Home / รักโบราณ / ลมหายใจจอมยุทธ์ / บทที่ 3 ปรมาจารย์ผู้หลบซ่อน

Share

บทที่ 3 ปรมาจารย์ผู้หลบซ่อน

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-07-08 20:20:10

กงล้อเกวียนไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดยามหมุนผ่านทางแคบทอดยาวสู่เชิงเขาตะวันออก หยางเหวินนั่งนิ่งอยู่บนหลังเกวียน ลมหายใจเข้าออกช้าแต่มั่นคง ในอกแม้ยังพร่าเลือนด้วยคำถามจากหมู่บ้านหยิ่นซาน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่

อาสุยกับตาเถาเป็นผู้ชี้ทางให้เขา ก่อนจะร่ำลาว่า “หากเจ้าต้องการรู้ว่าพลังของเจ้าคือสิ่งใด เจ้าต้องไปหาผู้นั้น เขาคือผู้เดียวที่เคยสัมผัสสิ่งคล้ายกับเจ้ามาก่อน”

“เขาคือใครหรือขอรับ?”

“หลัวซิง”

“หลัวชิงหรือ?”

ชื่อนั้นไม่ได้สะท้อนความคุ้นเคยใดในใจหยางเหวิน ทว่าคำบอกเล่าว่า หลัวซิงเคยเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งของยุทธภพ แต่ถอนตัวหายสาบสูญไปเมื่อสามสิบปีก่อน ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ

“ข้าต้องไปที่ใด?”

“หุบเขาหานสุ่ย ปลายทางหนึ่งในใต้หล้าที่ไร้เสียงผู้คน”

เกวียนไม้เก่า ๆ นำเขามุ่งหน้าผ่านทุ่งหญ้าและเนินเขา เสียงลมแทรกผ่านรอยแตกร้าวของตัวเกวียน ละอองฝุ่นลอยคลุ้งในแสงแดดยามสาย

คนบังคับเกวียนเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหงุดหงิด ไม่พูดไม่จา เพียงจ้องถนนเบื้องหน้าด้วยสายตาเคร่งขรึม

หยางเหวินไม่ได้ถามสิ่งใดเพิ่มเติม เขาเพียงพินิจเสียงลมหายใจของคนรอบข้าง จับจังหวะและแรงสั่นสะเทือนของพื้นใต้หล้าใต้ล้อเกวียน

 แต่ทันใดนั้นเอง เขากลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะ เสียงบางเบา คล้ายใครกำลังหายใจสวนจังหวะของเกวียน

หยางเหวินเหลือบมองรอบตัว ไม่มีผู้ใดอยู่บนเกวียนนอกจากเขา กับชายบังคับเกวียน แต่ลมหายใจนั้น ยังคงอยู่

และมัน อยู่ใต้เกวียน...

หยางเหวินเบี่ยงกายเล็กน้อย สายตากวาดมองพื้นไม้ของเกวียน ลมหายใจประหลาดนั้นยังคงอยู่ มันไม่ใช่เสียงหายใจปกติ แต่เป็นเสียงที่สั้น ลึก และแฝงพลังคล้ายซึมซับสิ่งรอบตัว

เขาเอื้อมมือแตะพื้นเกวียนเบา ๆ แล้วหลับตา ปล่อยสติจมลึกลงตามแรงสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านไม้เกวียนเข้าสู่ปลายนิ้ว

วูบ~

เสียงหายใจแหลมต่ำดังชัดในจิต กลิ่นอายความเย็นเยียบแผ่กระจายออกมารอบกาย ราวกับมีเงาล่องหนกำลังคลานเข้ามาใต้ผิวหนัง

“หยุดเกวียนเถิด” หยางเหวินเอ่ยเสียงเรียบ

คนบังคับเกวียนเหลือบตามองอย่างไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ พลันนั้น แผ่นไม้ด้านขวาของเกวียนกลับยุบลงดัง “กึก!” เงาสีดำพวยพุ่งขึ้นจากใต้เกวียน พุ่งเข้าใส่หยางเหวินดั่งพญางูทะยานล่าเหยื่อ

