ฟงชินหยางใช้เวลาอาบน้ำนานเหลือเกินในวันนี้ในแบบที่ไม่เคยเป็น
เขาทำได้แค่หลับตาลงพร้อมเอียงใบหูอย่างต้องการฟังเสียงของคนนอกห้องอาบน้ำ เมื่อเขาได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมออย่างนั้นเขาจึงได้เวลาขึ้นจากถังอาบน้ำ
เขาอาบน้ำอยู่เป็นนานจนกล้ามเนื้อเย็นเยียบไปหมดหากนานกว่านี้เกรงว่าคงแข็งตายได้เลยกระมัง
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกทีอย่างรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย ทำไมเขาต้องมาตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้กัน ห้องของเขาเดิมทีมันใหญ่มากแต่กลับคับแคบถนัดตาเมื่อมีสตรีตัวเล็กๆ นางนี้เข้ามา เขารู้สึกอึดอัดยิ่งนัก
แต่หากเขากับนางแยกเรือนกันนอนแล้วจะอธิบายกับทุกคนในจวนว่าอย่างไร เรื่องของเขากับนางที่ผิดพลาดมหันต์และสาเหตุเชิงลึกอันน่าอับอายเยี่ยงนี้ เขาจะให้ใครล่วงรู้มิได้
ไม่ได้เด็ดขาด!
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยอารมณ์ที่พยายามทำให้สงบลงแต่เหมือนว่ามันช่างยากเย็น ชายชาติทหารผู้องอาจอย่างเขาไยต้องมาแพ้ทางให้กับสตรีตัวเล็กๆ เยี่ยงนี้กัน หากเขาไม่เพลี่ยงพล้ำรังแกนาง เรื่องก็คงไม่เป็นอย่างนี้
หากเป็นบุรุษด้วยกันเขารับรองได้ว่าไม่มีทางได้กล้ำกลายเขาอย่างแน่นอน
ฮึ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเคือง
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่เดินกลับมาที่เตียงนอนหลังจากอาบน้ำจนเนื้อตัวแข็งกระด้าง เขายืนมองร่างงามบนเตียงนอนของเขาด้วยสายตาขุ่นเคืองไม่สร่างซา นางกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา นางนอนจนชิดผนังห้องขนาดนั้นรังเกียจเขาหรือไร ไยไม่นอนดีๆ
ชายหนุ่มยืนมองคนตัวเล็กอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เฉกเช่นดังเดิม เขาค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงในแบบที่ไม่เคยต้องทำมาก่อน เดิมทีกับเตียงนอนของเขาเตียงนี้เขาจะล้มตัวลงนอนอย่างไรก็ได้ นอนท่าไหนก็ได้ เขานอนของเขามาจนอายุป่านนี้ แต่ดูคืนนี้ประไร ไยน่าอึดอัดยิ่งนัก เขาต้องนอนตัวตรงตลอดทั้งคืนเลยหรือไม่ เมื่อยขบกันพอดี
ชายหนุ่มคิดไปพลางจัดท่านอนของตนไปด้วยท่าทางไม่เคยชินสักเท่าไหร่
เขานอนไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกถึงลมหายใจของคนข้างกายที่พ่นออกมาใกล้ใบหูของเขา กลิ่นหอมจากเนื้อนวลนางก็รบกวนจมูกของเขาสิ้นดี
ชายหนุ่มนอนฟังเสียงลมหายใจพร้อมดมกลิ่นกายนางอีกครู่หนึ่งจึงเริ่มตระหนัก
เขากับนางเคยร่วมรักกันแล้วใช่หรือไม่ และคืนนี้เป็นคืนเข้าหอของเขากับนางใช่หรือไม่
เช่นนั้นแล้ว ไยเขาต้องนอนเฉยๆ อย่างนี้?
แล้วที่ต้องรับผิดชอบลงทุนแต่งงานกันคืออันใด?
นี่เขาพลาดอีกแล้วใช่หรือไม่?
ไยรู้สึกขาดทุน?
เมื่อคิดได้แล้วก็เริ่มเอียงใบหน้าคมคายของตนมองคนข้างๆ กายแล้วส่งเสียงทุ้มต่ำออกมาอย่างทรงอำนาจ
“นี่...”
เงียบ
“เจ้า...” เขาเรียกอีกที
ยังเงียบอยู่
“...”
