มินรญาไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเพราะเธอเป็นทีมออกแบบส่วนมากจะเป็นงานในออฟฟิศ แต่ก็จำเป็นต้องรู้ข้อมูลของลูกค้า ต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการงานแบบไหนเพราะเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน
มินรญานั่งดูงานในคอมพิวเตอร์ วันนี้ไม่มีอะไรมากเพราะงานส่วนใหญ่ได้ส่งไปหมดแล้วรอแค่เจ้าของโครงการอนุมัติ ร่างบางนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงกลุ่มคนคุยกันและเดินตามกันออกมาจากห้องของธีรเทพ โดยมีวัลลภตามออกมารั้งท้าย ทั้งหมดมาหยุดคุยใกล้ ๆ โต๊ะทำงานเธอ
"เอาเป็นว่าพี่จะส่งคนไปดูหน้างานก่อนก็แล้วกันนะ” ธีรเทพพูดกับลูกค้า มินรญานั่งฟังแบบไม่ใส่ใจนัก
"ได้ไงคะพี่ธี นั่นบ้านน้องนะคะ น้องอยากให้พี่ธีทำให้ค่ะ” สาวสวยที่ยืนหันหลังให้เธอบอกด้วยท่าทางไม่พอใจ
"น้องต้องเข้าใจนะว่าบ้านเราน่ะมันไกล ทีมงานพี่มีแต่ แม่ลูกอ่อน กับพวกพ่อบ้านกลัวเมีย” ธีรเทพตอบแบบติดตลก
"ฝากพี่ธีดูให้หน่อยนะครับ ถ้าพี่ธีไม่ทำน้องคงงอแงไม่เลิก” เสียงนุ่มทุ้มแกมเอ็นดูของชายหนุ่มที่ยืนหันหลังคู่กับหญิงสาวเอ่ยขอร้องธีรเทพ
มินรญามองข้างหลังสองคนนั้นอย่างเพลิน ๆ
"ได้ ๆ พี่จะดูให้นะ แต่ไม่รับปาก” ธีรเทพตอบอย่างเกรงใจ
"ไม่ค่ะ พี่ธีต้องทำให้น้อง” หญิงสาวยังคงเอาแต่ใจ
"ไม่เอาน่าน้อง อย่าบังคับพี่ธีสิครับ” เสียงนุ่มเอ่ยปรามคนรัก
"เต้ยน่ะ!” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มแบบแสนงอนเมื่อโดนขัดใจ
เพล้ง! เสียงวัตถุตกกระทบพื้น แก้วกาแฟในมือมินรญาร่วงตกลงพื้นทันที ที่สิ้นเสียงแสนงอนของหญิงสาวคนนั้น
สายตาทุกคู่หันไปตามเสียง มินรญาเองก็ตกใจเพราะความร้อนของกาแฟที่หกราดบริเวณหน้าขา ร่างบางลุกขึ้นเต้นเป็นกุ้งในสภาพเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนขาเดฟแบบนั้น
"เป็นไรมากไหมมีนระวังเศษแก้ว" มาลินถามอย่างห่วงใย
"ไม่ ๆ แค่นิดเดียว” มินรญาหันไปตอบมาลิน
"พักนี้เหม่อบ่อยนะเราน่ะ มีความรักใช่ไหม" มานพเอ่ยเเซว
มินรญาหันไปถลึงตาใส่เพื่อน หญิงสาวหันมาทางที่เจ้านายคุยกัน ด้วยท่าทางสำนึกผิด พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
จังหวะนั้นตากลมโตก็สบเข้ากับดวงตาคู่คมดุที่แสนคุ้นเคย มินรญาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเธอประหม่าจนดูลนลาน เจ้าของตาคมดุก็เช่นกัน เขาเองก็มีอาการตกตะลึง เมื่อสบกับดวงตาคู่สวย แต่ยังคงควบคุมตัวเองได้ดีเป็นปกติ
"ขอตัวนะครับ” วัลลภเอ่ยขอตัวกับแขกของธีรเทพ