หยางเหวินเบี่ยงตัวหลบอย่างเฉียดฉิว มือซ้ายปัดอากาศเบา ๆ แต่แรงลมหายใจจากฝ่ามือกลับส่งเงานั้นถอยกลับไปราวถูกผลักด้วยพายุ

เงาร่างนั้นรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่ไม่มีใบหน้า ไม่มีเสียง มีเพียงเสียงหายใจหนัก ๆ และกลิ่นเย็นเฉียบเหมือนความตายที่ไม่มีชื่อ

“เจ้ามาจากที่ใด?” หยางเหวินเอ่ยถามโดยไม่หวังคำตอบ

เงาร่างนั้นพุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง คราวนี้เร็วยิ่งกว่าเดิม หยางเหวินสูดลมหายใจลึก กักมันไว้ในอก แล้วปล่อยออกเป็นกระแสเดียวที่แรงและมั่นคง

เสียงลมหายใจของเขาดังไปทั่วเกวียน เงาร่างที่จู่โจมกลับชะงักกลางอากาศ ก่อนจะสั่นไหวแล้วแตกสลายเป็นหมอกบาง ๆ ลอยหายไปในแสงเช้าระหว่างต้นไม้

คนบังคับเกวียนหน้าซีดเผือด เหงื่อท่วมหน้าผาก เขาสบตากับหยางเหวิน แล้วเอ่ยเสียงแหบว่า

“นั่น นั่นมันคืออะไร?”

“บางสิ่งที่ไร้ร่างแต่ยังคงหายใจอยู่” หยางเหวินตอบ

เขาหันไปมองเส้นทางข้างหน้า ลมหายใจเข้าออกช้าลงอีกครั้ง แต่ในอกกลับหนักแน่นยิ่งกว่าเดิม

“ข้าต้องรีบไปหาหลัวซิง ก่อนที่เงาจะมีลมหายใจของตน”

เกวียนหยุดลงหน้าทางแคบที่ทอดขึ้นสู่เชิงเขา หยางเหวินก้าวลงมาโดยไม่เอ่ยลา คนบังคับเกวียนมองตามเขาด้วยสายตาหวาดหวั่นปนสงสัย ก่อนเร่งม้าจากไปอย่างรวดเร็ว

เส้นทางเบื้องหน้าเงียบสงัดจนไร้แม้เสียงนก ลมหายใจของหยางเหวินกลายเป็นเสียงเดียวที่ดังก้องในหุบเขา เขาก้าวขึ้นเนินอย่างระมัดระวัง สองข้างทางมีเพียงต้นไม้สูงใหญ่ที่ไร้ใบ เงาไม้ทอดแนวเป็นเส้นแปลกประหลาด บางช่วงยาวเกินจริง บางช่วงกลับไม่มีเงาเลย

เมื่อพ้นแนวไม้สูง เขาก็มาถึงหน้ากระท่อมหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ริมธารเล็ก ๆ น้ำในลำธารนิ่งสนิทคล้ายหยุดเวลา

หน้ากระท่อมมีชายชรารูปงามนั่งหันหลังให้ เขาสวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดา ผมยาวสีขาวมัดเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดในร่างที่ดูเหมือนจอมยุทธ์ มีเพียงความสงบจนแทบไร้ตัวตน

หยางเหวินหยุดยืนอยู่ห่างออกไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“ท่านคือหลัวซิงใช่หรือไม่?”

