ฟางหลินเฉินเป็นบุรุษที่ผ่านสมรภูมิบนเตียงมามาก วันนี้เขายอมรับกับตัวเองว่าหญิงสาวใต้ร่างคนนี้ ถูกใจเขาไปเสียทุกอย่าง แม้แต่ยามที่นางควบคุมตัวเองไม่อยู่ สุขสมจนหน้าแดงก่ำสายตาเหลือกกลับ นางยังคงดูน่ารัก ขณะที่นางคว้าจับผ้าปูที่นอนไว้แน่น สองมืออวบของนางก็ยังน่ามองสำหรับเขา
“อ้า..อา ไม่..ไม่..อ้า!” หลิวลี่อินรู้สึกใกล้ลอยไปถึงขอบฟ้าทุกขณะ ความร้อนแรงของสัมผัสที่สอดประสานกันแผดเผาราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน นางแทบจะหยุดหายใจเมื่อเขากัดที่ข้อเท้าและกระทุ้งเข้ามาในตัวนางลึกสุดครั้งแล้วครั้งเล่า
ฟางหลินเฉินรู้สึกถึงการบีบรัดในช่องแคบ เขาจึงขยับสะโพกให้เร็วขึ้นและแรงขึ้น จนตัวเขาเองก็ใกล้ถึงจุดระเบิดความเสียวซ่านเพราะนางบีบแน่นเหลือเกิน แต่ยังคงพยายามอดทนเพื่อพานางฟ้าแสนน่ารักไปให้ถึงยอดเมฆาเสียก่อน
“อ๊ะ อ้า ๆ ๆ....” เสียงกรีดร้องอย่างไร้สติดังออกมา สายน้ำแห่งความสุขสันต์พุ่งกระแทกตัวของเขาและแตกออกราวกับน้ำพุคลั่ง หญิงสาวร่างอวบอ้วนตัวสั่นสะท้าน แอ่นอกขึ้นและหลับตาแน่นกัดฟัน ปลายเท้าของนางสั่นอย่างรุนแรงคล้ายไม่อาจควบคุมใกล้ริมฝีปากของเขา
ฟางหลินเฉินแทบคลั่งเมื่อสายน้ำรักของนางพรั่งพรูออกมาจากช่องทางคับแคบ และโอบล้อมทับถมราวคลื่นทะเลซัดใส่แท่งหยกร้อนของเขา
ชายหนุ่มผลักดันตัวเองเร็วแรงระรัวจนความรู้สึกพุ่งทะยานสุดขอบ ระเบิดความสุขสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวนางฟ้า ระหว่างที่เขากอดขาของนางเอาไว้แน่นราวกับเป็นที่ยึดเหนี่ยวในชีวิตเพียงหนึ่งเดียว
เมื่อความร้อนแรงถูกปลดปล่อยและค่อยๆ จางหายไป หัวใจของฟางหลินเฉินเต้นแรงเหมือนกับจังหวะของเสียงกลองที่กึกก้องอยู่ในห้วงอากาศ ก่อนที่จะปล่อยให้ความสงบและความอ่อนโยนเข้ามากลืนกินความรู้สึกทั้งหมด
เขายอมปล่อยขาอิ่มของหลิวลี่อิน มองดูนางหลับตาตัวสั่นระริก หัวใจของเขาคล้ายถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกสบายใจอย่างที่สุด ราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานในรุ่งอรุณหลังสายฝนกระหน่ำมาทั้งคืน
“นางฟ้า..” เขาเรียกเสียงแหบพร่า เอื้อมมือไปปัดเส้นผมออกจากแก้มนวลของนางอย่างเบามือ ปลายนิ้วของเขาสั่นเบาๆ แต่เขาก็ยังคงดูแลนางราวกับเป็นหยกชั้นดี
