Home / รักโบราณ / ลมหายใจจอมยุทธ์ / บทที่ 9 เงาอดีตใต้หน้ากากเหล็ก

Share

บทที่ 9 เงาอดีตใต้หน้ากากเหล็ก

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-07-08 20:22:20

เช้าวันถัดมา ท้องฟ้าเหนือเขาต้าหลานยังคงอึมครึม กลิ่นอายของการต่อสู้เมื่อคืนไม่สลายไปง่าย ๆ เถ้าธุลีของศัตรูผู้ไร้ลมหายใจยังหลงเหลืออยู่ตามลานไม้และซอกหิน

ไป๋หรูอวิ๋นยืนสำรวจเศษธุลีสีเทา มือขาวเรียวหยิบเศษกระเบื้องหน้ากากเหล็กที่ตกอยู่ขึ้นมาพินิจ

“พรรคเหยี่ยวนิลไม่เคยใช้หน้ากากเหล็กแบบนี้มาก่อน” นางเอ่ยช้า ๆ “หรืออาจเป็นกลุ่มแยกที่ตัดขาดจากพรรคเดิม?”

หยางเหวินนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมหายใจของเขาราบเรียบขึ้น แต่ภายในใจยังว้าวุ่น

เขาไม่ได้ฝันอีก แต่เสียงนั้นยังคงอยู่

“เจ้า! เลือดของผู้ทรยศ จงคืนลมหายใจนั้นเสีย” เสียงในความมืด วนเวียนอยู่ในห้วงจิต

เขาลืมตาขึ้นอย่างกระทันหัน หันไปมองเศษหน้ากากในมือของไป๋หรูอวิ๋น

“ข้าเคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อน” เขากล่าวเสียงต่ำ “ในความทรงจำหนึ่ง มีคนที่ใส่หน้ากากแบบนี้ เขาเป็นคนที่ฆ่าท่านแม่ของข้า!”

ไป๋หรูอวิ๋นชะงัก หยุดมือทันที “แน่ใจหรือ?”

“ไม่แน่ใจ แต่จิตของข้าตอบสนองทันทีเมื่อเห็นมัน ข้ารู้สึกเหมือนเลือดในตัวข้าเดือดพล่านขึ้นมาเอง”

นางพยักหน้าช้า ๆ “เช่นนั้นเราต้องตามหาต้นทางของหน้ากากนี้ และตามหาความจริงว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และเขาเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไร”

หยางเหวินลุกขึ้นยืน ดวงตานิ่งสงบแต่แฝงประกายแค้นจาง ๆ เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า การมีชีวิตอยู่ของเขาไม่ใช่เพียงเพื่อรู้ว่าตนคือใคร แต่เพื่อปลดพันธนาการที่ผูกไว้กับอดีตที่เขาไม่เคยเลือก

สองร่างเคลื่อนตัวผ่านลานหินของเขาต้าหลานลงมาสู่เส้นทางแคบทอดยาวเข้าสู่หุบเขาหยกขาว ทิวเขาซ้อนทับกันเป็นชั้นคล้ายม่านหมอกคอยปกปิดความลับของยุทธภพ

ไป๋หรูอวิ๋นกางแผนที่เก่าในมือ ขณะที่หยางเหวินมองตามรอยบนผิวกระดาษด้วยสายตาจดจ่อ

“เส้นทางนี้ เคยถูกใช้ในอดีตโดยพรรคพยัคฆ์พันเงา แต่หลังจากพวกเขาถูกสังหารหมู่เมื่อยี่สิบปีก่อน หุบเขาก็ถูกปิดตาย ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อีกเลย”

“แล้วหน้ากากแบบนี้ เคยปรากฏในแผนที่หรือตำราใดหรือไม่?” หยางเหวินถามเสียงเคร่ง

ไป๋หรูอวิ๋นเงียบไปชั่วครู่ ก่อนตอบ “ไม่เคยในตำราหลวง แต่ในบันทึกส่วนตัวของอาจารย์ มีบันทึกไว้ถึงกลุ่มหนึ่งซึ่งเคยทำพิธี ‘กลืนลมหายใจ’ เพื่อสร้างร่างไร้จิตใจให้รับคำสั่งโดยไม่ลังเล”

หยางเหวินเบิกตากว้างเล็กน้อย “เจ้าหมายถึง กลุ่มที่สร้าง ‘จิตแห่งศพพันลม’ น่ะหรือ?”

