เวลาใกล้รุ่งสางก่อนที่แสงตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา หลิงเวยค่อยๆ ปรือตาขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงเคาะไม้ถึงห้าครั้งบ่งบอกเวลาได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวรีบเรียกสติของตนไม่ให้เสียเวลางัวเงีย นางตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆ แต่ทว่าพลันต้องชะงักเมื่อปะทะกับสายตามืดดำของใครบางคน
ใครคนนั้นนอนมองนางอยู่ด้วยสายตาดุดันใบหน้ามืดครึ้มใบหูแดงก่ำ เขาเปลือยแผงอกบึกบึนใหญ่โตช่วงบนลำตัว
เขาไม่หนาวหรือไร ไยไม่ห่มผ้า?
หลิงเวยมองคนตัวโตข้างกายอย่างกล้าๆ กลัวๆ เฉกเช่นดังเดิมพลางเอื้อมมือน้อยๆ ลงมาจับดึงผ้าห่มบนตัวของตนแล้วตวัดห่มให้เขาอย่างใจดี เพราะว่านางแย่งเตียงนอนของเขาและผ้าห่มของเขามาห่มอยู่คนเดียว
ฟงชินหยางตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นแสดงออกฉายชัดให้เห็นทางสีหน้า นางเป็นของเขาแล้วถึงแม้ว่าจะผิดวิธีก็ตาม และนางกับเขาก็แต่งงานกันแล้วอย่างถูกต้อง อีกทั้งเมื่อคืนยังเป็นคืนเข้าหอ
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ากับเป็นบุรุษที่อับโชคเช่นนี้
ไยอาภัพยิ่งนัก!
เขาต้องนอนปวดเกร็งทั้งคืนด้วยเพราะว่ามีตัวนุ่มนิ่มมานอนข้างๆ ทั้งยังพ่นลมหายใจเป่าหูเขาตลอดคืนกระทั่งเช้า
แล้วดูนางทำ นางยังจะเอื้อมมือมาห่มผ้าให้เขาจนหน้าอกนุ่มๆ ของนางเบียดเสียดอยู่กับท่อนแขนของเขา นี่นางหมายยั่วยวนเขาในยามฟ้าสางได้อย่างไร เขาต้องพานางไปคารวะน้ำชาบิดามารดาที่น่าจะลุกขึ้นมารอเขาแล้วในเรือนใหญ่กลางจวนมิใช่หรือไร
กับอารมณ์คั่งค้างเมื่อคืนยังมิทันได้สะสาง นางก็สร้างอารมณ์รอบใหม่ในเวลาจำกัดซึ่งคงจะสะสางไม่ทัน นี่นางกำลังทำเรื่องร้ายกาจกับเขาอย่างยิ่งยวดอีกแล้ว มันใช่หรือไม่?
เจ้าของสีหน้ามืดดำและมีห้วงอารมณ์หลุมลึกทมิฬเอ่ยเสียงกดต่ำออกมา
“เจ้ากล้าดีอย่างไร?”
หลิงเวยได้ยินพลันงุนงง แค่ห่มผ้าให้ก็มิได้หรือไร
ไยเอาใจยากจริง?
หญิงสาวสบสายตากับชายหนุ่มข้างกายอยู่อึดใจก่อนตัดสินใจดึงผ้าห่มกลับมาห่อร่างของตนเอาไว้แน่นเห็นแค่เพียงดวงตาแล้วขยับกายถอยหลังออกห่างจากเขาอีกเล็กน้อยอย่างยอมจำนน นางไม่ควรทำให้เขาโกรธ
ฟงชินหยางเห็นอย่างนั้นยิ่งอารมณ์คุกรุ่นเมื่อเจ้าสาวของเขาขยับเข้ามาใกล้ทำทีขยุกขยิกเบียดเสียดแล้วถอยหลังออกห่างไปจนแผ่นหลังชิดกำแพง นางทำตัวคล้ายกับหลอกล่อเขาไปมา นางทำท่าทางคล้ายเข้าหาแล้วออกห่างคล้ายรังเกียจ นางทำคล้ายกับว่าเขาเป็นตัวตลกก็ไม่ปาน อย่างนี้ต้องสั่งสอน!
