ฟงชินหยางใช้เวลาอาบน้ำนานเหลือเกินในวันนี้ในแบบที่ไม่เคยเป็น
เขาทำได้แค่หลับตาลงพร้อมเอียงใบหูอย่างต้องการฟังเสียงของคนนอกห้องอาบน้ำ เมื่อเขาได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมออย่างนั้นเขาจึงได้เวลาขึ้นจากถังอาบน้ำ
เขาอาบน้ำอยู่เป็นนานจนกล้ามเนื้อเย็นเยียบไปหมดหากนานกว่านี้เกรงว่าคงแข็งตายได้เลยกระมัง
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกทีอย่างรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย ทำไมเขาต้องมาตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้กัน ห้องของเขาเดิมทีมันใหญ่มากแต่กลับคับแคบถนัดตาเมื่อมีสตรีตัวเล็กๆ นางนี้เข้ามา เขารู้สึกอึดอัดยิ่งนัก
แต่หากเขากับนางแยกเรือนกันนอนแล้วจะอธิบายกับทุกคนในจวนว่าอย่างไร เรื่องของเขากับนางที่ผิดพลาดมหันต์และสาเหตุเชิงลึกอันน่าอับอายเยี่ยงนี้ เขาจะให้ใครล่วงรู้มิได้
ไม่ได้เด็ดขาด!
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยอารมณ์ที่พยายามทำให้สงบลงแต่เหมือนว่ามันช่างยากเย็น ชายชาติทหารผู้องอาจอย่างเขาไยต้องมาแพ้ทางให้กับสตรีตัวเล็กๆ เยี่ยงนี้กัน หากเขาไม่เพลี่ยงพล้ำรังแกนาง เรื่องก็คงไม่เป็นอย่างนี้
หากเป็นบุรุษด้วยกันเขารับรองได้ว่าไม่มีทางได้กล้ำกลายเขาอย่างแน่นอน
ฮึ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเคือง
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่เดินกลับมาที่เตียงนอนหลังจากอาบน้ำจนเนื้อตัวแข็งกระด้าง เขายืนมองร่างงามบนเตียงนอนของเขาด้วยสายตาขุ่นเคืองไม่สร่างซา นางกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา นางนอนจนชิดผนังห้องขนาดนั้นรังเกียจเขาหรือไร ไยไม่นอนดีๆ
ชายหนุ่มยืนมองคนตัวเล็กอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เฉกเช่นดังเดิม เขาค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงในแบบที่ไม่เคยต้องทำมาก่อน เดิมทีกับเตียงนอนของเขาเตียงนี้เขาจะล้มตัวลงนอนอย่างไรก็ได้ นอนท่าไหนก็ได้ เขานอนของเขามาจนอายุป่านนี้ แต่ดูคืนนี้ประไร ไยน่าอึดอัดยิ่งนัก เขาต้องนอนตัวตรงตลอดทั้งคืนเลยหรือไม่ เมื่อยขบกันพอดี
ชายหนุ่มคิดไปพลางจัดท่านอนของตนไปด้วยท่าทางไม่เคยชินสักเท่าไหร่
เขานอนไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกถึงลมหายใจของคนข้างกายที่พ่นออกมาใกล้ใบหูของเขา กลิ่นหอมจากเนื้อนวลนางก็รบกวนจมูกของเขาสิ้นดี
ชายหนุ่มนอนฟังเสียงลมหายใจพร้อมดมกลิ่นกายนางอีกครู่หนึ่งจึงเริ่มตระหนัก
เขากับนางเคยร่วมรักกันแล้วใช่หรือไม่ และคืนนี้เป็นคืนเข้าหอของเขากับนางใช่หรือไม่
เช่นนั้นแล้ว ไยเขาต้องนอนเฉยๆ อย่างนี้?
แล้วที่ต้องรับผิดชอบลงทุนแต่งงานกันคืออันใด?
นี่เขาพลาดอีกแล้วใช่หรือไม่?