ชายชรามิได้หันกลับมา เพียงยกมือขึ้นวางบนเข่าช้า ๆ ก่อนกล่าวเสียงแผ่วเบา “ใช่ ข้านี่แหละหลัวซิง”

“ข้ามาเพื่อถามถึงสิ่งที่อยู่ในตัวข้า ลมหายใจที่ไม่เหมือนใคร”

คราวนี้หลัวซิงหันมาช้า ๆ ใบหน้าเขาคมคาย แต่ดวงตาลึกและแฝงความเหนื่อยล้าจากกาลเวลา

“เจ้าหายใจอย่างผิดธรรมชาติ แต่เจ้าหายใจด้วยหัวใจตนเอง” เขาหยุดเว้นวรรค แล้วกล่าวต่อ “เข้ามานี่สิ ข้าจะฟังเสียงของเจ้า”

หยางเหวินเดินเข้าไปช้า ๆ นั่งลงเบื้องหน้าเขา

“หลับตาแล้วสูดหายใจเข้า ไม่ต้องควบคุม ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ”

เขาทำตามอย่างสงบ เงียบงัน หลัวซิงหลับตาตาม นิ้วเขาแตะพื้นดินเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงช้า ๆ

“เสียงลมหายใจของเจ้า คือเสียงของคัมภีร์”

หยางเหวินลืมตาขึ้นช้า ๆ “คัมภีร์?”

หลัวซิงมองเขานิ่ง ๆ “คัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน เจ้าเป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกโดยไม่รู้ตัว”

หยางเหวินรู้สึกเหมือนใต้หล้าหมุนช้าลง ทุกอย่างรอบกายถูกดึงให้เงียบ เขาเอ่ยถาม

“แล้วข้าคืออะไร?”

หลัวซิงลุกขึ้นยืน หันไปทางธารน้ำ

“เจ้าคือผู้ที่ต้องเลือกว่าจะใช้ลมหายใจเพื่อครอบครอง หรือเพื่อคืนชีวิตให้ผู้คน”

“แต่ก่อนเลือกนั้นเจ้าต้องรู้ก่อนว่า พลังนี้มาจากใคร และสวรรค์เคยปฏิเสธมันมาอย่างไร”

ลมพัดใบไม้แห้งลอยผ่านเท้าเขาเบา ๆ และบนแผ่นหินริมลำธาร ปรากฏอักษรโบราณบาง ๆ ถูกเขียนด้วยลมหายใจเพียงหยดเดียว

ภายในกระท่อมไม้ของหลัวซิง กลิ่นชาอ่อน ๆ ลอยคลุ้ง เขารินชาร้อนใส่ถ้วยดินเผาแล้ววางไว้ตรงหน้าหยางเหวิน ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามอย่างสงบ

“ลมหายใจของเจ้ามิใช่เพียงพลัง แต่มันคือกระบี่”

หยางเหวินยกถ้วยชาในมืออย่างระวัง พลางกล่าวด้วยแววตาครุ่นคิด

“กระบี่ที่ไม่มีรูป?”

“ถูกต้อง” หลัวซิงพยักหน้าเบา ๆ “ลมหายใจที่ผิดธรรมชาติของเจ้า คือสิ่งเดียวกับที่เคยปรากฏในคัมภีร์ต้องห้าม คัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน เป็นพลังที่สวรรค์ไม่ต้องการให้มีอยู่ เพราะมันบิดเบือนจังหวะของฟ้าดิน”

หยางเหวินนิ่งงันชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ “ท่านเคยใช้พลังเช่นนี้หรือไม่?”