เจ้าสาวของเขาหลับลึกไปแล้ว
ฟงชินหยางเริ่มมีอารมณ์เดือดปุดๆ ผิดกับอากาศหนาวเหน็บตามฤดูกาล
เขาเสียทีให้นางถึงเพียงนี้ เขาแต่งงานกับนางแล้ว
มีเนื้ออยู่ตรงหน้าเสืออย่างนี้ เสือไม่กินก็อย่าเรียกมันว่าเสือเลย
เมื่อคิดได้แล้วก็เปิดผ้าห่มผืนหนาที่กำลังห่มคนตัวเล็กออกแล้วสอดกายแกร่งร่างใหญ่เข้าไปด้านในให้อยู่ภายใต้ผ้าผืนเดียวกันก่อนจะเริ่มสะกิดเจ้าสาวของตนอย่างจริงจังมากกว่าเดิม
แต่ไม่ว่าเจ้าบ่าวจะสะกิดเจ้าสาวของเขาอย่างไร เจ้าสาวก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นลืมตาขึ้นมาเพื่อทำกิจกรรมอันสมควร
ฟงชินหยางทั้งกระซิบใส่หูด้วยน้ำเสียงดุดัน ทั้งจับไหล่ ทั้งเขย่าแขน ทั้งบีบแก้มนวล นางข้างกายก็ยังไม่ยอมตื่นลืมตาขึ้นมา
นางยังคงนอนหลับตาพริ้มพ่นลมหายใจเบาๆ เป่าใส่ใบหูและใบหน้าของเขาจนเขามีอารมณ์บางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ฮึ่ม!
มันใช่หรือไม่?
ภายในเรือนกลางของจวนที่มีสองผู้เฒ่ากำลังนั่งฟังคำรายงานเหตุการณ์ความวุ่นวายรุนแรงเมื่อครู่ที่ผ่านมา“ข้าน้อยแอบตามคุณหนูไปตลาดก่อนหน้านี้เจ้าค่ะ”เสี่ยวชุ่ยเริ่มเล่าต้นสายปลายเหตุให้ซินหรูกับฟงซือหลางฟังตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อยามสายของวันนี้“ยามนั้นข้าน้อยกำลังดูแลคุณชายน้อยทั้งสองอยู่ในเรือน ครั้นเห็นคุณหนูลี่เหมยเข้ามาแล้วบังเอิญได้ฟังคุณชายใหญ่กับคุณชายรองคุยกันเรื่องสตรีที่คุณชายรองชมชอบ คุณหนูลี่เหมยจึงทำตาเปล่งประกายคลี่ยิ้มพริ้มเพราก่อนจะแอบออกจากจวนไป คุณชายน้อยทั้งสองจึงสั่งให้ข้าน้อยแอบตามไปอย่างนึกสนุก”เสี่ยวชุ่ยผู้เป็นสายลับเล่ารายละเอียดยาวเหยียดชัดเจนนอกจากฟงซือหลางและซินหรูสองผู้เฒ่าที่นั่งฟังแล้วยังมีฟงชินหยางและหลิงเวยร่วมนั่งรับฟังอยู่ด้วย พวกเขาจึงหันหน้ามองตากันไปมานึกแปลกใจ เสี่ยวชุ่ยยังคงยิ้มจนตาหรี่หยีเล่าต่อเนื่อง “คุณหนูลี่เหมยหนีไปเที่ยวที่ตลาดกลางเมืองแล้วหลงทางอยู่เป็นนานจนกระทั่งเจอร้านผ้าแห่งหนึ่ง ข้าน้อยเห็นคุณหนูวัดตัวครู่หนึ่งก่อนเอ่ยสั่งการกับหลงจู๊ นางเลือกชุดแบบที่ฮูหยินน้อยชอบใส่ทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ”“หืม...” เจ้านายทั้งสี่บนเก้าอี้ในห้องรับรองเล
"จะหนีไปไหน?"เส้นเสียงหวานห้วนของหญิงสาวผู้ต้องการเป็นเพียงน้องสาวของชายที่นางพึงใจตะโกนถามทันใดเมื่อถูกเขาหลบหนีไม่รับการคารวะกัน"ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!" ชายผู้ถูกอาวุธร้ายแรงด้วยการคุกเข่าเตรียมโขกศีรษะอย่างนั้นรีบคำรามพลางพากายงามหลบเลี่ยงเต็มที่"อย่าหนีนะ!""หยุดเดี๋ยวนี้!""พี่รอง""หยุด!"