Home / รักโบราณ / ลมหายใจจอมยุทธ์ / บทที่ 4 คัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน

Share

บทที่ 4 คัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-07-08 20:20:26

รุ่งเช้าวันต่อมา หยางเหวินตื่นขึ้นจากสมาธิใต้ต้นเหมยเก่าแก่ที่อยู่หลังเรือนของหลัวซิง เขานั่งนิ่งทบทวนภาพในจิตที่ปรากฏเมื่อคืน สตรีผู้หายใจสวนทางกับสรรพสิ่ง นัยน์ตาของนางไม่เพียงเต็มไปด้วยความปวดร้าว แต่ยังมีบางอย่างที่คล้ายกับเขาเอง

หลัวซิงเดินมาหยุดอยู่ข้างเขา พลางยื่นแผ่นผืนกระดาษบางเฉียบสีเทาหม่น ส่งให้

“นี่คือเศษคัมภีร์ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ของแท้ทั้งหมด แต่เพียงพอให้เจ้าเข้าใจว่าตนกำลังแบกอะไรไว้”

หยางเหวินรับมาด้วยสองมือ ภาพที่เห็นมิใช่อักษรธรรมดา หากแต่เป็นเส้นสายวนเวียนคล้ายวงลมหายใจที่ไหลกลับหัวกลับหาง เหมือนลมหายใจเข้าไม่เคยออก และลมหายใจออกไม่เคยมีต้นทาง

“คัมภีร์นี้ ไม่ใช่ตำรา แต่มันคือชีวิตของผู้ที่เคยใช้มัน” หลัวซิงเอ่ย

“เจ้าจะเข้าใจมันได้ ก็เมื่อเจ้ารับรู้ได้ว่าแต่ละจังหวะของการหายใจนั้น มีที่มา และมีผู้เคยต้องตายเพื่อมัน”

“หมายความว่า” หยางเหวินเบาเสียงลง “นี่คือคัมภีร์ที่เขียนด้วยชีวิตเช่นนั้นหรือ?”

หลัวซิงพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าเห็นลมหายใจสวนจังหวะได้ นั่นคือเจ้าเริ่มฟังเสียงของชีวิตผู้อื่นได้เช่นกัน แต่การฝึกนี้ต้องแลกด้วยบางสิ่ง แม้แต่ความทรงจำของตนเอง ก็อาจถูกสูบออกจากอกไปด้วย”

หยางเหวินนิ่งงันไป เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่า เหตุใดตนเองถึงจำอะไรไม่ได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นในคืนพายุ

ขณะเขาหมุนคัมภีร์ในมือ เส้นหมึกกลับสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับตอบสนองต่อชีพจรลมหายใจของเขาเอง

ทันใดนั้น กลิ่นลมหายใจบางเบาก็ลอยมาจากป่าเบื้องหลัง ราวกับมีผู้ใดแอบเฝ้ามองอยู่

หลัวซิงหันไปมองทันที ดวงตาคมกริบสะท้อนแสงเช้า

“เราไม่ได้อยู่เพียงสองคนอีกต่อไป”

เงาเบาบางปรากฏอยู่ในแนวไม้เบื้องหลังกระท่อม สายลมที่เคยสงบนิ่งกลับพัดเอื่อยอย่างมีทิศทาง ราวถูกชักนำจากลมหายใจของใครบางคนที่ไม่ใช่ทั้งหลัวซิงหรือหยางเหวิน

หลัวซิงพยักหน้าให้หยางเหวิน ก่อนกล่าวเบา ๆ

“หายใจให้มั่น แล้วฟังให้ชัด”

หยางเหวินหลับตาลงทันที สูดลมหายใจเข้าอย่างช้า เสียงสูดหายใจแผ่วเบาของเขาสะท้อนทุกสรรพสิ่งรอบตัวเป็นระลอกคลื่น และในท่ามกลางคลื่นนั้น เขาได้ยินเสียงหนึ่ง ซึ่งเป็นเสียงหายใจที่บางเฉียบและเบาหวิว แต่เจือไปด้วยแรงอาฆาต ปะปนกับจังหวะก้าวเท้าที่กลมกลืนกับสายลม

“มีผู้ใช้ลมหายใจ เพื่อหลบสายตา” เขาเอ่ยเบา ๆ โดยไม่ลืมตา

ทันใดนั้น เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากแนวไม้ดั่งงูดำ สวมชุดดำแนบเนื้อ ปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุม เงียบสนิทราวไร้เสียงทุกอณู ร่างนั้นยื่นมือออกมา ฝ่ามือเปล่งประกายพลังลมปราณหมุนสวนทิศ