เมื่อคิดได้แล้วก็พลิกกายขึ้นคร่อมนางเสียเลย
หลิงเวยถึงกับสะดุ้งตกใจด้วยคาดไม่ถึงเมื่อเจ้าบ่าวของตนพลิกกายขึ้นมาทาบทับนางและคร่อมนางเอาไว้อย่างนี้ ทั้งยังก้มหน้าลงมามองนางเสียต่ำ จนลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดใบหน้าของนาง ดวงตาคมเข้ม จมูกคมสัน ขยับอยู่ใกล้ๆ กัน พาเอาใจสั่นไหวลมหายใจคล้ายติดขัด
หญิงสาวถึงกับต้องเอื้อมฝ่ามือขึ้นจับตรึงสันกรามของคนเหนือร่างเอาไว้ด้วยเกรงว่าใบหน้าหล่อคมของเขามันจะร่วงลงมาใส่ใบหน้าของนาง
เมื่อถูกฝ่ามือนุ่มนิ่มจับตรึงที่สันกรามพาเอาชายตัวโตเหนือร่างสตรีคล้ายกับถูกไฟจี้กระนั้น เช่นนั้นแล้วเขาจะรีบสะสางให้ทันเวลายกน้ำชาก็แล้วกัน
ฟงชินหยางคิดอย่างนั้นพลางก้มหน้าลงต่ำอีกนิดเข้าประชิดนางอีกหน่อย หมายจัดการกับเจ้าสาวของตนอย่างที่ควรเป็น เสือไม่ควรปล่อยให้เนื้อลอยนวล
หลิงเวยถึงกับตาโตเมื่อใบหน้าคมคายกำลังร่วงลงมาใส่ใบหน้าของนางจริงๆ นางถึงกับต้องออกแรงตรึงมือตรงสันกรามของเขาเอาไว้อย่างสุดกำลัง
ฟงชินหยางรับรู้ได้ถึงฝ่ามือน้อยๆ ที่เป็นปราการอยู่ตรงสันกรามของเขาอย่างนั้น เขาจึงเอื้อมมือหนาใหญ่ของเขาจับรวบข้อมือทั้งสองข้างของสตรีใต้ร่างออกแล้วขึงเอาไว้เหนือศีรษะนาง
ดูทีเถิดว่าใครจะชนะ ฮึ!
ชายหนุ่มก้มหน้าลงหมายกระทำการจัดการเจ้าสาวของตนอย่างต่อเนื่อง เขาโน้มริมฝีปากของเขาเข้าหาริมฝีปากของนางหมายจะกดจูบนางให้สาแก่ใจตามสิทธิ์ทั้งหมดที่มี
หลิงเวยรีบเบี่ยงใบหน้าหนีทันทีเมื่อริมฝีปากแดงๆ ของชายผู้เป็นสามีเคลื่อนที่ลงมาแบบนั้น นางไม่อาจทำใจ ถึงแม้ว่าจะเคยมีสัมพันธ์กันแล้ว ถึงแม้ว่าจะแต่งงานกันแล้ว
แต่ทว่า...นางกลัวเหลือเกิน
ครานั้นนางเจ็บอยู่เป็นนาน เขาร่วมรักกับนางที่โรงเตี๊ยมในวันนั้นทำนางเจ็บร้าวจนก้าวเดินลำบาก
เขาตัวใหญ่มาก...
“ไม่นะ ท่าน! ข้ายังไม่พร้อม” เสียงแว่วหวานร้องออกมา
“จะไม่พร้อมได้อย่างไร อย่ามาเสแสร้ง” ฟงชินหยางไม่มีการฟังทั้งยังกล่าววาจาร้ายกาจ เขาก้มหน้าลงกดจูบนางที่แก้มนวลสีแดงเปล่งปลั่งอย่างนึกเข่นเขี้ยว นางเบี่ยงริมฝีปากหลบเขาแต่เป็นการเอียงใบหน้านวลเนียนล่อตาล่อใจ นางทำเขานอนทรมานทั้งคืนเชียว เขาจะไม่ปล่อยนาง
“ข้ามิได้เสแสร้ง ข้าไม่พร้อมจริงๆ ปล่อยข้านะ” หลิงเวย นึกกลัวยิ่งนัก เขาทำนางเจ็บช่วงกลางลำตัวอย่าบอกใคร
หญิงสาวพยายามดิ้นรนภายใต้ร่างใหญ่หนาของคนตัวโตอย่างยากลำบาก นางดิ้นขลุกขลักอยู่อย่างนั้น ใบหน้าก็เบี่ยงไปเบี่ยงมาหลบจมูกหลบริมฝีปากร้อนผ่าวพัลวัน เรียวขาก็พยายามดีดตีหมายให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