หลิวลี่อินรู้สึกถึงฝ่ามือที่โอบหลังคอของนาง และริมฝีปากอุ่นที่จุมพิตหน้าผาก นางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองดูชายหนุ่มหน้าตางดงามที่กำลังทะนุถนอมนางอย่างที่สุด
เขาค่อยๆ ถอนตัวออกจากนางและโอบอุ้มนางไปวางด้านข้าง เพราะนางเพิ่งทำที่นอนตรงนั้นเปียกชื้นเป็นวง แม้หญิงสาวจะรู้สึกเขินอาย แต่ก็อบอุ่นหัวใจที่เขาดูแลนางอย่างดี
นางคิดว่าเขาอาจอยากรีบไปล้างตัว เพราะทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อไคลไม่ต่างจากนางมากนัก และยังมี..คราบน้ำหวานของนาง..แต่เขากลับก้มลงมากอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน ทั้งยังลูบหลังของนางเบาๆ คล้ายปลอบประโลม
“ดีไหม..” เขาถามเสียงทุ้มข้างหู
“...” หลิวลี่อินหน้าแดงทันใด นางไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไร จะบอกว่าไม่ได้รู้สึกดีก็คล้ายไม่จริง แต่จะให้นางตอบว่ารู้สึกดีมากตามจริง เรื่องนี้ก็น่าอายยิ่งนัก จะให้นางกล้าเอ่ยออกไปได้อย่างไร
“ฮึ ๆ ๆ..ผมจะตีความว่าคุณรู้สึกดีก็แล้วกันนะ” เขาหัวเราะเบาๆ และกอดนางแน่นขึ้นอีกนิด ซุกหน้าเข้าซอกคออุ่นและขบกัดนางอย่างละมุน
“เอ่อ..ท่านพี่ ..อย่าเจ้าค่ะ ตัวข้ามีแต่เหงื่อ” นางผลักเขาเบาๆ กลัวว่าเหงื่อสกปรกของนางจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี ทั้งนางยังอับอายกับเรื่องนี้ด้วย
“ออกจะหวานนะ” เขายิ้มและเลียเหงื่อของนางอย่างหลงใหลคลั่งไคล้
“อย่า..อย่าเจ้าค่ะท่านพี่” นางยังพยายามปฏิเสธเขา เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง
“..ใช่ นี่ดึกมากแล้ว ต่อรอบสามอีกไม่ได้” เขาพูดคล้ายเพิ่งนึกบางอย่างได้
“เจ้าคะ?”
“เกมจบแล้ว คุณไม่ต้องเล่นบทฮูหยินอีกแล้ว” เขาบอกพร้อมลุกขึ้นนั่ง
“เจ้าคะ?..” แต่หลิวลี่อินกลับงุนงงคล้ายไม่เข้าใจ
“ก็บอกว่าไม่ต้องแกล้งเป็นฮูหยินแล้ว ออกไปเถอะ” เขาตอบสั้นๆ และรู้สึกกังวล แม้เขาจะชอบหญิงสาวคนนี้มาก แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้นางนอนกับเขาทั้งคืน
“...” หลิวลี่อินสับสนและหวาดกลัว
ฟางหลินเฉินเห็นความกลัวในแววตากลมโต หัวใจของเขาบีบรัด เขาโน้มตัวดึงนางลุกขึ้นมากอด
“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ฉันแค่นอนกับเธอทั้งคืนไม่ได้” เขาเอ่ย
“ข้า..เอ่อ ข้าทำสิ่งใดผิดหรือเจ้าคะ ท่าน..คือ..ท่านพี่” นางถามเสียงสั่น