“ระวัง!” หลัวซิงตวาด พร้อมโบกมือเบา ๆ ลมหายใจจากปลายนิ้วแผ่คลื่นบาง ๆ สกัดการจู่โจมไว้กลางอากาศ

เงาร่างนั้นกระเด็นไปสองก้าว ก่อนจะยืนนิ่งพร้อมสูดลมหายใจเข้าจังหวะสั้น เร็ว และรุนแรง

“เขาใช้วิชาลมหายใจสวนกระดูก เป็นหนึ่งในแขนงของคัมภีร์” หลัวซิงเอ่ยอย่างเคร่งเครียด

“หายากนักที่จะมีคนฝึกเช่นนี้”

หยางเหวินก้าวออกไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ลมหายใจของเขาเข้าสู่จังหวะที่นิ่งและมั่นคง ร่างของเขาแม้ไร้อาวุธ แต่เสียงหายใจกลับส่งแรงสั่นสะเทือนออกเป็นวงกว้าง

“ผู้ใดส่งเจ้ามา?”

เงาร่างนั้นไม่ตอบ มีเพียงสายตาเย็นเยียบ และการจู่โจมครั้งที่สองพุ่งมาเร็วกว่าเดิม ลมหายใจถูกปล่อยออกมาเป็นพลังพุ่งเฉือนราวใบมีด

หยางเหวินรับการจู่โจมด้วยการ “หายใจย้อนกลับ” สูดเข้าในจังหวะที่อีกฝ่ายผ่อนออก พลังของศัตรูราวกับถูกดูดกลืนกลับเข้าตน

บึ้ม!

เสียงระเบิดของพลังอากาศสะท้อนทั่วหุบเขา เงาร่างล้มลงกระแทกพื้น ก่อนหายวับไปพร้อมกลิ่นลมหายใจที่จางหายเหมือนไม่เคยมีอยู่

หลัวซิงเดินมายืนข้างเขา เอ่ยช้า ๆ “เจ้ากำลังเข้าสู่ใต้หล้าของผู้ที่สวรรค์ไม่เคยมองเห็น และผู้ที่มองเห็นเกินไป”

หยางเหวินไม่ตอบ ดวงตาของเขาแน่วแน่ เพราะตอนนี้ เขารู้แล้วว่า ผู้ใช้คัมภีร์ กำลังเริ่มเคลื่อนไหว

หลังจากการปะทะเงียบหายไป หลัวซิงและหยางเหวินยืนอยู่กลางลานหินหน้ากระท่อม ลมพัดผ่านพวกเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมิได้เย็นเฉียบหรือแฝงอาฆาต หากกลับนิ่งสงบราวเตือนสติ

“เขามิใช่มือสังหารธรรมดา” หลัวซิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ผู้ที่ใช้ลมหายใจสวนกระดูก คือผู้ที่ฝึกฝนเพื่อดึงพลังจากจุดบอบบางในร่างผู้อื่น ใช้มันย้อนกลับไปทำลายตนเอง”

หยางเหวินนั่งลงบนก้อนหิน หอบหายใจแผ่ว แม้การต่อสู้จะสั้น แต่ภายในเขารู้สึกเหมือนถูกเปิดเปลือยบางสิ่ง

“ข้ารู้สึกถึงเขา แม้ก่อนจะเห็นก็ยังรู้สึก” เขาเอ่ยเบา ๆ

หลัวซิงพยักหน้า “เจ้าเริ่มเข้าสู่ภาวะ ‘รับรู้ร่วม’ แล้ว คือจังหวะที่ลมหายใจของเจ้าจะประสานกับใต้หล้ารอบตัว ไม่ใช่เพื่อควบคุม แต่เพื่อฟัง”

เขานิ่งไปอึดใจ ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องไม้เก่าแก่ใต้ชั้นผนังกระท่อม วางมันตรงหน้าหยางเหวิน

“ในนี้คือบางสิ่งที่ข้าไม่เคยเปิดให้ใครดู”

เมื่อกล่องถูกเปิดออก ภายในปรากฏแผ่นผ้าปักด้วยด้ายสีเทาอ่อน รอยปักคือเส้นลมหายใจโบราณที่ซับซ้อนมากกว่าคัมภีร์ใดที่หยางเหวินเคยเห็น และที่มุมผ้ามีตัวอักษรจีนโบราณหนึ่งคำปักอยู่ “逆” (กลับด้าน)