ไยรู้สึกขาดทุน?
เมื่อคิดได้แล้วก็เริ่มเอียงใบหน้าคมคายของตนมองคนข้างๆ กายแล้วส่งเสียงทุ้มต่ำออกมาอย่างทรงอำนาจ
“นี่...”
เงียบ
“เจ้า...” เขาเรียกอีกที
ยังเงียบอยู่
“...”
เจ้าสาวของเขาหลับลึกไปแล้ว
ฟงชินหยางเริ่มมีอารมณ์เดือดปุดๆ ผิดกับอากาศหนาวเหน็บตามฤดูกาล
เขาเสียทีให้นางถึงเพียงนี้ เขาแต่งงานกับนางแล้ว
มีเนื้ออยู่ตรงหน้าเสืออย่างนี้ เสือไม่กินก็อย่าเรียกมันว่าเสือเลย
เมื่อคิดได้แล้วก็เปิดผ้าห่มผืนหนาที่กำลังห่มคนตัวเล็กออกแล้วสอดกายแกร่งร่างใหญ่เข้าไปด้านในให้อยู่ภายใต้ผ้าผืนเดียวกันก่อนจะเริ่มสะกิดเจ้าสาวของตนอย่างจริงจังมากกว่าเดิม
แต่ไม่ว่าเจ้าบ่าวจะสะกิดเจ้าสาวของเขาอย่างไร เจ้าสาวก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นลืมตาขึ้นมาเพื่อทำกิจกรรมอันสมควร
ฟงชินหยางทั้งกระซิบใส่หูด้วยน้ำเสียงดุดัน ทั้งจับไหล่ ทั้งเขย่าแขน ทั้งบีบแก้มนวล นางข้างกายก็ยังไม่ยอมตื่นลืมตาขึ้นมา
นางยังคงนอนหลับตาพริ้มพ่นลมหายใจเบาๆ เป่าใส่ใบหูและใบหน้าของเขาจนเขามีอารมณ์บางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ฮึ่ม!
มันใช่หรือไม่?
เวลาใกล้รุ่งสางก่อนที่แสงตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา หลิงเวยค่อยๆ ปรือตาขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงเคาะไม้ถึงห้าครั้งบ่งบอกเวลาได้เป็นอย่างดีหญิงสาวรีบเรียกสติของตนไม่ให้เสียเวลางัวเงีย นางตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆ แต่ทว่าพลันต้องชะงักเมื่อปะทะกับสายตามืดดำของใครบางคนใครคนนั้นนอนมองนางอยู่ด้วยสายตาดุดันใบหน้ามืดครึ้มใบหูแดงก่ำ เขาเปลือยแผงอกบึกบึนใหญ่โตช่วงบนลำตัวเขาไม่หนาวหรือไร ไยไม่ห่มผ้า?หลิงเวยมองคนตัวโตข้างกายอย่างกล้าๆ กลัวๆ เฉกเช่นดังเดิมพลางเอื้อมมือน้อยๆ ลงมาจับดึงผ้าห่มบนตัวของตนแล้วตวัดห่มให้เขาอย่างใจดี เพราะว่านางแย่งเตียงนอนของเขาและผ้าห่มของเขามาห่มอยู่คนเดียวฟงชินหยางตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นแสดงออกฉายชัดให้เห็นทางสีหน้า นางเป็นของเขาแล้วถึงแม้ว่าจะผิดวิธีก็ตาม และนางกับเขาก็แต่งงานกันแล้วอย่างถูกต้อง อีกทั้งเมื่อคืนยังเป็นคืนเข้าหอทำไมเขาถึงรู้สึกว่ากับเป็นบุรุษที่อับโชคเช่นนี้ไยอาภัพยิ่งนัก!เขาต้องนอนปวดเกร็งทั้งคืนด้วยเพราะว่ามีตัวนุ่มนิ่มมานอนข้างๆ ทั้งยังพ่นลมหายใจเป่าหูเขาตลอดคืนกระทั่งเช้าแล้วดูนางทำ นางยังจะเอื้อมมือมาห่มผ้าให้เขาจนหน้าอกนุ่มๆ ของนางเบียดเ
