Главная / โรแมนติก / ลวงรักกับดักแค้น / บทที่ 3 งานแต่งที่ไร้หัวใจ

Share

บทที่ 3 งานแต่งที่ไร้หัวใจ

last update Последнее обновление: 2025-02-27 12:00:45

แสงไฟจากโคมระย้าที่ประดับอยู่กลางห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาวส่องประกายระยิบระยับ เสียงพูดคุยหัวเราะของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแต่งดังก้องไปทั่ว แต่บรรยากาศในใจของพิมพ์ดาวกลับว่างเปล่า

ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ที่เธอสวมใส่เป็นผลงานจากดีไซเนอร์ชื่อดัง ถูกตัดเย็บอย่างประณีตเพื่อให้เหมาะกับรูปร่างของเธอที่สุด ผ้าลูกไม้เนื้อละเอียดโอบรัดช่วงไหล่ และกระโปรงยาวพริ้วไหวดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยาย ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แต่หัวใจของเธอกลับไม่รู้สึกถึงความงดงามใด ๆ เลย

เจ้าสัวพิชิต และคุณหญิงจินดา วรากร ยืนยิ้มรับแขกพร้อมคู่บ่าวสาวอยู่ที่หน้างาน

“ทำไมไม่เห็นครอบครัวฝ่ายชายเลยหล่ะ” คุณหญิงพยายามมองหาแต่ก็ไม่พบ จนตอนนี้จะเริ่มงานแล้ว เจ้าบ่าวก็ยังไม่ได้พาแขกผู้ใหญ่มาแนะนำสักคน

“เคยได้ยินว่าเขาเติบโตอยู่ต่างประเทศ” เจ้าสัวตอบกลับภรรยา เขาก็รู้สึกไม่ดีที่ครอบครัวฝ่ายชายไม่มาร่วมงาน เหมือนไม่ให้เกียรติกันยังไงยังงั้น

“ต่อให้เติบโตอยู่ต่างประเทศ แต่นี้คืองานแต่งลูกชายนะ จะไม่มาร่วมงานกันเลยเหรอ เหลวไหลจริง ๆ” คุณหญิงยังไม่วายบ่นออกมา เมื่อเหลือบไปเห็นหน้าของลูกสาวก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหนัก

“ดูหน้าเจ้าสาวสิ ทำไมหน้าดูไม่มีความสุขอย่างนี้ ฉันสงสารลูกจังเลยคุณ”

เจ้าสัวเหลือบมองไปยังเจ้าสาวที่ยืนเคียงข้างกับเจ้าบ่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาก็สะท้านใจ เขารู้ว่าลูกสาวต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่เขาไม่มีทางเลือกจริง ๆ

ธีรภัทรในชุดสูทสีดำสง่างามยืนอยู่ข้างเธอ มือของเขาประสานกับมือของเธอหลวม ๆ ท่ามกลางสายตาของแขกในงานที่จับจ้องมองด้วยความสนใจ หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงหุ่นเชิดในละครที่ถูกกำกับให้เดินตามบทบาทที่ไม่ได้เป็นของตัวเอง

“เจ้าสาวสวยมากเลยนะครับคุณธีร์” แขกคนหนึ่งกล่าวชื่นชม

ธีรภัทรแค่ยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่บีบมือของพิมพ์ดาวเบา ๆ ราวกับจะเตือนให้เธออยู่ในบทบาทของตัวเอง

งานแต่งนี้ไม่มีความโรแมนติก ไม่มีคำสาบานรัก ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มจริงใจจากเจ้าบ่าว มีเพียงพิธีการที่ถูกจัดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของเขาและเพื่อรักษาชื่อเสียงของตระกูลเธอเท่านั้น

เมื่อถึงเวลาที่พิธีกรประกาศให้เจ้าบ่าวกล่าวคำพูดขอบคุณแขกในงาน

"แขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ" เสียงของพิธีกรดังขึ้น "เจ้าบ่าวของเราอยากจะกล่าวอะไรกับเจ้าสาวของเขาสักหน่อย"

พิมพ์ดาวชะงัก หัวใจเต้นแรงด้วยความกังวล เธอไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่จากท่าทีของเขา คำพูดนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่เธออยากฟังแน่

ธีรภัทรก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทีมั่นใจ เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างสุขุม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในวันนี้”

เขาหยุดเล็กน้อย รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปาก แต่มันไม่ได้อบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

"ผมรู้ว่าหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงแต่งงานครั้งนี้" เขาเริ่มพูด น้ำเสียงเรียบเย็น "แต่ความจริงแล้ว... ผมไม่ได้แต่งงานเพราะความรัก"

เสียงซุบซิบของแขกดังขึ้นทันที พิมพ์ดาวรู้สึกเหมือนมีมีดกรีดผ่านหัวใจเธอ เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่แรงกดดันจากทุกสายตาที่มองมาทำให้เธอแทบทรุดลงไปตรงนั้น

"ผมแต่งงานเพราะ... มันเป็นสิ่งที่ผมต้องรับผิดชอบ" ธีรภัทรกล่าวต่อ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอแน่วแน่ "เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคาดหวังอะไรจากผมมากนักนะ พิมพ์ดาว"

ประโยคนั้นดังก้องในโสตประสาทของเธอ ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้อง ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ พิมพ์ดาวกำมือแน่นเพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้ตัวสั่น

ธีรภัทรยังคงพูดต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ผมเห็นว่าเธอและครอบครัวของเธออยู่ในสถานการณ์ลำบาก และผมมีวิธีช่วย ดังนั้นการแต่งงานนี้จึงเกิดขึ้น” เขาหันไปสบตาเธอโดยตรง

“มันเป็นเพียงข้อตกลง ไม่มีอะไรเกินกว่านั้น”

เมื่อได้ยินสิ่งที่พูดออกมาจากปากเจ้าบ่าว เจ้าสัวและภรรยาที่ยืนยิ้มในตอนแรกก็ต้องรีบหุบยิ้มทันที ทั้งสองคนทำหน้าไม่ถูกเมื่อมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ตัวพวกเขา สลับกับเจ้าสาวเป็นสายตาที่บ่งบอกถึงการเหยียดหยามอย่างที่สุด

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากบางมุมของงาน พิมพ์ดาวกำมือแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือตัวเองเพื่อระงับอารมณ์ เธอรู้สึกเหมือนถูกทำให้เป็นตัวตลกในวันสำคัญของตัวเอง

เสียงคน ๆ หนึ่ง ตะโกนขึ้นไปบนเวที “ถ้ารู้ว่าตระกูลวรากรยอมรับข้อเสนอแบบนี้ด้วย ผมคงรีบติดต่อเจ้าสัวก่อนคุณธีรภัทรแล้ว แต่เงินผมไม่ได้เยอะเท่าคุณธีร เพราะฉะนั้นอาจจะไม่ได้จัดงานแต่ง แต่แค่ได้ใกล้ชิดชั่วคราวก็เท่านั้นนะครับ”

เมื่อจบประโยคนั้น ชายคนนั้นและเพื่อน ๆ พร้อมกับแขกหลายคนก็หัวเราะเยาะออกมา

พิมพ์ดาวกะพริบตาถี่ ๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

‘ทำไมเขาต้องพูดออกสื่อแบบนี้’ เธอถามตัวเอง ‘ทำไมต้องเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉันขนาดนี้’

หลังจากลงจากเวที พิมพ์ดาวเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงทันทีโดยไม่รอใคร เธอไม่สนว่ามันจะดูเสียมารยาทแค่ไหน เธอรู้แค่ว่าเธอทนอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

เธอเดินไปตามทางเดินของโรงแรม หัวใจเต้นแรงด้วยความโกรธและความอับอาย ก่อนที่มือใหญ่ของใครบางคนจะคว้าแขนเธอไว้จากด้านหลัง

“คุณจะไปไหน” ธีรภัทรถามเสียงเรียบแต่แฝงด้วยแรงกดดัน

“ไปให้พ้นจากคุณไง!” เธอสบตาเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว แต่ในใจกลับรู้สึกสั่นไหว

ธีรภัทรถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกระซิบเสียงเย็น "อย่าทำให้เรื่องยุ่งยากกว่านี้ พิมพ์ดาว"

เธอจ้องหน้าเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด "ฉันมันน่าสมเพชขนาดนั้นเลยใช่ไหม? จนคุณต้องมาพูดเหยียดฉันต่อหน้าคนทั้งงานแบบนี้!"

เขาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะกระตุกแขนเธอเบา ๆ ให้เดินตามเขาไป "คืนนี้ยังอีกยาวไกล อย่าดื้อ"

เมื่อกลับเข้ามาถึงในห้อง พิมพ์ดาวก็ได้ยินเสียงแขกกลุ่มหนึ่งกำลังพูดถึงเธอกับครอบครัวอยู่

“ก็ว่าทำไมแต่งงานเร็ว ที่แท้ก็เรื่องเงินสินะ”

“น่าสงสารคุณธีร์จริง ๆ ต้องแต่งเพราะความรับผิดชอบ”

“ผมก็อยากจะแต่งเพราะความรับผิดชอบกับเจ้าสาวที่สวยแบบนี้เหมือนกันนะครับ”

“แล้วคุณมีเงินเท่ากับคุณธีร์หรือเปล่าหล่ะ ได้ข่าวว่าหนี้สินฝั่งนั้นมีไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน”

“โห ถ้าแต่งผู้หญิงแค่คนเดียวต้องเสียถึง 100 ล้าน ต่อให้สวยแค่ไหน ผมก็ไม่เอาหรอกครับ เอาเงินไปซื้อดาราตัวท๊อปมานอนกอดเล่นดีกว่า เปลี่ยนได้ทุกวัน”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณเนี่ยช่างพูดจริง ๆ”

ธีรภัทรสังเกตเห็นพิมพ์ดาวมองตรงไปที่คนกลุ่มนี้ เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูด ปากก็กระตุกยิ้มขึ้นมาทันที

ชายหนุ่มไม่รอช้าจูงมือเจ้าสาวตรงเข้าไปในกลุ่มทันที

“สวัสดีครับ ขอบคุณทุกคนนะครับมาร่วมงานแต่งผมกับคุณดาวในวันนี้” เสียงทุ้มดังขึ้น ปลุกให้วงซุบซิบของไฮโซนี้รีบหยุดปากลงทันที ทุกคนหันหน้ามาหาเจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ

“ยินดีด้วยนะครับ คุณธีร์ เจ้าสาวสวยจริง ๆ แต่สินสอดแพงไปหน่อยนะครับ”

ทุกคนพยักเพยิดกันอย่างขำ ๆ ในขณะที่พิมพ์ดาวได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าใคร พร้อมกับกำมือแน่น

ธีรภัทรรู้ว่าหญิงสาวรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ แต่นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ เขาหันไปมองหน้าเจ้าสัวพิชิตและภรรยาที่ตอนนี้ยืนทำหน้าเสีย ในขณะที่มือก็กำไว้แน่นเพื่ออดทนให้งานนี้ผ่านไปให้เร็วที่สุด

เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างชั่วร้าย ‘อย่าเพิ่งอกแตกตายกันไปก่อนหล่ะ นี่มันเพิ่งเริ่มต้น’

เมื่อถึงเวลาส่งตัว เจ้าสาวต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนหอตามธรรมเนียม แต่สำหรับพิมพ์ดาว ทุกอย่างดูเหมือนเพียงพิธีกรรมที่ไร้ซึ่งความหมาย เป็นเพียงจุดสิ้นสุดของค่ำคืนอันเลวร้ายที่เธอไม่สามารถหลีกหนีได้

พ่อแม่ของเธอยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและไม่สบายใจ แม่ของพิมพ์ดาวพยายามฝืนยิ้มแม้ดวงตาจะคลอไปด้วยน้ำตา

“ฝากลูกสาวเราด้วยนะ” เสียงของแม่แผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความหมาย

ธีรภัทรเหลือบมอง ก่อนจะพยักหน้ารับเพียงนิด ไม่มีแม้แต่คำพูดใด ๆ ตอบกลับมา

บรรยากาศเงียบงันและน่าอึดอัด

ทันใดนั้น เขายื่นมือมาคว้าข้อมือของพิมพ์ดาว ดึงเธอให้เดินตามเข้าไปด้านใน

“เจ็บนะ!” พิมพ์ดาวพยายามสะบัดแขนออก แต่แรงของเขาแน่นหนาเหมือนกุญแจมือ

“อย่าดื้อ” ธีรภัทรโน้มหน้าลงมากระซิบเสียงเข้ม “คุณไม่อยากให้คืนนี้แย่ไปกว่านี้ใช่ไหม?”

