เว่ยจื้อโหยวที่วันนี้ว่างมาก งานพลิกหน้าดินก็ทำเสร็จแล้ว ในระหว่างที่ต้องใช้เวลาตากหน้าดินหลายวัน ในระหว่างรอนางจึงคิดว่าสมควรจะเข้าป่าเพื่อหาของป่านำไปขายเหมือนกับชาวบ้านคนอื่น
ไม่แน่ว่านางที่มาจากอนาคตอาจจะพบเจออะไรที่กินได้แต่ชาวบ้านที่นี่ไม่รู้จักก็เป็นได้ ป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์มากขนาดนี้นางมั่นใจว่าจะต้องมีของกินมากมายในป่าที่สามารถทำเงินให้กับนางได้แน่นอน
เมื่อคิดได้ว่าจะเข้าป่ามันก็ต้องมีการเตรียมตัวกันสักนิด ก่อนอื่นต้องหาเสียมเล็ก ๆ หรือพลั่วเล็ก ๆ ติดตัวไปด้วย ต่อมาก็เป็นมีด กระบอกใส่น้ำดื่ม แล้วอาวุธล่ะจะเอาอะไรติดตัวไปด้วย ธนูสามีของนางก็เอาติดตัวไปด้วยแล้ว ลองหาในห้องเก็บของดูเผื่อจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง
เว่ยจื้อโหยวค้นหาของในห้องเก็บของนางพบธนูอันใหญ่ที่มีสภาพเก่าแล้วแต่ยังอยู่ในสภาพดี พร้อมทั้งลูกธนูอีก 1กระบอกมีประมาณ 15 ลูกได้ นี่อาจจะเป็นสมบัติตกทอดมาจาดพ่อสามีก็เป็นได้
นอกจากธนูแล้วนางยังเอาเชือกสำหรับกับดักสัตว์ไปด้วย หลังจากหาของที่ต้องการครบแล้วนางก็นำไปใส่ตะกร้าไม้ไผ่อันใหญ่ยกขึ้นสะพายหลังเตรียมเข้าป่าตามที่ตั้งใจเอาไว้
เว่ยจื้อโหยวสะพายตะกร้าออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี จากนั้นเดินไปบอกน้องชายน้องสาวที่แปลงผักหลังบ้าน หากว่านางเข้าป่าไปโดยไม่บอกกล่าวเด็กทั้งสองคงได้ตกใจคิดว่านางหนีไปแน่ ๆ
“อาซวน อาเฟย พี่สะใภ้จะขึ้นเขา หากใครมาเรียกอย่าได้เปิดประตูให้เข้ามาในบ้านเข้าใจหรือไม่ ยกเว้นคนที่บ้านเดิมของข้าเข้าใจหรือไม่ หากเป็นป้าสะใภ้มหาภัยของพวกเจ้ายิ่งไม่ต้องเปิดและไม่ต้องไปฟังในสิ่งที่นางพูดหากนางกล้ารังแกพวกเจ้าข้าจะไปจัดการนางเอง เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจขอรับ”
“เข้าใจเจ้าค่ะ พี่สะใภ้อย่าเข้าไปในป่าลึกนะเจ้าคะ แล้วก็ ป่าด้านซ้ายห้ามเข้าไปเด็ดขาดเจ้าค่ะ พี่ใหญ่บอกว่ามีสัตว์ป่าดุร้ายมาก”
“ได้ ๆ ข้าเข้าใจแล้ว อาหารกลางวันทำเอาไว้ให้แล้วพวกเจ้าอุ่นกินได้เลย แล้วก็ถ้าแดดแรงกว่านี้พวกเจ้าอย่าออกมาถอนหญ้าตากแดดเข้าใจหรือไม่ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”
“ขอรับ”
“เจ้าค่ะ”
“ดีมาก ข้าไปล่ะ ประเดี๋ยวจะหาของอร่อยมาฝาก”
