พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้ากระจกในห้องของตัวเอง จ้องมองเงาสะท้อนที่ดูอ่อนล้าและปราศจากแววตาสดใสที่เคยมี คำพูดของธีรภัทรในงานเลี้ยงวันเกิดยังคงดังก้องในหัวของเธอ ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเสียงสะท้อนที่ไม่มีวันจางหาย
"อย่าคิดว่าความใจดีของเธอจะทำให้ฉันลืมทุกอย่างได้"
แค่คิดถึงคำพูดนั้น หัวใจของพิมพ์ดาวก็ปวดหนึบ เธอเคยเชื่อว่าถ้าเธอพยายามมากพอ
ถ้าเธอให้ความรักมากพอ สักวันธีรภัทรจะต้องใจอ่อน
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธอพยายามมากเท่าไหร่ เธอกลับยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม ในฐานะภรรยาของธีรภัทร เธอยังคงดูแลทุกอย่างรอบตัวเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แม้ว่า....ภายในใจจะค่อย ๆ พังทลายลงไปทุกวัน
ธีรภัทรเองก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของพิมพ์ดาว เขาเห็นว่าเธอยังคงทำงานตามปกติ
แต่แววตาของเธอไม่สดใสเหมือนเดิม เธอไม่พูดมากเหมือนเคย และรอยยิ้มที่เคยเต็มไปด้วยความอบอุ่นกลับดูจืดจางลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาควรจะรู้สึกดีใจไม่ใช่เหรอ? เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องการ เขาพยายามผลักไสเธอออกไปจากชีวิต พยายามให้เธอเลิกหลอกตัวเอง แต่ทำไมกัน... ทำไมเขากลับรู้สึกเหมือนบางอย่างขาดหายไป
วันหนึ่ง ขณะที่ธีรภัทรกำลังตรวจเอกสารอยู่ในห้องทำงาน พิมพ์ดาวก็เดินเข้ามาวางกาแฟให้เขาตามปกติ
แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้พูดอะไรเลย แค่ยืนอยู่เงียบ ๆ แล้วหันหลังเดินออกไป
"เดี๋ยว พิมพ์ดาว" ธีรภัทรเผลอเรียกเธอออกไปโดยไม่รู้ตัว
พิมพ์ดาวหยุดชะงัก หันกลับมามองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ธีรภัทรเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องการพูดอะไร เขาแค่รู้สึกว่าไม่อยากให้เธอเดินออกไปแบบนั้น
"กาแฟขมไปหน่อย" เขาพูดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
พิมพ์ดาวพยักหน้า "ฉันจะไปชงใหม่ให้ค่ะ"
"ไม่ต้อง ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นเอง" ธีรภัทรถอนหายใจ
ธีรภัทรสบตากับเธอ ก่อนจะเผลอยกมือขึ้นแตะแก้มของเธอเบา ๆ เพียงเสี้ยววินาทีที่ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มเย็นเฉียบของเธอ หัวใจของเขากลับกระตุกวูบ
ดวงตาของเธอสะท้อนความเหนื่อยล้าและสิ้นหวัง... และนั่นทำให้ธีรภัทรรู้สึกแปลก ๆ
"เธอโอเคหรือเปล่า?"
พิมพ์ดาวชะงักไปชั่วขณะก่อนจะฝืนยิ้ม "ค่ะ ฉันโอเค"
โกหก...
เขารู้ว่าเธอโกหก แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ
เวลาผ่านไปหลายวัน พิมพ์ดาวยังคงทำหน้าที่ของตัวเอง แต่เธอเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองมากขึ้น ถ้าธีรภัทรไม่มีวันรักเธอ เธอควรจะปล่อยมือจากเขาหรือไม่?
ขณะเดียวกัน ธีรภัทรเองก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความรู้สึกบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ แต่เขายังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
.
.
.
