พิมพ์ดาวก้าวเข้าไปในห้องหอที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างหรูหรา ภายในห้องชุดขนาดใหญ่ของโรงแรมห้าดาว ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง เตียงนอนขนาดคิงไซส์ปูด้วยผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดตา กลีบกุหลาบสีแดงกระจัดกระจายไปทั่วพื้นผ้า ดวงไฟสีเหลืองนวลส่องแสงให้บรรยากาศโรแมนติกสมกับค่ำคืนแห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่
แต่สำหรับเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้กลับดู แห้งแล้งปราศจากชีวิตชีวา และไร้ความหมาย
เสียงปิดประตูดัง "ปัง!" ดึงสติของพิมพ์ดาวให้กลับมาอีกครั้ง เธอหันไปมองชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาหลังเธอ ธีรภัทรถอดสูทออกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะโยนมันลงบนโซฟาตัวหรูแล้วเดินตรงไปยังมินิบาร์ เทไวน์รินใส่แก้วอย่างใจเย็น ก่อนจะจิบมันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอด้วยซ้ำ
พิมพ์ดาวยืนนิ่งอยู่กลางห้อง ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา—ความโกรธ ความอับอาย ความเจ็บปวด และความสิ้นหวัง เธอพยายามข่มมันเอาไว้ กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อของตัวเอง
“คุณจะให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเลยหรือไง” เธอเอ่ยขึ้นในที่สุด พยายามรักษาน้ำเสียงให้มั่นคง
ธีรภัทรถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันกลับมา เขามองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งเหมือนเธอเป็นเพียงแค่วัตถุชิ้นหนึ่งในห้อง ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความใส่ใจ
“ต้องให้ผมเชิญด้วยมั้ยครับ อยากทำอะไรก็ทำสิ ผมไม่ได้ห้าม” เขาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง ราวกับไม่เห็นว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้น
พิมพ์ดาวเม้มปากแน่น คำพูดที่ไร้เยื่อใยและสายตาเรียบนิ่งของเขา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกผลักให้จมดิ่งลงในความโดดเดี่ยว เธอไม่เคยคาดหวังความรักจากเขา แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะ ปฏิบัติต่อเธอราวกับเธอเป็นอากาศธาตุ
“ฉันเป็นภรรยาของคุณ” เธอเอ่ยขึ้น
ธีรภัทรเหลือบมองเธอเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ภรรยา?” เขาทวนคำก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาเธอ ดวงตาคมกริบจับจ้องเธอราวกับจะมองทะลุเข้าไปถึงข้างใน
“อ้อ ใช่ เราเพิ่งผ่านงานแต่งงานมา คุณชอบมั้ย เป็นงานแต่งงานที่สนุกมากเลย คุณว่ามั้ย”
พิมพ์ดาวยืนกำมือแน่นมองเขาน้ำตาคลอ “ไม่ ฉันไม่ชอบ ทำไมคุณต้องเหยียดหยามครอบครัวฉันแบบนั้นด้วย”
“ก็แล้วทำไม มันไม่ใช่เรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ ผมเป็นคนไม่ชอบโกหกเสียด้วยสิ” ธีรภัทรพูดพร้อมยกมุมปากยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม
เมื่อเห็นว่าพิมพ์ดาวไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มก็พูดต่อทันที
““เอาน่า เดี๋ยวอีกหน่อยคุณก็ชิน เพราะนี่มันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น” ชายหนุ่มยื่นมือไปเชยคางหญิงสาวขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเจ้าสาวหมาด ๆ กำลังมีน้ำตาไหลริน ธีรภัทรก็ยิ่งมีความสุข
“เอาหล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว คุณไปอาบน้ำเถอะ คืนนี้เราจะได้เข้าหอกัน” พูดจบก็สะบัดมือที่เชยคางหญิงสาวออก ทำให้หน้าของพิมพ์ดาวหันไปอีกทางอย่างแรง แล้วธีรภัทรก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟาจิบไวน์อย่างไม่สนใจ
พิมพ์ดาวยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นรูปปั้นหิน ความขมขื่นในวันนี้ค่อย ๆ ดูดกลืนเรี่ยวแรงทั้งหมดจากเธอไป เธออยากคิดว่านี้เป็นเพียงฝันร้าย ที่เธอจะได้ตื่นในอีกไม่ช้า
“อ้าว ยังไม่ไปอีก หรืออยากให้ผมพาคุณเข้าไปอาบเอง” เสียงทุ้มเร่งขึ้นมาอีกครั้ง
เหมือนหลุดออกจากภวังค์ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง ใจหนึ่งก็รู้สึกอับอาย โกรธแค้นที่วันนี้เธอโดนทุก ๆ คนเหยียดหยาม แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกประหม่าที่เดี๋ยวเธอจะต้องเข้าหอกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก และไม่ได้รักกัน