นางพยักหน้า “ในบันทึกของอาจารย์ เรียกพวกเขาว่า ‘เงาเหล็กใต้ฟ้า’ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่หน้ากากเช่นนี้ เป็นสัญลักษณ์ของพวกนั้น”

ทั้งสองหยุดเท้าที่ทางแยกใต้เงาภูเขาใหญ่ เบื้องหน้าคือซากประตูไม้ที่ถูกไฟเผาจนดำ แต่ยังคงสลักคำว่า “หอจิตมรณะ” จาง ๆ อยู่บนเสา

หยางเหวินจ้องมองเงาของซากประตูนั้น พลันมีเสียงแว่วมาในหู

“หากเจ้าอยากรู้ความจริง จงหายใจตามจังหวะของอดีต”

เขาหลับตา สูดหายใจเข้าช้า ๆ และปล่อยออกอย่างแน่วแน่ทันใดนั้น กลุ่มหมอกเบื้องหน้าก็กระจายออก เผยให้เห็นทางเดินเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครสังเกตมาก่อนใต้โขดหิน

ไป๋หรูอวิ๋นเบิกตากว้าง “พลังลมหายใจของเจ้า สะท้อนอดีตกลับมาจริง ๆ ด้วย”

หยางเหวินไม่พูดสิ่งใด แต่ดวงตาของเขาแน่วแน่ เขาจะเข้าไปในหอจิตมรณะ ไม่ใช่เพื่อค้นพบพลังใหม่ แต่เพื่อค้นหาความจริงที่ถูกลมหายใจปกปิดไว้มานาน

บรรยากาศในทางเดินใต้โขดหินเย็นเฉียบ แม้ไม่มีสายลมใดพัดผ่าน แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงสะท้อนลมหายใจในทุกก้าวย่างของหยางเหวิน ราวกับหอจิตมรณะยังมีชีวิตและกำลังเฝ้ามองเขาอยู่

ไป๋หรูอวิ๋นเดินตามหลังอย่างระมัดระวัง มือแตะพิณพร้อมรับสถานการณ์ทุกเมื่อ

เส้นทางภายในคดเคี้ยวและลึกลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเผยให้เห็นห้องโถงกว้างใหญ่ ผนังทั้งสี่ด้านมีภาพสลักการฝึกฝนลมหายใจในท่วงท่าต่าง ๆ บางท่วงท่าดูวิปลาส และเต็มไปด้วยความทรมาน

“นี่คือ...” หยางเหวินพูดเบา ๆ ขณะเดินเข้าใกล้ภาพสลักภาพหนึ่ง

มันเป็นภาพของชายผู้หนึ่งกำลังสูดลมหายใจจากเงาร่างวิญญาณที่ลอยอยู่รอบตัว สายลมเหมือนถูกกลืนกินเข้าปอดของเขาอย่างโหดเหี้ยม

ไป๋หรูอวิ๋นพึมพำ “พิธีกลืนลมหายใจ จริง ๆ ด้วย ที่นี่เคยเป็นสถานฝึกวิชานั้น”

ทันใดนั้น แผ่นหินกลางห้องเริ่มสั่น เสียงโลหะเสียดสีดังขึ้น ประตูลับใต้พื้นยกตัวขึ้นช้า ๆ เผยร่างหนึ่งที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กหลายเส้น หัวสวมหน้ากากเหล็กเช่นเดียวกับคนก่อนหน้า

“ในที่สุดเจ้าก็มาถึง” เสียงแหบพร่าเล็ดลอดจากภายในหน้ากาก

หยางเหวินขยับเข้าใกล้ “เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าเคยเป็นศิษย์ของหลัวซิงเช่นเจ้า แต่ข้าหลงผิด และกลืนลมหายใจของผู้อื่นจนกลายเป็นเช่นนี้”

ชายหน้ากากไอเป็นเลือด ก่อนจะพูดต่อ “ผู้ที่ฆ่ามารดาของเจ้า ไม่ใช่เพียงข้า แต่คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังข้า อดีตศิษย์ร่วมสำนักของหลัวซิงที่ทรยศต่อคำสาบาน”

หยางเหวินเบิกตากว้าง “อาจารย์มีศิษย์คนอื่นอีกหรือ?”