พิมพ์ดาวรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงต่อหน้าต่อตา เธอยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่มุมหนึ่งของร้านอาหารหรูใจกลางเมือง ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังภาพตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตาได้
ธีรภัทรกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมในสุดของร้าน ตรงข้ามเขาคือหญิงสาวหน้าตาสวยหวาน รอยยิ้มของเธอสดใส ดวงตาของเธอเปล่งประกายขณะที่พูดคุยกับเขาอย่างสนิทสนม ไม่รู้ว่าพิมพ์ดาวยืนมองอยู่นานแค่ไหน แต่ทุกอิริยาบถของธีรภัทร—รอยยิ้มบาง ๆ ที่เขามอบให้ผู้หญิงคนนั้น ท่าทางที่ดูผ่อนคลายอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมานาน—มันทำให้หัวใจของเธอปวดหนึบ
เธออยากเข้าไปถามเขาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมเขาถึงมานั่งทานอาหารกับเธอด้วยสีหน้าที่ดูสบายใจขนาดนั้น แต่ขาของเธอกลับก้าวไม่ออก ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
เธอเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นความรู้สึกทั้งหมดไว้ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องการให้ธีรภัทรเห็นเธออยู่ตรงนั้น
คืนนั้น พิมพ์ดาวกลับถึงบ้านพร้อมกับหัวใจที่หนักอึ้ง เธอเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างเงียบเชียบ ปิดประตูแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง ความรู้สึกที่สุมอยู่ในอกมันแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
เธอพยายามมาโดยตลอด พยายามดูแลธีรภัทรอย่างดีที่สุดแม้ว่าเขาจะเย็นชาใส่แค่ไหน เธออดทนกับคำพูดทำร้ายจิตใจ อดทนกับความเฉยชา อดทนกับทุกอย่างเพียงเพราะหวังว่าสักวันหนึ่งหัวใจของเขาจะมีที่ว่างให้เธอบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว…มันคงเป็นเพียงแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้นเอง
น้ำตาของเธอไหลออกมาเงียบ ๆ โดยไม่อาจห้ามได้ เธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยกับการพยายาม เหนื่อยกับการทำดีแล้วไม่ได้รับอะไรกลับมา และเหนื่อยที่ต้องหลอกตัวเองว่าสักวันทุกอย่างจะดีขึ้น
บางที…เธอควรปล่อยมือแล้วจริง ๆ สินะ
ธีรภัทรกลับถึงบ้านดึกกว่าปกติเล็กน้อย แต่เขาก็ยังแปลกใจเมื่อเห็นบ้านเงียบผิดปกติ ปกติแล้วพิมพ์ดาวมักจะออกมาต้อนรับเขาเสมอ แม้ว่าจะเป็นแค่การยืนรอหน้าประตูพร้อมกับรอยยิ้มอ่อน ๆ หรือการถามเขาว่าเหนื่อยไหม แต่คืนนี้…ทุกอย่างเงียบงัน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเธอ เคาะประตูเบา ๆ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เขาตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป และพบว่าพิมพ์ดาวกำลังนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูเรียบเฉย แต่ดวงตานั้นแดงก่ำเหมือนคนเพิ่งร้องไห้มา
“พิมพ์ดาว เป็นอะไร?”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “คุณไปไหนมาเหรอคะ?”
ธีรภัทรเลิกคิ้วกับคำถามนั้น “ไปทานข้าวกับเพื่อน ทำไม?”
พิมพ์ดาวหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เพื่อน…งั้นเหรอคะ” เธอพึมพำ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขา “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ?”
ธีรภัทรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “เธอเห็นฉันเหรอ?”
“ค่ะ ฉันเห็นทุกอย่าง” น้ำเสียงของพิมพ์ดาวสั่นเล็กน้อย “ฉันเห็นคุณยิ้มให้เธอ ฉันเห็นคุณดูสบายใจเวลาคุยกับเธอ…ฉันไม่เคยเห็นคุณเป็นแบบนั้นกับฉันเลย”
ธีรภัทรรู้สึกถึงบางอย่างที่บีบแน่นอยู่ในอก แต่เขาก็ยังคงสีหน้านิ่ง “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”
พิมพ์ดาวนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้น้ำตาไหลออกมาพร้อมกัน
“ใช่ค่ะ มันคงไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน…เพราะฉันคงไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
เธอสูดลมหายใจลึก พยายามควบคุมตัวเอง
“ฉันเหนื่อยแล้วค่ะ…ฉันพยายามมาตลอด แต่ฉันคงไม่สามารถฝืนต่อไปได้อีกแล้ว”
ธีรภัทรรู้สึกเหมือนบางอย่างกระแทกเข้าที่อก เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ บางทีเขาน่าจะรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เหรอ? เขาต้องการให้เธอเลิกหลอกตัวเอง
“แล้วเธอจะเอายังไง?” เขาถามเสียงเบา
พิมพ์ดาวเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็เด็ดเดี่ยว “ฉันจะไปค่ะ”
ธีรภัทรหัวเราะเยาะ "ทำไม? จะหนีหรือไง?"
