“วีวี่ไม่เข้าใจเลยค่ะ คุณพ่อมีเล็กมีน้อยยังไงวีวี่ก็ไม่เคยสนใจ แต่ทำไมอยู่ๆ ถึงบอกว่าอยากจะแต่งงานกับแม่คนนั้น อยากพาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยก็ไม่รู้”
“ท่านพาเข้ามาอยู่แล้วเหรอครับ”
ปกติตติยะก็ไม่สนใจหรืออยากฟังเรื่องแบบนี้สักเท่าไร แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะคนอย่าง ‘ชัชวาล’ เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่งในเมืองไทย พ่อของภรวีนั้น ได้ชื่อว่ารักลูกสาวคนเดียวและเทิดทูนอย่างกับเจ้าหญิง ตามใจอย่างกับอะไรดี ด้วยแม่ของเธอเสียไปตั้งแต่เด็ก ผู้เป็นพ่อกลัวว่าลูกสาวจะขาดความอบอุ่นเลยทุ่มเททุกอย่างให้ ไม่เคยขัดใจสักเรื่องเดียว ภรวีเล่าให้เขาฟังเช่นนั้น เรื่องพาผู้หญิงมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับลูกสาวน่าจะเป็นไปได้ยาก
ชายหนุ่มออกมาพบกับภรวีตามที่เธอขอร้อง เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวน้ำเสียงไม่ดีตอนที่โทรมาหา แล้วก็ได้ฟังเธอระบายถึงเรื่องมีปากเสียงกับผู้เป็นพ่อ จนเริ่มเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่สบายใจด้วยเหตุใด
“ยังค่ะ คุณพ่อแค่บอก แต่ยังไงวีวี่ก็ไม่ยอมอยู่แล้ว ถึงแค่จะเอามาอยู่ที่บ้านวีวี่ยังขยะแขยงจะแย่ แต่นี่คุณพ่อกลับบอกว่าอยากแต่งกับคนนี้ แถมยังบอกอีกว่าวีวี่จะได้มีเพื่อนอยู่ด้วย ใครจะอยากเป็นเพื่อนกับนังเมียน้อยนั่น หน้าตายังไม่อยากจะเจอเลย วีวี่บอกตามตรงนะคะว่ารังเกียจ คนดีๆ ที่ไหนเขาจะยอมนอนกับคนอื่นแลกเงิน คนอย่างวีวีไม่อยากคบหารู้จักอะไรกับแม่พวกนั้นหรอกค่ะ แค่ใครๆ เขารู้ว่าคุณพ่อมีเมียน้อยวีวี่ก็อายจะแย่ ถ้าแต่งกันจริง โอ๊ย...วีวี่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแน่เลยค่ะ”
หญิงสาวบ่นยาวเหยียดแต่เสียงพูดนั้นไม่ดังจนเกินไปนักเพราะกลัวคนในร้านอาหารจะได้ยินเข้า ความจริงเธออยากนัดเขาที่คอนโด แต่บังเอิญว่าตติยะยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันและบอกว่ากำลังหิว ภรวีจึงนัดเขาที่ร้านประจำบรรยากาศดีที่เธอชอบซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับคอนโดของเธอ
ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจ เธอไม่เคยเห็นหน้าตาของเมียน้อยพ่อ รู้เพียงว่าเลี้ยงดูกันมานานหลายปีเพราะได้ยินคนของคุณพ่อแอบคุยกันว่าคนนี้ท่านรักจริง ลืมไม่ลง ถึงจะมีใครบ้างประปรายแต่ก็ยังเลี้ยงคนนี้อย่างจริงจังตลอด แถมมันยังพูดกันสนุกปากว่าสวย หวาน ยิ้มสวย น่าจะเอาใจเก่ง พ่อเธอถึงได้ติดใจ แล้วอยากลองกันบ้างแต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงกับอารมณ์ขี้โมโหของพ่อเธอ เพราะแม้ท่านจะใจดีกับลูกสาวอย่างเธอมาก แต่จริงๆ แล้วคุณชัชวาลนั้นก็เป็นคนดุเลือดร้อนคนหนึ่ง ซึ่งเธอก็จำได้ว่าตอนเด็กๆ ได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ
ส่วนตติยะนั้นไม่รู้จะพูดอะไร เขาไม่สันทัดอะไรแบบนี้จริงๆ นอกจากฟังอย่างเดียว สำหรับอาหารก็ทานไม่ลงไปโดยปริยาย เขาตักไม่กี่คำก็วางช้อนทั้งที่หิวจะแย่ ในขณะที่ภรวีไม่ได้ตักอะไร นอกจากบ่นอย่างเดียว แม้หน้าตาของตติยะจะดูสนใจเธอดี ทว่าในหัวของเขากลับต่อว่าตัวเองอยู่ตลอดที่ดันรับปากมาที่นี่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรับฟังปัญหาของเธอ แต่ทำไมความรู้สึกของเขาเวลาที่ฟังภรวีบ่นไม่หยุด แถมยังว่าคนอื่นเสียๆ หายๆ มันกลับน่าเบื่อแล้วก็น่ารำคาญสุดๆ ผิดกับเรื่องบนเตียงที่เธอทำได้มันสุดๆ ชะมัด
แล้วชายหนุ่มก็นึกออกว่าเขากับภรวีเหมือนจะคุยกันอย่างจริงๆ จังๆ น้อยมากตั้งแต่รู้จักกันมา พวกเขาอยู่ด้วยกันบ่อยที่สุดบนเตียง เจอกันเมื่อไรก็ขึ้นเตียง บทสนทนาเรื่องชีวิตประจำวัน เรื่องงาน หรือเรื่องเรียนนั้นแทบจะไม่มี แม้หญิงสาวจะคุยกับเขาในเรื่องไร้สาระบ้าง หากเขาก็ไม่เคยสนใจฟังอย่างจริงจัง ไม่เคยต้องมานั่งฟังเต็มๆ อย่างนี้ ความจริงตติยะก็คบผู้หญิงคนอื่นๆ แบบนี้ เขาไม่เคยต้องมารับรู้เรื่องราวอะไรของอีกฝ่าย แต่วันนี้ได้มานั่งฟังภรวี มันทำให้ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าบางที...ที่เขาเคยพูดกับเรฟไปว่า อาจจะเลือกภรวีนั้นคงไม่ใช่
แม้จะไม่ถึงกับไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ชอบใจในอุปนิสัยบางอย่างของภรวี เมื่อก่อนเขาสนใจเพียงเซ็กซ์ตรงกันแล้วก็คบผิวเผินอะไรก็ไม่เป็นปัญหา ทว่าหากจะก้าวข้ามไปขั้นอื่นจริงเขาคงต้องคิดดูก่อน คิดหนักๆ ด้วย
ทั้งนี้เพราะในช่วงกลับมาวันแรกๆ ภรวีเป็นผู้หญิงที่ติดต่อกับเขาก่อนใคร เมื่อเรฟนึกสงสัยในเรื่องที่เขาสานสัมพันธ์กับภรวี ชายหนุ่มจึงตอบไปส่งๆ แบบทีเล่นทีจริงด้วยยังลืมบทรักร้อนแรงถูกใจไม่ลง แต่ในความเป็นจริง เขายังไม่แน่ใจสักนิด
“ทานข้าวแล้วเดี๋ยวทิวกลับคอนโดกับวีวี่นะคะ วีวี่ไม่อยากอยู่คนเดียว แล้วคืนนี้วีวี่ก็จะไม่กลับบ้านด้วย ให้คุณพ่อรู้ไปเลยว่าวีวี่กำลังงอนอยู่”
เสียงหญิงสาวดังแทรกความคิดของตติยะ ชายหนุ่มพยักหน้ารับไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก รู้เป็นนัยว่าอีกฝ่ายชวนเขาค้างด้วยซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
“วีวี่ทานอะไรหน่อยไหมครับ”
“วีวี่ไม่หิวค่ะ แค่นั่งคิดว่าจะทำยังไงไม่ให้คุณพ่อแต่งกับนังนั่นก็เครียดจนกินอะไรไม่ลงแล้ว” ภรวีบอกพร้อมทำหน้างออย่างมีจริต
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยให้หายเครียดดีไหม”
ตติยะเย้าพร้อมสายตาวาววับสื่อความหมาย จนอีกฝ่ายเอื้อมมือมาตีมือเขาแต่ก็ยอมรับข้อเสนออย่างเต็มใจ
“ต้องทำให้ได้จริงๆ นะคะ”
“แน่นอนสิครับ”
เขาบอกพร้อมกับยิ้มอย่างละลายใจ เพราะชายหนุ่มเองก็อยากลบภาพของครั้งที่แล้วออกจากความทรงจำของเธอ การแก้ตัวครั้งนี้เขามั่นใจว่าจะไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน
“งั้นเช็กบิลดีกว่าค่ะ วีวี่อยากหายเครียดเร็วๆ”
คำพูดที่ดูกระตือรือร้นของหญิงสาวทำให้เขาอดหัวเราะหึๆ ไม่ได้ เขากับภรวีเข้ากันได้ดีเฉพาะเรื่องนี้จริงๆ จากนั้นชายหนุ่มก็เรียกบริกร
“เอ๊ะ...นั่นมัน...ทิวคะ วีวี่ออกไปรอหน้าร้านนะคะ”