“เคย” หลัวซิงตอบทันที ดวงตาของเขาฉายภาพอดีตอันแสนห่างไกล

“ข้าเคยใช้มันเพื่อเอาชนะทุกสำนัก ทุกยอดฝีมือ แต่วันหนึ่ง ข้าพบว่าข้าหายใจแทนผู้คนมากเกินไป จนพวกเขาไม่อาจหายใจได้อีก”

เขายกชาขึ้นจิบ ก่อนวางถ้วยลงอย่างแผ่วเบา

“ข้าละทิ้งยุทธภพเพราะข้าไม่อาจควบคุมพลังนี้ได้โดยไม่ทำลายสิ่งรอบข้าง แต่เจ้าแตกต่างจากข้า เจ้ามีหัวใจที่อยากคืนลมหายใจ ไม่ใช่แย่งชิงมัน”

“แต่ข้าไม่เข้าใจ ว่าควรฝึกมันอย่างไร” หยางเหวินพูดเสียงเบา “มันออกมาเองโดยไม่รู้ตัว”

“เพราะเจ้ายังไม่รู้จักมันดีพอ”

หลัวซิงลุกขึ้น แล้วหยิบกระดาษผืนยาววางลงเบื้องหน้า เป็นแผนผังลมหายใจที่ซับซ้อน จุดหมุนทิศทางพลังทั้งห้าถูกวาดด้วยหมึกสีดำเพียงหยดเดียว

“ยังไม่รู้จักดีพอ และควรทำเช่นไร?”

“นี่คือจุดเริ่มต้นของคัมภีร์กลับด้าน หากเจ้าจะเดินต่อ เจ้าต้องฝึกวิธีฟังลมหายใจของผู้อื่น และตอบกลับด้วยลมหายใจของตนเอง”

“หมายถึงอะไร?”

หลัวซิงเดินมายืนด้านหลัง แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว

“หลับตา แล้วฟังเสียงข้า”

หยางเหวินทำตามทันที เขารู้สึกถึงลมหายใจของหลัวซิงที่ค่อย ๆ ขยายออกในอากาศ ไม่ใช่เพียงเสียงสูดและผ่อน แต่เป็นจังหวะ การหมุนวน การสะกดพลังบางอย่าง

“ข้าจะไม่ใช้เสียงพูดกับเจ้า แต่จะพูดด้วยลมหายใจ เจ้าจงตอบกลับข้าด้วยจิต”

หยางเหวินเริ่มหายใจตาม เขาจับจังหวะ สูดเข้าในเวลาที่หลัวซิงผ่อนออก พอหลัวซิงสูดกลับ เขาก็ผ่อนตาม กลายเป็นการสลับจังหวะที่ประหลาดราวกับพูดคุยโดยไร้คำ

ทันใดนั้น สมาธิของเขากระชับแน่น จิตของเขาลอยล่องไปถึงบางสิ่ง ภาพในห้วงมโนปรากฏขึ้น

ภาพของสตรีผู้หนึ่ง สวมชุดคลุมสีดำยืนท่ามกลางพายุ นางกำลังหายใจ แต่ไม่ใช่จังหวะของมนุษย์

หยางเหวินสะดุ้งลืมตาขึ้นทันที หลัวซิงเพียงยิ้มเล็กน้อย ดวงตานิ่งสงบ

“เพราะเจ้าฟังได้แล้ว เจ้าจึงเห็น”

หยางเหวินหอบหายใจเล็กน้อย แต่แววตาเปล่งประกาย

นี่คือจุดเริ่มต้นของการฝึกลมหายใจที่แท้จริง

และภาพของสตรีในห้วงจิตนั้น จะนำเขาไปสู่ปริศนาที่ยังรอคอยอยู่...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ 2 ในยามที่ลมหายใจสั่นไหว

