Home / รักโบราณ / ลมหายใจจอมยุทธ์ / บทที่ 8 คืนแรกของเลือดและพิณ

Share

บทที่ 8 คืนแรกของเลือดและพิณ

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-07-08 20:22:03

ลมหนาวเคลื่อนตัวลงจากยอดเขาต้าหลาน เงาจันทร์คลุมทั่วหุบเขา กลางเสียงเงียบงันของธรรมชาติ คืนนั้น เสียงพิณแรกแว่วขึ้นจากยอดผา

ไป๋หรูอวิ๋นนั่งอยู่ใต้ต้นสนโบราณ มือเรียวขาววางลงบนสายพิณหยก ท่วงทำนองแรกคล้ายสายลมแผ่ว เสียงดังกระทบผิวหินอย่างนุ่มนวล

นางเล่นไม่ใช่เพียงเพื่อความสงบ แต่เพื่อกล่อมจิต

เสียงพิณสะท้อนเข้าไปในใจของหยางเหวินซึ่งนั่งหลับตาอยู่บนหินไม่ห่างกันมาก ภายในสติที่สงบนั้น ท่วงทำนองกลับปลุกภาพบางอย่างขึ้นมา

ภาพของสตรีในชุดม่วงหมอก ภาพของสนามรบ ภาพเลือด และเสียงร้องแห่งความสูญเสีย

แต่ไม่มีเสียงใดน่าหวาดกลัวเท่า “เสียงร้องขอ” ที่เขาเคยได้ยินในจิต หยางเหวิ            สะดุ้งเบา ๆ ลืมตาขึ้น

“พิณของเจ้า มันเรียกบางสิ่งกลับมาในตัวข้า” เขากล่าวแผ่ว ๆ

ไป๋หรูอวิ๋นยังคงไม่หยุดมือ “ข้ากล่อมจิตไม่ใช่เพื่อลบความทรงจำ แต่เพื่อให้เจ้าจ้องมองมันตรง ๆ โดยไม่หวั่นไหว”

หยางเหวินกำมือแน่น แต่ในแววตากลับมีความนิ่งที่มากกว่าเดิม ท่ามกลางเสียงพิณนั้น เขาหลับตาอีกครั้ง คราวนี้เขายินยอมให้ภาพเหล่านั้นกลับมา

คราวนี้ ภาพไม่ได้เป็นเพียงภาพฝัน แต่มันคือความทรงจำบางส่วนของเขาเอง

ลานประลองที่เปียกชื้นด้วยฝนและโลหิต เสียงร้องโหยหวนของเหล่าผู้ถูกสังหาร มือของเด็กชายคนหนึ่งสั่นเทิ้มขณะกุมกระบี่ซึ่งยังไม่สิ้นกลิ่นเลือด

ในความฝันนั้น หยางเหวินอายุเพียงเจ็ดปี มีร่างของสตรีคนหนึ่งซึ่งเขาเรียกว่า “ท่านแม่” พยายามผลักเขาให้หลบหนี นางบาดเจ็บสาหัสแต่ยังโอบกอดเขาแน่น ฝนเทลงมาราวสวรรค์กำลังร่ำไห้

“ไปเสีย เหวินเอ๋อร์ ไป!” นางร้องทั้งน้ำตา ขณะพวกในชุดหน้ากากดำก้าวเข้ามา

หนึ่งในนั้น มีกระบี่ที่เปล่งลมหายใจสีแดงเข้ม

ทันใดนั้น ภาพถูกกลืนด้วยแสงพิณอีกครั้ง หยางเหวินลืมตาพร้อมเหงื่อซึมทั่วหน้าผาก

ไป๋หรูอวิ๋นหยุดดีดพิณ ดวงตานิ่งสงบ “เจ้าจำได้หรือยังว่าใครคือแม่ของเจ้า?”