“ไม่เอา ปล่อยนะ” หลิงเวยที่ถูกจับตรึงข้อมือเอาไว้เหนือศีรษะทั้งยังถูกกดทับทั้งร่างทั้งตัวไม่เว้นแม้กระทั่งเรียวขาทำได้เพียงร้องห้ามและเบี่ยงใบหน้าซ้ายขวาไปมา นางกำลังรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดแล้วในยามนี้ จมูกและริมฝีปากของเขาร้อนดั่งไฟ ฝ่ามือก็ร้อน ลำตัวก็ร้อน ทำนางร้อนตามไปหมดแล้ว“เจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ” บุรุษผู้มีนิสัยดิบเถื่อนอย่างฟงชินหยางมีหรือจะยอมเขาไม่จำเป็นต้องถนอมบุปผาเคลือบพิษ นั่นคือเหตุผลของการเอาแต่ใจกับภรรยาของตนเขายังคงก้มหน้าก้มตาลงกดจูบนางใต้ร่างไปตามข้างแก้ม ไปตามลำคอและติ่งหู ยิ่งนางเบี่ยงใบหน้าหลบเขาไปมาทำให้เขายิ่งฮึกเหิมตามสัญชาตญาณ“ข้าเป็นเมียท่านแล้วก็จริง แต่ยามนี้เช้าแล้ว”หลิงเวยพยายามหาเหตุผลห้ามปรามสามีผู้เอาแต่ใจด้วยใบหน้าแดงก่ำ ลำคอและใบหูก็เช่นเดียวกัน มันกำลังเห่อแดงร้อนแรงยิ่งกว่าผลอิงเถาและร้อนผ่าวไปหมดทั้งเรือนร่างที่ยามนี้ถูกชายเหนือร่างขึงตรึงตลอดทั้งลำตัวโดยเฉพาะท่อนขาเรียวเล็กของนางก็ถูกท่อนขาหนาหนักของเขากดทับจนจมที่นอน“เมื่อคืนมีโอกาสแล้วไยท่านไม่กระทำเสียเมื่อคืนเล่า” นางพยายามอ้างอย่างนั้น ในยามนี้ฟ้าสว่างจนเห็นใบหน้าเรือนร
“พี่ใหญ่!”เสียงหวานใสของดรุณีน้อยนางหนึ่งตะโกนอยู่หน้าห้องของเจ้าบ่าวเจ้าสาว“ท่านพ่อกับท่านแม่รอนานแล้วนะเจ้าคะ” สิ้นเสียงเอ่ยคำก็หัวเราะชอบใจที่ได้กลั่นแกล้งพี่ชายของตนฟงลี่หลินน้องสาวคนเล็กของบ้านมักมีนิสัยทโมนผิดสตรีด้วยกันเพราะว่าเติบโตมากับพี่ชายสองคนจึงชอบทำตัวบ้าบิ่นเกินพอดีจนฟงจินหมิงพี่ชายคนรองต้องเข้ามาห้ามปรามเสียงดัง“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้องเล็ก!”“อะไรกันเล่าพี่รอง”“เจ้าไม่ควรรบกวนเวลาของพี่ใหญ่กับอาซ้อนะ”“หึ! เมื่อคืนเขาก็จัดการกันทั้งคืนแล้วกระมัง ไม่เป็นไรหรอก” ฟงลี่หลินเถียงฟงจินหมิงด้วยคำพูดเกินงามพลางเคาะประตูอีกคราแต่ทว่าฝ่ามือเรียวเล็กยังไม่ทันแตะต้องบานประตู เสียงผลัวะเปิดออกของประตูพลันดัง ตามด้วยบุรุษร่างสูงใหญ่เปลือยลำตัวช่วงบนเผยแผงอกบึกบึนกล้ามเนื้อหนั่นแน่นงดงามผสมผสานริ้วรอยแผลเป็นจากศึกสงครามของฟงชินหยางปรากฏกายพร้อมสายตาคมเข้มมืดดำอย่างต้องการฆ่าฟันน้องทั้งสองให้ตายตกฟงลี่หลินกับฟงจินหมิงถึงกับชะงักเล็กน้อยเสมองลำตัวใหญ่โตงามๆ ช่วงบนของพี่ชายด้วยสายตาทอประกายล้อเลียนก่อนจะรีบพากันหมุนตัววิ่งหนีพร้อมส่งเสียงหัวเราะชอบใจไปตามทางฟงชินหยางหรี่ตามองน้องชา