“นี่คือภาพจำลองเต็มรูปของคัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน” หลัวซิงกล่าวช้า ๆ

“แล้วเหตุใดท่านจึงไม่ใช้มันเล่า?” หยางเหวินเงยหน้ามอง

“เพราะข้าเคยใช้มันแล้ว” เสียงของหลัวซิงสั่นไหวเล็กน้อย “และข้าเกือบทำให้ทั้งหุบเขานี้ไร้เสียงหายใจของผู้ใดอีกเลย”

หยางเหวินใจสั่น เงียบงันไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นคง

“ข้าจะไม่ใช้มันเพื่อเอาชนะผู้ใด ข้าจะใช้มันเพื่อให้ผู้คนยังหายใจอยู่”

หลัวซิงยิ้มบาง ๆ

“คำกล่าวนี้ หากเจ้ารักษาไว้ได้จนถึงที่สุด เจ้าจะไม่ใช่ผู้ใช้คัมภีร์ แต่จะเป็นลมหายใจหนึ่งเดียวที่ใต้หล้าต้องฟัง”

หยางเหวินยื่นมือแตะแผ่นผ้าเบา ๆ ลมหายใจของเขาซึมผ่านปลายนิ้วไปยังเส้นด้าย และในห้วงสำนึก เขาเห็นภาพใหม่ปรากฏ

ภาพของหญิงสาวในชุดคลุมสีขาว ยืนอยู่กลางสายฝน ลมหายใจของนางแผ่วเบา ทว่าสะท้อนกลับเข้าใจเขาราวเสียงสะท้อนจากใจตนเอง

หญิงสาวนั้น คือผู้เดียวกับในนิมิตครั้งก่อน และนางกำลังร้องไห้

กลางคืนในหุบเขาหานสุ่ยเงียบสงัด แสงจันทร์บางเบาทอดผ่านต้นเหมยโบราณ ใบไม้ปลิวช้าราวกับเวลาหยุดนิ่ง หยางเหวินนั่งนิ่งอยู่ลำพังในศาลาไม้หลังบ้านหลัวซิง แผ่นผ้าปักลมหายใจยังคงวางอยู่เบื้องหน้า

ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความไหวหวั่น ภาพหญิงสาวในชุดคลุมขาวยังไม่จางจากใจ

“นางเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงผูกพันกับลมหายใจของข้าเช่นนี้?”

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังจากด้านหลัง หลัวซิงเดินมาช้า ๆ แล้วนั่งลงข้างเขา

“เจ้าคงเห็นนางอีกแล้วละสิ ใช่หรือไม่?”

หยางเหวินพยักหน้า “ใช่”

“นางร้องไห้ แต่นางไม่ได้เอ่ยคำใดเลย มีเพียงลมหายใจของนางที่เข้ามาในอกข้า มันเศร้าเหลือเกิน”

หลัวซิงหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนกล่าว “เจ้าเริ่มเข้าสู่ดินแดนของ ‘เสียงสะท้อน’ แล้ว”

“เสียงสะท้อนหรือขอรับ?”

“เมื่อผู้ฝึกคัมภีร์กลับด้านเข้าสู่ระดับหนึ่ง จะสามารถได้ยินลมหายใจของอดีต ลมหายใจของผู้ที่เคยแบกรับชะตากรรมนี้ไว้ก่อนหน้า”

หยางเหวินใจเต้นแรง “นางเคยใช้คัมภีร์นี้มาก่อนงั้นหรือ?”

“นางอาจเป็นผู้ที่เหลือรอดจากยุคที่พลังนี้ถูกผนึก หรืออาจจะเป็น...” หลัวซิงหยุดคำพูดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ผู้ที่เจ้าควรคืนลมหายใจให้”

คำพูดนั้นเหมือนกระตุกบางอย่างในใจหยางเหวิน เขารู้สึกได้ว่าคำว่า “คืนลมหายใจ” ไม่ใช่เพียงคำเปรียบเปรย แต่คือภารกิจที่แท้จริงของเขา

เขาลุกขึ้นยืน หันหน้าไปยังยอดเขาที่ซ่อนอยู่ในเงาจันทร์

“ข้าต้องตามหานาง”

หลัวซิงพยักหน้า “ก่อนนั้น เจ้าจงจำสิ่งหนึ่งให้มั่น ลมหายใจมิใช่ของเจ้าเพียงผู้เดียว เมื่อเจ้าฝึกจนลึกพอ เจ้าอาจหายใจแทนผู้อื่นได้ แต่ก็อาจถูกลมหายใจของผู้อื่นกลืนกิน”

“ท่านหมายความว่า ข้าอาจไม่ใช่ข้างั้นหรือ?”