    คืนหนึ่ง หยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นนั่งเคียงกันที่เรือนริมหน้าผา ยามค่ำคืนทาบเงาให้ทั่วผืนป่า และสายลมพัดเย็นจนเปลวเทียนบนโต๊ะกลางห้องสั่นไหวหยางเหวินกำลังร้อยสร้อยหินหยกเส้นเล็กด้วยมืออย่างตั้งใจ เขาไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน แต่สีหน้าเต็มไปด้วยสมาธิไป๋หรูอวิ๋นนั่งมองเขา มือประคองถ้วยชาร้อนเอาไว้ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อาจห้ามใจ“เจ้ารู้ไหม” เขาพูดขึ้นในที่สุด โดยไม่เงยหน้าขึ้นจากสายสร้อย “ข้าร้อยสร้อยเส้นนี้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน แต่เพิ่งมาถักปมสุดท้ายได้วันนี้”“เพราะอะไร?”“เพราะวันนี้ ข้ารู้สึกว่ามีอะไรที่สมบูรณ์มากพอแล้วจะมอบให้แก่เจ้า”นางรับสายสร้อยมาอย่างเงียบงัน หยกเขียวที่ถูกขัดจนใสราวหยดน้ำวางอยู่บนฝ่ามือ“เจ้าเคยบอกว่า ไม่ต้องการสิ่งผูกมัด”“ข้าเคยคิดเช่นนั้น” เขาพยักหน้า “แต่ตอนนี้ ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ใด สายลมหายใจของข้าจะมีกลิ่นชาอบอุ่นแบบเจ้าเสมอ”ไป๋หรูอวิ๋นเงยหน้าขึ้น ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย“ข้าก็คิดเหมือนกัน แต่อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า ข้ากลัว...”“กลัวอะไร?”“กลัวว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะไม่หายใจอยู่เคียงข้า” นางกล่าวเสียงแผ่วเบาหยางเหวินย

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ ลมหายใจแห่งความรัก

    เสียงพิณจากหอเล็กด้านหลังดังขึ้นเบา ๆ เป็นศิษย์สาวคนหนึ่งที่กำลังฝึกบรรเลง“เจ้าจำเพลงแรกที่ข้าเล่นให้เจ้าฟังได้หรือไม่?” ไป๋หรูอวิ๋นถาม“จำได้สิ มันคือ คืนแรกที่ข้าเห็นเจ้าผ่านสายลมและเสียงพิณ”“ตอนนั้นเจ้ายังแทบจะควบคุมลมหายใจของตนไม่ได้”“ตอนนี้ ข้ากลับรู้สึกว่า ลมหายใจของข้าสงบที่สุดเมื่ออยู่กับเจ้า” หยางเหวินยิ้มเสียงพิณยังดังต่อไปเบื้องหลัง ขณะที่สองเงานั่งเคียงกันท่ามกลางแดดยามสายค่ำคืนนั้น แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องทะลุม่านบางหน้าต่าง ตกกระทบบนพื้นไม้ของเรือนเล็กกลางหุบเขา เงาจากต้นไม้ภายนอกไหวเบา ๆ ตามจังหวะลมหยางเหวินนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเตาผิง มือถือพู่กันเขียนตำราใหม่อย่างตั้งใจ ไฟจากเตาผิงสะท้อนเงาใบหน้าของเขาให้ดูนิ่งลึก มีแววอ่อนโยนในแววตาเสียงประตูเลื่อนเปิดช้า ๆ ก่อนที่ไป๋หรูอวิ๋นจะเดินเข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนบาง นางสวมชุดคลุมบางสีขาวทับเสื้อผ้าด้านใน เส้นผมยาวถึงเอวถูกรวบไว้ลวก ๆ“ยังไม่เข้านอนหรือ?” นางถาม พลางวางผ้าห่มลงข้างเขา“ข้าเขียนได้เพียงไม่กี่บรรทัดเอง” เขาหัวเราะเบา ๆ“แสดงว่าเจ้าคิดถึงเรื่องอื่นอยู่” นางนั่งลงข้างเขา ม้วนขาแนบกับตนเอง เหมือนเคยทำในคืนฤดูหนาวเ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 20 ลมหายใจที่ใต้หล้าจดจำ