“ไม่ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด คุณน่ารักมาก มากเหลือเกิน ถ้าคุณอยู่นานกว่านี้ ผมอาจจะตบะแตกและฝืนข้อห้ามของตัวเอง และมันจะเป็นผลแย่ต่อเราทั้งสองฝ่าย
ผมสัญญา ผมจะเรียกใช้บริการของคุณอีก ถ้าคุณไม่อยากให้เรามีปัญหาต่อกัน คุณควรเชื่อฟัง นะครับ..ออกไปก่อนเถอะ หรือถ้าคุณเดินไม่ไหว ผมจะเรียกผู้จัดการมาช่วย ดีไหมครับ” เขาพูดและลูบหลังของหญิงสาวเบาๆ
“เอ่อ ท่านพี่..ข้าไม่แน่ใจว่าท่านพูดถึงสิ่งใด แต่..คืนนี้เป็นคืนเข้าหอ..ข้าคิดว่าออกไปยามนี้ อาจ..เกิดเรื่องร้าย รอพรุ่งนี้ หากท่านยังไม่ต้องการอยู่กับข้า ข้าจะย้ายออกไปเจ้าค่ะ”
“อย่าดื้อสิ..” ฟางหลินเฉินขยับถอยออกมาเพื่อมองหน้าของอีกฝ่าย เขารู้สึกสงสัยที่วิธีการพูดของนางยังคงเป็นแบบโบราณ
“เอ่อ..ข้า..ท่านจะให้ข้านอนพื้นก็ได้เจ้าค่ะ” หลิวลี่อินพูดพร้อมกับพยายามคุกเข่าขอร้อง แม้นางจะรู้สึกปวดเมื่อยทั้งร่าง
“หมายความว่ายังไง” เขาขมวดคิ้ว และเริ่มจำบางอย่างได้อย่างชัดเจน เขาเหมือนฝันว่าตายแล้ว และได้พบท่านยมบาลอ๋องฉินกวง และ..เขาก็ถูกส่งกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้ง
“ไม่จริงใช่ไหม..” ฟางหลินเฉินขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างหวาดกลัว จากนั้นเขาก็รีบลงจากเตียงและวิ่งไปดูรอบๆ ห้อง ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูเพื่อดูข้างนอกห้อง
“ท่านพี่..” นางนั่งอยู่บนเตียงเรียกด้วยความตื่นตระหนก ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อประตูเปิดออก ฟางหลินเฉินก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะด้านนอกประตูมีหญิงสาวที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของสาวใช้เหมือนในยุคโบราณ และยังมีบ่าวชายอีกหลายคน ทุกคนเหมือนเฝ้าประตูหน้าต่างไว้ ต่างตกใจกรีดร้องเมื่อเห็นเขาในขณะที่เปลือยเปล่าล่อนจ้อน
“กรี๊ด!!..นายน้อย” สาวใช้หลายคนต่างก้มหน้าหลบและวิ่งหนีจ้าละหวั่น พวกบ่าวชายก็ต่างหันหลังให้เขาและเดินออกไปไกลยิ่งขึ้น หลายคนคล้ายหวาดกลัวมากกว่าจะเขินอาย
เขารีบปิดประตูและเดินกลับมายังเตียงนอน มองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยความตื่นกลัว เขาพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อจะได้พูดคุยและถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ท่านพี่..”
"ตกลง..นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!” เขาถามเสียงหลง..
