Share

ตอนที่ 1 : ลิขิต [5]

last update Last Updated: 2025-10-09 15:58:24

ตอนที่ 1 : ลิขิต [5]

“อืม…นุ่มนิ่มยิ่งนัก” เสียงประหลาดดังขึ้นใกล้ใบหู นุ่มทุ้มแทรกซึมเข้าสู่จิตวิญญาณของนางจนอยู่ไม่เป็นสุข ร่างกายถูกอะไรบางอย่างโอบรัด ใบหน้าของนางสัมผัสกับบางสิ่ง กลิ่นหอมประหลาดกระทบนาสิกจนรู้สึกพิกลในช่องท้อง คราแรกนางหนาวเย็นจนสะท้านเยือก ทว่าผ่านไปเพียงชั่วครู่ สิ่งที่โอบรัดนางก็อุ่นขึ้นทีละน้อย

เสียงของใคร

นางขยับกายไม่ได้ ทำได้เพียงลืมตาขึ้นมา ครั้นเหลือบมองสิ่งที่กำลังโอบรัดนางอยู่ก็ต้องตระหนกลนลาน

กลับเป็นแผ่นอกของคนผู้หนึ่งซึ่งอยู่ใต้อาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักเลื่อมพราย ทั้งยังมีลมหายใจและเสียงเต้นของหัวใจเป็นจังหวะมั่นคง

เขาเป็นใครกัน

นางอยากพูดใจจะขาด ทว่าไม่อาจทำอะไรได้ ยามนี้นางรู้สึกอ่อนล้าจนอยากจะหลับเสียอย่างนั้น น่าเสียดายกลับข่มตาไม่ลงเพราะความหวาดกลัวกำลังกัดกินจิตใจของนางราวกับพิษร้าย

ร่างกายมีอาจเขยื้อน ทว่าหัวใจของคนเราไม่เคยโกหก นางกำลังหวาดกลัวจนหัวใจเต้นเร็วราวกับจะหลุดออกจากขั้ว

“เป็นสตรีจริงๆ ด้วย”

ใบหน้าหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจนนางเผลอกลั้นหายใจ เซียวม่านหลิวอยากจะร้องไห้ อยากจะกรีดร้อง อยากจะอาละวาด ทว่าที่ทำได้ก็คือหวาดกลัวเงียบๆ จ้องมองดวงตาคมกริบคู่นั้นราวกับว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาต

พลันรู้สึกตื่นตะลึงยิ่งกว่าเดิมเมื่อพินิจใบหน้าอันสมบูรณ์แบบของเขา

ดวงตาคมกริบเรียวรีของเขารับกับเรียวคิ้วพาดเฉียงที่แฝงกลิ่นอายหยิ่งทะนง ปลายจมูกโด่งพอเหมาะรับกับริมฝีปากบางเฉียบ คล้ายกับว่าคำพูดทุกคำที่เปล่งออกมาจากปากเขาคือคำประกาศิต ในชีวิตนี้นางเคยพบเห็นคนที่มีลักษณะอย่างนี้เพียงคนเดียวในแผ่นดินต้าถัง

...องค์จักรพรรดิ

ทว่าชายหนุ่มผู้นี้อายุน่าจะราวๆ ยี่สิบสองยี่สิบสาม น่าแปลกใจไม่น้อยที่มีลักษณะอันโดดเด่นเช่นนี้

ทันใดนั้นเขาก็ใช้ปลายนิ้วเย็นเฉียบเคาะหน้าผากของเซียวม่านหลิวเบาๆ ร่างกายของนางพลันอ่อนยวบ ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาจริงๆ แล้ว

ลิ้นของนางแข็งทื่อ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี บุคคลผู้มีกลิ่นอายสูงส่งเช่นนี้จะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

อยู่ที่นี่?