“ใช่ และเขาคือผู้สร้าง ‘เงาเหล็กใต้ฟ้า’”

หยางเหวินกำหมัดแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม

“เขาคือใคร?”

“เขา...” ชายหน้ากากกล่าวได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ร่างของเขาจะกระตุกอย่างรุนแรง ลมหายใจสุดท้ายถูกสูบออกจากร่างด้วยพลังลึกลับ และร่างของเขาก็สลายหายไปต่อหน้าต่อตา

ไป๋หรูอวิ๋นพุ่งเข้ามาประคองหยางเหวินที่ถูกแรงสะท้อนกระแทกจนเซ

“พลังเมื่อครู่ มีคนเฝ้าดูอยู่จากที่ไกล และตัดพลังลมหายใจของเขาทิ้งทันทีที่เขาเอ่ยชื่อ”

หยางเหวินกัดฟันแน่น “เช่นนั้น ข้าจะหาชื่อของเขาให้พบด้วยลมหายใจของข้าเอง!”

ลมในหอจิตมรณะเงียบงันลงอีกครั้ง แต่ใจของหยางเหวินกลับยิ่งสั่นไหว แววตาแน่วแน่ของเขากลับมาดังเดิม แฝงด้วยความคั่งแค้นและไม่ยอมแพ้

เขายืนขึ้นเต็มความสูง มองไปยังภาพสลักบนผนังอีกครั้ง ก่อนจะพูดเสียงหนักแน่น

“อาจารย์ เหตุใดจึงไม่เคยเล่าถึงศิษย์ผู้นั้นเลย”

ไป๋หรูอวิ๋นเดินเข้ามาใกล้ เสียงของนางอ่อนลงกว่าทุกครั้ง

“บางทีอาจารย์หลัวซิงเคยเชื่อว่าอดีตไม่ควรถูกรื้อฟื้น แต่เมื่อเงาในอดีตกลับมาก่อหวอด ข้าเห็นด้วยกับเจ้าที่ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคือใคร”

หยางเหวินพยักหน้าช้า ๆ “เราต้องกลับไปถามอาจารย์ ไม่ว่าเขาจะเลี่ยงคำตอบเพียงใด ครานี้ ข้าจะไม่ยอมเงียบอีก”

เมื่อทั้งสองเดินออกจากหอจิตมรณะ ภายนอกมีหมอกลงจัดกว่าเดิม และตรงหน้าประตูทางออก มีบุรุษผู้หนึ่งยืนรออยู่ เงาร่างสูงสง่า ใส่หน้ากากเหล็กบางแต่เผยให้เห็นนัยน์ตาสีเทาเข้มที่เต็มไปด้วยพลังจิต

“ข้ารอพวกเจ้ามานานแล้ว หยางเหวิน ไป๋หรูอวิ๋น”

ไป๋หรูอวิ๋นกางมือวางบนสายพิณทันที ขณะที่หยางเหวินตั้งท่าเตรียมเปิดลมหายใจในขั้นแรกของ ‘ลมหายใจกลับด้าน’

ชายหน้ากากไม่ได้เคลื่อนไหว เพียงแต่พูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“ข้าถูกส่งมา ไม่ใช่เพื่อฆ่าเจ้า แต่เพื่อส่งคำเตือนจากท่านอาจารย์ของข้า อย่าให้ลมหายใจของเจ้า พาเจ้าไปถึงความตายก่อนเวลาอันควร”

“อาจารย์ของเจ้า คือผู้ใด!” หยางเหวินตะคอกถาม

ชายผู้นั้นนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะตอบ

“เขาไม่ใช่คนที่เจ้าจะเรียกชื่อได้ง่าย ๆ เขาคือ ‘เงา’ ที่ยังไม่ตาย และไม่เคยหายใจมาตั้งแต่สามสิบปีก่อน”

สิ้นคำนั้น ร่างของชายหน้ากากก็จางหายไปกับหมอก คล้ายเป็นเพียงเงาสะท้อนหนึ่งเท่านั้น

หยางเหวินยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะพูดเบา ๆ กับตนเอง “เงา ที่ยังไม่ตาย และไม่เคยหายใจ...”

ไป๋หรูอวิ๋นมองเขาด้วยความกังวลเจือความสงสารในแววตา “เจ้าพร้อมหรือยัง ที่จะกลับไปถามอาจารย์ให้รู้ความจริง?”