    ยุทธภพเงียบสงบมาได้หลายเดือนหลังเหตุการณ์ที่สำนักใหญ่ทั้งหลายหยุดตามล่าคัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน เมื่อรู้ว่าเจ้าของพลังได้สละมันไปแล้วอย่างสิ้นเชิงหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในเรือนกลางหุบเขาเงียบสงัด ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และเปิดตำราเก่าให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่กระบวนท่า แต่รวมถึงการเข้าใจหัวใจของตนเองข่าวเล่าขานถึง “จอมยุทธ์ผู้ไม่มีลมหายใจ” แพร่สะพัดออกไปในหมู่บ้านห่างไกล สำนักเล็ก สำนักใหญ่ รวมถึงลูกศิษย์ลูกหาในยุทธภพต่างอยากพานพบชายผู้หนึ่งที่มีพลังจากใจ ไม่ใช่จากฝีมือวันหนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองหลวงมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของหยางเหวิน“ข้าได้ยินว่า ที่นี่มีคนที่สามารถสอนข้าวิชาที่ไม่ต้องใช้ลมหายใจ” เขาเอ่ยด้วยดวงตาที่เปล่งแสงจริงจังหยางเหวินยิ้ม เพียงกล่าวว่า “ไม่มีวิชาที่ไม่ใช้ลมหายใจ มีแต่ใจที่หายใจให้ถูกเท่านั้น”เขาพาเด็กหนุ่มไปนั่งใต้ต้นหลิว สอนให้หลับตาฟังเสียงหัวใจตนเองแทนการเร่งฝึกฝนพลังภายนอกไป๋หรูอวิ๋นมองภาพนั้นจากระยะไกล ดวงหน้าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับไปคัดลอกคัมภีร์เล่มใหม่ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า “ลมหายใจแห่งใจ”ขณะเดียวกัน ที่

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 19 ชีวิตที่หายใจแทนกัน

    ไป๋หรูอวิ๋นเงียบงันในคืนที่สายลมสะบัดผ่านยอดไม้ ดวงตานางทอดมองสายน้ำเบื้องหน้าโดยไม่กะพริบ แม้ท่าทีภายนอกจะนิ่งเฉยเช่นเดิม แต่หยางเหวินสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไป“เจ้าหายใจถี่ขึ้น” เขากล่าวเบา ๆ ขณะนั่งลงข้างนางใต้ต้นหลิว “เกิดอะไรขึ้น”ไป๋หรูอวิ๋นไม่ตอบในทันที ริมฝีปากขยับเพียงน้อยราวลังเล“ข้ารู้ตัวดีว่าข้า ไม่มีลมหายใจของตนเองมาตั้งแต่เกิด” นางกล่าวช้า ๆ “ชีวิตของข้าอาศัยลมหายใจของผู้อื่น ผ่านพิธีของสำนักเก่าที่ข้าจากมา”หยางเหวินเบิกตากว้างเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า...”“ใช่ ข้าคือสตรีผู้ถูกฝึกให้ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังชีวิตของผู้อื่น” เสียงของนางเรียบเฉย “ข้าจึงไม่กล้าผูกพันกับผู้ใดนัก เพราะหากคนผู้นั้นสูญเสียพลัง ข้าก็จะตาย”เขาเงียบงัน ลมหายใจหนึ่งเคลื่อนผ่านร่างเขาดังแผ่วเบา ก่อนเขาจะกล่าว “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ลมหายใจของข้าแก่เจ้า”ไป๋หรูอวิ๋นเบิกตา ดวงหน้าที่เคร่งขรึมมาตลอดมีรอยไหวสั่น“อย่าพูดอะไรบ้า ๆ สิ เจ้าคือผู้ถือครองคัมภีร์ เจ้าจะเสียพลังไม่ได้”“หากพลังนี้มีไว้เพื่อปกป้องผู้คน ข้าจะเริ่มจากเจ้าก่อน” หยางเหวินกล่าวชัดเจน “เจ้าไม่ใช่แค่ศิษย์ร่วมสำนัก หรือเพื่อนร่วมทาง เจ้า

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 18 ลมหายใจสุดท้ายของอาจารย์