ฟางหลินเฉินเป็นบุรุษที่ผ่านสมรภูมิบนเตียงมามาก วันนี้เขายอมรับกับตัวเองว่าหญิงสาวใต้ร่างคนนี้ ถูกใจเขาไปเสียทุกอย่าง แม้แต่ยามที่นางควบคุมตัวเองไม่อยู่ สุขสมจนหน้าแดงก่ำสายตาเหลือกกลับ นางยังคงดูน่ารัก ขณะที่นางคว้าจับผ้าปูที่นอนไว้แน่น สองมืออวบของนางก็ยังน่ามองสำหรับเขา“อ้า..อา ไม่..ไม่..อ้า!” หลิวลี่อินรู้สึกใกล้ลอยไปถึงขอบฟ้าทุกขณะ ความร้อนแรงของสัมผัสที่สอดประสานกันแผดเผาราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน นางแทบจะหยุดหายใจเมื่อเขากัดที่ข้อเท้าและกระทุ้งเข้ามาในตัวนางลึกสุดครั้งแล้วครั้งเล่าฟางหลินเฉินรู้สึกถึงการบีบรัดในช่องแคบ เขาจึงขยับสะโพกให้เร็วขึ้นและแรงขึ้น จนตัวเขาเองก็ใกล้ถึงจุดระเบิดความเสียวซ่านเพราะนางบีบแน่นเหลือเกิน แต่ยังคงพยายามอดทนเพื่อพานางฟ้าแสนน่ารักไปให้ถึงยอดเมฆาเสียก่อน“อ๊ะ อ้า ๆ ๆ....” เสียงกรีดร้องอย่างไร้สติดังออกมา สายน้ำแห่งความสุขสันต์พุ่งกระแทกตัวของเขาและแตกออกราวกับน้ำพุคลั่ง หญิงสาวร่างอวบอ้วนตัวสั่นสะท้าน แอ่นอกขึ้นและหลับตาแน่นกัดฟัน ปลายเท้าของนางสั่นอย่างรุนแรงคล้ายไม่อาจควบคุมใกล้ริมฝีปากของเขาฟางหลินเฉินแทบคลั่งเมื่อสายน้ำรักของนางพรั่งพรูออกมาจากช่อ
“เจ้าชื่ออะไร” ฟางหลินเฉินโยนผ้าแพรทิ้งและก้มลงมาจุมพิตริมฝีปากของหญิงสาว เอ่ยถามเรื่องสำคัญ ทั้งที่ปกติเขาจะไม่ถามชื่อของใครเวลาทำเรื่องพวกนี้ แต่นางฟ้าตรงหน้าทำให้เขาอดใจไม่ได้จริงๆ เขาอยากรู้จักนางมากขึ้น“ข้า..คือ ท่านไม่รู้หรือ” หญิงสาวมองเขาและขมวดคิ้วด้วยความไม่แน่ใจ เขาไม่รู้จักชื่อของนางจริงหรือ“หือ?..” เขายังคงถูริมฝีปากไปมาแผ่วเบาบนริมฝีปากของนางอย่างหลงใหล“ข้า หลิวลี่อิน[1]เจ้าค่ะ” นางได้แต่คิดว่าเขาอาจกำลังสับสน“อือ ไพเราะจัง เหมือนเสียงของเจ้าเลย” เขาพูดและแนบจุมพิตลงไปบนปากระเรื่อแรงๆ หนึ่งครั้ง “เอ่อ..ขอบ..ขอบคุณเจ้าค่ะ” หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำกับคำชื่นชมนั้น นางคิดว่าเขารังเกียจนางมาโดยตลอด ที่แท้เขาทั้งอ่อนโยนและชื่นชมนาง หรือเขาเพียงกลั่นแกล้ง นางไม่อาจรู้ แต่รู้เพียงยามนี้ในอกของนางสุขสมมากล้นด้วยความอบอุ่น เท่านี้ก็เพียงพอ“ข้าจะเบามือ เราลองกันใหม่อีกครั้งนะ ข้าสัญญาจะทำให้เจ้ารู้สึกดี ไม่เจ็บปวดอีก” ฟางหลินเฉินเงยหน้าขึ้นมามองสบตากลมโตคล้ายผลซิ่ง[2]ของหลิวลี่อิน “ลองใหม่..อะไรเจ้าคะ” นางถามด้วยความไร้เดียงสา“ฮึ..ก็..” เขาจับมืออวบอ้วนของหญิงสาวลงไปบีบคลึงแท่งห