“ข้าพร้อมแล้ว” เขาตอบหนักแน่น “เพราะหากข้าคือผู้สืบทอดของ ‘ลมหายใจกลับด้าน’ จริง ข้าย่อมมีสิทธิ์รู้ว่าใครคือผู้เป่าลมหายใจแรกให้ข้าเกิดมาในใต้หล้านี้”

เบื้องหลังพวกเขา ประตูหอจิตมรณะปิดลงอย่างช้า ๆ ไม่มีเสียงใดหลงเหลือ แต่ความลับที่ถูกเปิดเผย ได้เริ่มปลุกเงาแห่งความตายให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ 2 ในยามที่ลมหายใจสั่นไหว

    คืนหนึ่ง หยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นนั่งเคียงกันที่เรือนริมหน้าผา ยามค่ำคืนทาบเงาให้ทั่วผืนป่า และสายลมพัดเย็นจนเปลวเทียนบนโต๊ะกลางห้องสั่นไหวหยางเหวินกำลังร้อยสร้อยหินหยกเส้นเล็กด้วยมืออย่างตั้งใจ เขาไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน แต่สีหน้าเต็มไปด้วยสมาธิไป๋หรูอวิ๋นนั่งมองเขา มือประคองถ้วยชาร้อนเอาไว้ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อาจห้ามใจ“เจ้ารู้ไหม” เขาพูดขึ้นในที่สุด โดยไม่เงยหน้าขึ้นจากสายสร้อย “ข้าร้อยสร้อยเส้นนี้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน แต่เพิ่งมาถักปมสุดท้ายได้วันนี้”“เพราะอะไร?”“เพราะวันนี้ ข้ารู้สึกว่ามีอะไรที่สมบูรณ์มากพอแล้วจะมอบให้แก่เจ้า”นางรับสายสร้อยมาอย่างเงียบงัน หยกเขียวที่ถูกขัดจนใสราวหยดน้ำวางอยู่บนฝ่ามือ“เจ้าเคยบอกว่า ไม่ต้องการสิ่งผูกมัด”“ข้าเคยคิดเช่นนั้น” เขาพยักหน้า “แต่ตอนนี้ ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ใด สายลมหายใจของข้าจะมีกลิ่นชาอบอุ่นแบบเจ้าเสมอ”ไป๋หรูอวิ๋นเงยหน้าขึ้น ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย“ข้าก็คิดเหมือนกัน แต่อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า ข้ากลัว...”“กลัวอะไร?”“กลัวว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะไม่หายใจอยู่เคียงข้า” นางกล่าวเสียงแผ่วเบาหยางเหวินย

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ ลมหายใจแห่งความรัก

    เสียงพิณจากหอเล็กด้านหลังดังขึ้นเบา ๆ เป็นศิษย์สาวคนหนึ่งที่กำลังฝึกบรรเลง“เจ้าจำเพลงแรกที่ข้าเล่นให้เจ้าฟังได้หรือไม่?” ไป๋หรูอวิ๋นถาม“จำได้สิ มันคือ คืนแรกที่ข้าเห็นเจ้าผ่านสายลมและเสียงพิณ”“ตอนนั้นเจ้ายังแทบจะควบคุมลมหายใจของตนไม่ได้”“ตอนนี้ ข้ากลับรู้สึกว่า ลมหายใจของข้าสงบที่สุดเมื่ออยู่กับเจ้า” หยางเหวินยิ้มเสียงพิณยังดังต่อไปเบื้องหลัง ขณะที่สองเงานั่งเคียงกันท่ามกลางแดดยามสายค่ำคืนนั้น แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องทะลุม่านบางหน้าต่าง ตกกระทบบนพื้นไม้ของเรือนเล็กกลางหุบเขา เงาจากต้นไม้ภายนอกไหวเบา ๆ ตามจังหวะลมหยางเหวินนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเตาผิง มือถือพู่กันเขียนตำราใหม่อย่างตั้งใจ ไฟจากเตาผิงสะท้อนเงาใบหน้าของเขาให้ดูนิ่งลึก มีแววอ่อนโยนในแววตาเสียงประตูเลื่อนเปิดช้า ๆ ก่อนที่ไป๋หรูอวิ๋นจะเดินเข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนบาง นางสวมชุดคลุมบางสีขาวทับเสื้อผ้าด้านใน เส้นผมยาวถึงเอวถูกรวบไว้ลวก ๆ“ยังไม่เข้านอนหรือ?” นางถาม พลางวางผ้าห่มลงข้างเขา“ข้าเขียนได้เพียงไม่กี่บรรทัดเอง” เขาหัวเราะเบา ๆ“แสดงว่าเจ้าคิดถึงเรื่องอื่นอยู่” นางนั่งลงข้างเขา ม้วนขาแนบกับตนเอง เหมือนเคยทำในคืนฤดูหนาวเ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 20 ลมหายใจที่ใต้หล้าจดจำ