ชายหนุ่มเหนือร่างบ้าพลังอย่างฟงชินหยางยิ่งนึกชอบใจกับอาการพยศของภรรยา นี่นับได้ว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่
ตื่นขึ้นมามีศึกแบบนี้บนเตียงนอน ทำเขายิ่งคึก
ภายในเรือนกลางของจวนที่มีสองผู้เฒ่ากำลังนั่งฟังคำรายงานเหตุการณ์ความวุ่นวายรุนแรงเมื่อครู่ที่ผ่านมา“ข้าน้อยแอบตามคุณหนูไปตลาดก่อนหน้านี้เจ้าค่ะ”เสี่ยวชุ่ยเริ่มเล่าต้นสายปลายเหตุให้ซินหรูกับฟงซือหลางฟังตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อยามสายของวันนี้“ยามนั้นข้าน้อยกำลังดูแลคุณชายน้อยทั้งสองอยู่ในเรือน ครั้นเห็นคุณหนูลี่เหมยเข้ามาแล้วบังเอิญได้ฟังคุณชายใหญ่กับคุณชายรองคุยกันเรื่องสตรีที่คุณชายรองชมชอบ คุณหนูลี่เหมยจึงทำตาเปล่งประกายคลี่ยิ้มพริ้มเพราก่อนจะแอบออกจากจวนไป คุณชายน้อยทั้งสองจึงสั่งให้ข้าน้อยแอบตามไปอย่างนึกสนุก”เสี่ยวชุ่ยผู้เป็นสายลับเล่ารายละเอียดยาวเหยียดชัดเจนนอกจากฟงซือหลางและซินหรูสองผู้เฒ่าที่นั่งฟังแล้วยังมีฟงชินหยางและหลิงเวยร่วมนั่งรับฟังอยู่ด้วย พวกเขาจึงหันหน้ามองตากันไปมานึกแปลกใจ เสี่ยวชุ่ยยังคงยิ้มจนตาหรี่หยีเล่าต่อเนื่อง “คุณหนูลี่เหมยหนีไปเที่ยวที่ตลาดกลางเมืองแล้วหลงทางอยู่เป็นนานจนกระทั่งเจอร้านผ้าแห่งหนึ่ง ข้าน้อยเห็นคุณหนูวัดตัวครู่หนึ่งก่อนเอ่ยสั่งการกับหลงจู๊ นางเลือกชุดแบบที่ฮูหยินน้อยชอบใส่ทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ”“หืม...” เจ้านายทั้งสี่บนเก้าอี้ในห้องรับรองเล
"จะหนีไปไหน?"เส้นเสียงหวานห้วนของหญิงสาวผู้ต้องการเป็นเพียงน้องสาวของชายที่นางพึงใจตะโกนถามทันใดเมื่อถูกเขาหลบหนีไม่รับการคารวะกัน"ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!" ชายผู้ถูกอาวุธร้ายแรงด้วยการคุกเข่าเตรียมโขกศีรษะอย่างนั้นรีบคำรามพลางพากายงามหลบเลี่ยงเต็มที่"อย่าหนีนะ!""หยุดเดี๋ยวนี้!""พี่รอง""หยุด!"ทั้งสองยังคงไม่ยอมต่างตะโกนคำรามเสียงขรมวุ่นวายดังลั่นห้องโถงของเรือนชานเวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อ…หลี่ลี่เหมยเริ่มหอบเหนื่อย นางเดินตาม เขากลับหนี นางคุกเข่าพร้อมคารวะ เขากลับสลัดกายหลบเลี่ยงซ้ายขวา นางเป็นเพียงสตรีในห้องหอ มิได้มีวรยุทธ์มีกำลังวังชา เวลาไล่ล่าเพียงเท่านี้ก็ผลาญพลังนางไปแล้วจนหมดสิ้น"หยุดเดี๋ยวนี้นะ..." หญิงสาวเริ่มหมดแรงเสียงแหบแห้งขึ้นทุกที ฟงจินหมิงเห็นหลี่ลี่เหมยหมดแรงแล้วอย่างนั้นจึงรีบปรี่เข้าประชิดร่างนุ่มที่ชุ่มด้วยเหงื่อไคลก่อนจับนางอุ้มขึ้นในทันใดเขาจักจับนางมัดเอาไว้มิให้ลุกออกมาคุกเข่าคารวะกัน!หลี่ลี่เหมยที่เหนื่อยเหลือเกินในยามนี้ทำได้เพียงตัวพับตัวอ่อนหมดเรี่ยวหมดแรงแม้แต่จะคิดดิ้นหนี นางจึงกลายร่างเป็นนางมนุษย์ไร้กระดูกปล่อยให้เขาลงโทษทัณฑ์แต่โดยดี“ข้าชอบท่า