หยางเหวินเงียบงัน ก่อนเอ่ยช้า ๆ “ไม่แน่ใจ แต่ข้าเห็นนาง ข้าเคยอยู่ในสนามรบนั้นจริง ๆ และกระบี่ที่ใช้พลังลมหายใจสีแดง ข้าเคยถือมันไว้”

            ไป๋หรูอวิ๋นขมวดคิ้ว “นั่นอาจเป็นวิชาต้องห้ามของพรรคเหยี่ยวนิล ‘กระบี่ดูดลมหายใจ’ วิชาที่สูญสิ้นไปตั้งแต่ศึกสิบแคว้นเมื่อสิบปีก่อน”

หยางเหวินหันไปมองฟ้าคืนจันทร์เต็มดวง

“ข้าเคยอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ข้าอาจเคยเป็นหนึ่งในพวกเขา หรือเป็นลูกของใครบางคนที่เกี่ยวพันกับพรรคเหยี่ยวนิล”

เสียงพิณเงียบลง แต่คืนแห่งพิณและเลือดยังคงเล่นอยู่ในใจเขาอย่างไม่รู้จบ

กลางดึกคืนนั้น หลังเสียงพิณเงียบลง ไฟตะเกียงในศาลาไม้ก็ยังไม่ดับ ไป๋หรูอวิ๋นประคองพิณของนางด้วยมืออันเรียวบาง ก่อนเงยหน้ามองหยางเหวินที่ยังคงเหม่ออยู่กับเปลวไฟในเตา

“เจ้ากลัวหรือไม่ หากความจริงจะพาเจ้าไปสู่การต่อสู้กับคนในอดีตของตนเอง?”

คำถามของนางทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากเปลวไฟ

“ข้าไม่กลัวสิ่งที่เคยเป็น แต่ข้ากลัวว่า จะไม่มีโอกาสเลือกว่าจะเป็นอะไรหลังจากนั้น”

ไป๋หรูอวิ๋นพยักหน้า “บางครั้ง เสียงพิณของข้าไม่ใช่เพื่อกล่อมเจ้าให้สงบ แต่เพื่อให้เจ้ากล้าตื่นขึ้นมาจากภาพลวง”

หยางเหวินหัวเราะเบา ๆ “เช่นนั้นคืนนี้ ข้าตื่นขึ้นแล้ว และข้าจะไม่หลบตาตัวเองอีก”

ทันใดนั้น เสียงลมแปรปรวนขึ้นรอบศาลา ใบไม้ปลิวว่อน เงาสายหนึ่งพุ่งทะยานมาหยุดตรงปลายขั้นบันไดศาลา

ชายในชุดดำ หน้ากากเหล็กปิดบังใบหน้า ร่างสูงในท่วงท่าหนักแน่น ไม่เปล่งคำพูดใด แต่พลังลมหายใจของเขาทำให้ไฟในเตาดับวูบ

ไป๋หรูอวิ๋นลุกขึ้นยืน มือแตะพิณอย่างระวัง

“พรรคเหยี่ยวนิล” หยางเหวินกล่าวเสียงต่ำ

ชายชุดดำไม่ตอบ แต่กระบี่ของเขาปลดออกช้า ๆ เสียงโลหะกระทบกันดังก้องในคืนเงียบงัน

“หากเจ้าต้องการคำตอบจากอดีต จงเอาชนะข้าให้ได้” เขาเอ่ยเพียงประโยคเดียว แล้วพุ่งเข้าใส่

หยางเหวินเบี่ยงกายหลบ กระบี่ของฝ่ายตรงข้ามพุ่งผ่านราวสายลมมีด เขาโต้กลับด้วยฝ่ามือเปล่า กระแทกพลังปราณกลับไป แต่กลับรู้สึกได้ทันทีว่าลมหายใจของอีกฝ่ายนั้นไม่มี

“เขาไร้ลมหายใจ!”

ไป๋หรูอวิ๋นตะโกนจากด้านหลัง

“ระวัง! นั่นคือ ‘เงาจากจิตไร้ลม’ วิชาลับที่ใช้ร่างเป็นภาชนะ แต่ไม่ใช่ชีวิต!”