    ยุทธภพเงียบสงบมาได้หลายเดือนหลังเหตุการณ์ที่สำนักใหญ่ทั้งหลายหยุดตามล่าคัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน เมื่อรู้ว่าเจ้าของพลังได้สละมันไปแล้วอย่างสิ้นเชิงหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในเรือนกลางหุบเขาเงียบสงัด ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และเปิดตำราเก่าให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่กระบวนท่า แต่รวมถึงการเข้าใจหัวใจของตนเองข่าวเล่าขานถึง “จอมยุทธ์ผู้ไม่มีลมหายใจ” แพร่สะพัดออกไปในหมู่บ้านห่างไกล สำนักเล็ก สำนักใหญ่ รวมถึงลูกศิษย์ลูกหาในยุทธภพต่างอยากพานพบชายผู้หนึ่งที่มีพลังจากใจ ไม่ใช่จากฝีมือวันหนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองหลวงมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของหยางเหวิน“ข้าได้ยินว่า ที่นี่มีคนที่สามารถสอนข้าวิชาที่ไม่ต้องใช้ลมหายใจ” เขาเอ่ยด้วยดวงตาที่เปล่งแสงจริงจังหยางเหวินยิ้ม เพียงกล่าวว่า “ไม่มีวิชาที่ไม่ใช้ลมหายใจ มีแต่ใจที่หายใจให้ถูกเท่านั้น”เขาพาเด็กหนุ่มไปนั่งใต้ต้นหลิว สอนให้หลับตาฟังเสียงหัวใจตนเองแทนการเร่งฝึกฝนพลังภายนอกไป๋หรูอวิ๋นมองภาพนั้นจากระยะไกล ดวงหน้าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับไปคัดลอกคัมภีร์เล่มใหม่ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า “ลมหายใจแห่งใจ”ขณะเดียวกัน ที่

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 19 ชีวิตที่หายใจแทนกัน

    ไป๋หรูอวิ๋นเงียบงันในคืนที่สายลมสะบัดผ่านยอดไม้ ดวงตานางทอดมองสายน้ำเบื้องหน้าโดยไม่กะพริบ แม้ท่าทีภายนอกจะนิ่งเฉยเช่นเดิม แต่หยางเหวินสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไป“เจ้าหายใจถี่ขึ้น” เขากล่าวเบา ๆ ขณะนั่งลงข้างนางใต้ต้นหลิว “เกิดอะไรขึ้น”ไป๋หรูอวิ๋นไม่ตอบในทันที ริมฝีปากขยับเพียงน้อยราวลังเล“ข้ารู้ตัวดีว่าข้า ไม่มีลมหายใจของตนเองมาตั้งแต่เกิด” นางกล่าวช้า ๆ “ชีวิตของข้าอาศัยลมหายใจของผู้อื่น ผ่านพิธีของสำนักเก่าที่ข้าจากมา”หยางเหวินเบิกตากว้างเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า...”“ใช่ ข้าคือสตรีผู้ถูกฝึกให้ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังชีวิตของผู้อื่น” เสียงของนางเรียบเฉย “ข้าจึงไม่กล้าผูกพันกับผู้ใดนัก เพราะหากคนผู้นั้นสูญเสียพลัง ข้าก็จะตาย”เขาเงียบงัน ลมหายใจหนึ่งเคลื่อนผ่านร่างเขาดังแผ่วเบา ก่อนเขาจะกล่าว “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ลมหายใจของข้าแก่เจ้า”ไป๋หรูอวิ๋นเบิกตา ดวงหน้าที่เคร่งขรึมมาตลอดมีรอยไหวสั่น“อย่าพูดอะไรบ้า ๆ สิ เจ้าคือผู้ถือครองคัมภีร์ เจ้าจะเสียพลังไม่ได้”“หากพลังนี้มีไว้เพื่อปกป้องผู้คน ข้าจะเริ่มจากเจ้าก่อน” หยางเหวินกล่าวชัดเจน “เจ้าไม่ใช่แค่ศิษย์ร่วมสำนัก หรือเพื่อนร่วมทาง เจ้า