"มีน ร้อนไหมน่ะ เลอะเทอะหมดเลย ลินเรียกแม่บ้านหน่อย" วัลลภเดินเลี่ยงอ้อมโต๊ะไปหาหญิงสาว เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก แล้วคลุมลงที่ไหลบอบบางเพื่อกันสายตาของคนนอกที่มองมา วัลลภออกอาการงงเมื่อเห็นมินรญายังยืนค้างอยู่แบบนั้น
"มีน มีน” ฝ่ามือหนาตบลงที่แก้มสวยเบา ๆ เพื่อเรียกสติด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและห่วงใย สายตาคมดุยังมองดูตลอดเวลา มือแกร่งเผลอกำเข้าหากันแน่น
"อะไรนะลภ” มินรญาขานรับเมื่อได้สติ
"ลภพามีนไปห้องน้ำเถอะ เลอะหมดแล้ว” ธีรเทพหันไปบอก เมื่อเห็นมินรญาดูลนลานจนผิดปกติ
"ขอโทษนะครับเต้ย ยายน้อง พนักงานพี่คงเป็นลม” ธีรเทพเอ่ยแก้ตัว เมื่อวัลลภกับมาลินช่วยกันประคองมินรญาเดินไปทางห้องน้ำ
สายตาคู่คมยังมองตามร่างบางที่โดนหิ้วปีกไปจนลับตา ด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา ทั้งตกใจ แปลกใจ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่เห็นเธอที่นี่
หลายปีแล้วที่เขาติดต่อเธอไม่ได้ ผู้หญิงโกหกหลอกลวงปล่อยให้เขาอยู่ในต่างแดนอย่างโดดเดี่ยว ภพธรกำมือแน่นกรามกัดกันจนเป็นสันนูน
Mean Talk.
หลังจากวันบายศรีสู่ขวัญรับน้องใหม่ทั้งรุ่นเข้าสู่มหาวิทยาลัย
ฉันกับเต้ยต่างก็แยกย้ายไปตามคณะของตัวเอง มีบ้างบางวิชาที่มีเรียนตรงกันจึงได้เจอกันอยู่บ้าง หอพักของเต้ยเดินถัดไปจากหอฉันสองช่วงตึก จริง ๆ ก็หอเดียวกันนั่นแหละ แต่อยู่คนละตึก ฉันจึงหนีมันไม่พ้น แรก ๆ เราก็เงอะงะไปเรียนพร้อมกันเดินกลับหอพร้อมกัน เต้ยแวะมาหาฉันที่หอบ้างในช่วงแรก ๆ แต่ตอนนี้มันดังจนติดลมบนไปแล้ว ฉันจึงไม่ค่อยได้เจอมันเท่าไร แล้วคนอย่างฉันก็คงถูกลืมไปตามเวลา
"มีน!” เสียงเรียกที่ดังจากข้างหลัง ฉันตกใจหันไปมองร่างสูงที่ยืนพิงกำแพงข้างตึก เต้ยในชุดนิสิตแต่ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกง แขนเสื้อถูกพับไปจนถึงข้อศอก
"เต้ย มีอะไร” ฉันถามทันที มาแปลกวันนี้มันมารอฉันหน้าหอ
"กลับเย็นจัง"
"อืม…พอดีหาหนังสือทำรายงานน่ะ” ฉันบอกเรื่อย ๆ
"ข้อมูลในเน็ตก็มี อยากรู้อะไรถามอากู๋เอาก็ได้” ไอ้เต้ยมันเสนอแนะแนวทาง ฉันรู้แต่ว่าบางอย่างมันก็ยังต้องหาในหนังสือบ้าง
"กินข้าวกัน” เต้ยชวนฉัน วันนี้มันมาแปลกจริง ๆ
"อืม” ฉันไม่พูดมากเดินตามมันไปที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอ ปกติฉันจะฝากท้องที่โรงอาหารมาเลย เพราะอร่อยและราคาถูก
"มีนไม่มีเพื่อนเดินเหรอกลับมืด ๆ แบบนี้”
ไอ้เต้ยละสายตาจากมือถือในมือแล้วนั่งมองหน้าฉัน
"เพื่อนน่ะมี แต่วันนี้วันศุกร์เขากลับบ้านกันหมด” ฉันตอบมันไปเรื่อย ๆ ปากก็ดูดน้ำในแก้วไประหว่างรออาหาร
"ไม่กลับบ้านเหรอ” เต้ยถามต่อ