หลังจากสั่งความเด็กทั้งสองคนแล้วนางก็เดินเข้าป่าไปด้วยความเบิกบานใจ “รอข้าก่อนนะไม่ว่าอะไรที่สามารถกินได้ข้าจะขนให้เกลี้ยงป่า หึ ไม่ว่าใครก็ตามที่ส่งนางมาในที่แห่งนี้อยากจะให้นางมาอดตายอีกรอบใช่หรือไม่ ไม่เห็นเหมือนนิยายที่เคยอ่านเลย อะไรก็ไม่ให้ช่างใจดำอำมหิต แถมยังเกิดศึกสงครามอีกด้วยมันจะเกินไปแล้วจริง ๆ หึ หากเป็นชายส่งข้ามาข้าก็ขอให้ไอ้นั่นใช้การไม่ได้ หากเป็นหญิงส่งข้ามาข้าก็ขอให้ไม่มีสามี โทษฐานที่ส่งให้ข้ามามีสามีแต่ยังไม่ทันได้แซ่บก็ต้องโดนเกณฑ์ไปเป็นทหารเสียแล้ว”
เว่ยจื้อโหยวเดินไปบ่นไป นางไม่รู้หรอกว่าคำพูดของนางและคำสาปแช่งนั้นกระทบกระเทือนต่อใครหลาย ๆ คนในเบื้องบน ที่ตอนนี้กำลังมองลงมาที่นางด้วยใบหน้าดำคล้ำเป็นตับหมู
“ฮ่า ฮ่า ดูท่าว่านังหนูนั่นจะแค้นใจพวกเจ้าสองคนมากนะ ใครให้พวกเจ้าทะเลาะกันแล้วสะดุดเส้นชะตานางขาดก่อนวัยอันควรกันเล่า แถมยังส่งให้นางไปยังโลกคู่ขนานที่ไม่มีในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์โลกอีก นางไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์อะไรได้ ก็สมแล้วที่นางก่นด่าสาปแช่งพวกเจ้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน” เทพโอสถ
“หุบปากของท่านไปเลย ก็ใครใช้ให้ตาเฒ่าจันทรามาพูดจาล่วงเกินข้าก่อน” เทพพฤกษา
“หนอย ยายเฒ่าต้นไม้ ข้าไปพูดล่วงเกินอะไรเจ้าหรือข้าแค่บอกว่าเจ้าอายุมากนับแสนปีอะไร ๆ มันก็คงเป็นไปตามกาลเวลาที่ข้าพูดไม่ถูกหรือ”
“ข้าว่าพวกเจ้าเลิกทะเลาะกันเถอะประเดี๋ยวก็เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรอก ดีนะท่านมหาเทพไม่อยู่ไม่เช่นนั้นล่ะก็พวกเจ้าได้ลงไปชดใช้แน่ ๆ แล้วพวกท่านสองคนจะปล่อยให้นางก่นด่าไปเช่นนี้เรื่อย ๆ รึ” เทพโอสถ
“จะทำเช่นใดได้ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะให้นาง ความรู้ความสามารถแต่เดิมของนางก็ติดตัวมาจากภพชาติที่แล้วก็น่าจะพอแล้วนี่ ยังจะต้องการอะไรอีก” เทพจันทรา
“โอ ตาเฒ่านี่นอกจากไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแล้วยังไม่คิดชดใช้ข้าล่ะเชื่อเขาเลย” เทพพฤกษา
“เหอะ ข้าเป็นแค่เทพจันทราตัวเล็ก ๆ จะไปมีอะไรให้นางกัน ข้าก็ให้สามีกับนางแล้วยังไง ยังจะต้องการอะไรจากข้าอีก”
“เช่นนั้นก็เหลือแค่ท่านแล้วล่ะ เทพพฤกษา” เทพโอสถ
“ข้าจะไปมีอะไรให้นางกันเล่า ให้ต้นไม้นางรึไง”
ทางด้านเว่ยจื้อโหยวไม่ได้รับรู้ว่าวาจาที่ตัวเองก่นด่าสาปแช่งออกมาจากปากนั้นล่อยลอยไปกระทบผู้ใดบ้าง นางยังคงเดินหน้าเข้าป่าวางกับดัก และมองหาของที่กินได้ในป่าต่อไป