ถึงแม้พิมพ์ดาวจะเป็นสาวไฮโซ เคยมีแฟนมาหนึ่งคน แต่เธอก็ไม่เคยมีอะไรกับแฟนคนนั้น แค่กอดจูบคือมากที่สุด หญิงสาวยังมีความคิดอย่างคาดหวังว่าเธออยากจะมอบความบริสุทธ์ให้กับคนที่เธอแต่งงานในคืนแรก และเธอก็หวังอย่างมากว่าชายหนุ่มจะเห็นค่าของมัน
หลังจากใช้เวลาในนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ร่างบางออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนบางเบาสีเนื้อ ผมยาวที่เปียกชื้นทำให้ชุดนอนแนบเนื้อเข้าไปอีก หากคนทั่วไปเห็นก็ต้องบอกว่ารูปร่างของพิมพ์ดาวคือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันอยากได้ และผู้ชายทุกคนอยากอยู่ด้วย แต่สำหรับธีรภัทร....มันคือความน่ารังเกียจ
ชายหนุ่มแค่เหลือบมองร่างสวยตรงหน้า แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่ใส่ใจ ระหว่างเดินผ่านเธอ ร่างสูงสบถออกมาให้เธอได้ยิน “อาบน้ำช้าชะมัด ลูกคุณหนูใช้เวลาแต่งตัวจนเคยชิน”
พิมพ์ดาวขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรเขากันแน่ ทั้งเหยียดหยาม ทั้งทำให้เธอและครอบครัวอับอาย และดูเหมือนเธอทำอะไรก็ไม่ถูกใจ
ธีรภัทรใช้เวลาแค่ 15 นาทีในห้องน้ำเมื่อออกมา ก็เห็นหญิงสาวกำลังนั่งรอเขาอยู่บนเตียง ชายหนุ่มเดินไปหาหญิงสาว พร้อมกับผลักตัวเธอนอนลงไปบนเตียง ธีร์ขึ้นไปคร่อมตัวของพิมพ์ดาวเอาไว้ หน้าของเขาเข้าใกล้หน้าของเธอมาก พิมพ์ดาวรู้สึกประหม่าแต่เธอก็ทำใจไว้แล้วว่าสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจแต่งงานกับเขา ดังนั้น เธอจึงหลับตาลงเพื่อรอรับจูบของเขา
แต่เสียงที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมาทำให้หญิงสาวต้องรีบลืมตาขึ้นทันที
“คิดว่าผมจะจูบคุณอย่างนั้นเหรอ คุณคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาของผมจริง ๆ งั้นเหรอ”
พิมพ์ดาวสบตาเขาโดยไม่หลบหนี แม้ว่าในใจของเธอจะเริ่มสั่นไหว
“เราผ่านพิธีแต่งงานกันมาแล้ว” เธอตอบ
ธีรภัทรเหยียดยิ้ม “งั้นคุณคงเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง”
เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้เธอจนลมหายใจของเขารดใบหน้าของเธอ
“ผมไม่ได้แต่งงานกับคุณเพราะความรัก และที่สำคัญ คุณก็ไม่ได้เป็นภรรยาของผมในความหมายที่แท้จริง”
พิมพ์ดาวข่มอารมณ์ที่ตีรวนขึ้นมา เธอรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอีกครั้ง
“คุณหมายความว่าไง”
ธีรภัทรหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลุกจากตัวหญิงสาวและถอยออกไปสองสามก้าว พิมพ์ดาวรีบลุกขึ้นมานั่งพร้อมทั้งพยายามกระชับเสื้อคลุมชุดนอนไว้ให้แน่นกว่าเดิม น่าขายหน้าจริง ๆ
“คุณอยากให้ผมอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ไหม?” เขาหันหลังไปยืนเช็ดผมอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและหันมามองหน้าหญิงสาวอย่างเฉยเมย
“ผมจะบอกให้คุณเข้าใจง่าย ๆ นะพิมพ์ดาว”
เขาวางผ้าเช็ดหัวลงบนโต๊ะแล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
“คุณเป็นภรรยาในนามเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผมไม่คิดจะแตะต้องคุณ ไม่คิดจะรักคุณ และไม่คิดจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณในฐานะสามีภรรยา”
คำพูดนั้นคมกริบ ราวกับใบมีดที่ฝังลึกลงไปในความรู้สึกของเธอ ไม่อาจถอดถอน
เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาแต่งงานเพราะข้อตกลง ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรง ๆ อย่างโหดร้ายเช่นนี้
เธอเม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกั้นน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตา
“แล้วคุณจะแต่งงานกับฉันทำไม” เธอถามเสียงสั่นเล็กน้อย
ธีรภัทรยิ้มมุมปาก แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีความอบอุ่นอยู่เลย “เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปที่เตียง แล้วดึงหมอนกับผ้าห่มออกมาก่อนจะเดินกลับมาที่โซฟา
“คุณนอนได้ที่เตียง ส่วนผมจะนอนตรงนี้”
พิมพ์ดาวมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “คุณจะไม่แม้แต่จะแตะต้องฉันเลยงั้นเหรอ”
ธีรภัทรเลิกคิ้ว “ทำไม? คุณต้องการให้ผมแตะต้องคุณงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น” เธอรีบปฏิเสธ “แต่คุณทำเหมือนฉันเป็นแค่สิ่งของที่ไม่มีค่าอะไรเลย”