เซียวม่านหลิวตัวแข็งทื่อ ทว่าอยากจะกระโดดหนีก็กระโดดไม่ได้ ได้แต่ร่ำไห้กับตนเองเงียบๆ ในใจ

“เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรนะ”

เขาถามเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องที่ใบหน้าของนาง ราวกับว่ามีอำนาจสืบค้นความจริงจากนางอย่างไรอย่างนั้น ชั่วแวบหนึ่งคล้ายปรากฏร่องรอยคลื่นลมจากนัยน์ตาคู่นั้นของเขา

เซียวม่านหลิวไม่ตอบ ไม่ใช่เพราะนางหยิ่งหรืออะไร ทว่านางพูดไม่ออก จู่ๆ เมื่อสบตากับเขานางก็อยากร้องไห้ รู้สึกปวดหนึบในใจราวกับว่าตนเองกำลังจะขาดใจตาย

“อา…สงสัยข้าสูบพลังเจ้าไปมากเกิน เช่นนั้นก็คงต้องคืนให้บางส่วนแล้ว”

ชายหนุ่มพึมพำ พลันใบหน้าของเขาก็โน้มเข้าใกล้ ริมฝีปากเย็นเฉียบแนบลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางเบาๆ ไร้ซึ่งการรุกล้ำ ทว่าใบหน้าของเซียวม่านหลิวกลับร้อนวาบ เรี่ยวแรงบางส่วนกลับคืนจนสามารถผลักหน้าของเขาออกไปได้แล้ว

เมื่อร่างกายกลับมาอยู่ใต้คำสั่งของนางอีกครั้ง เซียวม่านหลิวจึงม้วนตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา คราแรกนึกว่าจะโล่งใจแล้ว แต่นางกลับรู้สึกถึงรังสีกดดันจากทั่วสารทิศ

ชายหนุ่มผู้นั้นนั่งชันเข่าอยู่บนบันไดตรงแท่นวางโลงศพ อาภรณ์สีน้ำเงินเข้มขับเน้นให้ตัวเขาแลดูลึกลับและทรงอำนาจสะเทือนจิตใจผู้คน เส้นผมยาวดำขลับสยายทิ้งตัวปกคลุมใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาจนดูคล้ายกึ่งเทพกึ่งปีศาจ

เซียวม่านหลิวรวบรวมความกล้า “ท่านเป็นใคร”

เขาเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มเย็นเยียบผุดพราย

เว่ยฉือหลี่หมิงคือชื่อของข้า”

เซียวม่านหลิวตกใจไม่น้อย เริ่มแน่ใจแล้วว่าคนผู้นี้อาจจะมาจากในโลงศพนั้น ทว่ายังแสร้งทำเป็นจองหองถามต่อ “ท่านแซ่เว่ยฉือ มิใช่เป็นเชื้อพระวงศ์หรอกหรือ”

“นั่นย่อมใช่แน่นอน”

เขาถูกฝังในสุสานของราชวงศ์มิใช่หรือ

เซียวม่านหลิวเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาจับจิต หรือเขาจะไม่ใช่มนุษย์จริงๆ แต่กระนั้นนางก็ทำใจดีสู้เสือว่าเขาอาจยังไม่ตาย เพียงแต่ถูกขังไว้ในที่แห่งนี้ชั่วคราวเท่านั้น หรือเขาจะลอบเข้ามาในสุสาน?

เว่ยฉือหลี่หมิง…หลี่หมิง ไม่ถูกต้อง

“แต่ชื่อของท่านกลับผิดหลักการอยู่บ้าง ใบหน้าของท่าน ผิวพรรณของท่าน น้ำเสียงของท่าน อย่างไรก็ไม่เหมาะกับชื่อหลี่หมิง”

“หมายความว่าอย่างไร”

“ชื่อกลางของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันคือซิน ลำดับถัดมาคืออวี่ ท่านลำดับที่เท่าใดในสายสกุลเว่ยฉือกันเล่า”