“ไหนล่ะโสม ไหนล่ะเห็ดหลินจือ ข้าไม่เห็นจะเจอสักอย่าง เพ้ย พวกที่เขียนนิยายทะลุมิตินี่นั่งเทียนเขียนหรือ พอถึงคราวที่ข้าทะลุมิติกลับมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นบ้างไม่เห็นจะมีเลย ไหนล่ะต้นมันฝรั่ง ไหนล่ะผักสวนครัว ไม่ใช่ว่าตามพลอตเรื่องมันจะต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ โกหกทั้งเพ”
หลังจากที่วางกับดักไปบ่นไป เว่ยจื้อโหยวก็ยังไม่พบเจออะไรที่พอจะนำไปขายได้ นางเดินเข้าป่าลึกมาได้ 1 ชั่วยามแล้ว เริ่มรู้สึกหิวนางจึงหาที่นั่งพักจากนั้นก็เอาหมั่นโถวที่พกติดตัวมาด้วยออกมากินเพื่อประทังความหิว หลังจากกินหมั่นโถวจนหมดลูกแล้วก็ดื่มน้ำตามทันที
ก่อนออกจากบ้านมาน้องชายน้องสาวกำชับนางว่าห้ามไม่ให้ไปป่าทางด้านซ้ายใช่หรือไม่ ดีล่ะ ในเมื่อป่าทางด้านซ้ายไม่มีชาวบ้านไปหาของป่า เช่นนั้นนางจะไปหาเอง จากที่นางเดินมาป่าทางด้านนี้นางไม่พบเจออะไรเลย
เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงเดินย้อนกลับไปทางเดิมและเริ่มเก็บกับดักที่วางเอาไว้กลับมาด้วย และก็เป็นไปตามความคาดหมายของเว่ยจื้อโหยว ไม่มีอะไรมาติดกับดักที่นางวางเอาไว้เลย
ในเมื่อตัดสินใจว่าจะเข้าป่าทางด้านซ้ายนางก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เก็บกับดักกลับมาจนหมดจากนั้นมุ่งหน้าออกจากป่าด้านขวามุ่งหน้าสู่ป่าด้านซ้ายทันที เวลานี้ยังจะกลัวสัตว์ป่าดุร้ายอยู่อีกหรือ นางกลัวจะอดตายมากกว่า
เดินจากป่าทางด้านขวามาถึงป่าทางด้านซ้ายมือ ใช้เวลา 3 เค่อ ก็เข้ามาถึงป่าลึกทางด้านขวา เว่ยจื้อโหยวเริ่มวางกับดักไปเรื่อย ๆ จนกับดักที่นางเตรียมมาหมดลง
จากนั้นจึงได้เดินเข้าไปในป่าเรื่อย ๆ สอดส่ายสายตามองซ้ายแลขวา มองด้านหน้า มองด้านหลัง มองมัน 360 องศา เพื่อหาสิ่งที่กินได้ ขายได้ วันนี้นางจะไม่กลับบ้านมือเปล่าสัญญากับตัวเองเลย
แม้จะบอกว่าจะไม่กลับบ้านไปมือเปล่า แต่เท่าที่เดินเข้าป่ามาลึกขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นอะไรที่พอจะกินได้ หรือนำไปขายได้เลย หรือว่าสมุนไพรล้ำค่าที่ว่ามีแค่ในตำนานเท่านั้นหรอกหรือ
เว่ยจื้อโหยวเดินเข้าป่าลึกไปเรื่อย ๆ นางพบเพียงเห็ดหอมและเห็ดหูหนูดำเท่านั้น หลังจากเก็บเห็ดทั้งสองชนิดจนหมดแล้วนางก็ออกเดินต่อทันที
เดินมาได้ไม่เท่าไหร่สายตาของนางก็ปะทะเข้ากับเจ้าขนปุกปุยตัวใหญ่อวบอ้วนที่กำลังแทะรากหญ้าจนไม่สนใจว่าคนอยู่ด้านหลังของมัน เพราะในป่าแห่งนี้ไม่เคยมีชาวบ้านเข้ามาหาของป่า การระแวดระวังภัยของสัตว์ป่าจึงลดลง