ฟางหลินเฉินยอมปล่อยมือจากขาอวบ ก้มลงมาจูบดูดดื่มลิ้นแดงน่ารัก และกอดไหล่เนียนของนางเอาไว้แน่น ระหว่างที่เขาฝังแท่งหยกร้อนเสียดสีแผดเผาร่องฉ่ำน้ำเสียงเตียงดังสนั่นตามแรงกระแทกของชายหนุ่ม เขาก้มลงไปกัดไหล่นวลฝังเขี้ยวของเขาลงในเนื้อแน่นสุดแรง ขยับสะโพกของเขาขึ้นลงอย่างเร็วเร่ง ในที่สุดความสุขล้นปรี่ก็ปลดปล่อยใส่ธารน้ำคับแคบของหญิงสาว เขาคำรามออกมาผ่านเนื้อนุ่มที่กัด ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเพราะการปลดปล่อย สองมือใหญ่กอดร่างแน่นนิ่มไว้ แม้จะไปถึงยอดเขาแล้วแต่ฟางหลินเฉินยังคงขยับนวดคลึงแท่งหยกร้อนของเขาเบาๆ เพื่อคงระยะเวลาแห่งความสุขสันต์ไว้ให้นานขึ้น เมื่อเขารีดนมขาวขุ่นของตัวเองออกมาจนแทบทุกหยด ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวสั่นเทาใต้ร่างของเขา เขาคาดว่าจะได้เห็นสีหน้าสุขสมแต่กลับเห็นเพียงใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด นางกัดริมฝีปากตัวเองไว้แรงจนแทบห้อเลือด“แม่นาง!” เขารีบชันศอก เอื้อมมือออกไปแตะริมฝีปากสีชาด “อย่ากัด..อย่ากัดตัวเอง เจ็บมากใช่ไหม..หายใจ อย่ากัดตัวเอง” เขาใช้นิ้วโป้งดึงริมฝีปากล่างของนางเบาๆ “ดี..เด็กดี” เขาเอ่ยชื่นชม เมื่อนางยอมอ้าปากหอบหายใจอย่างเชื่อฟัง
หญิงสาวไม่ประสาที่ได้แต่ตัวสั่นพยายามรับมือบุรุษหิวโหย แต่ก็ถูกเขากลืนกินลิ้นของนางอีกครั้ง เขาทั้งกัดทั้งดูดดื่ม สองมือใหญ่ก็คว้าคลึงอกอิ่มของนาง สอดมือเข้าไปด้านในตู้โตวและใช้ปลายนิ้วลูบรอบๆ ยอดอกจนนางตัวสั่นครวญครางผ่านริมฝีปากที่เขายึดครองฟางหลินเฉินพึงพอใจมาก เขายอมปล่อยริมฝีปากระเรื่อให้นางได้หอบหายใจ เลื่อนลงมาดูดเม้มที่คอนุ่มนิ่ม หญิงสาวตัวกลมยังไม่ทันหายใจได้ถึงท้องเขาก็เลื่อนลงมาดื่มยอดถันผ่านตู้โตว“อ๊ะ..!” เสียงหวานครางตกใจเพราะไม่เคยถูกล่วงเกินมากเพียงนี้มาก่อน นางยกมือสั่นขึ้นมาปกปิดเสียงน่าอาย แต่ไม่อาจกลั้นทนความเสียวซ่านที่เขาเลียจนตู้โตวของนางเปียกชุ่มมือใหญ่ข้างหนึ่งเอื้อมมาดึงมืออวบของนางเพราะอยากได้ยินเสียงไพเราะ ทั้งที่อีกมือยังคงบีบยอดถันของนางและยังคงลิ้มเลียยอดชมพูอีกข้างของนางอย่างหิวกระหาย“อืม..คนงาม..ครางหน่อย เสียงคุณเพราะมาก ยังกับเสียงนางฟ้าเลย” เขาขอร้องเสียงแหบพร่าหญิงสาวใต้ร่างของเขาตัวสั่นระริกหอบกระเส่าอย่างน่าสงสาร แต่ฟางหลินเฉินกลับกระตุกเชือกผูกตู้โตวของนางเพื่อเปิดเผยอกอวบ เมื่อเขาดึงตู้โตวของนางออก ชายหนุ่มถึงกับหยุดหายใจซาลาเปาลูกใหญ่ตรงห
ฟางหลินเฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเขานอนอยู่ในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านสีแดงเต็มไปหมด แม้แต่แสงไฟสลัวในห้องก็ยังเป็นสีแดงจางๆ เขากะพริบตาเพื่อไล่ความง่วงงุน แต่ไม่ทันไรเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบาๆ เสียงนั้นไพเราะยิ่งเขาหันไปตามเสียงสะอื้นที่พยายามปกปิดไว้ ทันใดหัวใจของฟางหลินเฉินก็เต้นรัวราวกับจะกระดอนออกมาข้างนอกให้ได้ เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับความงดงามบาดลึกลงในใจเช่นนี้“..นางฟ้า” เสียงของเขาแหบพร่าสั่นรัว คล้ายเขาละเมอออกไปโดยไม่รู้ตัวหญิงสาวในชุดแดงเงยหน้าขึ้นมาสบตาฟางหลินเฉิน ท่าทางของนางคล้ายตกใจและนึกไม่ถึงอยู่หกส่วน แต่อีกสี่ส่วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวชั่วขณะที่สายตาของฟางหลินเฉินสบเข้ากับดวงตาคู่นั้น โลกทั้งใบพลันหยุดนิ่ง สรรพเสียงรอบข้างเหมือนถูกกลืนหายไปในลมหายใจติดขัดของสตรีตรงหน้าผีเสื้อนับพันเริ่มโบยบินในท้องของเขา ทุกอย่างรอบตัวลอยละล่องดั่งหมอกยามเช้า เขามองเห็นรายละเอียดทุกอย่างในตัวนางที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นดวงตาผลซิ่ง[1]กลมโตเป็นประกายของนาง เขารู้สึกว่ากำลังจ้องมองดาวที่สว่างสดใสที่สุดในท้องฟ้ายามค่ำคืน คราบน้ำตาเล็กๆ ที่มุมหางตากลมทำให้เขารู
ฟางหลินเฉินรู้ตัวอีกที เขาก็พบว่าตัวเขาถูกผูกมัดไว้กับบางสิ่งที่ทั้งเย็นและนุ่มมาก แต่เขาไม่เห็นสิ่งใดมัดเขาทั้งสิ้น และไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้ เขามองไปรอบๆ และพบกับบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ชายผู้นั้นคล้ายอายุมากแล้ว แต่กลับยังคงงดงามยิ่งกว่าสตรี ใส่ชุดโบราณรุ่ยร่ายสีดำมืดมิด ในมือถือพู่กันสีทองกำลังนั่งขีดเขียนบางอย่างในพื้นที่ว่างเปล่า และด้านข้างของบุรุษรูปงามนั้นยังมีกระจก หรือจะเรียกให้ถูกคือแอ่งน้ำที่ใสและนิ่งมากจนแทบไม่มีอะไรกระเพื่อม“เอ่อ..คุณครับ” ฟางหลินเฉินเอ่ย“อืม..มาแล้วหรือ” ชายรูปงามตอบโดยไม่มองหน้าเขา“ช่วยแก้มัดได้ไหม ถ้าคุณ..อยากได้เงิน ผมพอมี..แต่ถ้าอยากได้ร่างกาย ..ผมให้ได้มากสุดแค่หอมแก้ม”“...”“ผมสาบานว่าจะไม่บอกใคร” ฟางหลินเฉินพยายามต่อรอง เขาคิดว่าตัวเองถูกแฟนคลับประหลาดที่ใส่ชุดคอสเพลย์จับตัวมาเรียกค่าไถ่ หรือไม่ก็หลงใหลเขาจนทนไม่ได้จึงทำเช่นนี้“สาบานหรือ? ..เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่พูด?” ในที่สุดบุรุษงดงามก็เงยหน้ามองเขา“ผมไม่พูดแน่นอน” ฟางหลินเฉินรีบยืดยกรับคำ ทั้งที่ในใจคิดไว้ว่าถ้าหลุดออกไปได้จะต้องรีบแจ้งตำรวจให้มาจับคนโรคจิตนี่ให้เร็