ฟงชินหยางยืนมองภรรยาหมาดๆ ของตนด้วยอาการคันยุบยิบตามเนื้อตัวอีกแล้วเขามองเห็นนางแต่งตัวทำผมอยู่ตรงมุมตู้เสื้อผ้าอย่างยากลำบากทำเขาถึงกับอดใจเอาไว้ไม่ไหวจำต้องเดินเข้าไปหานางอย่างหงุดหงิด“มานี่!” ฟงชินหยางคำรามเสียงดังหลิงเวยตกใจจนเนื้อกระตุกอีกคราก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่ที่มายืนอยู่ตรงด้านหลังของนาง“ท่านจะทำสิ่งใด” หญิงสาวถามขึ้นอย่างหวาดหวั่นตัวเกร็งแข็งทื่อไม่กล้าขยับเมื่อชายหนุ่มด้านหลังจับผมของนางขยุ้มขึ้นไปแล้วดึงเส้นผมของนางไปมาจนนางเจ็บตึงตรงหนังศีรษะไปหมดแต่ไม่กล้าร้องออกมาฟงชินหยางเคยทำผมให้น้องสาวคนเล็กมาบ้างแล้วเมื่อครั้งที่นางออดอ้อนเขาให้ทำพร้อมปักปิ่นในยามนั้นฟงลี่หลินเอาแต่ร้องไห้กล่าวหาว่าเขากลั่นแกล้งนางแล้วก็วิ่งไปฟ้องท่านแม่ให้แก้ทรงผมให้เขาแน่ใจว่าเขาทำมันได้ดีแต่ที่ไม่เข้าใจไยต้องร้องไห้แล้วใส่ร้ายเขาจนถูกท่านแม่ตี!“เสร็จแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยคำเสียงเข้มพลางปล่อยมือหนาหนักจากทรงผมของภรรยาแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไปหลิงเวยได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของคนตัวโตพร้อมเอื้อมมือขึ้นจับทรงผมของตนที่บัดนี้ถูกรวบเอาไว้เป็นอย่างดีพร้อมปักปิ่นให้อีกด้วยอืม...แต่ทำไมนา
จวนอันใหญ่โตของตระกูลฟงมีเรือนมากมายทั้งยังมีอาณาบริเวณกว้างขวางระหว่างทางเดินของแต่ละเรือนประกอบไปด้วยสวนสวยรายรอบมีหินอ่อนทอดยาวคดเคี้ยวระหว่างเรือนและสวนที่มีสระบัวออกดอกชูช่องดงามตระการตาพาเอาจิตใจเบิกบาน...ฟงชินหยางเดินนำหน้าหลิงเวยมาตามทางเดินของเรือนต่างๆ ภายในจวนจนกระทั่งถึงเรือนใหญ่กลางจวนจึงหยุดเท้าก้าวเดินเพื่อรอคนตัวเล็กที่เดินนวยนาดนุ่มนวลเหลือเกินในยามปกติเขาเจอแต่พวกเดินฉับๆ ก้าวเท้าหนักๆ ของเหล่าลูกน้องในอาณัติไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี แต่กับภรรยาของเขานางนี้ทำให้เขาไม่ชินเอาเสียเลย ชายหนุ่มจึงต้องเดินให้ช้าลงแล้วหยุดเดินเพื่อยืนรอนางอยู่หลายก้าว เขาทำอย่างนั้นอยู่หลายคราจากเรือนหอของตนจนกระทั่งถึงหน้าเรือนกลางก่อนจะหันมามองนางด้วยสีหน้ามืดครึ้มสายตามืดดำไม่เปลี่ยนแปลงเขากำลังปรับอารมณ์ของตนเองเพื่อมิให้บิดามารดาจับผิดเขาได้ในเรื่องการแต่งงานที่ผิดพลาดนี้ เขายอมรับว่าไม่เคยต้องเสแสร้างแกล้งทำเรื่องใดมาก่อนนี่จึงนับว่าเป็นเรื่องแรกทั้งยังยากเย็นหนักหนาความผิดพลาดไหนเลยจักน่าอับอายเยี่ยงนี้!หลิงเวยที่กำลังเพลินเหลือเกินกับสภาพแวดล้อมของจวนแห่งนี้จำต้องหันหน้ามาม