เว่ยฉือหลี่หมิงนิ่งอึ้งไป เขาลุกขึ้นยืน เรือนกายแผ่กลิ่นอายน่าหวาดกลัวเพิ่มอีกส่วน ดวงตาที่จ้องมองนางคล้ายฉายประกายสีแดงเรื่อเรืองในความมืด

“น้องชายของข้าคือเว่ยฉือหลี่จิ้ง ลูกชายของเขาคือเว่ยฉือเทียนหลาง เว่ยฉือเทียนเฟิง”

“ทะ…ท่านตายไปแล้วไม่ใช่หรือ”

“หึ…ตอนนี้ก็ฟื้นแล้ว”

ครั้นได้ยินคำตอบของเขา ท้องไส้ของนางก็บิดม้วน ขนลุกชูชันไปทั้งกาย “จักรพรรดิพระองค์ก่อนมีพระนามเดิมว่า…เว่ยฉือเทียนหลาง”

เซียวม่านหลิวนับนิ้วของตัวเอง ไล่ลำดับรุ่นของเขาอยู่ในใจ

สวรรค์ ศพมีชีวิตผู้นี้ถึงกับแก่กว่านางสามรุ่น เขาถือเป็นปู่ทวดของเว่ยฉืออวี่หยาง ทั้งยังแก่กว่านางตั้งมากโข

ทว่าแทนที่จะตกใจกับคำตอบของนาง ชายหนุ่มกลับหัวเราะเย็นเยียบในลำคอ “ราชทินนามของข้าคือไท่หมิง องค์รัชทายาทลำดับที่หนึ่งซึ่งถูกแต่งตั้งในปีเสวียนจิ้งที่สิบแปด”

สิ้นคำของเขา รอบด้านคล้ายมีเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหว เซียวม่านหลิวหันหลังขวับ ปรากฏว่ารูปปั้นหินจำนวนมากเริ่มกะเทาะตัวเองจนเห็นพื้นผิวภายใน คล้ายกับว่ากำลังจะลอกคราบเป็นมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น

ในที่สุดความกลัวก็เอาชนะ ที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของนางในตอนนี้ก็คือเขา นางวิ่งสุดแรงเกิดไปหลบข้างหลังเว่ยฉือหลี่หมิงตามสัญชาตญาณ

“หึ…ไม่กลัวข้าแล้วหรือ”

นางส่ายหน้า เกาะแขนเขาแน่นจนลืมเจ็บมือ ในใจคิดแต่เพียงว่า

ท่านมีคนเดียวยังพอรับมือได้ แต่กับรูปปั้นลอกคราบได้หลายร้อย ข้าต้องตายอยู่ที่นี่แน่ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   บทส่งท้าย 2

    “อ๊า! เจ็บเหลือเกิน”“อึ๊บ! ฟูเหริน อึ๊บไว้เจ้าค่ะ”“หลิวหลิว มองหน้าแม่นะ เบ่งออกมา แค่อึ๊บเดียวเท่านั้น กลั้นหายใจแล้วเบ่งออกมาทีเดียวเลย!”“อึ๊บ…อ๊า!”“อุแว้…อุแว้!”“ว้าย! คลอดแล้วเจ้าค่ะ! อุ๊ย เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ตรงหน้าอกมีปานสีแดงคล้ายดวงไฟเลยเจ้าค่ะ!”“ต๊าย! หลานข้า น่ารักน่าชังนัก หลิวหลิว ดูสิ คิ้วเหมือนหมิงเอ๋อร์ไม่มีผิด คิกๆ แต่ดวงตากับปากดันเหมือนเจ้ามากเหลือเกิน น่าเสียดายที่ข้าอุ้มเขาไม่ได้”ปังๆๆ “เปิดประตู! ให้ข้าเข้าไปได้หรือยัง” หลี่หมิงที่ยืนเฝ้าหน้าประตูห้องราวกับหนูติดจั่นเริ่มอยู่ไม่สุข ความตื่นเต้นทรมานตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทำให้เขาทั้งหวาดกลัวและสงสารเซียวม่านหลิวจนทำอะไรไม่ถูก ครั้นได้ยินเสียงเด็กร้องก็ค่อยโล่งใจ อยากจะเห็นหน้าลูกเต็มแก่แล้วทันใดนั้นประตูก็เปิดออก หลี่หมิงพลันพุ่งตัวไปยังเตียงที่เซียวม่านหลิวนอนอยู่ ได้เห็นทารกตัวแดงๆ ที่ส่งเสียงอ้อแอ้ในผ้าอ้อมข้างหญิงสาวที่ใบหน้าซีดเผือดก็ยิ้มอย่างโล่งใจใบหน้ากลมป้อมและนิ้วเล็กๆ โยกไหวไปมาพร้อมกับเสียงประหลาดพิกลหูทำให้หลี่หมิงหวาดระแวงเล็กน้อย แต่เมื่อได้สบตากับดวงตาอันสุกสกาวของเจ้าตัวน้อย ก็รู้สึกราวกั