ลมหายใจในยามดึกแทบจะหยุดนิ่ง การต่อสู้ปะทะระหว่างหยางเหวินกับชายหน้ากากดำดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นเพียงเงาของเงา กระบี่ในมือของอีกฝ่ายไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น ไม่มีลมหายใจ แต่ทุกการโจมตีเฉียบคมเฉกเช่นเคย

หยางเหวินเริ่มถอยหายใจไม่ทัน ทั้งที่คู่ต่อสู้ไม่มีลมหายใจ แต่ร่างของเขากลับกดดันด้วยพลังมหาศาล ราวกับลมหายใจทั้งหมดในอากาศถูกรวบรวมไว้ที่ตัวอีกฝ่ายคนเดียว

ไป๋หรูอวิ๋นไม่อาจทนเพียงยืนมอง นางดีดพิณเพียงหนึ่งโน้ต ท่วงทำนองพุ่งเข้าใส่ชายหน้ากากอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงนั้นกระแทกกลางกระบี่จนสั่นสะเทือน

“ลมหายใจของเจ้า ไม่ใช่ของเจ้าเอง!” นางร้องออกมา

ชายหน้ากากหยุดชั่วครู่ ก่อนหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะของเขาราวกับมาจากหลายร่าง หลายเสียง ทะลุทะลวงเข้ามาในจิตใจ

“ถูกแล้ว...” เขาเอ่ยช้า ๆ “ข้าคือร่างรวมของผู้ที่ไม่มีลมหายใจของตน ข้าคือ ‘จิตแห่งศพพันลม’!”

ทันใดนั้น เงาร่างนับสิบโผล่ออกมาจากความมืดรอบศาลา แต่ละร่างไม่มีแม้แต่เสียงหายใจ

หยางเหวินตั้งท่ารับ

“เจ้าจะสู้กับคนทั้งพัน ด้วยลมหายใจของเจ้าเพียงคนเดียวหรือ?” ชายหน้ากากถามเสียงเยาะ

แต่หยางเหวินกลับหลับตา สูดหายใจยาว และปล่อยออกอย่างมั่นคง

“ข้าไม่สู้เพียงด้วยลมหายใจของข้า แต่ด้วยลมหายใจของผู้คนที่ข้าเคยพบ ผ่าน และจำได้ ข้าจึงยังมีลมหายใจที่ไม่มีวันหมด”

สิ้นคำ ร่างของหยางเหวินเปล่งแสงบางเบาจากเส้นปราณ หยาดเหงื่อแห่งการฝึกฝน ท่วงทำนองของจิตวิญญาณ และความแน่วแน่ที่ไม่หวั่นไหวรวมกันเป็นพลัง

เงาร่างทั้งหมดเริ่มสั่นไหว เหมือนกำลังสูญสิ้นแรงขับ ไป๋หรูอวิ๋นดีดพิณอีกครั้ง โน้ตเสียงที่สอง แหลมสูงก้องทั่วหุบเขา

ชายหน้ากากทรุดลง ชุดคลุมของเขาเริ่มกลายเป็นผงฝุ่น ลมหายใจสุดท้ายของร่างที่ไม่มีชีวิตค่อย ๆ สลายไปในอากาศ

“เจ้าคือผู้สืบทอดของลมหายใจกลับด้านจริง ๆ” เขากระซิบก่อนร่างจะพังทลายกลายเป็นเถ้าธุลี

หยางเหวินทรุดลงนั่งหอบหายใจ ไป๋หรูอวิ๋นเข้าประคองไว้เงียบ ๆ

“พวกเขาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้” นางกล่าวเบา ๆ

หยางเหวินพยักหน้า แววตาแน่วแน่ “และข้าก็จะไม่หยุดเช่นกัน จนกว่าจะรู้ความจริงทั้งหมด”

เบื้องหลังศาลา เงาสายหนึ่งที่แอบมองการต่อสู้อยู่ในความเงียบเงา สะกดจิตกับคำพูดนั้น เงาที่แฝงอยู่ในพรรคเหยี่ยวนิล กำลังเคลื่อนไหว...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ 2 ในยามที่ลมหายใจสั่นไหว