ฟงชินหยางที่บัดนี้ได้พาภรรยามายืนอยู่ตรงหน้าทุกคนในครอบครัวแล้วจึงยืนนิ่งๆ สู้สายตาทุกผู้คนด้วยมาดเรียบเฉยสายตาคมกริบซ่อนแววหวาดหวั่นผิดกับหลิงเวยที่เริ่มสั่นสะพรึงขึ้นมาหญิงสาวหันหน้ามากระซิบกระซาบกับคนตัวโตข้างกายด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเบาหวิว “ข้ายังไม่รู้นามของทุกคนเลย”“ซือหลาง ซินหรู จินหมิง ลี่หลิน ตามลำดับอาวุโส”“...”ฟงชินหยางกระซิบตอบรัวเร็วประหนึ่งว่าเอ่ยสั่งการทหารด้วยรหัสลับในสนามรบยามข้าศึกเข้าประชิดกระนั้นหลิงเวยได้ฟังคำจึงรีบคิดตามประหนึ่งว่าเป็นลูกน้องทหารของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ นางจึงพยักหน้าน้อยๆ เข้าใจ“ข้าชื่อหลิงเวย” หญิงสาวคิดได้ว่ายังไม่รู้จักนามของสามีเพราะในพิธีแต่งงานเมื่อวานนางหูอื้อตาลายไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งนั้น นางจึงกระซิบแนะนำชื่อของตนอย่างรู้งาน“ข้าชินหยาง” ชายหนุ่มรู้งานยิ่งกว่ากระซิบกระซาบแนะนำตัวกลับไป“จะยืนกระซิบพร่ำคำรักกันอีกนานหรือไม่” เสียงหวานใสของฟงลี่หลินพลันดังมาจากกลางห้องโถงไกลออกไป “อะไรจะหวานกันปานนั้นเจ้าคะ” จบคำก็หัวเราะคิกคักชอบใจทำเอาบิดามารดาถึงกับต้องกระแอมไออยู่ในลำคอฟงชินหยางจึงเริ่มปฏิบัติการหลอกข้าศึกให้ตายใจโดยการเอื้อมฝ่าม
หลิงเวยเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากฟงชินหยางเพียงแต่นางกำลังรู้สึกผิดอย่างมหันต์และเริ่มตระหนักขึ้นมาหากว่าวันหนึ่งข้างหน้าบุรุษข้างกายของนางในยามนี้เกิดรักปักใจกับใครจนไม่อาจถอนใจแล้วเขาจักต้องทำอย่างไรนี่มิใช่ว่านางเป็นต้นเหตุให้บุรุษเช่นเขาหมดหนทางแห่งตนในภายภาคหน้าเลยหรือและบางทีเขาอาจจะมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นมิใช่ว่านางมาเป็นมารหัวใจของเขาหรอกหรือไรหญิงสาวยิ่งคิดยิ่งหม่นแสงในชีวิตดวงตาเริ่มรื้นน้ำใสจนต้องรีบยกชายผ้าขึ้นมาปาดออกไปในทันที“เจ้าเป็นอะไรไปเวยเอ๋อร์ ปลื้มมากหรือไร” ฟงชินหยางถามหลิงเวยในฉับพลันด้วยรอยยิ้มตรงมุมปากพร้อมสายตาคาดคั้นซ่อนแววประชดประชันในที