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   บทส่งท้าย 1

    กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารหลากหลายชนิดลอยกระทบนาสิกจนทำให้ดวงตากลมโตลืมขึ้นช้าๆ ร่างในอาภรณ์ตัวบางบิดกายพลางหาวอย่างเกียจคร้าน เสียงจานชามกระทบโต๊ะทำให้ดวงตาของนางเหลือบมองไปยังกลางห้อง พลันเห็นแผ่นหลังอันคุ้นเคยของผู้เป็นสามีเข้าเต็มตา เขากำลังง่วนอยู่กับการตระเตรียมอาหารเช้า ตรงเอวมีผ้าสีเข้มมัดอย่างแน่นหนาดูแปลกพิกล ครั้นได้ยินเสียงหาวเบาๆ ของนางก็หันกลับมา ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในเงาสลัวจากด้านนอกปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นสายหนึ่ง พานให้หญิงสาวเผลอมองตาค้างอย่างเผลอไผล“ฟูเหรินตื่นแล้วหรือ อาหลัน เตรียมน้ำมาให้นางล้างหน้า”“เจ้าค่ะ” สาวใช้โผล่มาจากที่ไหนสักแห่งขานรับอย่างรวดเร็วราวกับคอยรับคำสั่งแต่แรกแล้ว“อ๊ะ! ไม่ต้องหรอก”เซียวม่านหลิวตั้งท่าจะลงจากเตียง ทว่าหลี่หมิงกลับถลาเข้ามาประคองนางอย่างระมัดระวัง“ไม่ได้ เจ้าต้องดูแลตัวเองให้มาก” หลี่หมิงพูดอย่างอารมณ์ดีเซียวม่านหลิวย่นจมูกเล็กน้อย กลิ่นควันไฟที่ติดตามตัวหลี่หมิงทำให้นางพะอืดพะอมจนต้องเบนหน้าหนี ทว่าหลี่หมิงกลับคิดว่านางยังตื่นไม่เต็มตาจึงเบียดตัวเข้าประคอง“ฟูเหริน ค่อยๆ ลุกสิ”“ท่านถอยออกไปก่อน”“ทำไมเล่า”เซียวม่านหลิวผลักหลี่หมิงจนช

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [5]