สตรีดื้อดึงร้ายกาจบ้าอำนาจนางนี้ เขาควรจัดการกับนางอย่างไรดี เขาที่จัดการกับใครๆ ได้ง่ายดายไม่เคยเลยสักครั้งที่จะรู้สึกยุ่งยากใจเท่ากับสตรีนางนี้เลย ให้ตาย!“ข้าเคยบอกแก่เจ้าแล้วว่าข้าจะฆ่าเจ้าเมื่อใดก็ได้หากเจ้าไม่เชื่อฟังข้า” เส้นเสียงทุ้มใหญ่เริ่มคำราม เขาจะไม่มีทางยอมให้นางทำตัวร้ายกาจอย่างนี้ หากนางทำตัวไม่ดีเป็นสตรีไม่ดีแล้วจะบอกกับลูกๆ ว่าอย่างไร “ข้าเคยบอกแก่ท่านเช่นกันว่าท่านช่วยข้าแล้วต้องช่วยข้าตลอดไป ข้าจะอยู่กับท่าน ไม่ไปไหนทั้งนั้น” เสียงหวานแหลมเอ่ยอย่างไม่มียินยอมใดๆนางไม่มีทางยอมให้เขาเป็นบุรุษเหลวไหล ต้องเสื่อมเกียรติเสียศักดิ์ศรี เพราะหลงกลหลงมารยาของสตรีนางใดทั้งนั้น หากเขาพ่ายแพ้ให้มารยาชั้นต่ำ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด“หากเจ้ายังทำตัวเยี่ยงนี้อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ชายหนุ่มก้มหน้าคำรามเสียงเครียด“ทำไม? ข้าทำตัวอย่างไร!” หญิงสาวหน้าเชิดคอตั้งเดินเข้าใส่“เจ้าช่างร้ายกาจ”“เฮอะ! ข้าร้ายกาจแต่ท่านโง่งม”"ลี่เหมย!" ฟงจินหมิงถึงกับเรียกนาง อารมณ์ของเขายามนี้คล้ายไฟกองใหญ่ "เจ้าต่างหากที่โง่งมไม่เคยเข้าใจสิ่งใด"“ท่านนั่นล่ะ!" หลี่ลี่เหมยยิ่งเสียงสูง "แค่สตรีนาง
เมื่อเห็นสายตาคมดุที่คุ้นเคยมองมาพร้อมความหมายตามที่กล่าวหากันแบบนั้น หลี่ลี่เหมยยิ่งเพิ่มโทสะขึ้นฉับพลัน“ได้! ข้าบ้าอำนาจ”นางคำรามกลับอย่างกราดเกรี้ยวพลางก้มหน้าเอื้อมมือหยิบถ้วยชาบนโต๊ะในศาลาแล้วเขวี้ยงออกไปใส่กลุ่มของท่านหญิงจินเยว่ชิงอย่างโหดร้าย ตามด้วยกาน้ำชาอุ่นร้อนทั้งกาถูกเขวี้ยงออกไปเต็มแรง น้ำชาอุ่นร้อนสาดกระเซ็นรินรดทุกคนนางแสดงความบ้าอำนาจเต็มที่ถ้วยชามากกว่าหนึ่งใบถูกเขวี้ยงใส่กลุ่มสาวใช้ที่กำลังโอบอุ้มจินเยว่ชิงอย่างทุลักทุเล เสียงกรีดร้องดังระงมวุ่นวายความเสียหายพลันบังเกิดจินเยว่ชิงยิ่งหมดสภาพแห่งสตรีสูงศักดิ์จนดูอเนจอนาถมากมายนักในยามนี้หลี่ลี่เหมยมักเป็นเช่นนี้ หากเป็นกาลก่อนนางจะสั่งทหารจับสตรีเยี่ยงนั้นไปแก้ผ้าแล้วโบยจนต้องร้องขอชีวิต นางมักจะแสดงฉากนี้ตามอำนาจที่มีที่ได้รับ ไม่ให้ใครหน้าไหนกล้าเหิมเกริมกับนางทั้งนั้น หลี่ลี่เหมยยังคงกราดเกรี้ยวโหดร้ายไม่มีผ่อนปรน "ลากมันออกไป! อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง"ครานี้จึงเป็นฟงจินหมิงบ้างที่ตะลึงงัน “เจ้า!” เขาคำรามใส่สตรีตรงหน้าได้แค่นั้น“ทำไม!?” นางเสียงสูงหน้าดำหน้าแดงบรรยากาศที่เคยเย็นสบายภายใ