หลิงเวยรีบปรับอารมณ์ของตนแล้วตอบคำเสียงเบา “เจ้าค่ะ ข้ากำลังรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก ต้องขออภัยท่านทั้งสอง” นางตอบคำแก้ต่างพลางยกยิ้มงดงามส่งให้บิดาและมารดาของสามี“เรียกท่านพ่อท่านแม่” ฟงชินหยางก้มหน้าเข้าหาพลางเอ่ยกระซิบดุดันเสียงเบาใส่หูของหลิงเวยหญิงสาวรีบปรับคำพูดในทันทีก่อนจะถูกใครบางคนกินหูของนางเข้าไปทั้งใบ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าหลิงเวยของฝากตัวเจ้าค่ะ ข้าขอสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ ว่านอนสอนง่าย เป็นส
เมื่อกินอาหารอันโอชาเลิศรสจนหมดถ้วยหมดจาน ฟงชินหยางกับหลิงเวยจึงถูกฟงลี่หลินและฟงจินหมิงทั้งจับจูงทั้งดันแผ่นหลังพามานั่งเล่นที่ศาลาริมสระบัวของจวน เสียงหัวเราะขบขัน เสียงถกเถียงกันไปมาจึงดังลั่นจากในศาลาเป็นระยะๆที่จวนใหญ่โตแห่งนี้เป็นจวนประจำตระกูลฟงมิใช่จวนแม่ทัพและมิได้ตั้งอยู่ใกล้กับค่ายทหารแต่กระนั้นค่ายทหารก็ตั้งห่างออกไปจากตัวเมืองเพียงเจ็ดลี้เท่านั้นทำให้ไม่ลำบากอันใดในการเดินทางไปควบคุมยังค่ายทหาร ทั้งนี้เนื่องจากอดีตแม่ทัพใหญ่ฟงซือหลางและอดีตองค์หญิงเฉินซินหรูพระขนิษฐาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต้องการอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกมิใคร่ให้แยกบ้านแยกจวน สามคนพี่น้องจึงสนิทสนมกันยิ่งนัก หลิงเวยนั่งสังเกตพวกเขาทั้งสามคนอย่างละเอียด ฟงชินหยางเป็นพี่ใหญ่ที่มีท่าทางขึงขังเคร่งขรึมเฉกเช่นบิดาไม่มีผิดเพี้ยน เขาเป็นบุรุษที่ตัวโตสูงใหญ่เกินบุรุษทั่วไปสมกับที่เป็นชายชาติทหาร เป็นบุรุษผู้องอาจ ใบหน้าของเขาถึงแม้ว่าจะหล่อเหลาคมเข้มแต่ทว่าแววตากลับฉายแววเหี้ยมเกรียมดุร้ายตลอดเวลา เขามักจะทำท่าทางดุดันน่ากลัวอยู่เป็นนิตย์ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นเพราะสายงานของเขา ด้วยเพราะว่า
ริมศาลาขนาดเก้าเสากลางบึงสระบัวขนาดใหญ่ภายในจวนแห่งชินอ๋องผู้ครองหัวเมืองหลักของแคว้นเฉินชินอ๋องยังคงอารมณ์ดีมองฟงชินหยางอย่างนึกชมชอบในตัวบุรุษตรงหน้าไม่สร่างซา หากได้เขาคนนี้มาเป็นบุตรเขยเขาคงนอนตายตาหลับเป็นแน่แท้เสียงเพลงพิณยังคงแว่วดังพาทำนองน่าฟังขับกล่อมทุกผู้คนให้ถูกครอบงำด้วยสำเนียงเสียงแว่วหวานกังวานใสเคล้าคลอไปกับอากาศในยามสายของวันสบายๆ ผสมผสานสายลมเอื่อยเฉื่อยที่โลมไล้รอบเรือนกายของบุคคลทั้งหมดที่กำลังยืนอยู่ทางด้านนอกของศาลาอันใหญ่โตโอ่อ่า จู่ๆ เสียงทุ้มห้าวของบุรุษร่างใหญ่กำยำพลันดังทำลายบรรยากาศอันดีงามเสียสิ้น“กระหม่อมมีภรรยาอยู่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”“...”