ขณะที่กำลังจ่ายเงินอยู่ๆ ร่างอวบอัดก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อน ตติยะไม่ได้สนใจอะไรมากนักจึงไม่ได้มองตาม เพราะเชื่อว่าภรวีคงไม่หนีไปไหนก่อนแน่ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลูกพี่ลูกน้องของตน
หลังจากบริกรนำบัตรเครดิตมาคืนร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกเสี้ยวก็ลุกขึ้นเดินตามภรวีออกไปนอกร้าน เขามองหาเธออยู่ชั่วครู่ก่อนจะเห็นยืนอยู่ด้านหนึ่งซึ่งห่างจากรถของเขาออกไป เหมือนหญิงสาวกำลังพูดกับใครบางคนอยู่เขาจึงเดินไปหาแล้วก็ได้ยินเสียงแว่วมา
“ทีหน้าทีหลังก็อย่าไปเที่ยวเคาะกระจกรถชาวบ้านสุ่มสี่สุ่มห้าอีกล่ะ มารยาทน่ะรู้จักบ้างไหม”
ตติยะเดินเข้าไปจนถึงพร้อมกับเอ่ยถาม “มีอะไรเหรอครับวีวี่...”
ทว่าพอมองคู่สนทนาของภรวีแล้วชายหนุ่มก็ใบ้กินทันที
=====
หลังเอื้อมทรายคลอดลูก ทั้งครอบครัวของตติยะก็ยังพักอยู่ต่อโดยไม่มีใครเดินทางกลับนอกจากแขก เพราะต่างก็เห่อหลานชายสองคนที่น่ารักน่าชังมากๆ แม้แต่คุณอานนท์กับคุณนิตยาเองก็ยังเฝ้าหลานทั้งสองคนไม่ห่าง ทิ้งงานที่โรงพยาบาลไปเลยทีเดียว เนื่องจากคุณนิตยาลงความเห็นว่าหลานตัวน้อยยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางไปโดนแดดโดนลมทะเลในตอนนี้ ก็เลยเพียงแค่พามาพักที่บ้านพักของตระกูลตติยะเพื่อความสะดวกสบาย และเสียงเด็กๆ จะได้ไม่รบกวนแขกของรีสอร์ต พวกเขาจึงพากันเกงานกันทั้งครอบครัว โดยคุณเจอเซ่สั่งงานผ่านทางวิดีโอคอลกับคนสนิทที่ไว้ใจได้ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยทีเดียวส่วนตัวตติยะนั้นเขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหลังแต่งงานจะพักฮันนีมูนเป็นเดือนจึงไม่เดือดร้อน เนื่องจากเคลียร์และกับเลขาอย่างคุณวิชัยเรียบร้อย หากมีอะไรด่วนวิชัยคงติดต่อเขามาเอง ก็กว่าเขาจะได้แต่งงานคนอื่นก็นำโด่งไปไกลไม่เห็นฝุ่นแล้ว เพราะนับตั้งแต่คืนที่เขาต้องเสียเงินซื้อรถให้น้องทั้งสองคน เอื้อมธารก็ไม่ค่อยจะยอมให้เขาแตะต้องสักเท่าไร แถมก็งานยุ่งเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างใหม่ นานๆ ครั้งถึงจะมีโอกาส ฉะนั้นพอแต่งงานตติยะจึงขอใช้เวลาส่วนตัวก
สองปีต่อมา...“แซนด์ไปไหน คุณหมอเห็นแซนด์หรือเปล่าคะ”ในงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของลูกชายคนโตตระกูลเวลเลโอ ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะซึ่งเจ้าของงานเหมาทั้งรีสอร์ตเพื่อรับรองแขกนั้น ร่างบางของเจ้าสาวชุดสวยหรูราวเจ้าหญิงเดินไปทั่วทั้งบริเวณจัดงาน หลังจากส่งแขกเรียบร้อยแล้วด้วยใบหน้ากังวล เอื้อมธารถามหมอหนุ่มที่กำลังจะไปนั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนในมุมหนึ่งของรีสอร์ต ทำเอาชายหนุ่มชะงักหันมองอย่างงงๆ เพราะแทนที่จะถามหาเจ้าบ่าวแต่เจ้าสาวกลับถามหาพี่สาว“เปล่าครับ แล้วนี่ซีจะไปไหน น่าจะพักนะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”วิศรุตต์พูดโดยไม่ได้เอ่ยถึงเจ้าบ่าวที่เขาคิดว่ามันคงนั่งร่วมวงอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ เรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากเป็นคนชี้โพรงให้กระรอกฤกษ์ส่งตัวนั้นมีไปตั้งแต่เมื่อวานที่กรุงเทพฯ เพราะทั้งสองคนแต่งงานที่บ้านสวนแบบเรียบง่าย รดน้ำทำบุญ มีเพียงแขกผู้ใหญ่และคนสนิทจริงๆ ส่วนงานเลี้ยงมาจัดที่เกาะ ซึ่งเป็นความต้องการของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่ก็อำนวยความสะดวกให้กับแขกที่ได้รับเชิญทั้งไทยและเทศอย่างดี ฉะนั้นคู่บ่าวสาวจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตามฤกษ์ ส่วนบ้านพักของตระกูลนั้นตติยะให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวของเ
เสียงหอบหายใจคละเคล้ากับเสียงเรียกชื่อเขา พร้อมปฏิกิริยาแสนซื่อจากร่างกายของหญิงสาวทำให้คนเจนสนามไหวร่างไม่นับครั้ง สายตาคมจ้องอกอวบสองข้างที่สะท้อนขึ้นลงไว้มั่น ทั้งแรงเสียดสีจากร่างอ่อนนุ่มก็ทำให้กายแข็งแกร่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนสูงลิบแตะเพดาน หัวใจหนุ่มเต้นระส่ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ชายหนุ่มเองก็ยิ่งส่งตัวเองเร็วชนิดลืมโลก เขาไม่เคยคลั่งแบบนี้มาก่อน ลืมไปด้วยซ้ำว่าคนใต้ร่างเขานั้นเพิ่งครั้งแรก เมื่อไม่สามารถรั้งตัวเองได้ตติยะก็วิ่งชนโครมเต็มตัวไม่ยั้ง กระทั่งร่างของคนทั้งสองสะท้านเยือกขึ้นพร้อมกัน ร่างสูงใหญ่เกร็งคำรามพร่าในลำคอดัง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำบิดเหยเกแหงนเงยมองเพดานห้องเอื้อมธารที่กรีดร้องพร้อมตาเบิกโพลงมองภาพชายหนุ่มตรงหน้าด้วยหัวใจที่กระหน่ำแรงโลด รู้สึกรักเขาและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุด หน้าตาท่าทางของอีกฝ่ายแม้จะเหมือนทรมานแสนสาหัสแต่เธอรู้เขาสุขสุดๆ เลยเชียวแหละ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเธอเองก็ไม่ต่างจากเขาเลยความรักกับเซ็กส์บางครั้งมันก็แยกกันไม่ออก เธอเพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง การได้มีความสุขกับคนที่รักนั้นคือเซ็กส์ที่สุดยอดจริงๆเมื่อปล่อยกายปล่อยใจตามอารมณ์ปรารถนาแล้วตต
ครึ่งชัวโมงผ่านไปร่างบางก็ออกมาจากห้องพร้อมผ้าขนหนูพันตัวเพราะไม่ได้ถือเสื้อผ้าเตรียมเข้าไป เธอทำใจกล้าก่อนจะมองดูว่าคนตัวสูงใหญ่อยู่ในห้องหรือไม่ เมื่อไม่เห็นก็รีบวิ่งพรวดไปที่ตู้ซึ่งเพิ่งจัดเสื้อผ้าเข้าไปค้นหาของอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ต้องรีบกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำก่อนที่ตติยะจะเข้ามาทว่าช้าไปแล้ว เพราะประตูห้องเปิดพรวดในขณะที่ร่างสูงในชุดกางเกงเลกับเสื้อแขนตัดฟิตเปรี๊ยะจนเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดแข็งแกร่ง มือใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมก้าวเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มชะงักมองคนร่างบางที่หันมามองเขาตาโต ส่วนหญิงสาวก็สะดุ้งตกใจจนเผลอปล่อยทุกอย่างในมือร่วงลงพื้นตาคมสีอ่อนมองร่างสวยตั้งแต่ใบหน้า ผมเปียกที่ถูกขมวดลวกๆ รุ่ยร่ายตกลงมาระลำคอระหง ไหล่บาง เนินอกอวบขาวนวลเนียนก่อนจะถูกผูกทับไว้ด้วยผ้าขนหนู สายตาเขาจึงไล่ลงล่างอย่างรวดเร็ว ขาขาวกลมกลึงที่โผล่จากผ้าผืนเล็กคลุมสะโพกอย่างหมิ่นเหม่ทำเอาชายหนุ่มกลืนน้ำลายเสียงดังชัดเจน คนที่สบตากับเขาถึงกับตัวสั่นเพราะแววกระหายฉายวาบโชติช่วงอย่างไม่ปิดบัง เอื้อมธารจึงเลี่ยงหลุบตาลงมองเสื้อผ้าแล้วย่อตัวลงหยิบ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีส่วนล่อแห