ธีรภัทรหัวเราะเบา ๆ “ผมไม่ได้คิดว่าคุณเป็นสิ่งของหรอกนะพิมพ์ดาว” เขากล่าว ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา
“แต่คุณก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมต้องการเช่นกัน”
หัวใจของพิมพ์ดาวหล่นวูบ เธอรู้สึกเหมือนถูกกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอหันหลังให้เขา พยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่สุดท้าย น้ำตาหยดแรกก็ไหลออกมา
ค่ำคืนแรกในฐานะภรรยา กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและความเจ็บปวด
เธอไม่เคยคิดเลยว่า... การแต่งงานของเธอจะเริ่มต้นด้วยความโหดร้ายเช่นนี้
พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นว่า "ฉัน… ฉันพร้อมแล้ว ที่จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง"ธีรภัทรเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า เขายกมือขึ้นกุมมือของพิมพ์ดาวแน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด"ขอบคุณนะพิมพ์ดาว… ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสผม…"ปริญมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน"ผมยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ" ปริญพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหาธีรภัทรธีรภัทรลุกขึ้นยืนหันไปมองปริญ ปริญยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ฉันกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ ถ้านายทำให้พิมพ์ดาวเสียใจแม้แต่นิดเดียว… ฉันจะกลับมา และพาพิมพ์ดาวกับลูกหนีไปจากนายทันที"ธีรภัทรมองสบตาปริญด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ"ฉันสัญญา… ฉันจะไม่มีวันทำให้พิมพ์ดาวเสียใจอีก"ปริญยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตบไหล่ธีรภัทรเบา ๆทันใดนั้น…"แด๊ดดี้! แม่!"เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พัตเตอร์จะวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยวิ่งตรงมาหาธีรภัทรกับพิมพ์ดาว ก่อนจะกระโดดกอดพวกเข
ปริญยืนมองหลังของธีรภัทรที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คลื่นความรู้สึกบางอย่างกระเพื่อมอยู่ในอก เขารู้ดีว่าธีรภัทรรักพิมพ์ดาวมากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นคำพูดที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริงปริญก้มมองเครื่องอัดเสียงในมือ ก่อนจะกำมันไว้แน่น และตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตัวเอง เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพิมพ์ดาวทันทีบรรยากาศในบ้านของพิมพ์ดาวเงียบสงบ มีเพียงเสียงของลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ปริญนั่งอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น โดยมีพิมพ์ดาว พ่อ แม่ และน้องชายของเธอนั่งอยู่ล้อมรอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด"ปริญ... มีอะไรเหรอ?" พิมพ์ดาวถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสงสัยปริญสบตากับเธอ ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงขึ้นมา"ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินสิ่งนี้" เขาพูดช้า ๆ ก่อนจะเปิดเครื่องอัดเสียงทันทีที่เสียงของธีรภัทรดังขึ้น ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง"ผมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น..."ดวงตาของพิมพ์ดาวเบิกกว้าง หัวใจเธอเต้นแรงเม
เสียงเครื่องบินที่กำลังลดระดับลงล้อแตะกับรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้พิมพ์ดาวที่กำลังยืนรออยู่หน้าเกทขาเข้าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก ผู้โดยสารทยอยเดินออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพ่อ แม่ และน้องชายที่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต พิมพ์ดาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยอย่างตื้นตัน“คุณแม่... คุณพ่อ...” พิมพ์ดาวน้ำตาคลอเบ้า“แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน” น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาทำให้พิมพ์ดาวกอดท่านแน่นขึ้น ก่อนจะหันไปกอดบิดา และสุดท้ายคือ ภัทร น้องชายที่ยืนกอดอก มองพี่สาวด้วยสีหน้ากึ่งดีใจ กึ่งเคืองขุ่น“กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่คุณหญิงจินดาและเจ้าสัวพิชิตพยักหน้า แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านทั้งสองจะดูขมขื่นเล็กน้อยก็ตาม“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ดูแลพิมพ์ดาวกับหลานให้ดี ๆ เสียที” เจ้าสัวพิชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แววตาเย็นชานั้นทำให้พิมพ์ดาวรู้ดีว่าเขายังไม่ให้อภัยธีรภัทร