เสียงนั้นเป็นเสียงของฟงชินหยาง เขาเลือกที่จะเอ่ยกับชินอ๋องตามตรงว่าเขามีภรรยาแล้ว เมื่อในวันนี้ชินอ๋องเองก็เลือกที่จะเอ่ยกับเขาตามตรงเช่นเดียวกัน เขาสังเกตได้ตลอดมาว่าธิดาของชินอ๋องชมชอบเขา หากแต่เขาไม่อาจปฏิเสธออกมาตามตรงได้แต่อย่างใด เนื่องจากจินเยว่ชิงและพระชายาเพียงทำท่าทางก้ำกึ่งตามแบบฉบับสตรีสูงศักดิ์มิได้เปิดเผยความนัยแบบตรงไปตรงมา เขาจึงทำได้แค่เพียงรอเวลานี้เพื่อที่จะให้ชินอ๋องได้ตัดสินใจเอ่ยกับเขาออกมา เขาจ
ในวันนี้ชินอ๋องเฉินจิ้นเหอส่งคนมาเชิญฟงชินหยางให้ไปร่วมดื่มน้ำชาเสวนาพาทีพร้อมเดินหมากล้อมกันตามปกติวิสัย ฟงชินหยางจึงเดินทางไปยังจวนของชินอ๋องในยามสายของวันโดยพาทหารหญิงคนสนิทข้างกายไปด้วยกันตามติดด้วยทหารหน้าบากนายหนึ่งตามไปด้วยอย่างมึนๆบุรุษร่างหนาใบหน้ามีแผลเป็นลากยาวหนวดเครารุงรังผู้นี้ยังคงทำหน้าที่อันหลากหลายได้ดีในทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นองครักษ์พิทักษ์พี่สะใภ้ เป็นหน่วยข่าวกรองไม่เปิดเผยตัวตนให้พี่ใหญ่ ทั้งยังเป็นหน่วยกล้าตายในสังกัดค่ายทหารได้อย่างแนบเนียน หลิงเวยและฟงจินหมิงเดินขนาบข้างมากับฟงชินหยางจนกระทั่งเข้ามายังภายในจวนก่อนจะถูกเชื้อเชิญจากข้ารับใช้ภายในจวนให้เดินตามไปยังทิศทางที่ข้ารับใช้บอกกล่าวว่าชินอ๋องทรงนั่งประทับรออยู่แล้วเป็นนานภายในศาลากลางสระบัวเพียงไม่นานบุคคลทั้งหมดจึงเดินมาถึงศาลาหลังใหญ่ขนาดเก้าเสาหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางบึงสระบัวขนาดกว้างขวางเมื่อฟงชินหยางเดินมาจนถึงศาลานั้น เสียงเพลงพิณแว่วหวานส่งสำเนียงทำนองเสียงใสพลันดังกังวานอยู่ภายในศาลาฟงชินหยางถึงกับชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน หลิงเวยและฟงจินหมิงเองก็ไม่ต่างกัน ทั้งหมดพากันชะงักงันยืนตรึงอยู่กับท
“อันใดหรือเจ้าคะ” จินฮวาเอ่ยถามทหารหญิงคนสนิทของท่านแม่ทัพฟงในทันทีเมื่อมองเห็นผ้าปักงดงามล้ำค่ามากมายตรงหน้า “สำหรับลูกน้อยของเจ้าที่กำลังจะเกิดมา หวังว่าเจ้าคงไม่รังเกียจ” หลิงเวยบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานจริงใจ“เอ่อ...