    คืนหนึ่ง หยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นนั่งเคียงกันที่เรือนริมหน้าผา ยามค่ำคืนทาบเงาให้ทั่วผืนป่า และสายลมพัดเย็นจนเปลวเทียนบนโต๊ะกลางห้องสั่นไหวหยางเหวินกำลังร้อยสร้อยหินหยกเส้นเล็กด้วยมืออย่างตั้งใจ เขาไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน แต่สีหน้าเต็มไปด้วยสมาธิไป๋หรูอวิ๋นนั่งมองเขา มือประคองถ้วยชาร้อนเอาไว้ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อาจห้ามใจ“เจ้ารู้ไหม” เขาพูดขึ้นในที่สุด โดยไม่เงยหน้าขึ้นจากสายสร้อย “ข้าร้อยสร้อยเส้นนี้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน แต่เพิ่งมาถักปมสุดท้ายได้วันนี้”“เพราะอะไร?”“เพราะวันนี้ ข้ารู้สึกว่ามีอะไรที่สมบูรณ์มากพอแล้วจะมอบให้แก่เจ้า”นางรับสายสร้อยมาอย่างเงียบงัน หยกเขียวที่ถูกขัดจนใสราวหยดน้ำวางอยู่บนฝ่ามือ“เจ้าเคยบอกว่า ไม่ต้องการสิ่งผูกมัด”“ข้าเคยคิดเช่นนั้น” เขาพยักหน้า “แต่ตอนนี้ ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ใด สายลมหายใจของข้าจะมีกลิ่นชาอบอุ่นแบบเจ้าเสมอ”ไป๋หรูอวิ๋นเงยหน้าขึ้น ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย“ข้าก็คิดเหมือนกัน แต่อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า ข้ากลัว...”“กลัวอะไร?”“กลัวว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะไม่หายใจอยู่เคียงข้า” นางกล่าวเสียงแผ่วเบาหยางเหวินย

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ ลมหายใจแห่งความรัก

    เสียงพิณจากหอเล็กด้านหลังดังขึ้นเบา ๆ เป็นศิษย์สาวคนหนึ่งที่กำลังฝึกบรรเลง“เจ้าจำเพลงแรกที่ข้าเล่นให้เจ้าฟังได้หรือไม่?” ไป๋หรูอวิ๋นถาม“จำได้สิ มันคือ คืนแรกที่ข้าเห็นเจ้าผ่านสายลมและเสียงพิณ”“ตอนนั้นเจ้ายังแทบจะควบคุมลมหายใจของตนไม่ได้”“ตอนนี้ ข้ากลับรู้สึกว่า ลมหายใจของข้าสงบที่สุดเมื่ออยู่กับเจ้า” หยางเหวินยิ้มเสียงพิณยังดังต่อไปเบื้องหลัง ขณะที่สองเงานั่งเคียงกันท่ามกลางแดดยามสายค่ำคืนนั้น แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องทะลุม่านบางหน้าต่าง ตกกระทบบนพื้นไม้ของเรือนเล็กกลางหุบเขา เงาจากต้นไม้ภายนอกไหวเบา ๆ ตามจังหวะลมหยางเหวินนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเตาผิง มือถือพู่กันเขียนตำราใหม่อย่างตั้งใจ ไฟจากเตาผิงสะท้อนเงาใบหน้าของเขาให้ดูนิ่งลึก มีแววอ่อนโยนในแววตาเสียงประตูเลื่อนเปิดช้า ๆ ก่อนที่ไป๋หรูอวิ๋นจะเดินเข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนบาง นางสวมชุดคลุมบางสีขาวทับเสื้อผ้าด้านใน เส้นผมยาวถึงเอวถูกรวบไว้ลวก ๆ“ยังไม่เข้านอนหรือ?” นางถาม พลางวางผ้าห่มลงข้างเขา“ข้าเขียนได้เพียงไม่กี่บรรทัดเอง” เขาหัวเราะเบา ๆ“แสดงว่าเจ้าคิดถึงเรื่องอื่นอยู่” นางนั่งลงข้างเขา ม้วนขาแนบกับตนเอง เหมือนเคยทำในคืนฤดูหนาวเ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 20 ลมหายใจที่ใต้หล้าจดจำ