"รอกลับปิดเทอมทีเดียว ประหยัดค่ารถเมล์"
"กลับพร้อมกันก็ได้ อยากกลับวันไหนก็บอกจะขับรถให้"
"ป๋ามากเลยค่ะ ทำยังกับแกมีเวลา แล้วมารอเนี่ยมีอะไร” ฉันถามตรง ๆ ไม่อยากให้มันอ้อมไปอ้อมมา
"มีน” ไอ้เต้ยมันเรียกฉันแบบนี้ จากประสบการณ์ เป็นเพื่อนกันมาฉันรู้ว่ามันกำลังอ้อน
"มีน…เต้ยกำลังคบกับเพื่อนในห้องน่ะ คนนี้เต้ยคิดจริงจังด้วย เต้ยชอบเขาจริง ๆ” ไอ้เต้ยมองฉันด้วยสายตาวิงวอนแกมขอร้อง
"เต้ยตรง ๆ นะ อย่าแรดอยู่กับฉันมีน แกไม่ต้องแรดก็ได้บอกตรง ๆ มันเลี่ยน” ฉันหันนิ้วมาชี้ที่หน้าตัวเอง เพื่อยืนยันตัวตน ฉันเกลียดมัน เกลียดคำพูดมัน มึงจะสุภาพบุรุษที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่หน้ามีน
"เออ ตรง ๆ ก็ได้คือเรากำลังคบคนใหม่ แกอย่าบอกเดียร์นะถ้าเดียร์ถามน่ะ” นั่นไง ผลประโยชน์ผู้ชายอย่างมันไม่เคยดีกับฉันหรอก มันดีกับคนทั้งโลกได้แต่ยกเว้นฉัน
"เอาแบบนี้นะ” ฉันเว้นวรรคไปเพราะหาคำพูดไม่เจอ
"ชีวิตแก แกก็ดูแลไป แกจะคบใครก็แล้วแต่ อย่ามายุ่งกับฉัน” ฉันบอกมันตรง ๆ นึกน้อยใจเหมือนกัน นี่มันคงเห็นฉันเป็นคนปากมากสินะ
"ไม่ใช่ไม่ไว้ใจมีน อย่าเข้าใจผิดสิ เต้ยแค่ยังไม่อยากให้เดียร์รู้ ยังไม่อยากให้เดียร์เสียใจ"
มันพยายามอธิบาย ถ้าไม่อยากให้เดียร์เสียใจแล้วทำทำไม เดียร์เป็นแฟนมัน และเดียร์เป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มฉัน แต่เดียร์สอบติดอีกที่จึงต้องแยกกัน ตอนนี้ฉันก็ยังคุยกับเดียร์อยู่ แต่หลัง ๆ มาแทบไม่ได้คุยเรื่องเต้ยเลยเพราะฉันไม่เจอมันและเดียร์ก็ไม่ถาม
กับข้าวมาพอดี ฉันกับเต้ยต้องหยุดพักเรื่องที่คุยกันเอาไว้ก่อน จริง ๆ ฉันอยากลุกหนี อยากกลับเข้าหอ แต่เพื่อเห็นแก่ของฟรีตรงหน้า ฉันเลยต้องฝืน ทน ๆ เอาหน่อยนะมีนฉันบอกตัวเอง เมื่อไอ้เต้ยตักต้มยำในชามใส่จานข้าวให้ฉัน ฉันอึ้งไปสองวินาทีหนวดปลาหมึก จะกินข้าวกับมันกี่ครั้งมันก็ตักหนวดปลาหมึกให้ฉันก่อนเสมอ
"มีนชอบ กินเยอะ ๆ ดูผอมไปนะเรียนหนักหรือเปล่า” หลอกลวงอย่ามาทำเป็นห่วงใย ฉันรู้ว่ามันปลอมคนอย่างมีน แค่หนวดปลาหมึกทำมีนหวั่นไหวไม่ได้หรอก
มื้อนี้ฉันก็อิ่มจังตังอยู่ครบ เพราะป๋าเต้ยเป็นคนจ่าย โดยที่ฉันไม่ต้องช่วยแชร์ค่ากับข้าว เต้ยรวยบ้านมันขายทอง และเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดด้วย ค่าอาหารแค่นี้เต้ยไม่สนใจอยู่แล้ว
มันเดินมาส่งฉันที่หอแล้วสั่งกำชับเรื่องที่คุยกันค้างไว้ ฉันไม่ลืมหรอกและฉันก็ไม่คิดจะยุ่งกับเรื่องของเต้ยด้วย เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นแค่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมา ก็แค่นั้นเอง
End Talk.
“เฮ้ย!”ผมร้องเสียงดัง เมื่อสายน้ำเบ่งของเก่าออกมาทางตูด! เจ๊มดที่นั่งข้างๆวิ่งเลยครับ ไม่ได้วิ่งมาช่วยนะ นางวิ่งหนีไปหน้าประตูครัวโน้น ไหนใครบอกว่ามดยิ้มรักน้อง! “สายน้ำทำอะไรเนี่ย หึ้ย!วางระเบิดพ่อได้ไง”ผมพูดกับสายน้ำ เอาไงดีล่ะผมน่ะเลี้ยงลูกได้ แต่ตอนอึเนี่ยบอกตรงๆผมไม่ชอบเลย เด็กห้าเดือนนะ คุณคิดภาพตามดิ เหมือนซุปข้าวโพดอะ แล้วกลิ่นเนี่ยไม่ต้องพูดถึง พูดแล้วขมคอ ตอนนี้ผมมีทางเลือกสองทางคือหนึ่งโทรตามเด็กที่บ้านใหญ่ให้มาจัดการลูก และสองคือผมทำเอง . . . “มดยิ้มหยิบผ้าขนหนูน้องให้พ่อหน่อยลูก!”ครับตามที่เห็น ตอนนี้ผมจัดการกับสายน้ำแล้วครับ พามาล้างอึในห้องน้ำแล้วก็อาบน้ำให้เลยครับ “มดยิ้มลูก ได้ยินพ่อไหม”ผมตะโกนถามเจ๊มดอีกครั้ง ไม่นานก็เห็นร่างเล็กๆเดินเข้ามาในห้องน้ำ มดยิ้มถือผ้าขนหนูมาวางไว้ให้น้องด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย นางยืนกอดอกดูน้องที่เล่นน้ำในอ่างด้วยสีหน้าที่เดาอารมณ์ไม่ออก แต่ผมจะบอกว่าโครตเหมือนมีนเลยครับ หน้าแบบนี้การกระทำแบบนี้ มันมีนชัดๆเวลาที่ผมเมาแล้วงอแง มีนก็จะมายืนทำหน้าแบบนี
“แล้วมึงกับแก้วไปถึงไหนกันแล้ววะ”ผมถามตรงๆ อยู่กันมาขนาดนี้ก็ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว สองปีแล้วที่มันวิ่งไปกลับแบบนี้ มันก็น่าจะได้อะไรกลับมาบ้างแหละ “เหมือนเดิม” “แค่เนี้ย” “อืม...”ไอ้ธามตอบก่อนจะหันไปหาลูกผมบนตักมีน เหมือนเดิมอีกแล้วเอากับมันสิ แล้วไอ้ที่ว่าเหมือนเดิมน่ะคืออะไรวะ ผมสงสัยต่ออีกนิด “เดือนหน้าเนยจะย้ายไปอยู่อังกฤษ”อยู่ๆไอ้ธามก็พูดเรื่องนี้ออกมา หลังจากที่เราย้ายกันมานั่งดื่มกันที่หน้าบ้าน “อ้าว...ไปอยู่เลยหรือแค่ไปเที่ยว”ผมถามกลับหลังจากเติมเครื่องดื่มในแก้วให้มัน วันนี้มันดื่มหนักนะผมว่า เพราะผมเติมให้มันแบบแก้วต่อแก้วเลย “ไปอยู่เลย...” “อ้าวแล้วลูกมึงล่ะ” “ก็ไปกับแม่มัน” “มึงมีอะไรจะบอกกูไหม” “ไม่มี กูแค่คิดถึงลูก”มันพูดพร้อมกับกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอีกคำใหญ่ ผมก็พูดไม่ออกครับ ไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกมัน ตั้งแต่ที่มันรู้ว่ามีลูกกับน้องเนยมันก็เสนอช่วยดูแลลูก ก็ทำแบบที่ผมทำกับมีนนี่แหละครับ แต่มันไม่ได้เอาแม่แบบผม ก็อย่างที่พวกคุณรู้ ใ