พิมพ์ดาวนิ่งไป ก่อนจะพูดเสียงเบา "ฉันไม่ได้อยากหนี... แต่ฉันไม่อยากอยู่ในที่ที่ฉันไม่มีค่าแล้ว"
ธีรภัทรมองเธอด้วยสายตาเย็นชา "งั้นเหรอ? แต่เธอคงลืมไปแล้วสินะว่าเธอยังติดสัญญาแต่งงานกับฉันอีกหนึ่งปี ต่อให้เธออยากไป เธอก็ไปไหนไม่ได้"
พิมพ์ดาวชะงักไป ร่างกายของเธอเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ หัวใจเต้นช้าลงราวกับกำลังจะหยุด
"หนึ่งปี..." เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เสียงแหบพร่าราวกับไร้เรี่ยวแรง
ธีรภัทรยังคงมองเธอด้วยสายตาเย็นชา "อย่าคิดว่าจะทิ้งฉันไปง่าย ๆ แค่เพราะเธอเจ็บปวดหน่อยเลย"
พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเริ่มพร่ามัวไปด้วยน้ำตา แต่เธอพยายามกลั้นมันเอาไว้ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
กลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง เธอปิดประตูแล้วทรุดตัวลงนั่งบนพื้นอย่างหมดแรง เธอขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ
"ทำไม..."
เธอพึมพำออกมาเบา ๆ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงบนมือที่กำแน่น
ทำไมเธอถึงต้องติดอยู่ที่นี่... ในที่ที่ไม่มีใครต้องการเธอ...
เธอเอื้อมมือไปหยิบเอกสารสัญญาแต่งงานที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชัก เปิดมันออกมาดู พลิกหน้ากระดาษไปมา ดวงตาไล่มองตัวอักษรที่เป็นเหมือนโซ่ตรวนพันธนาการ
'ระยะเวลาสัญญา: 1 ปี'
'ในช่วงระยะเวลาสัญญา คู่สมรสจะต้องดำรงสถานะสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่มีการแยกกันอยู่...'
พิมพ์ดาวหัวเราะให้กับตัวเอง รอยยิ้มของเธอขมขื่นเกินกว่าจะบรรยาย
หนึ่งปี...
อีกหนึ่งปีที่เธอจะต้องจมอยู่ในนรกแห่งนี้...
พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นว่า "ฉัน… ฉันพร้อมแล้ว ที่จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง"ธีรภัทรเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า เขายกมือขึ้นกุมมือของพิมพ์ดาวแน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด"ขอบคุณนะพิมพ์ดาว… ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสผม…"ปริญมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน"ผมยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ" ปริญพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหาธีรภัทรธีรภัทรลุกขึ้นยืนหันไปมองปริญ ปริญยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ฉันกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ ถ้านายทำให้พิมพ์ดาวเสียใจแม้แต่นิดเดียว… ฉันจะกลับมา และพาพิมพ์ดาวกับลูกหนีไปจากนายทันที"ธีรภัทรมองสบตาปริญด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ"ฉันสัญญา… ฉันจะไม่มีวันทำให้พิมพ์ดาวเสียใจอีก"ปริญยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตบไหล่ธีรภัทรเบา ๆทันใดนั้น…"แด๊ดดี้! แม่!"เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พัตเตอร์จะวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยวิ่งตรงมาหาธีรภัทรกับพิมพ์ดาว ก่อนจะกระโดดกอดพวกเข
ปริญยืนมองหลังของธีรภัทรที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คลื่นความรู้สึกบางอย่างกระเพื่อมอยู่ในอก เขารู้ดีว่าธีรภัทรรักพิมพ์ดาวมากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นคำพูดที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริงปริญก้มมองเครื่องอัดเสียงในมือ ก่อนจะกำมันไว้แน่น และตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตัวเอง เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพิมพ์ดาวทันทีบรรยากาศในบ้านของพิมพ์ดาวเงียบสงบ มีเพียงเสียงของลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ปริญนั่งอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น โดยมีพิมพ์ดาว พ่อ แม่ และน้องชายของเธอนั่งอยู่ล้อมรอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด"ปริญ... มีอะไรเหรอ?" พิมพ์ดาวถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสงสัยปริญสบตากับเธอ ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงขึ้นมา"ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินสิ่งนี้" เขาพูดช้า ๆ ก่อนจะเปิดเครื่องอัดเสียงทันทีที่เสียงของธีรภัทรดังขึ้น ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง"ผมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น..."ดวงตาของพิมพ์ดาวเบิกกว้าง หัวใจเธอเต้นแรงเม