    ยุทธภพเงียบสงบมาได้หลายเดือนหลังเหตุการณ์ที่สำนักใหญ่ทั้งหลายหยุดตามล่าคัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน เมื่อรู้ว่าเจ้าของพลังได้สละมันไปแล้วอย่างสิ้นเชิงหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในเรือนกลางหุบเขาเงียบสงัด ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และเปิดตำราเก่าให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่กระบวนท่า แต่รวมถึงการเข้าใจหัวใจของตนเองข่าวเล่าขานถึง “จอมยุทธ์ผู้ไม่มีลมหายใจ” แพร่สะพัดออกไปในหมู่บ้านห่างไกล สำนักเล็ก สำนักใหญ่ รวมถึงลูกศิษย์ลูกหาในยุทธภพต่างอยากพานพบชายผู้หนึ่งที่มีพลังจากใจ ไม่ใช่จากฝีมือวันหนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองหลวงมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของหยางเหวิน“ข้าได้ยินว่า ที่นี่มีคนที่สามารถสอนข้าวิชาที่ไม่ต้องใช้ลมหายใจ” เขาเอ่ยด้วยดวงตาที่เปล่งแสงจริงจังหยางเหวินยิ้ม เพียงกล่าวว่า “ไม่มีวิชาที่ไม่ใช้ลมหายใจ มีแต่ใจที่หายใจให้ถูกเท่านั้น”เขาพาเด็กหนุ่มไปนั่งใต้ต้นหลิว สอนให้หลับตาฟังเสียงหัวใจตนเองแทนการเร่งฝึกฝนพลังภายนอกไป๋หรูอวิ๋นมองภาพนั้นจากระยะไกล ดวงหน้าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับไปคัดลอกคัมภีร์เล่มใหม่ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า “ลมหายใจแห่งใจ”ขณะเดียวกัน ที่

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 19 ชีวิตที่หายใจแทนกัน

    ไป๋หรูอวิ๋นเงียบงันในคืนที่สายลมสะบัดผ่านยอดไม้ ดวงตานางทอดมองสายน้ำเบื้องหน้าโดยไม่กะพริบ แม้ท่าทีภายนอกจะนิ่งเฉยเช่นเดิม แต่หยางเหวินสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไป“เจ้าหายใจถี่ขึ้น” เขากล่าวเบา ๆ ขณะนั่งลงข้างนางใต้ต้นหลิว “เกิดอะไรขึ้น”ไป๋หรูอวิ๋นไม่ตอบในทันที ริมฝีปากขยับเพียงน้อยราวลังเล“ข้ารู้ตัวดีว่าข้า ไม่มีลมหายใจของตนเองมาตั้งแต่เกิด” นางกล่าวช้า ๆ “ชีวิตของข้าอาศัยลมหายใจของผู้อื่น ผ่านพิธีของสำนักเก่าที่ข้าจากมา”หยางเหวินเบิกตากว้างเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า...”“ใช่ ข้าคือสตรีผู้ถูกฝึกให้ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังชีวิตของผู้อื่น” เสียงของนางเรียบเฉย “ข้าจึงไม่กล้าผูกพันกับผู้ใดนัก เพราะหากคนผู้นั้นสูญเสียพลัง ข้าก็จะตาย”เขาเงียบงัน ลมหายใจหนึ่งเคลื่อนผ่านร่างเขาดังแผ่วเบา ก่อนเขาจะกล่าว “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ลมหายใจของข้าแก่เจ้า”ไป๋หรูอวิ๋นเบิกตา ดวงหน้าที่เคร่งขรึมมาตลอดมีรอยไหวสั่น“อย่าพูดอะไรบ้า ๆ สิ เจ้าคือผู้ถือครองคัมภีร์ เจ้าจะเสียพลังไม่ได้”“หากพลังนี้มีไว้เพื่อปกป้องผู้คน ข้าจะเริ่มจากเจ้าก่อน” หยางเหวินกล่าวชัดเจน “เจ้าไม่ใช่แค่ศิษย์ร่วมสำนัก หรือเพื่อนร่วมทาง เจ้า