    ลมหนาวปลายฤดูพัดผ่านสันเขาต้าหลาน ดอกบ๊วยผลิดอกเต็มกิ่ง ท่ามกลางผืนหิมะที่ยังไม่ละทิ้งกลิ่นไอเยือกเย็นหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่เบื้องล่างยอดเขา สายตาจับจ้องเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาเมื่อหลายเดือนก่อน“มันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง” หยางเหวินกล่าว พลางยกมือแตะอก “ข้ารู้ว่าพลังทั้งหมด จะต้องจบลงที่นี่”“และจบลงกับเขา หลัวซิง” ไป๋หรูอวิ๋นพูดแผ่วเบา ดวงตาคล้ายมีหมอกบางแห่งความรู้สึกค้างคาทั้งสองปีนสู่ยอดเขาอย่างช้า ๆ ฝ่าลมหนาว หิมะ และเสียงลมหายใจของธรรมชาติที่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเมื่อถึงลานหน้าศาลาพักเก่า เสียงกระแอมหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน“เจ้ากลับมาแล้วหรือ”เสียงนั้นมาจากหลัวซิง ผู้ชราลงกว่าเดิม แต่แววตายังแจ่มกระจ่างราวกับเคยเฝ้ามองใต้หล้าอย่างลึกซึ้ง“ท่านอาจารย์” หยางเหวินประสานมือคารวะด้วยความเคารพ “ข้ากลับมา พร้อมคัมภีร์”หลัวซิงเดินออกมาช้า ๆ มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือแนบหลัง “เจ้าจึงรู้แล้ว ว่าแท้จริง พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถือครอง แต่คือสิ่งที่มอบ”หยางเหวินพยักหน้า “และข้าจะมอบมัน อย่างที่ท่านเคยมอบลมหายใจแรกให้ข้า”หลัวซิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็พร้อมแ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 17 ความจริงจากสำนักฟ้าเทียน

    รุ่งเช้า ณ ริมผาสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาเขตสำนักฟ้าเทียน แดดยามเช้าส่องลอดม่านหมอกคลี่ตัวบางเบา ขณะที่หยางเหวินกับไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่หน้าแท่นหินจารึกโบราณที่แทบจะถูกเถาวัลย์กลืนกินจนหมด“นี่คือประตูขั้นแรกของเขตต้องห้ามสำนักฟ้าเทียน” ไป๋หรูอวิ๋นกระซิบหยางเหวินใช้ปลายนิ้วสัมผัสลวดลายโบราณบนแผ่นหิน มีลายเส้นหนึ่งที่เหมือนกระแสลมหายใจคดเคี้ยวขึ้นฟ้า“นี่ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ นี่คือแบบฝึกลมหายใจสายหนึ่ง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ใช่” นางพยักหน้า “ท่านอาจารย์เคยบอกว่าหากลมหายใจของผู้ใดเข้าถึงจังหวะที่จารึกนี้ปรากฏ ประตูสำนักจะเปิดออกเองโดยไม่ต้องใช้แรง”หยางเหวินนั่งลงขัดสมาธิ ฝึกปราณหน้าจารึกนั้นทันที ไป๋หรูอวิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เขา หลับตาแนบแน่น ปรับลมหายใจให้นิ่งเฉกเช่นกัน แม้ไร้ชีพจรของตน แต่นางยังฝึกเพื่อร่วมสภาวะกับเขาให้มากที่สุดลมหายใจแรกคือสายหมอก ลมหายใจที่สองคือเสียงของเขา และลมหายใจที่สามคือเสียงของใต้หล้าที่ไร้คำพูดผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เสียงกึกเบา ๆ ดังขึ้นที่แท่นหิน จากนั้นพื้นหินตรงหน้าก็สั่นไหว เผยบันไดหินทอดลึกลงไปเบื้องล่าง“เปิดแล้ว”หยางเหวินลืมตา ดวงตาเปล่งประกายเงี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status