มันงดงามมากเลยเจ้าค่ะ ไม่ธรรมดาเลย บุตรของข้ามิอาจเอื้อมเจ้าค่ะ” จินฮวาเอ่ยอย่างเกรงใจ ทุกวันนี้ท่านแม่ทัพฟงก็ดูแลพวกเราสองสามีภรรยาเป็นอย่างดีมากแล้ว“ข้ามีเยอะทีเดียว เจ้าอย่าได้เกรงใจ” หลิงเวยยังคงตั้งใจจริงจังในการขอโทษสตรีตั้งครรภ์ตรงหน้าจึงไม่คิดจะยินยอมให้จินฮวาปฏิเสธ “หากเจ้าไม่รับข้าเกรงว่าท่านแม่ทัพคงไม่พอใจ”“อา...เจ้าค่ะ” จินฮวายิ้มจนตาหยีรีบรับผ้าปักทั้งหมดเอาไว้ นางยอมรับว่าชมชอบอยู่ไม่น้อย ฝีมือปักผ้านี้ นางนั่งทำสิบปียังเทียบไม่ได้ “ผ้าปักพวกนี้ใส่ได้ทั้งบุตรสาวและบุตรชาย ไม่ว่าเจ้าจะได้บุตรเป็นชายหรือหญิงย่อมใช้ได้ทั้งหมด” “ขอบคุณแม่นางมากๆ เจ้าค่ะ ขอบคุณจริงๆ”สองสาวเพียงส่งยิ้มให้กันพร้อมเสียงหัวเราะสดใสดังกังวานคุยกันถูกปากถูกคอในเรื่องบุตรที่จะมีในไม่ช้าทำเอาในเวลาต่อมาเป็นฝ่ายบุรุษบ้างที่ต้องกลับกลายเป็นฝ่ายรอให้ฝ่ายสตรีเสวนาพาทีกันจนพอใจ
หลิงเวยสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นนั้นของฟงชินหยาง นางจึงเริ่มขมวดคิ้วพันมุ่นเริ่มขัดเคืองฉับพลัน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใด สตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้“ท่านแม่ทัพฟง” เสียงอ่อนหวานของสตรีตั้งครรภ์ดังขึ้นทำให้หลิงเวยยิ่งเพิ่มระดับความขุ่นเคืองมองค้อนฟงชินหยางขวับๆฟงชินหยางเห็นหลิงเวยส่งสายตาสวยหวานพิฆาตมองมาจึงได้แต่เสียวสันหลังวาบๆ อย่างไม่เข้าใจอันใด ไยรู้สึกหนาว!จินฮวาผู้ไม่เข้าใจอันใดในบรรยากาศแปลกประหลาดจึงพาท้องกลมๆ ของตนเองมานั่งยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารตามวิสัยที่เคยกระทำมาเนื่องด้วยว่าท่านแม่ทัพฟงอนุญาตให้นางเป็นกรณีพิเศษ หลิงเวยเห็นสตรีตั้งครรภ์นางนี้ลงนั่งที่โต๊ะอาหารกับฟงชินหยางอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความโกรธกรุ่นจึงเอ่ย“ท่านแม่ทัพฟง” น้ำเสียงหวานล้ำแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไม่ธรรมดาของหลิงเวยทำเอาฟงชินหยางถึงกับขนลุกชูชันนั่งตัวตรงแข็งทื่อกลายร่างเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หลิงเวยยังคงเอ่ย “ท่านบอกแก่ข้าว่าไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าท่านโกหก!” ฟงชินหยางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบซ่อนคลื่นสั่นไหวในอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร “ย่อมเป็น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่