเดียวคงรับมือกับไอ้พวกคนพาลได้ไม่ยาก แต่นี่เขามีห่วงเพิ่มขึ้นมาอีก และเป็นห่วงที่คนพวกนั้นรู้ว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของเขา นับว่าตี๋ฉลาดมากที่ยังไม่ย้อนกลับมาที่นี่แต่พวกมันคงไม่ปล่อยไว้แน่ ถือว่าวันนี้เขายังโชคดีที่ยังมีเวลารับมือกับคนพวกนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเรื่องนี้มากไปหรือเปล่า แต่กันไว้ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือร่างสูงเดินมาสวมกอดเอวคนท้องไว้หลวม ๆ ก่อนจะพาเดินกลับเข้าไปด้านใน เป็นจังหวะเดียวกับที่อธิปกับปอมาถึงพอดีมินรญาตกใจเมื่อเห็นหน้าเพื่อนร่วมรุ่นอีกคน อธิปโล่งอกเมื่อมองเห็นคนหน้าหวานในอ้อมกอดเพื่อน ก่อนจะค่อย ๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อหันไปล้อเล่นกับมดยิ้มเพื่อกลบเกลื่อน มองสบตาดุที่มีแววขอร้องปนมาในนั้น อธิปยักคิ้วตอบเมื่อเข้าใจสิ่งที่เพื่อนสนิทส่งมา ก่อนจะถอยไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งสงบในห้องรับแขก เมื่อภพธรต้อนคุณแม่และลูกเข้าห้องนอนด้านใน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากที่ส่งกลุ่มเพื่อน ๆ กลับร่างสูงก็ยังนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น คนที่กำลังก้าวมาหาชะงักเท้านิดหนึ่งยืนมองคนที่นั่งทอดอ
ตาคมดุกวาดมองไปเรื่อย ๆ เมื่อวิ่งไปเปิดประตูห้องนอน ไอ้สามคนที่ตามมาก็ช่วยกันวิ่งหาจนทั่ว ห้องครัว ห้องรับแขกทุกอย่างเงียบสนิท ตาดุเงยหน้าขึ้นมองชั้นบนที่เป็นห้องนอนเล็กและห้องทำงานของเขา แต่มินรญาไม่เคยเข้าไปเพราะเธอชอบคิดว่าเขากันตรงนั้นไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เท้าหนาซอยขึ้นบันไดชั้นบนพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นประตูระเบียงที่แยกออกไปยังสระว่ายน้ำเปิดออก ให้ตายเถอะทำไมเขามองไม่เห็นแต่แรกนะ เท้าหนาถอยกลับลงมาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้สามคนนั่นวิ่งพรวดออกไปที่ระเบียงพร้อมกันพอดี "พี่เต้ย!” คนทั้งสามคนประสานเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาพร้อมกัน ภพธรยังไม่ทันตอบอะไร พวกมันก็เรียกชื่อเขาซ้ำอีกรอบ หัวใจชายหนุ่มปวดหนึบเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ตื่นตกใจของคนเรียก "พี่เต้ย!” ร่างสูงโผล่หน้าออกไปที่สระว่ายน้ำ ก่อนจะตั้งสติแล้ววิ่งไปบริเวณขอบสระเร็ว ๆ "มีน!” ภาพที่เห็นทำให้ภพธรเข่าทรุด มินรญาในชุดบิกินีสีส้มอิฐที่เขาซื้อให้ที่ทะเลวันนั้น กำลังประคองห่วงยางเป็ดเหลืองอันใหญ่อยู่กลางสระ ในห่วงยางมีร่างเล็กที่ใส่ชุดสีเดียวกันของมดยิ้มอยู่ในนั้น คนที่อยู่ในสระหัน
เสียงเปิดและปิดประตูดัง ๆ เรียกสายตาของคนที่กำลังนั่งทอดอารมณ์ให้หันไปมอง "มีเรื่องอะไรอีก” อธิปถามเมื่อเห็นมุ้ยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา มุ้ยหลบตาก้มมองมือตัวเอง "แย่แล้วพี่ธาม ไอ้ตี๋มันหนีไปแล้ว!” มุ้ยละล่ำละลักตอบคำถาม "สัตว์! กูสั่งให้เฝ้ามันให้ดีไง” อธิปตบโต๊ะดังปัง เมื่อลุกขึ้นมาประจันหน้ากับมุ้ย "ผมบอกพี่แล้วว่าให้ส่งมันให้ตำรวจ” มุ้ยเถียง "มันหายไปตั้งแต่ตอนไหน” ภพธรถาม เมื่อรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ "ไม่รู้พี่เต้ยผมกับไอ้คิงขังมันไว้บนห้องชั้นสอง ปิดล็อกประตูอย่างดี แต่มันปีนหน้าต่างหนีไป" "แม่งเอ้ย! ใช้พวกมึงเหมือนใช้ควาย” อธิปสบถลั่น มุ้ยหน้าเสีย "ไอ้คิงล่ะ” ภพธรถาม "ไปกับแอม" "ห่าเอ้ย! แต่ละคน” อธิปหัวเสียไปกันใหญ่ "กูจะโทรหามีน ไม่รู้แอมไปถึงหรือยัง” ภพธรบอกเมื่อรู้สึกห่วงมินรญากับลูกขึ้นมา "มึงรีบกลับเลยเต้ย ถ้าแอมไปถึงมึงให้มีนออกมากับแอมเลย” อธิปเสนอเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง "มึงหมายความว่า” ภพธรจ้องหน้าเพื่อน ก่อ
"คุณออกไปได้แล้วผมรีบ เสื้อผ้าก็ร่วงอยู่ตามพื้นนั่นแหละ หาเอา อ้อ...อย่าเล่นตุกติกกับผม จำไว้ผมมีหลักฐาน คงจำห้องพักได้นะ ผมไม่ส่ง เชิญ” ธนากรมองไปที่ร่างบางอีกครั้ง ตาคมเข้มสำรวจไปทั่ว ถึงจะสงสารแต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลา ร่างบางสั่นจากแรงสะอื้น ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวเองลงจากเตียง มือบางไล่เก็บชุดที่ร่วงเกลื่อนพื้น ธนากรตัดใจเดินหลบไปอีกมุม เมื่อมองเห็นน้ำตาที่ไหลทะลักลงมาบนแก้มสวย ถึงแม้จะสะใจที่ได้แกล้งคนอวดดี แต่น้ำตาที่อาบแก้มนวลกลับทำให้หัวใจชายหนุ่มอ่อนยวบ อารดากลั้นใจก่อนจะใส่เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน จำได้ว่าเธอไม่มีอะไรติดตัวมานอกจากกระเป๋าถือที่ใส่ของใช้และเงินจำนวนหนึ่งทุกอย่างยังอยู่ครบ ตากลมโตมองแบงก์สีเทาที่วางซ้อนทับกันอยู่บนหัวเตียงก่อนจะหยิบขึ้นพลิกไปมา รู้สึกเจ็บร้าวที่กลางอก "ค่าตัว" มือบางกำเข้าหากันแน่น ธนบัตรในมือยับผิดรูปก่อนจะโยนกลับไปที่เก่า ไม่รอให้เสียเวลาเธอใช้จังหวะนี้หนีไปให้พ้นจากที่นี่ ถึงแม้จะยังเสียใจและเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่โวยวายไปก็เท่านั้นทุกอย่างมันชัดเจนตามที่ผู้ชายคนนั้นบ