ทั้งสองยังคงไม่ยอมต่างตะโกนคำรามเสียงขรมวุ่นวายดังลั่นห้องโถงของเรือนชานเวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อ…หลี่ลี่เหมยเริ่มหอบเหนื่อย นางเดินตาม เขากลับหนี นางคุกเข่าพร้อมคารวะ เขากลับสลัดกายหลบเลี่ยงซ้ายขวา นางเป็นเพียงสตรีในห้องหอ มิได้มีวรยุทธ์มีกำลังวังชา เวลาไล่ล่าเพียงเท่านี้ก็ผลาญพลังนางไปแล้วจนหมดสิ้น"หยุดเดี๋ยวนี้นะ..." หญิงสาวเริ่มหมดแรงเสียงแหบแห้งขึ้นทุกที ฟงจินหมิงเห็นหลี่ลี่เหมยหมดแรงแล้วอย่างนั้นจึงรีบปรี่เข้าประชิดร่างนุ่มที่ชุ่มด้วยเหงื่อไคลก่อนจับนางอุ้มขึ้นในทันใดเขาจักจับนางมัดเอาไว้มิให้ลุกออกมาคุกเข่าคารวะกัน!หลี่ลี่เหมยที่เหนื่อยเหลือเกินในยามนี้ทำได้เพียงตัวพับตัวอ่อนหมดเรี่ยวหมดแรงแม้แต่จะคิดดิ้นหนี นางจึงกลายร่างเป็นนางมนุษย์ไร้กระดูกปล่อยให้เขาลงโทษทัณฑ์แต่โดยดี“ข้าชอบท่า
สตรีดื้อดึงร้ายกาจบ้าอำนาจนางนี้ เขาควรจัดการกับนางอย่างไรดี เขาที่จัดการกับใครๆ ได้ง่ายดายไม่เคยเลยสักครั้งที่จะรู้สึกยุ่งยากใจเท่ากับสตรีนางนี้เลย ให้ตาย!“ข้าเคยบอกแก่เจ้าแล้วว่าข้าจะฆ่าเจ้าเมื่อใดก็ได้หากเจ้าไม่เชื่อฟังข้า” เส้นเสียงทุ้มใหญ่เริ่มคำราม เขาจะไม่มีทางยอมให้นางทำตัวร้ายกาจอย่างนี้ หากนางทำตัวไม่ดีเป็นสตรีไม่ดีแล้วจะบอกกับลูกๆ ว่าอย่างไร “ข้าเคยบอกแก่ท่านเช่นกันว่าท่านช่วยข้าแล้วต้องช่วยข้าตลอดไป ข้าจะอยู่กับท่าน ไม่ไปไหนทั้งนั้น” เสียงหวานแหลมเอ่ยอย่างไม่มียินยอมใดๆนางไม่มีทางยอมให้เขาเป็นบุรุษเหลวไหล ต้องเสื่อมเกียรติเสียศักดิ์ศรี เพราะหลงกลหลงมารยาของสตรีนางใดทั้งนั้น หากเขาพ่ายแพ้ให้มารยาชั้นต่ำ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด“หากเจ้ายังทำตัวเยี่ยงนี้อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ชายหนุ่มก้มหน้าคำรามเสียงเครียด“ทำไม? ข้าทำตัวอย่างไร!” หญิงสาวหน้าเชิดคอตั้งเดินเข้าใส่“เจ้าช่างร้ายกาจ”“เฮอะ! ข้าร้ายกาจแต่ท่านโง่งม”"ลี่เหมย!" ฟงจินหมิงถึงกับเรียกนาง อารมณ์ของเขายามนี้คล้ายไฟกองใหญ่ "เจ้าต่างหากที่โง่งมไม่เคยเข้าใจสิ่งใด"“ท่านนั่นล่ะ!" หลี่ลี่เหมยยิ่งเสียงสูง "แค่สตรีนาง
เมื่อเห็นสายตาคมดุที่คุ้นเคยมองมาพร้อมความหมายตามที่กล่าวหากันแบบนั้น หลี่ลี่เหมยยิ่งเพิ่มโทสะขึ้นฉับพลัน“ได้! ข้าบ้าอำนาจ”นางคำรามกลับอย่างกราดเกรี้ยวพลางก้มหน้าเอื้อมมือหยิบถ้วยชาบนโต๊ะในศาลาแล้วเขวี้ยงออกไปใส่กลุ่มของท่านหญิงจินเยว่ชิงอย่างโหดร้าย ตามด้วยกาน้ำชาอุ่นร้อนทั้งกาถูกเขวี้ยงออกไปเต็มแรง น้ำชาอุ่นร้อนสาดกระเซ็นรินรดทุกคนนางแสดงความบ้าอำนาจเต็มที่ถ้วยชามากกว่าหนึ่งใบถูกเขวี้ยงใส่กลุ่มสาวใช้ที่กำลังโอบอุ้มจินเยว่ชิงอย่างทุลักทุเล เสียงกรีดร้องดังระงมวุ่นวายความเสียหายพลันบังเกิดจินเยว่ชิงยิ่งหมดสภาพแห่งสตรีสูงศักดิ์จนดูอเนจอนาถมากมายนักในยามนี้หลี่ลี่เหมยมักเป็นเช่นนี้ หากเป็นกาลก่อนนางจะสั่งทหารจับสตรีเยี่ยงนั้นไปแก้ผ้าแล้วโบยจนต้องร้องขอชีวิต นางมักจะแสดงฉากนี้ตามอำนาจที่มีที่ได้รับ ไม่ให้ใครหน้าไหนกล้าเหิมเกริมกับนางทั้งนั้น หลี่ลี่เหมยยังคงกราดเกรี้ยวโหดร้ายไม่มีผ่อนปรน "ลากมันออกไป! อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง"ครานี้จึงเป็นฟงจินหมิงบ้างที่ตะลึงงัน “เจ้า!” เขาคำรามใส่สตรีตรงหน้าได้แค่นั้น“ทำไม!?” นางเสียงสูงหน้าดำหน้าแดงบรรยากาศที่เคยเย็นสบายภายใ