“ใช่” หลัวซิงตอบนิ่ง ๆ

“และหากเจ้าไม่ระวัง เจ้าจะกลายเป็นเพียง ‘เสียงสะท้อน’ ของคนอื่นไปชั่วนิรันดร์”

หยางเหวินหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง คราวนี้มันสงบ สม่ำเสมอ และไม่สั่นไหว

“หากข้าจะต้องหายใจแทนใคร ข้าจะเลือกด้วยตนเอง”

เขาเปิดเปลือกตาขึ้น แววตาแน่วแน่ราวเงาของกระบี่

และในจังหวะนั้นเอง ลมจากยอดเขาก็พัดกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวลงมาตกเบื้องหน้า

มันเป็นจดหมายเก่าที่เขียนจ่าหน้าถึงหลัวซิง

แต่เขียนด้วยลมหายใจของสตรีนามว่า “ไป๋หรูอวิ๋น”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ 2 ในยามที่ลมหายใจสั่นไหว

    คืนหนึ่ง หยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นนั่งเคียงกันที่เรือนริมหน้าผา ยามค่ำคืนทาบเงาให้ทั่วผืนป่า และสายลมพัดเย็นจนเปลวเทียนบนโต๊ะกลางห้องสั่นไหวหยางเหวินกำลังร้อยสร้อยหินหยกเส้นเล็กด้วยมืออย่างตั้งใจ เขาไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน แต่สีหน้าเต็มไปด้วยสมาธิไป๋หรูอวิ๋นนั่งมองเขา มือประคองถ้วยชาร้อนเอาไว้ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อาจห้ามใจ“เจ้ารู้ไหม” เขาพูดขึ้นในที่สุด โดยไม่เงยหน้าขึ้นจากสายสร้อย “ข้าร้อยสร้อยเส้นนี้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน แต่เพิ่งมาถักปมสุดท้ายได้วันนี้”“เพราะอะไร?”“เพราะวันนี้ ข้ารู้สึกว่ามีอะไรที่สมบูรณ์มากพอแล้วจะมอบให้แก่เจ้า”นางรับสายสร้อยมาอย่างเงียบงัน หยกเขียวที่ถูกขัดจนใสราวหยดน้ำวางอยู่บนฝ่ามือ“เจ้าเคยบอกว่า ไม่ต้องการสิ่งผูกมัด”“ข้าเคยคิดเช่นนั้น” เขาพยักหน้า “แต่ตอนนี้ ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ใด สายลมหายใจของข้าจะมีกลิ่นชาอบอุ่นแบบเจ้าเสมอ”ไป๋หรูอวิ๋นเงยหน้าขึ้น ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย“ข้าก็คิดเหมือนกัน แต่อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า ข้ากลัว...”“กลัวอะไร?”“กลัวว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะไม่หายใจอยู่เคียงข้า” นางกล่าวเสียงแผ่วเบาหยางเหวินย

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ ลมหายใจแห่งความรัก

    เสียงพิณจากหอเล็กด้านหลังดังขึ้นเบา ๆ เป็นศิษย์สาวคนหนึ่งที่กำลังฝึกบรรเลง“เจ้าจำเพลงแรกที่ข้าเล่นให้เจ้าฟังได้หรือไม่?” ไป๋หรูอวิ๋นถาม“จำได้สิ มันคือ คืนแรกที่ข้าเห็นเจ้าผ่านสายลมและเสียงพิณ”“ตอนนั้นเจ้ายังแทบจะควบคุมลมหายใจของตนไม่ได้”“ตอนนี้ ข้ากลับรู้สึกว่า ลมหายใจของข้าสงบที่สุดเมื่ออยู่กับเจ้า” หยางเหวินยิ้มเสียงพิณยังดังต่อไปเบื้องหลัง ขณะที่สองเงานั่งเคียงกันท่ามกลางแดดยามสายค่ำคืนนั้น แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องทะลุม่านบางหน้าต่าง ตกกระทบบนพื้นไม้ของเรือนเล็กกลางหุบเขา เงาจากต้นไม้ภายนอกไหวเบา ๆ ตามจังหวะลมหยางเหวินนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเตาผิง มือถือพู่กันเขียนตำราใหม่อย่างตั้งใจ ไฟจากเตาผิงสะท้อนเงาใบหน้าของเขาให้ดูนิ่งลึก มีแววอ่อนโยนในแววตาเสียงประตูเลื่อนเปิดช้า ๆ ก่อนที่ไป๋หรูอวิ๋นจะเดินเข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนบาง นางสวมชุดคลุมบางสีขาวทับเสื้อผ้าด้านใน เส้นผมยาวถึงเอวถูกรวบไว้ลวก ๆ“ยังไม่เข้านอนหรือ?” นางถาม พลางวางผ้าห่มลงข้างเขา“ข้าเขียนได้เพียงไม่กี่บรรทัดเอง” เขาหัวเราะเบา ๆ“แสดงว่าเจ้าคิดถึงเรื่องอื่นอยู่” นางนั่งลงข้างเขา ม้วนขาแนบกับตนเอง เหมือนเคยทำในคืนฤดูหนาวเ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 20 ลมหายใจที่ใต้หล้าจดจำ