    ค่ำคืนมืดมิด ท้องฟ้าเปิดโล่ง หนุ่มสาวสองคนนั่งคลอเคลียข้างหน้าต่าง มองหมู่ดาวที่แข่งกันทอแสงริบหรี่งดงามจับตา“ให้เขามีเวลาเพียงหนึ่งเดือน ไม่น้อยไปหรือ” เซียวม่านหลิวอดถามไม่ได้ หลังจากที่เว่ยฉือหลี่จิ้งถูกรับตัวเข้าวังหลี่หมิงเหล่มองนาง กล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ“เจ้าอยากให้ข้าอายุสั้นหรือ”หากหลี่หมิงให้เวลาเว่ยฉือหลี่จิ้งนานกว่านี้ นอกจากจะทำให้น้องชายผูกพันกับลูกหลานมากขึ้นจนตัดไม่ขาด ร่างกายของหลี่หมิงเองก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยโดยเฉพาะร่างกายที่อายุขัยสิ้นสูญไปนานแล้ว นอกจากจะอาศัยร่างของผู้อื่น สังขารของเว่ยฉือหลี่จิ้งก็ค่อยๆ เสื่อมสภาพลงเช่นกันหากไม่เพราะเขาทราบมาว่าร่างของเว่ยฉือหลี่จิ้งหายไปจากสุสานราชวงศ์ หลี่หมิงคงไม่คิดขุดคุ้ยอดีตให้เจ็บปวดเช่นนี้ โดยเฉพาะเรื่องของชวีชิงชิว เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากคาดการณ์มากที่สุดเขายังอยากหลอกตัวเองว่าชวีชิงชิวมิได้ทรยศความไว้ใจของตนหากชวีฮองเฮาไม่ชิงขอร้องและขอติดตามเข้าสู่สุสานด้วย หลี่หมิงคงไม่คิดเหยียบย่ำสถานที่แห่งนั้นเด็ดขาดเซียวม่านหลิวเห็นหลี่หมิงสีหน้าเรียบตึง แววตาเย็นเยียบ ใจของนางพลันรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเสียอ

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [4]

    จักรพรรดิทรงให้จวินจี๋จวิ้นอ๋องออกหน้า โดยที่พระองค์ทรงแฝงกายมากับขบวนเกี้ยวของวังจวิ้นอ๋องด้วยครั้นถึงหน้าประตูวัง องครักษ์ของจวินจี๋จวิ้นอ๋องจึงไล่ชาวบ้านออกไปจากบริเวณนี้ แล้วพาคนซึ่งสวมหมวกปิดบังใบหน้ากว่าสิบคนเข้าไปในวังเทียนมิ่งโดยที่เจ้าบ้านยังไม่ออกมาต้อนรับเสียด้วยซ้ำครั้นองค์จักรพรรดิและพระญาติทั้งหลายเสด็จถึงห้องโถงที่คนทั้งสามกำลังกินอาหารกันอยู่ เซียวม่านหลิวก็พลันเข่าอ่อน รีบขยับกายหนีในทันใดทว่าหลี่หมิงกลับคว้าแขนของนางไว้“เจ้ากลัวอะไร”“พวกท่านอาวุโสกว่าองค์จักรพรรดิก็จริง แต่ข้าไม่ใช่ ข้ายังอยากให้ตระกูลเซียวมีลูกหลานสืบสกุลอยู่นะ”ถึงสามีนางจะเป็นบรรพบุรุษขององค์จักรพรรดิ ทว่านางไม่ใช่ อย่างไรก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมมาเป็นลำดับแรก“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่น หมื่นปี” นางและข้ารับใช้ในวังเทียนมิ่งหมอบกราบในทันทีที่บุรุษในชุดสามัญชนก้าวเข้ามา ถึงแม้จะก้มหน้าอยู่ก็ยังสัมผัสได้ถึงรัศมีอำนาจของโอรสสวรรค์ มีเพียงสองคนที่ยังคงทระนงไม่หวั่นไหว นั่งหน้าไม่เปลี่ยนสีได้ ก็เห็นจะเป็นหลี่หมิงกับเว่ยฉือหลี่จิ้งนั่นล่ะ“ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ” สุรเสียงเคร่งขร

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [3]