พ่อของพิมพ์ดาวขยับตัวเข้ามาหมายจะห้าม แต่ธีรภัทรหันไปมองด้วยสายตานิ่งเฉย ราวกับไม่ได้รู้สึกผิดหรือเห็นความสำคัญของใครเลย

แม่ของเธอกลั้นน้ำตาไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ขณะที่พ่อของเธอกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหลังมือ

“ทำไมเขาถึงทำกับลูกเราแบบนี้…” พ่อพึมพำเบา ๆ อย่างข่มอารมณ์

คืนนั้น ครอบครัวของพิมพ์ดาวจากไปด้วยความเจ็บช้ำ ขณะที่ตัวเธอเองต้องเผชิญหน้ากับชีวิตแต่งงานที่ไร้หัวใจเพียงลำพัง—ชีวิตที่เธอไม่เคยต้องการเลยแม้แต่น้อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลวงรักกับดักแค้น   บทที่ 40 บทสรุปของความรัก

    พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นว่า "ฉัน… ฉันพร้อมแล้ว ที่จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง"ธีรภัทรเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า เขายกมือขึ้นกุมมือของพิมพ์ดาวแน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด"ขอบคุณนะพิมพ์ดาว… ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสผม…"ปริญมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน"ผมยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ" ปริญพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหาธีรภัทรธีรภัทรลุกขึ้นยืนหันไปมองปริญ ปริญยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ฉันกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ ถ้านายทำให้พิมพ์ดาวเสียใจแม้แต่นิดเดียว… ฉันจะกลับมา และพาพิมพ์ดาวกับลูกหนีไปจากนายทันที"ธีรภัทรมองสบตาปริญด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ"ฉันสัญญา… ฉันจะไม่มีวันทำให้พิมพ์ดาวเสียใจอีก"ปริญยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตบไหล่ธีรภัทรเบา ๆทันใดนั้น…"แด๊ดดี้! แม่!"เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พัตเตอร์จะวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยวิ่งตรงมาหาธีรภัทรกับพิมพ์ดาว ก่อนจะกระโดดกอดพวกเข

  • ลวงรักกับดักแค้น   บทที่ 39 โอกาสที่สอง

    ปริญยืนมองหลังของธีรภัทรที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คลื่นความรู้สึกบางอย่างกระเพื่อมอยู่ในอก เขารู้ดีว่าธีรภัทรรักพิมพ์ดาวมากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นคำพูดที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริงปริญก้มมองเครื่องอัดเสียงในมือ ก่อนจะกำมันไว้แน่น และตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตัวเอง เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพิมพ์ดาวทันทีบรรยากาศในบ้านของพิมพ์ดาวเงียบสงบ มีเพียงเสียงของลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ปริญนั่งอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น โดยมีพิมพ์ดาว พ่อ แม่ และน้องชายของเธอนั่งอยู่ล้อมรอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด"ปริญ... มีอะไรเหรอ?" พิมพ์ดาวถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสงสัยปริญสบตากับเธอ ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงขึ้นมา"ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินสิ่งนี้" เขาพูดช้า ๆ ก่อนจะเปิดเครื่องอัดเสียงทันทีที่เสียงของธีรภัทรดังขึ้น ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง"ผมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น..."ดวงตาของพิมพ์ดาวเบิกกว้าง หัวใจเธอเต้นแรงเม