เสียงเครื่องบินที่กำลังลดระดับลงล้อแตะกับรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้พิมพ์ดาวที่กำลังยืนรออยู่หน้าเกทขาเข้าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก ผู้โดยสารทยอยเดินออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพ่อ แม่ และน้องชายที่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต พิมพ์ดาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยอย่างตื้นตัน“คุณแม่... คุณพ่อ...” พิมพ์ดาวน้ำตาคลอเบ้า“แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน” น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาทำให้พิมพ์ดาวกอดท่านแน่นขึ้น ก่อนจะหันไปกอดบิดา และสุดท้ายคือ ภัทร น้องชายที่ยืนกอดอก มองพี่สาวด้วยสีหน้ากึ่งดีใจ กึ่งเคืองขุ่น“กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่คุณหญิงจินดาและเจ้าสัวพิชิตพยักหน้า แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านทั้งสองจะดูขมขื่นเล็กน้อยก็ตาม“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ดูแลพิมพ์ดาวกับหลานให้ดี ๆ เสียที” เจ้าสัวพิชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แววตาเย็นชานั้นทำให้พิมพ์ดาวรู้ดีว่าเขายังไม่ให้อภัยธีรภัทร
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านสีขาวภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสงบอย่างน่าประหลาด พิมพ์ดาวนั่งเฝ้าธีรภัทรอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวของชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทเธอวางมือลงเบา ๆ บนหลังมือของเขา แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาแบบนี้"อืม..."เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของธีรภัทร ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะขยับเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของพิมพ์ดาว"พิมพ์..." เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างชัดเจน "เธอกับลูก... ปลอดภัยใช่มั้ย?"พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาที่มีต่อเธอและพัตเตอร์ ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว"พวกเราปลอดภัย..." เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปใกล้เขา "คุณน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง?"ธีรภัทรยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน
วันต่อมา – หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์ในช่วงเย็น ขณะที่ธีรภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใส่สูทสีเข้ม ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่พัตเตอร์กำลังเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามเด็กเล่น"ขอบคุณนะคะ ที่มารับพัตเตอร์ด้วยกันทุกวัน" พิมพ์ดาวพูดเบา ๆธีรภัทรหันไปมองเธอ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาอยู่กับพวกคุณ"พิมพ์ดาวหลุบตาลง เธอรู้สึกว่าธีรภัทรกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจเขาเต็มร้อยทันใดนั้น…"พิมพ์ดาว!!"เสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้น ทำให้พิมพ์ดาวและธีรภัทรหันไปมองทันทีร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ ในมือของเธอมีมีดคมกริบเล่มหนึ่ง"กานต์รวี!" ธีรภัทรร้องเสียงดัง ขณะที่กานต์รวีพุ่งเข้าหาพิมพ์ดาวด้วยความเร็ว"แกต้องตาย!!"พิมพ์ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาทั้งสองข้างของเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอได้แต่มองปลายมีดที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างตกตะ
แสงแดดยามเช้าสาดกระทบผ่านม่านสีขาวในห้องนอนของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ขณะที่เสียงนกร้องแว่วดังมาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางขยับกายเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงของพัตเตอร์ที่ตะโกนเรียกเธอ"มามี๊~ ตื่นได้แล้วครับ!"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือเรียวเสยผมยาวสลวยของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป"มามี๊ตื่นแล้วครับลูก เดี๋ยวมามี๊จะออกไปเดี๋ยวนี้"พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบกับพัตเตอร์ที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้อง ในชุดนักเรียนที่ถูกแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มือเล็ก ๆ ถือกล่องนมไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามากอดขาเธอแน่น"พัตเตอร์ตื่นเช้าจังเลยค่ะ" พิมพ์ดาวลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของเขา"พัตเตอร์ไม่ได้ตื่นเองนะครับ" เด็กชายเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตใสซื่อเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา"แด๊ดดี้โทรปลุกพัตเตอร์เองต่างหาก!"พิมพ์ดาวชะงัก หัวใจเต้นกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า 'แด๊ดดี้'"คุณธีรภัทรจะมาเหรอคะ?" เธอถามด้วยความสงสัยพัตเตอร์พยักหน้าแรง