    “องค์ชายสี่ ท่านตบพระพักตร์องค์จักรพรรดิแบบนั้น ไม่ถูกสั่งโบยหรือตัดหัวหรอกหรือ”เซียวม่านหลิวถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ ดวงตากลมโตสำรวจใบหน้าขององค์ชายสี่ด้วยสายตาใคร่รู้ แม้ว่าเว่ยฉือหลี่จิ้งจะเป็นน้องชายของหลี่หมิง แต่เพราะเขาตายตอนที่อายุมากกว่าหลี่หมิง ใบหน้าของหลี่หมิงจึงอ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อย แต่เพราะใบหน้าที่เริ่มไร้สีเลือดของเขาจึงทำให้ดูน่าเวทนาสงสารอย่างยิ่ง นางเองก็ไม่แปลกใจเลยที่เว่ยฉือหลี่จิ้งจะริษยาผู้เป็นพระเชษฐา เพราะหลี่หมิงมีทุกอย่างที่เขาต้องการจริงๆ ตอนที่ออกจากสุสานเพราะนางไม่ได้สติจึงไม่รู้ว่าเว่ยฉือหลี่จิ้งถูกใครแบกหามมา หลี่หมิงบอกแต่เพียงว่าน้องชายของเขาถูกคนลากออกจากสุสาน สภาพดูแทบไม่ได้ ต้องพักฟื้นหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ เช่นกัน ครั้นร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่า หลี่หมิงก็ส่งน้องชายบุกเข้าห้องบรรทมของจักรพรรดิด้วยแผนการอันชั่วร้ายคนอย่างเว่ยฉือหลี่จิ้ง นอกจากหลี่หมิงแล้วเขากลับมิได้เกรงใจผู้ใดเลยแม้แต่น้อยเว่ยฉือหลี่จิ้งยิ้มเย็น กล่าวเสียงเรียบ “เขาจะกล้าตัดหัวข้าได้อย่างไร ในเมื่อข้าคือผู้ร่างจดหมายให้คืนราชบัลลังก์แก่เสด็จพี่ ซินหย่งรู้อยู่แก่ใจว่าการสังหารผู้มี

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [2]

    กลับมาสู่ปัจจุบันเมื่อคิดถึงสตรีที่นอนหนุนตักเขาในตอนนี้ หลี่หมิงก็อมยิ้มมุมปาก ค่อยๆ เก็บเกี่ยวกลุ่มผมเงางามขึ้นมา ใช้หวีหยกสางให้อย่างเบามือ หลังจากที่ชวีฮองเฮาสิงร่างนาง เซียวม่านหลิวก็หมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ กระทั่งตอนนี้ข้ามมาอีกวันแล้วกลับยังไม่รู้ตัว“ไท่จื่อ…”เป้ยหยวนร้องเรียกหน้าประตู ไม่กล้าก้าวล่วงเข้ามาในห้องนอนของเขาที่ปลดม่านมุ้งลงเพราะเกรงว่าจะเห็นภาพอันไม่เหมาะสมหลี่หมิงปรายตามององครักษ์คู่ใจ “เป็นอย่างไร”“จักรพรรดิทรง…” เป้ยหยวนกัดริมฝีปาก ไม่รู้จะรายงานอย่างไรดี“บอกมา”“ทูลไท่จื่อ องค์ชายสี่ทรง…” เป้ยหยวนยังคงละล้าละลัง“เจ้าจะรั้งรออีกนานหรือไม่”“องค์ชายสี่ทรงตบพระพักตร์องค์จักรพรรดิคาห้องบรรทมพ่ะย่ะค่ะ”หลี่หมิงเลิกคิ้ว ดวงตาเป็นประกาย “ตามหมอมาหรือยัง”“เสิ่นหลิวสิงตรวจพระอาการอยู่พ่ะย่ะค่ะ”“แล้วองค์จักรพรรดิเล่า”“หลังจากที่โดนฝ่ามือขององค์ชายสี่ องค์จักรพรรดิก็เสด็จไปยังห้องเก็บป้ายบรรพชนทันทีพ่ะย่ะค่ะ”“อืม…เด็กคนนั้นคงรู้ตัวแล้วกระมังว่าข้ากำลังคิดทำอะไรอยู่”เป้ยหยวนไม่ออกความเห็นใดๆ นิ่งเงียบรอคอยคำสั่ง“ออกไปเถอะ ต่อไปเรียกนายท่านก็พอ บทบาทในฐา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status