“แม่มีน ตื่นแล้วหรอคะ มดยิ้มขอโทษ มดยิ้มจะมาหาน้องค่ะ”พอได้ยินเสียงแม่แค่นั้นแหละ เจ้าตัวเล็กข้างๆผมหน้าเสียเลยครับ “มดยิ้มย่องแล้วค่ะ มดยิ้มไม่ได้ตั้งใจ”นี่คือคำพูดเด็กห้าขวบจริงๆใช่ไหม:) “ไม่เป็นไรค่ะลูก มาหาแม่มา มาให้แม่ดูสิคะว่าพ่อใส่กระโปรงถูกหรือเปล่า”มีนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วเรียกคนตัวเล็กเข้าไปหา พร้อมกับจับลูกหมุนดูนี่นั่นสำรวจไปทั่วตัวลูก ใช่ผมเคยใส่กระโปร่งให้ลูกกลับด้าน แล้วไงวะก็แค่สี่ห้าครั้งเอง:( “น้องตื่นยังคะ” “ยังเลยค่ะน้องเพิ่งหลับ เมื่อคืนน้องงอแงค่ะ แม่มีนเลยตื่นสาย”ยัยตัวเล็กถาม เพราะเมื่อคืนมดยิ้มของผมไปนอนบนตึกใหญ่มาครับ เด็กเพิ่งเอามาส่งให้เมื่อเช้านี้เอง ก็เหมือนเดิมครับ เจ้มดก็ยังต้องเดินสายนอนกับอาม่า นอนกับก๋งเหมือนเดิม ใครว่ามีลูกใหม่พวกเค้าจะเห่อมดยิ้มน้อยลง เปล่าเลยครับ นอกจากจะไม่เบื่อแล้ว แถมยังเอามดยิ้มไปนานกว่าเดิมอีก เพราะไม่อยากให้มดยิ้มมากวนแม่กับน้อง ผมว่ามันคือข้ออ้างครับ คนโตอยากได้มดยิ้มไปนอนกอดเลยเอาน้องมาอ้างมากกว่า “มดยิ้มทานข้าวยังคะ” “ทานแล้วค่ะ
“คุณพ่อไปไหนมาคะ”เจ้ามดยิ้มร้องถาม พร้อมกับวิ่งมากอดที่เอวผม ออลืมบอกไปตอนนี้มดยิ้มสูงเลยหัวเข่าผมมาแล้วครับ เด็กห้าขวบกับความสูงแค่นี้คุณว่าปกติไหม ก็อย่างว่ามีนมันเตี้ย ส่วนผมก็เสือกสูงเองลูกเลยไม่รู้ว่าอันไหนคือมาตฐาน นาทีนี้ตัดเรื่องความสูงมดยิ้มไปก่อน เมื่อผมอุ้มลูกขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปหาคนที่นอนอมยิ้มบนเตียง มีนนะมีนไม่ต้องมาขำเลย ผมงอนจริงด้วยงานนี้ “มีนเป็นไงบ้าง”ผมเอ่ยถามเมื่อมายืนข้างเตียง “มีนน่ะสบายดี ห่วงตัวเองก่อนไหมตี๋ฮาๆๆ”สิ้นเสียงของคนที่ว่าแดกผม คนในห้องก็พากันขำกระจายครับ เจ็กเก้าครับเขาก็คือคู่ปรับตลอดกาลของผมเอง “มีนไม่เป็นไร เต้ยล่ะเป็นไงบ้าง”ใช่เวลาห่วงผัวไหมเมีย ยิ่งเมียถามกลับมาแบบนี้คนให้ห้องก็ยิ่งได้ใจครับ ขำกันหนักกว่าเดิมอีก “พอๆ อย่าล้ออะไรมันมากเลยแค่นี้มันก็อายจะแย่แล้ว ตี๋ป๊ากับม๊าดีใจมากที่ได้หลานชาย ขอบใจมากนะ ชอบใจมากนะมีน”ป๊าเอ่ยขัดขึ้น ก่อนจะขอบใจผมกับลูกสะใภ้อย่างสุดซึ้ง พ่อกับแม่มีนด้วยครับ ท่านทั้งสองมองมาที่ผมด้วยสายตาอ่อนโยนจนผมขนลุก ไม่บอกก็รู้ว่าท่านทั้งสองมีความสุขมากเช่น