    ยุทธภพเงียบสงบมาได้หลายเดือนหลังเหตุการณ์ที่สำนักใหญ่ทั้งหลายหยุดตามล่าคัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน เมื่อรู้ว่าเจ้าของพลังได้สละมันไปแล้วอย่างสิ้นเชิงหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในเรือนกลางหุบเขาเงียบสงัด ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และเปิดตำราเก่าให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่กระบวนท่า แต่รวมถึงการเข้าใจหัวใจของตนเองข่าวเล่าขานถึง “จอมยุทธ์ผู้ไม่มีลมหายใจ” แพร่สะพัดออกไปในหมู่บ้านห่างไกล สำนักเล็ก สำนักใหญ่ รวมถึงลูกศิษย์ลูกหาในยุทธภพต่างอยากพานพบชายผู้หนึ่งที่มีพลังจากใจ ไม่ใช่จากฝีมือวันหนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองหลวงมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของหยางเหวิน“ข้าได้ยินว่า ที่นี่มีคนที่สามารถสอนข้าวิชาที่ไม่ต้องใช้ลมหายใจ” เขาเอ่ยด้วยดวงตาที่เปล่งแสงจริงจังหยางเหวินยิ้ม เพียงกล่าวว่า “ไม่มีวิชาที่ไม่ใช้ลมหายใจ มีแต่ใจที่หายใจให้ถูกเท่านั้น”เขาพาเด็กหนุ่มไปนั่งใต้ต้นหลิว สอนให้หลับตาฟังเสียงหัวใจตนเองแทนการเร่งฝึกฝนพลังภายนอกไป๋หรูอวิ๋นมองภาพนั้นจากระยะไกล ดวงหน้าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับไปคัดลอกคัมภีร์เล่มใหม่ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า “ลมหายใจแห่งใจ”ขณะเดียวกัน ที่

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 19 ชีวิตที่หายใจแทนกัน

    ไป๋หรูอวิ๋นเงียบงันในคืนที่สายลมสะบัดผ่านยอดไม้ ดวงตานางทอดมองสายน้ำเบื้องหน้าโดยไม่กะพริบ แม้ท่าทีภายนอกจะนิ่งเฉยเช่นเดิม แต่หยางเหวินสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไป“เจ้าหายใจถี่ขึ้น” เขากล่าวเบา ๆ ขณะนั่งลงข้างนางใต้ต้นหลิว “เกิดอะไรขึ้น”ไป๋หรูอวิ๋นไม่ตอบในทันที ริมฝีปากขยับเพียงน้อยราวลังเล“ข้ารู้ตัวดีว่าข้า ไม่มีลมหายใจของตนเองมาตั้งแต่เกิด” นางกล่าวช้า ๆ “ชีวิตของข้าอาศัยลมหายใจของผู้อื่น ผ่านพิธีของสำนักเก่าที่ข้าจากมา”หยางเหวินเบิกตากว้างเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า...”“ใช่ ข้าคือสตรีผู้ถูกฝึกให้ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังชีวิตของผู้อื่น” เสียงของนางเรียบเฉย “ข้าจึงไม่กล้าผูกพันกับผู้ใดนัก เพราะหากคนผู้นั้นสูญเสียพลัง ข้าก็จะตาย”เขาเงียบงัน ลมหายใจหนึ่งเคลื่อนผ่านร่างเขาดังแผ่วเบา ก่อนเขาจะกล่าว “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ลมหายใจของข้าแก่เจ้า”ไป๋หรูอวิ๋นเบิกตา ดวงหน้าที่เคร่งขรึมมาตลอดมีรอยไหวสั่น“อย่าพูดอะไรบ้า ๆ สิ เจ้าคือผู้ถือครองคัมภีร์ เจ้าจะเสียพลังไม่ได้”“หากพลังนี้มีไว้เพื่อปกป้องผู้คน ข้าจะเริ่มจากเจ้าก่อน” หยางเหวินกล่าวชัดเจน “เจ้าไม่ใช่แค่ศิษย์ร่วมสำนัก หรือเพื่อนร่วมทาง เจ้า