ขณะนั้นตติยะเริ่มขยับลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้า ทว่าได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงแล้วลุกขึ้นใหม่ มือหนายื่นไปข้างหน้าเพื่อควานหาคนร่างบาง หากก็ต้องล้มอีกครั้งเพราะความรีบร้อนลุยน้ำและมองไม่เห็น แต่ชายหนุ่มก็ยังฝืนลุกขึ้นก้าวเร็วๆ ขึ้นไปบนผืนทรายจนได้ เขาขยี้ตาที่ยังแสบแต่ก็ยังลืมตาไม่ขึ้นจึงได้แต่เดินสะเปะสะปะยื่นมือไปทั่ว“ซี คุณยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า ผมเป็นห่วงคุณนะ ตอบผม ให้ผมได้ยินเสียงคุณหน่อย”หลังจากลืมตาขึ้นมาแล้วยืนมองคนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ในการหาเธออยู่พักใหญ่จนแทบจะทนไม่ไหว มือบางก็ยื่นไปข้างหน้าช้าๆ หากก็ตัดใจลดมือลงในที่สุดและยืนนิ่งอย่างรอคอย ใจเต้นแรงลุ้นระทึกแทบจะกลั้นหายใจ ขอเวลาอีกนิดเดียว แค่นิดเดียวเท่านั้น‘ก้าวมาสิ มาหาฉัน’เอื้อมธารร้องเรียกอีกฝ่ายอยู่เพียงในใจ“คุณอยู่ที่นี่ใช่ไหมซี”ชายหนุ่มเคลื่อนไหวช้าลง พยายามจับทิศทางก่อนจะขยับไปด้านซ้ายมือเพียงสองก้าวแล้วคว้าหมับ ทำให้ร่างเย็นชื้นหากก็นุ่มนิ่มเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาเต็มๆ ปากบางสวยก้มลงจูบข้างขมับเธอพร้อมกระซิบต่อว่าเบาๆ ทั้งที่ใจเขาแทบขาดรอน กลัวไปหมดทุกอย่าง“แกล้งผมทำไมฮึ คุณจะฆ่าผมหรือไง ทั้งที่รู้ว่าผมรักคุณ
“บอกอะไรคะ”ชินานางอดถามไม่ได้“ก็พี่ทิมบอกว่า ผู้ชายถ้าได้มีอะไรกับคนที่รักแล้วจะยิ่งรักมากขึ้น ให้ดูพี่เรฟเป็นตัวอย่าง เพราะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเวลาอยู่กับพี่นา แยมไม่ค่อยเชื่อ เพราะพี่เรฟเขาเย็นชา ชอบทำหน้าเฉยตลอด แต่แยมก็เห็นพี่เรฟมองตามพี่นาตลอดเหมือนกัน ตอนเราเล่นน้ำก็มอง แต่พอเห็นความน่ารักของพี่นาเวลาเขินอย่างนี้แยมเข้าใจเลยค่ะ แยมก็ชอบพี่นานะคะ”เอื้อมธารกับชินานางมองคนที่อธิบายเสียงใสแล้วก็มองหน้ากัน โดยชินานางเป็นฝ่ายเขินหลบไปก่อนขณะที่เอื้อมธารคิดตามคำพูดของสาวน้อย เธอเองก็เห็นด้วยเพราะรู้สึกได้ว่า เรฟแสดงออกว่าห่วงใยรักใคร่ชินานางมากกว่านิสัยปกติของเขา คล้ายกับแววตาที่อานินท์มองพี่สาวของเธอ แถมทั้งสองคนยังมีแผนจะแต่งงานกันในอีกหกเดือนข้างหน้า แต่เอื้อมทรายจะยังอยู่กับเธอโดยที่อานินท์ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยส่วนเมื่อคิดถึงแววตาและการเอาใจใส่ดูแลเธอของตติยะก็ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร แถมเขายังดูจะตามใจเธอมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ไม่ได้ทำให้เอื้อมธารรู้สึกน้อยหน้าใครๆ แต่อย่างใด“แล้วพี่เรฟ แบบว่ามีเซ็กส์กับพี่นาบ่อยไหมคะ”สาวน้อยจอมซักยังถามต่อ แม้ใบหน้าสวยของตัวเองจะแดงเรื่อขึ้น