“มีน มีน ไม่เป็นไรนะมีน ถ้ามีนเจ็บมีนปวดจนทนไม่ไหวบีบมือเต้ยนะ จะกัดเต้ยก็ได้”นี่เป็นคำพูดของผมครับ เพราะทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลหมอก็พาคนตัวเล็กเข้าห้องคลอดทันที ผมก็เข้ามาด้วยเพราะเราฝากท้องแบบพิเศษครับ พิเศษสุดๆเลยเอาแบบที่โรงพยาบาลจะจำเราได้ไปอีกนาน และอยากให้เมียผมท้องทุกปีเลยล่ะครับ ลืมบอกไปวันนี้มีนเจ็บท้องและกำลังจะคลอดครับ “เต้ยมีนไม่เป็นไร มาคลอดลูกไม่ได้เจ็บขนาดนั้น”คนตัวเล็กยังพยายามบอกให้ผมโอเค ทั้งๆที่มือเธอยังกำมือผมไว้แน่น เหงื่อก็เริ่มซึมออกมาตามหน้าผาก แถมหน้าก็ซีดลงๆ เอาจริงๆผมไม่รู้หรอกครับว่าเจ็บท้องคลอดลูกเนี่ยมันเจ็บขนาดไหน แต่สำหรับผมแค่มีดบาดก็โครตเจ็บแล้วครับ ภรรยาผมเธออดทนมากแต่ผมรู้ว่าเธอกำลังเจ็บมาก ยิ่งคิดมาถึงตรงนี้ยิ่งโมโหตัวเองครับ เพราะต่อให้มีเงินล้นฟ้าก็ช่วยให้เมียหายเจ็บไม่ได้ เพราะเมียผมเลือกจะคลอดตามธรรมชาติครับ เธอไม่ผ่าคลอดเพราะเมื่อตอนคลอดมดยิ้มเธอก็คลอดเอง แล้วไงล่ะครับทีนี้ก็เลยลำบากมายันผม ทำไมนะหรอครับก็ผมเนี่ยอยากจะเจ็บแทนเธอไง “มดลูกขยายอีกสองเซนเเล้วค่ะ คุณแม่อย่าเพิ่งเบ่งนะคะ รออีกนิด”หมอคนที่ทำหน้า
คุณญดาตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อได้เห็นลูกสมหวัง หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูกท่านคิดในใจ เมื่อเอื้อมมือมาลูบหัวลูกรัก ผู้ใหญ่อวยพรให้คนทั้งสอง บ่าวสาวขอบคุณก่อนจะเดินขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ถึงแม้มินรญาจะกำชับให้จัดแค่งานเล็ก ๆ แต่ครอบครัวของภพธรเป็นครอบครัวใหญ่ เฉพาะญาติ ๆ ก็เกือบ ๆ ร้อย ไม่รวมเพื่อนร่วมรุ่นและรุ่นน้องที่แห่กันมาอวยพรและแสดงความยินดีกับเธอ อธิปกับแก้วสุนีย์มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว มินรญาสังเกตอาการคนทั้งสองตามคำบอกเล่าของภพธร จะเป็นอธิปที่คอยเอาใจแก้วสุนีย์เสียส่วนใหญ่ ในขณะที่แก้วสุนีย์ยังเฉยจนดูไม่ออก งานแต่งงานที่จบไปเมื่อตอนเช้าสร้างความเมื่อยล้าให้ว่าที่คุณแม่ลูกสองไม่น้อย ใช่มินรญากำลังจะกลายเป็นคุณแม่ลูกสองอีกครั้ง เพราะตอนนี้เธอตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว หลังจากที่รู้ว่าท้องภพธรก็ไม่ให้เธอทำอะไรอีกเลย ให้เธอดูแลลูกกินแล้วก็นอน เวลาที่มดยิ้มไปโรงเรียน มินรญาก็ทำงานบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลมินรญาก็ถูกสั่งให้ย้ายมาอยู่บ้านใหญ่ทันที เพราะทุกคนต่างก็รักและเป็นห่วงเธอ แต่คืนวันเสาร์อาทิตย์ภพธรจะ