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 18 ลมหายใจสุดท้ายของอาจารย์

    ลมหนาวปลายฤดูพัดผ่านสันเขาต้าหลาน ดอกบ๊วยผลิดอกเต็มกิ่ง ท่ามกลางผืนหิมะที่ยังไม่ละทิ้งกลิ่นไอเยือกเย็นหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่เบื้องล่างยอดเขา สายตาจับจ้องเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาเมื่อหลายเดือนก่อน“มันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง” หยางเหวินกล่าว พลางยกมือแตะอก “ข้ารู้ว่าพลังทั้งหมด จะต้องจบลงที่นี่”“และจบลงกับเขา หลัวซิง” ไป๋หรูอวิ๋นพูดแผ่วเบา ดวงตาคล้ายมีหมอกบางแห่งความรู้สึกค้างคาทั้งสองปีนสู่ยอดเขาอย่างช้า ๆ ฝ่าลมหนาว หิมะ และเสียงลมหายใจของธรรมชาติที่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเมื่อถึงลานหน้าศาลาพักเก่า เสียงกระแอมหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน“เจ้ากลับมาแล้วหรือ”เสียงนั้นมาจากหลัวซิง ผู้ชราลงกว่าเดิม แต่แววตายังแจ่มกระจ่างราวกับเคยเฝ้ามองใต้หล้าอย่างลึกซึ้ง“ท่านอาจารย์” หยางเหวินประสานมือคารวะด้วยความเคารพ “ข้ากลับมา พร้อมคัมภีร์”หลัวซิงเดินออกมาช้า ๆ มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือแนบหลัง “เจ้าจึงรู้แล้ว ว่าแท้จริง พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถือครอง แต่คือสิ่งที่มอบ”หยางเหวินพยักหน้า “และข้าจะมอบมัน อย่างที่ท่านเคยมอบลมหายใจแรกให้ข้า”หลัวซิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็พร้อมแ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 17 ความจริงจากสำนักฟ้าเทียน

    รุ่งเช้า ณ ริมผาสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาเขตสำนักฟ้าเทียน แดดยามเช้าส่องลอดม่านหมอกคลี่ตัวบางเบา ขณะที่หยางเหวินกับไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่หน้าแท่นหินจารึกโบราณที่แทบจะถูกเถาวัลย์กลืนกินจนหมด“นี่คือประตูขั้นแรกของเขตต้องห้ามสำนักฟ้าเทียน” ไป๋หรูอวิ๋นกระซิบหยางเหวินใช้ปลายนิ้วสัมผัสลวดลายโบราณบนแผ่นหิน มีลายเส้นหนึ่งที่เหมือนกระแสลมหายใจคดเคี้ยวขึ้นฟ้า“นี่ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ นี่คือแบบฝึกลมหายใจสายหนึ่ง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ใช่” นางพยักหน้า “ท่านอาจารย์เคยบอกว่าหากลมหายใจของผู้ใดเข้าถึงจังหวะที่จารึกนี้ปรากฏ ประตูสำนักจะเปิดออกเองโดยไม่ต้องใช้แรง”หยางเหวินนั่งลงขัดสมาธิ ฝึกปราณหน้าจารึกนั้นทันที ไป๋หรูอวิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เขา หลับตาแนบแน่น ปรับลมหายใจให้นิ่งเฉกเช่นกัน แม้ไร้ชีพจรของตน แต่นางยังฝึกเพื่อร่วมสภาวะกับเขาให้มากที่สุดลมหายใจแรกคือสายหมอก ลมหายใจที่สองคือเสียงของเขา และลมหายใจที่สามคือเสียงของใต้หล้าที่ไร้คำพูดผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เสียงกึกเบา ๆ ดังขึ้นที่แท่นหิน จากนั้นพื้นหินตรงหน้าก็สั่นไหว เผยบันไดหินทอดลึกลงไปเบื้องล่าง“เปิดแล้ว”หยางเหวินลืมตา ดวงตาเปล่งประกายเงี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status