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 18 ลมหายใจสุดท้ายของอาจารย์

    ลมหนาวปลายฤดูพัดผ่านสันเขาต้าหลาน ดอกบ๊วยผลิดอกเต็มกิ่ง ท่ามกลางผืนหิมะที่ยังไม่ละทิ้งกลิ่นไอเยือกเย็นหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่เบื้องล่างยอดเขา สายตาจับจ้องเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาเมื่อหลายเดือนก่อน“มันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง” หยางเหวินกล่าว พลางยกมือแตะอก “ข้ารู้ว่าพลังทั้งหมด จะต้องจบลงที่นี่”“และจบลงกับเขา หลัวซิง” ไป๋หรูอวิ๋นพูดแผ่วเบา ดวงตาคล้ายมีหมอกบางแห่งความรู้สึกค้างคาทั้งสองปีนสู่ยอดเขาอย่างช้า ๆ ฝ่าลมหนาว หิมะ และเสียงลมหายใจของธรรมชาติที่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเมื่อถึงลานหน้าศาลาพักเก่า เสียงกระแอมหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน“เจ้ากลับมาแล้วหรือ”เสียงนั้นมาจากหลัวซิง ผู้ชราลงกว่าเดิม แต่แววตายังแจ่มกระจ่างราวกับเคยเฝ้ามองใต้หล้าอย่างลึกซึ้ง“ท่านอาจารย์” หยางเหวินประสานมือคารวะด้วยความเคารพ “ข้ากลับมา พร้อมคัมภีร์”หลัวซิงเดินออกมาช้า ๆ มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือแนบหลัง “เจ้าจึงรู้แล้ว ว่าแท้จริง พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถือครอง แต่คือสิ่งที่มอบ”หยางเหวินพยักหน้า “และข้าจะมอบมัน อย่างที่ท่านเคยมอบลมหายใจแรกให้ข้า”หลัวซิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็พร้อมแ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 17 ความจริงจากสำนักฟ้าเทียน

    รุ่งเช้า ณ ริมผาสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาเขตสำนักฟ้าเทียน แดดยามเช้าส่องลอดม่านหมอกคลี่ตัวบางเบา ขณะที่หยางเหวินกับไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่หน้าแท่นหินจารึกโบราณที่แทบจะถูกเถาวัลย์กลืนกินจนหมด“นี่คือประตูขั้นแรกของเขตต้องห้ามสำนักฟ้าเทียน” ไป๋หรูอวิ๋นกระซิบหยางเหวินใช้ปลายนิ้วสัมผัสลวดลายโบราณบนแผ่นหิน มีลายเส้นหนึ่งที่เหมือนกระแสลมหายใจคดเคี้ยวขึ้นฟ้า“นี่ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ นี่คือแบบฝึกลมหายใจสายหนึ่ง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ใช่” นางพยักหน้า “ท่านอาจารย์เคยบอกว่าหากลมหายใจของผู้ใดเข้าถึงจังหวะที่จารึกนี้ปรากฏ ประตูสำนักจะเปิดออกเองโดยไม่ต้องใช้แรง”หยางเหวินนั่งลงขัดสมาธิ ฝึกปราณหน้าจารึกนั้นทันที ไป๋หรูอวิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เขา หลับตาแนบแน่น ปรับลมหายใจให้นิ่งเฉกเช่นกัน แม้ไร้ชีพจรของตน แต่นางยังฝึกเพื่อร่วมสภาวะกับเขาให้มากที่สุดลมหายใจแรกคือสายหมอก ลมหายใจที่สองคือเสียงของเขา และลมหายใจที่สามคือเสียงของใต้หล้าที่ไร้คำพูดผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เสียงกึกเบา ๆ ดังขึ้นที่แท่นหิน จากนั้นพื้นหินตรงหน้าก็สั่นไหว เผยบันไดหินทอดลึกลงไปเบื้องล่าง“เปิดแล้ว”หยางเหวินลืมตา ดวงตาเปล่งประกายเงี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status