  • ลวงรักกับดักแค้น   บทที่ 38 คำสารภาพสุดท้าย

    เสียงเครื่องบินที่กำลังลดระดับลงล้อแตะกับรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้พิมพ์ดาวที่กำลังยืนรออยู่หน้าเกทขาเข้าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก ผู้โดยสารทยอยเดินออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพ่อ แม่ และน้องชายที่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต พิมพ์ดาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยอย่างตื้นตัน“คุณแม่... คุณพ่อ...” พิมพ์ดาวน้ำตาคลอเบ้า“แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน” น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาทำให้พิมพ์ดาวกอดท่านแน่นขึ้น ก่อนจะหันไปกอดบิดา และสุดท้ายคือ ภัทร น้องชายที่ยืนกอดอก มองพี่สาวด้วยสีหน้ากึ่งดีใจ กึ่งเคืองขุ่น“กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่คุณหญิงจินดาและเจ้าสัวพิชิตพยักหน้า แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านทั้งสองจะดูขมขื่นเล็กน้อยก็ตาม“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ดูแลพิมพ์ดาวกับหลานให้ดี ๆ เสียที” เจ้าสัวพิชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แววตาเย็นชานั้นทำให้พิมพ์ดาวรู้ดีว่าเขายังไม่ให้อภัยธีรภัทร

  • ลวงรักกับดักแค้น   บทที่ 37 บาดแผลที่สมานกัน

    แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านสีขาวภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสงบอย่างน่าประหลาด พิมพ์ดาวนั่งเฝ้าธีรภัทรอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวของชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทเธอวางมือลงเบา ๆ บนหลังมือของเขา แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาแบบนี้"อืม..."เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของธีรภัทร ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะขยับเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของพิมพ์ดาว"พิมพ์..." เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างชัดเจน "เธอกับลูก... ปลอดภัยใช่มั้ย?"พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาที่มีต่อเธอและพัตเตอร์ ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว"พวกเราปลอดภัย..." เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปใกล้เขา "คุณน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง?"ธีรภัทรยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน

  • ลวงรักกับดักแค้น   บทที่ 36 ระยะห่างที่เหลืออยู่

    วันต่อมา – หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์ในช่วงเย็น ขณะที่ธีรภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใส่สูทสีเข้ม ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่พัตเตอร์กำลังเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามเด็กเล่น"ขอบคุณนะคะ ที่มารับพัตเตอร์ด้วยกันทุกวัน" พิมพ์ดาวพูดเบา ๆธีรภัทรหันไปมองเธอ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาอยู่กับพวกคุณ"พิมพ์ดาวหลุบตาลง เธอรู้สึกว่าธีรภัทรกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจเขาเต็มร้อยทันใดนั้น…"พิมพ์ดาว!!"เสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้น ทำให้พิมพ์ดาวและธีรภัทรหันไปมองทันทีร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ ในมือของเธอมีมีดคมกริบเล่มหนึ่ง"กานต์รวี!" ธีรภัทรร้องเสียงดัง ขณะที่กานต์รวีพุ่งเข้าหาพิมพ์ดาวด้วยความเร็ว"แกต้องตาย!!"พิมพ์ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาทั้งสองข้างของเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอได้แต่มองปลายมีดที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างตกตะ

  • ลวงรักกับดักแค้น   บทที่ 35 การเสียสละของกวิน

    แสงแดดยามเช้าสาดกระทบผ่านม่านสีขาวในห้องนอนของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ขณะที่เสียงนกร้องแว่วดังมาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางขยับกายเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงของพัตเตอร์ที่ตะโกนเรียกเธอ"มามี๊~ ตื่นได้แล้วครับ!"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือเรียวเสยผมยาวสลวยของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป"มามี๊ตื่นแล้วครับลูก เดี๋ยวมามี๊จะออกไปเดี๋ยวนี้"พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบกับพัตเตอร์ที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้อง ในชุดนักเรียนที่ถูกแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มือเล็ก ๆ ถือกล่องนมไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามากอดขาเธอแน่น"พัตเตอร์ตื่นเช้าจังเลยค่ะ" พิมพ์ดาวลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของเขา"พัตเตอร์ไม่ได้ตื่นเองนะครับ" เด็กชายเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตใสซื่อเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา"แด๊ดดี้โทรปลุกพัตเตอร์เองต่างหาก!"พิมพ์ดาวชะงัก หัวใจเต้นกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า 'แด๊ดดี้'"คุณธีรภัทรจะมาเหรอคะ?" เธอถามด้วยความสงสัยพัตเตอร์พยักหน้าแรง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status