มีเพียงพวกนางสองสตรีเท่านั้นที่เข้าใจความนัยแห่งสายตา หลี่ลี่เหมยเชิดหน้ากอดอกมองเหยียดหยัน “ท่านหญิงมาทางใดจงกลับไปทางนั้นเสีย” น้ำเสียงแข็งกร้าวไร้ปรานีมากอำนาจเปล่งออกมา “ออกไป!” ช่างเย็นชาแต่ดุเดือดและทรงพลัง ท่านหญิงสูงศักดิ์ถึงกับตาโตตัวเกร็งแข็งค้าง นางกำลังรู้สึกคล้ายกับอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของสตรีบัลลังก์หงส์สตรีตรงหน้านางนี้เป็นใครกันแน่ ไยน่ากลัวยิ่ง! จินเยว่ชิงเป็นเพียงสตรีชั้นสูงในห้องหอธิดาอ๋องเฉิน ที่ถูกประคบประหงมจนบอบบางเป็นที่สุด นางจึงตกใจจนใบหน้างามซีดเผือดไร้สีเลือดในบัดดลหญิงสาวมองฟงจินหมิงด้วยสายตาน่าสงสารเป็นที่สุด แลดูอ่อนแอและบอบบางเป็นอย่างมาก นางกำลังถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมเหลือเกินจินเยว่ชิงส่งสายตาขอความเห็นใจก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงพาร่างอ้อนแอ้นเริ่มโอนเอนคล้ายกิ่งหลิวลู่ลมนางใกล้เป็นลมเต็มที ฟงจินหมิงเป็นบุรุษหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ในยามนี้ เขาจึงเอื้อมแขนเข้ารอรับร่างบางของท่านหญิงโดยสัญชาตญาณหลี่ลี่เหมยเห็นดังนั้นจึงสะบัดมือปัดวงแขนกำยำของฟงจินหมิงออกทันใดพลั่ก!ร่างบางสูงค่าของจินเยว่ชิงล้มลงกระแทกพื้นศาลาทันทีสตรีงดงามในอาภรณ์หรูหรานอนแผ
และนั่นยิ่งทำให้หลี่ลี่เหมยพลันเกิดเปลวเพลิงในหัวใจดวงตาเรียวสวยพลันทอประกายร้ายกาจ รังสีอำนาจดำทะมึนบางอย่างแผ่กำจายไปทั่วร่าง นางกำลังรู้สึกได้บางอย่างเป็นความรู้สึกในแบบที่ไม่เคยเป็นกับฉีหย่งเหอที่มีสนมอยู่เต็มวังหลังนางก็ยังไม่เคยเป็นนางไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครความเยียบเย็นมีสติที่เคยใช้จัดการกับบรรดาสตรีของฉีหย่งเหอพลันหายไป ยามนี้ในใจมีแต่คำว่าไฟสุมทรวงหลี่ลี่เหมยยิ่งหรี่ตามองอย่างเย็นชาฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ นางสังเกตได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านหญิงผู้นี้ทำกิริยาเผยความนัยว่าชมชอบฟงชินหยางเป็นอย่างมาก หากแต่พอเจอเข้ากับฟงจินหมิงก็รีบเบนหัวเรือในทันที แต่ประเด็นมิใช่แค่นี้ดูท่าทางของท่านหญิงจินเยว่ชิงในยามนี้เแล้ว เรื่องที่ร้านผ้าคงมิใช่แค่เรื่องบังเอิญเสียแล้วกระมัง ประสบการณ์ของอดีตท่านหญิงแห่งเป่ยฉีเยี่ยงหลี่ลี่เหมยย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงมารยามากเล่ห์แห่งสตรีเพศนางกำลังจะปรับปรุงตัวเองให้ดี เป็นสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานเฉกเช่นหลิงเวย ถึงจะไม่เหมือนกันแต่มันมิใช่เรื่องยากหากนางจะลดความรุนแรงลงไปจนหมดสิ้น ในเมื่อบ้านฟงมิได้เป็นเช่นในวังหลวง นางก็ไม่ต้องทำตัวร้ายก