มีเพียงพวกนางสองสตรีเท่านั้นที่เข้าใจความนัยแห่งสายตา หลี่ลี่เหมยเชิดหน้ากอดอกมองเหยียดหยัน “ท่านหญิงมาทางใดจงกลับไปทางนั้นเสีย” น้ำเสียงแข็งกร้าวไร้ปรานีมากอำนาจเปล่งออกมา “ออกไป!” ช่างเย็นชาแต่ดุเดือดและทรงพลัง ท่านหญิงสูงศักดิ์ถึงกับตาโตตัวเกร็งแข็งค้าง นางกำลังรู้สึกคล้ายกับอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของสตรีบัลลังก์หงส์สตรีตรงหน้านางนี้เป็นใครกันแน่ ไยน่ากลัวยิ่ง! จินเยว่ชิงเป็นเพียงสตรีชั้นสูงในห้องหอธิดาอ๋องเฉิน ที่ถูกประคบประหงมจนบอบบางเป็นที่สุด นางจึงตกใจจนใบหน้างามซีดเผือดไร้สีเลือดในบัดดลหญิงสาวมองฟงจินหมิงด้วยสายตาน่าสงสารเป็นที่สุด แลดูอ่อนแอและบอบบางเป็นอย่างมาก นางกำลังถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมเหลือเกินจินเยว่ชิงส่งสายตาขอความเห็นใจก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงพาร่างอ้อนแอ้นเริ่มโอนเอนคล้ายกิ่งหลิวลู่ลมนางใกล้เป็นลมเต็มที ฟงจินหมิงเป็นบุรุษหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ในยามนี้ เขาจึงเอื้อมแขนเข้ารอรับร่างบางของท่านหญิงโดยสัญชาตญาณหลี่ลี่เหมยเห็นดังนั้นจึงสะบัดมือปัดวงแขนกำยำของฟงจินหมิงออกทันใดพลั่ก!ร่างบางสูงค่าของจินเยว่ชิงล้มลงกระแทกพื้นศาลาทันทีสตรีงดงามในอาภรณ์หรูหรานอนแผ
และนั่นยิ่งทำให้หลี่ลี่เหมยพลันเกิดเปลวเพลิงในหัวใจดวงตาเรียวสวยพลันทอประกายร้ายกาจ รังสีอำนาจดำทะมึนบางอย่างแผ่กำจายไปทั่วร่าง นางกำลังรู้สึกได้บางอย่างเป็นความรู้สึกในแบบที่ไม่เคยเป็นกับฉีหย่งเหอที่มีสนมอยู่เต็มวังหลังนางก็ยังไม่เคยเป็นนางไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครความเยียบเย็นมีสติที่เคยใช้จัดการกับบรรดาสตรีของฉีหย่งเหอพลันหายไป ยามนี้ในใจมีแต่คำว่าไฟสุมทรวงหลี่ลี่เหมยยิ่งหรี่ตามองอย่างเย็นชาฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ นางสังเกตได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านหญิงผู้นี้ทำกิริยาเผยความนัยว่าชมชอบฟงชินหยางเป็นอย่างมาก หากแต่พอเจอเข้ากับฟงจินหมิงก็รีบเบนหัวเรือในทันที แต่ประเด็นมิใช่แค่นี้ดูท่าทางของท่านหญิงจินเยว่ชิงในยามนี้เแล้ว เรื่องที่ร้านผ้าคงมิใช่แค่เรื่องบังเอิญเสียแล้วกระมัง ประสบการณ์ของอดีตท่านหญิงแห่งเป่ยฉีเยี่ยงหลี่ลี่เหมยย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงมารยามากเล่ห์แห่งสตรีเพศนางกำลังจะปรับปรุงตัวเองให้ดี เป็นสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานเฉกเช่นหลิงเวย ถึงจะไม่เหมือนกันแต่มันมิใช่เรื่องยากหากนางจะลดความรุนแรงลงไปจนหมดสิ้น ในเมื่อบ้านฟงมิได้เป็นเช่นในวังหลวง นางก็ไม่ต้องทำตัวร้ายก