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 18 ลมหายใจสุดท้ายของอาจารย์

    ลมหนาวปลายฤดูพัดผ่านสันเขาต้าหลาน ดอกบ๊วยผลิดอกเต็มกิ่ง ท่ามกลางผืนหิมะที่ยังไม่ละทิ้งกลิ่นไอเยือกเย็นหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่เบื้องล่างยอดเขา สายตาจับจ้องเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาเมื่อหลายเดือนก่อน“มันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง” หยางเหวินกล่าว พลางยกมือแตะอก “ข้ารู้ว่าพลังทั้งหมด จะต้องจบลงที่นี่”“และจบลงกับเขา หลัวซิง” ไป๋หรูอวิ๋นพูดแผ่วเบา ดวงตาคล้ายมีหมอกบางแห่งความรู้สึกค้างคาทั้งสองปีนสู่ยอดเขาอย่างช้า ๆ ฝ่าลมหนาว หิมะ และเสียงลมหายใจของธรรมชาติที่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเมื่อถึงลานหน้าศาลาพักเก่า เสียงกระแอมหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน“เจ้ากลับมาแล้วหรือ”เสียงนั้นมาจากหลัวซิง ผู้ชราลงกว่าเดิม แต่แววตายังแจ่มกระจ่างราวกับเคยเฝ้ามองใต้หล้าอย่างลึกซึ้ง“ท่านอาจารย์” หยางเหวินประสานมือคารวะด้วยความเคารพ “ข้ากลับมา พร้อมคัมภีร์”หลัวซิงเดินออกมาช้า ๆ มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือแนบหลัง “เจ้าจึงรู้แล้ว ว่าแท้จริง พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถือครอง แต่คือสิ่งที่มอบ”หยางเหวินพยักหน้า “และข้าจะมอบมัน อย่างที่ท่านเคยมอบลมหายใจแรกให้ข้า”หลัวซิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็พร้อมแ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 17 ความจริงจากสำนักฟ้าเทียน

    รุ่งเช้า ณ ริมผาสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาเขตสำนักฟ้าเทียน แดดยามเช้าส่องลอดม่านหมอกคลี่ตัวบางเบา ขณะที่หยางเหวินกับไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่หน้าแท่นหินจารึกโบราณที่แทบจะถูกเถาวัลย์กลืนกินจนหมด“นี่คือประตูขั้นแรกของเขตต้องห้ามสำนักฟ้าเทียน” ไป๋หรูอวิ๋นกระซิบหยางเหวินใช้ปลายนิ้วสัมผัสลวดลายโบราณบนแผ่นหิน มีลายเส้นหนึ่งที่เหมือนกระแสลมหายใจคดเคี้ยวขึ้นฟ้า“นี่ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ นี่คือแบบฝึกลมหายใจสายหนึ่ง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ใช่” นางพยักหน้า “ท่านอาจารย์เคยบอกว่าหากลมหายใจของผู้ใดเข้าถึงจังหวะที่จารึกนี้ปรากฏ ประตูสำนักจะเปิดออกเองโดยไม่ต้องใช้แรง”หยางเหวินนั่งลงขัดสมาธิ ฝึกปราณหน้าจารึกนั้นทันที ไป๋หรูอวิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เขา หลับตาแนบแน่น ปรับลมหายใจให้นิ่งเฉกเช่นกัน แม้ไร้ชีพจรของตน แต่นางยังฝึกเพื่อร่วมสภาวะกับเขาให้มากที่สุดลมหายใจแรกคือสายหมอก ลมหายใจที่สองคือเสียงของเขา และลมหายใจที่สามคือเสียงของใต้หล้าที่ไร้คำพูดผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เสียงกึกเบา ๆ ดังขึ้นที่แท่นหิน จากนั้นพื้นหินตรงหน้าก็สั่นไหว เผยบันไดหินทอดลึกลงไปเบื้องล่าง“เปิดแล้ว”หยางเหวินลืมตา ดวงตาเปล่งประกายเงี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status