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านสีขาวภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสงบอย่างน่าประหลาด พิมพ์ดาวนั่งเฝ้าธีรภัทรอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวของชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทเธอวางมือลงเบา ๆ บนหลังมือของเขา แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาแบบนี้"อืม..."เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของธีรภัทร ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะขยับเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของพิมพ์ดาว"พิมพ์..." เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างชัดเจน "เธอกับลูก... ปลอดภัยใช่มั้ย?"พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาที่มีต่อเธอและพัตเตอร์ ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว"พวกเราปลอดภัย..." เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปใกล้เขา "คุณน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง?"ธีรภัทรยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน
วันต่อมา – หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์ในช่วงเย็น ขณะที่ธีรภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใส่สูทสีเข้ม ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่พัตเตอร์กำลังเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามเด็กเล่น"ขอบคุณนะคะ ที่มารับพัตเตอร์ด้วยกันทุกวัน" พิมพ์ดาวพูดเบา ๆธีรภัทรหันไปมองเธอ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาอยู่กับพวกคุณ"พิมพ์ดาวหลุบตาลง เธอรู้สึกว่าธีรภัทรกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจเขาเต็มร้อยทันใดนั้น…"พิมพ์ดาว!!"เสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้น ทำให้พิมพ์ดาวและธีรภัทรหันไปมองทันทีร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ ในมือของเธอมีมีดคมกริบเล่มหนึ่ง"กานต์รวี!" ธีรภัทรร้องเสียงดัง ขณะที่กานต์รวีพุ่งเข้าหาพิมพ์ดาวด้วยความเร็ว"แกต้องตาย!!"พิมพ์ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาทั้งสองข้างของเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอได้แต่มองปลายมีดที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างตกตะ
แสงแดดยามเช้าสาดกระทบผ่านม่านสีขาวในห้องนอนของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ขณะที่เสียงนกร้องแว่วดังมาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางขยับกายเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงของพัตเตอร์ที่ตะโกนเรียกเธอ"มามี๊~ ตื่นได้แล้วครับ!"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือเรียวเสยผมยาวสลวยของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป"มามี๊ตื่นแล้วครับลูก เดี๋ยวมามี๊จะออกไปเดี๋ยวนี้"พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบกับพัตเตอร์ที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้อง ในชุดนักเรียนที่ถูกแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มือเล็ก ๆ ถือกล่องนมไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามากอดขาเธอแน่น"พัตเตอร์ตื่นเช้าจังเลยค่ะ" พิมพ์ดาวลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของเขา"พัตเตอร์ไม่ได้ตื่นเองนะครับ" เด็กชายเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตใสซื่อเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา"แด๊ดดี้โทรปลุกพัตเตอร์เองต่างหาก!"พิมพ์ดาวชะงัก หัวใจเต้นกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า 'แด๊ดดี้'"คุณธีรภัทรจะมาเหรอคะ?" เธอถามด้วยความสงสัยพัตเตอร์พยักหน้าแรง