เว่ยจื้อโหยวยกธนูในมือขึ้นแล้วก็เล็งไปที่กระต่ายอ้วน จากนั้นก็ปล่อยลูกธนูในมือยิงออกไป กระต่ายอ้วนจบชีวิตลงทันที นางเดินไปเก็บกระต่ายใส่ลงในตะกร้าไม้ไผ่ จากนั้นก็ออกเดินต่อ
หลังจากนั้นนางยังล่ากระต่ายป่า ไก่ป่า ได้อีกหลายตัว เมื่อดูเวลาแล้วก็เป็นเวลาที่นางสมควรจะกลับออกจากป่าแล้ว นางจึงรีบเดินกลับมาดูกับดักที่นางวางเอาไว้ จากที่วาดฝันว่าจะเจอเห็ดหลินจือ โสมคน หรืออะไรต่อมิอะไรก็เป็นเพียงแค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น
กับดักที่วางเอาไว้นับ10 อัน มีไก่ป่าและกระต่ายป่า มาติดทุกอัน อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่ต้องกลับบ้านมือเปล่า ไก่ป่ากับกระต่ายป่าที่ล่ามาได้รวมกับที่มาติดกับดัก นับรวมกันได้ 18 ตัวนับว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่ไม่เลวนางไม่รู้ราคาสัตว์ป่าคงต้องให้ท่านพ่อกับท่านลุงนำไปขายในเมืองพร้อมกับปลาในวันรุ่งขึ้น
ขากลับออกจากป่าเว่ยจื้อโหยวสะพายตะกร้าที่เต็มไปด้วยไก่ป่าและกระต่ายป่า เมื่อเดินมาถึงชายป่าก่อนจะถึงบ้านนางยังแวะไปยังป่าไผ่ที่มองเห็นอยู่ไม่ไกลเพื่อดูว่ามีหน่อไม้หลงเหลืออยู่หรือไม่ หากมีนางจะได้ขุดมาต้มน้ำแกงใส่ไก่
บ้านตระกูลเฉียน
ตอนนี้นางเฉียนกำลังคิดหาทางกำจัดพี่น้องกำพร้าบิดามารดา ถึงแม้ว่าจะบีบบังคับให้แยกบ้านออกไปแล้ว แต่นางกับสามีกลัวว่าสักวันอวิ๋นเซียวจะรู้ความจริงว่านางและสามีจงใจปล่อยให้พ่อแม่ของพวกเขาตาย
นางไม่ได้ไปตามหมอมารักษาน้องชายสามีและน้องสะใภ้และยังให้อดอาหารจนตาย มันช่วยไม่ได้พ่อสามีและแม่สามีอยากลำเอียงรักบ้านรองมากกว่าบ้านใหญ่ทั้ง ๆ ที่สามีของนางเป็นบุตรชายคนโต ก็สมควรแล้วที่จะตาย ๆ ไปเสียที
แต่ตอนนี้ลูกชายหญิงของทั้งสองคนกลับเป็นเสี้ยนหนามที่ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ต้องกำจัดเสียให้หมด ตอนนี้พี่ใหญ่ของพวกมันออกไปนอกหมู่บ้านแล้วไม่แน่ว่าอาจจะตายในสนามรบ ส่วนน้องชายและน้องสาวของมัน นางจะเอาไปขายเป็นทาสส่วนภรรยาของมันนางจะขายเข้าหอนางโลม
หากเว่ยจื้อโหยวมาได้ยินความคิดของนางเฉียน คงไม่แคล้วรีบลงมือจัดการนางเฉียนก่อน นางเองก็มีลูกสาวไม่ใช่หรือจับลูกสาวนางไปโยนเข้าป่าให้เสือกินก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องลำบากเดินทางนำนางไปขายที่หอนางโลมให้เสียเวลา
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก