LOGINหรงหรงนั่งลงมืออย่างชำนาญ นางตักน้ำรดโคนผมให้โม่เฉิน เพื่อล้างคราบเลือดออกไปก่อนสองถึงสามรอบ ก่อนจะเทน้ำมันระเหยที่ทำจากธรรมชาติ นวดให้ทั่วทั้งบริเวณศรีษะของเขา และขยี้เบาๆจนเกิดฟองอย่างระแวดระวัง เพราะกลัวว่าหนังศรีษะเขา จะมีบาดแผลในส่วนที่นางมองไม่เห็นอีก
โชคดีที่เจ้าของร่างเดิมทำน้ำมันระเหยเอาไว้หลายขวด... ปกติชาวบ้านในหมู่บ้านระเเวกแถวนี้ ไม่ค่อยมีฐานะ แค่ข้าวจะกรอกหม้อ ยังต้องใช้แรงงานหลายวันกว่าจะมีปัญญาซื้อมา ชาวบ้านที่นี้จึงอยู่กันอย่างประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ค่อยใช่จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนกับคนในเมืองหลวง หรงหรงสระผมให้โม่เฉิน นางค่อยๆเกาอย่างเบามือ เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกหลายรอบ "อาเฉิน ท่านเป็นบุรุษคนแรกที่ข้าสระผมให้ และเป็นบุรุษคนแรกที่ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ตั้งแต่เกิดมา...ข้าไม่เคยสระผมหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บุรุษคนใดมาก่อน ท่านเชื่อข้าหรือไม่...? "เชื่อสิ...." โม่เฉินก็คิดในใจเช่นเดียวกันกับนาง โม่เฉินรู้สึกโล่งใจและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน ทั้งที่พึ่งรู้จักกับนางได้ไม่นาน แต่ในใจของเขา กลับรู้สึกผ่อนคลายและสงบลงอย่างบอกไม่ถูก "เอาละเสร็จแล้ว...เดี๋ยวข้าจะเอาเก้าอี้ที่ดันไว้ตรงปลายเท้าท่านออก เช็ดผมพอหมาดๆ นอนพึ่งลมอีกสักพักผมก็แห้งแล้ว ตอนนี้ข้าเริ่มเหนียวตัว อยากจะไปอาบน้ำชำระร่างกายเสียเต็มประดา ประเดี่ยวข้าอาบน้ำเสร็จ ข้าค่อยกลับมาแปลงผมให้ท่านต่อ.." "ขอบคุณมาก...." หรงหรงลากเปลที่โม่เฉินนอนอยู่ออกมาให้ห่างจากน้ำที่นางพึ่งสระผมให้เขาไปเมื่อสักครู่พอประมาณ จากนั้นนางจึงเดินจากไป โม่เฉินแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยใบหน้าที่เย็นชา เขาช้อนสายตาหันกลับไปมองสตรีร่างเล็กเป็นครั้งคราว เห็นเพียงแผ่นหลังที่กำลังเดินหายลับไปอีกมุมหนึ่ง "แปลกจริง หายไปไหนแล้วนะ...? หรงหรงพยายามมองหากล่องยา แต่ไม่รู้ว่ากล่องยาล่องหนหายไปไหน โม่เฉินนอนหลับตาฟังเสียงลมในยามค่ำคืน ยามต้องลมอุณหภูมิร่างกายเย็นยะเยือกจนถึงกระดูก เขาไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตนี้เขาจะได้มาชมบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและเงียบสงบเช่นนี้ นึกว่าจะตายไปแล้วเสียอีก.... "หากได้อยู่แบบนี้ตลอดไปก็คงดี.." โม่เฉินเอ่ยพร้อมทั้งแหงนหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้า แววตาพลันเศร้ามอง " องค์...." เสียงปริศนากำลังจะเอ่ยขึ้น แต่ถูกโม่เฉินใช้สายตาข่ม "ไสหัวไป หากไม่มีคำสั่งข้า อย่าได้ปรากฏตัวให้ข้าเห็นอีก.." หลังจากโม่เฉินกล่าวจบ เสียงปริศนาก็พลันหายแว้บไปตามคำสั่ง "ท่านกำลังคุยกับใครอยู่หรือ.....? หลังจากชำระร่างกายเสร็จ หรงหรงเดินกลับมาด้วยผมเผ้าที่เปียกปอน นางเหมือนได้ยินเสียงคนคุยกัน พยายามมองหาเสียงปริศนาแต่ก็ไม่ปรากฏ " ข้าแค่เพ้อไปเรื่อย ไม่มีอะไรหรอก.." ภาพที่เห็นตรงหน้า ช่างหาดูได้ยากยิ่ง บุรุษรูปงามนอนหลับตาท่ามกลางท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ หรงหรงเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างโม่เฉินอย่างถือวิสาสะ... โม่เฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นสบู่จางๆออกมาจากด้านข้างเขา เขาเผลอสูดดมกลิ่นหอมนั้น และรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างบอกไม่ถูก "ทำไมยังไม่นอนอีก...? หรงหรงกระซิบถาม "ข้ารอหรงเอ๋อร์..." "เหตุใดต้องรอ ถ้าง่วง...ท่านก็รีบนอนเสียเถิด มิต้องฝืนร่างกาย...." "ข้าแค่อยากจะลองรอใครสักคนดูบ้าง..." โม่เฉินหันไปจ้องมองสตรีร่างบางด้วยแววตาที่อบอุ่น "ชิ..อย่าได้ใช้คำพูดมายั่วยวนข้า ข้ามิหลงกลท่านหรอก.." "ข้าพูดความจริง...." หรงหรงเบะปากมองบน.... สายลมพัดไปมาในยามค่ำคืน บรรยากาศมืดสลั่วมีเพียงเสียงแมลงร้องขับขาน เส้นผมโม่เฉินโดนลมกระทบ จึงเริ่มแห้งขึ้นมาบ้างแล้ว หรงหรงถือวิสาสะ เอามือจับปลายผมของโม่เฉิน ขึ้นมาสูดดม "หอมจัง เมื่อครู่ยังเหม็นคาวกลิ่นเลือดอยู่เลย เส้นผมท่านช่างเงางามอ่อนนุ่มยิ่งกว่าเส้นผมสตรีเสียอีก คริ...คริ" หรงหรงยิ้มให้โม่เฉิน ก่อนจะเอ่ยหยอกล้อ และหัวเราะเสียงเบา มือเล็กเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มที่ไหลตกลงไปที่ขาของเขา เพื่อดึงผ้าห่มขึ้นมาจัดระเบียบให้โม่เฉินใหม่อีกครั้งอย่างอ่อนโยน "หนาวหรือไม่...? "ไม่ ตอนนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก.." "ชิ...นอนได้แล้ว คืนนี้ข้าจะเฝ้าดูอาการให้ท่านเอง เพราะได้กล่องยาวิเศษของข้าช่วยเอาไว้ ท่านถึงได้รอดพ้นจากเงื้อมือมัจจุราชมาได้...." โม่เฉินกำลังจะเอื้อมมือไป เพื่อขอบคุณนาง "อย่าขยับ...มือท่านยังไม่หายดี จะขยับมั่วซั่วไม่ได้เด็ดขาด..." หรงหรงรีบจับมือของโม่เฉินวางลงอย่างถนอม นางกำลังจะเอามือออก แต่ถูกโม่เฉินรั้งเอาไว้ก่อน "ขอข้าจับแบบนี้อีกสักครู่ ได้หรือไม่....? โม่เฉินเอ่ยออกมาอย่างมีมารยาท "ก็มิใช่ว่าจะไม่ได้..." หรงหรงถึงจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่นางรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนของโม่เฉิน นางจึงปล่อยให้เขาจับมือนางอยู่แบบนั้นไปพักใหญ่ หรงหรงเอาหัวซุกหนุนไปที่ตักของโม่เฉินอย่างลืมตัว นางใช้ฝ่ามือสัมผัสไปที่ขาของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วง "เจ็บหรือไม่...? หรงหรงแหงนหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ "ไม่เจ็บแล้ว ข้าต้องขอบคุณหรงเอ๋อร์จากใจจริง" "เลิกขอบคุณข้าได้แล้ว นอนเถอะ....? "ข้า...นอนไม่หลับ...." หรงหรงรีบลุกขึ้นยืน นางก้มตัวลง จากนั้นจึงค่อยๆโน้มตัวลงจูบไปที่กลางหน้าผากโม่เฉินอย่างลืมตัว พอนางได้สติคืนมา นางจึงรีบถอยตัวออกห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว "ขอโทษ ข้าเผลอตัวไปหน่อย เวลาที่ข้านอนไม่หลับ ท่านแม่มักจะจูบที่กลางหน้าผากข้าเบาๆเป็นประจำ" หรงหรงนึกถึงมารดาจากโลกเก่า นางรีบอธิบายออกไป เพราะกลัวว่าโม่เฉินจะเข้าใจนางผิด "ไม่เป็นไร ข้าชอบ" โม่เฉินยกยิ้มอย่างพอใจ "....." "ห่ะ ท่านไม่รังเกียจข้าหรอกหรือ....? "ข้าจะรังเกียจว่าที่ภรรยาได้เช่นไร.." "อย่ามาพูดมั่วซั่ว ข้าไปรับปากท่านตอนไหนว่าจะยอมเป็นภรรยาท่าน.." หรงหรงรีบปฎิเสธเสียงแข็ง "แต่ทั่วทั้งเรือนร่างของเจ้า ข้าล้วนเห็นจนหมด ข้าควรจะรับผิดชอบ..." "หุบปาก ตอนนั้นมันฉุกละหุก ข้าไม่ถือสาหาความ.." "แต่ข้าถือ บุรุษจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ล่วงเกินไปแล้ว" โม่เฉินย้ำคำหลัง ยิ่งทำให้หรงหรงอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี "ดูจากรูปร่างผิวพรรณของท่าน น่าจะเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล ข้าไม่เคยคิดที่จะผูกมัดท่านเอาไว้หรอก ตัวข้ายังไม่รู้เลย ว่าจะทำเช่นไรต่อไปดีบนโลกใบนี้....? หรงหรงรีบกล่าวตัดบท โม่เฉินมองนางอย่างงุนงงในคำพูดของนาง ราวกับว่า สตรีตรงหน้าไม่ใช่คนบนโลกไปนี้...จะเป็นไปได้อย่างไร....? เมื่อคิดย้อนกลับไป หรงหรงพึ่งจะข้ามมิติมายังโลกใบนี้ ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอย่างไรดี นางจึงไม่อยากจะดึงเอาบุรุษที่ไหนก็ไม่รู้ ให้ต้องมาพลอยตกระกำลำบากไปกับนางด้วย "สตรีมากมาย ก็ไม่สู้หรงเอ๋อร์เพียงคนเดียว.." "ท่านยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของข้าดีพอ ตอนนี้ข้าอาจจะแสร้งทำดีก็ได้ ใครจะไปรู้...? หรงหรงยังคงชักแม่น้ำหลายสาย เพื่อให้เขาเปลี่ยนใจ "ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นคนดี..." "เอาเถอะ หากข้ารักษาท่านหายดีแล้ว ท่านก็รีบไปจากที่นี้เสียเถอะ....? "ข้ามิใช่คนเนรคุณลืมบุญคุณคน ในเมื่อข้ารับปากกับเจ้าไปแล้ว ข้าจะมิผิดคำพูดแน่นอน หากวันใดข้าผิดคำพูด ขอให้ข้าสูญเสียทุกอย่างที่รักไป..." โม่เฉินรีบให้คำมั่นสัญญา " โลกนี้ล้วนกว้างใหญ่ไพศาล ข้าชอบอิสระ มิชอบให้ใครมาผูกมัด อย่าได้พูดอีกเลย รีบนอนเถอะ..." กล่าวจบสตรีร่างบางรีบเอามือนวดคลึงขมับอย่างจนปัญญา..." ขอเพียงท่านลุงตกลงปลูกเรือนให้ข้า หากท่านลุงต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ท่านลุงบอกข้ามาได้เลยเจ้าคะ ข้ายินดีพร้อมใจสุดกำลัง..." "ได้...ช่วงนี้ลุงว่างพอดีเลย ตอนนี้ยังไม่ได้รับงานที่ไหน ถ้าเช่นนั้น...อีกสักสองสามวัน หลังจากที่ลุงทำเก้าอี้ให้เจ้าเสร็จเรียบร้อย ลุงจะพาผู้ช่วยไปตรวจวัดพื้นที่ที่เรือนให้ก่อนก็แล้วกัน..." ช่างไม้ฉู่รีบตกปากรับคำทันที "ได้เจ้าคะ เรื่องอาหารการกิน ข้าจะรับผิดชอบวันละสามเวลาเจ้าคะ ส่วนค่าแรง ข้าจะจ่ายให้ท่านลุงทุกวันหลังจบงาน คนละสิบอิแปะ ท่านลุงคิดเห็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ...? หรงหรงมองไปที่ช่างไม้ฉู่อย่างชั่งใจ สิบอิแปะต่อวัน ถือว่าเป็นค่าแรงที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เพราะปกติค่าแรงรายวัน ได้เพียงเเค่ห้าอิแปะต่อวันเท่านั้น มีหรือช่างไม้ฉู่จะไม่รีบตอบตกลง เทียบกับชาวบ้านธรรมดาในหมู่บ้าน ยังได้ค่าแรงวันล่ะ 5 -6 อิแปะต่อวัน สตรีคนนี้ช่างใจปล้ำยิ่งนัก ช่างไม้ฉู่พลันนึกคิดภายในใจ มีลาภลอยมาให้ถึงที่ เหตุใดเขาจะต้องปล่อยให้หลุดมือไปด้วยเล่า "ได้ตกลงตามนี้" "ตกลงตามนี้เจ้าคะท่านลุง" เมื่อตกลงจ้างวานสำเร็จ หรงหรงจึงให้ช่างไม้ฉู่ติดต่อสั่งซื้อกระเบื้อง อิ
ท่านลุงฉู่....ถือเป็นช่างไม้ฝีมือดีอันดับหนึ่งอีกหนึ่งคนของหมู่บ้าน เขาสามารถสร้างผลงานการออกแบบ รวมถึงการต่อเติมเรือนที่แข็งแรงและยังทนทาน ขนาดช่างฝีมือในระแวกใกล้เคียง ยังต้องมาขอเรียนรู้งานเพิ่มเติมจากช่างไม้ฉู่อยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าแถบจะทุกครัวเรือน ล้วนเป็นฝีมือของช่างไม้ฉู่ หากเอ่ยถึงช่างไม้ฝีมือดี คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักช่างไม้ฉู่.... คำเล่าลือถึงความสามารถของช่างไม้ฉู่ ไม่ใช่เฉพาะแต่การสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้านเป็นเท่านี้ เขายังสามารถสร้างโต้ะกินข้าว เก้าอี้ โต้ะเครื่องแป้ง และอุปกรณ์ที่ทำจากไม้อีกหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้จ้างวาน ขอเพียงมีแบบร่าง ช่างไม้ฉู่ก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น "อ้าว...นางหนู ลมอะไรหอบมา วันนี้ถึงได้มาหาลุงตั้งแต่เช้าเช่นนี้.....? ช่างไม้ฉู่กำลังนั่งลงประกอบโต้ะไม้ เขาพลันเหลือบไปเห็นหรงหรงเดินมาแต่ไกล ก่อนจะรีบเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่มารดานางป่วย เขาก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเด็กสาวคนนี้เลยสักครั้ง "สวัสดีตอนเช้าเจ้าคะ.... พอดีว่าข้าจะมาขอจ้างวานท่านลุง พอจะมีเวลาว่างให้ข้าสักประเดี๋ยว ได้หรือไม่เจ้าคะ.....? หรงเอ๋อร์รีบเข้าประเด็นทันที "ได้
"ข้าจะยอมบอกท่านก็ได้ ในอดีต...ข้าเคยมีคนรักและเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง แต่ถูกพวกเขาสองคนสวมเขาให้ข้า ข้าจึงยังไม่อยากเปิดใจคบกับใครอีกแล้ว....ท่านเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย..." หรงหรงพูดมาถึงตรงนี้ นางพลันมีสีหน้าที่เศร้าหมอง "หากข้าเป็นบุรุษผู้นั้น ข้าจักต้องดีต่อเจ้าอย่างแน่นอน ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง หรงเอ๋อร์...เจ้าจะให้โอกาสกับข้าได้หรือไม่...? สายตาที่โม่เฉินส่งออกไป ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง "ไม่เอาหรอก มีท่านเป็นสามี ข้าคงได้อกแตกตายกันพอดี ข้ามิอยากจะไปสู้รบกับสตรีคนอื่นๆ เพียงเพราะใบหน้าที่งดงามของท่านหรอกนะ" "หน้าตาข้า...ดูคล้ายกับบุรุษมักมายพวกนั้นหรือกระไร....? "ไหน....ขอข้ามองดูแววตาท่านให้ชัดๆหน่อยสิ ว่าท่านกำลังพูดความจริง หรือว่าท่านกำลังโกหกข้าอยู่..." หัวคิ้วของหรงหรงขมวดเข้าหากัน นางขยับตัวลงไปนั่งใกล้ๆโม่เฉิน พลันคิดถึงเรื่องการรักษาเกี่ยวกับขาของโม่เฉินขึ้นมาอย่างกระทันหัน จึงทำให้นางหยุดนิ่งอยู่สักพัก "หรงเอ๋อร์ ว่าอย่างไร ดูพอหรือยัง......? โม่เฉินเรียกนางอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับใดๆ ราวกับว่าเขากำลังคุยอยู่คนเดียว "หือ.....? หรงห
"เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของท่านตา ทำให้ท่านตาขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ส่วนท่านยาย พอได้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปหลายวัน ด้วยเกรงว่าตระกูลถังจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ท่านตาจึงรีบปิดข่าว เพื่อไม่ให้คนภายนอกได้ล่วงรู้ และให้พ่อกับแม่แต่งงานกันโดยไม่ต้องจัดพิธีรีตอง แต่ท่านตายังถือว่ามีเมตตา ได้แบ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นสินเดิมให้แม่ เอาไว้ใช้ในยามจำป็น แต่คนในตระกูลถังไม่ยินยอมให้แม่ใช้ชื่อแซ่เดิม น้ำเสียงส่วนใหญ่เห็นต่างไปจากท่านตา ท่านตาเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจ คัดชื่อแม่ออกจากรายชื่อวงศ์ตระกลู นับแต่นั้นเป็นต้นมา" "ปัดโธ้....คนในตระกลูช่างไม่ยุติธรรมกับท่านแม่เลยนะเจ้าค่ะ...? หรงหรงเมื่อได้ฟังดังนั้น นางก็เริ่มโมโหขึ้นมา "หรงเอ๋อร์ พ่อเจ้าดีกับแม่เป็นอย่างมาก เขาได้เปลี่ยนชื่อแซ่ให้แม่ในภายหลัง แต่หลังจากแม่ย้ายออกมาอยู่กับพ่อเจ้าได้ไม่นาน แม่เฒ่าอิ๋นก็เริ่มใช้สินเดิมของแม่ไปจนหมดสิ้นอย่างไม่เกรงใจ พ่อเจ้าจึงทนดูไม่ได้ เลยขอแยกเรือนออกมาใช้ชีวิตตามลำพังสองผัวเมีย ท่านปู่เจ้า..เห็นว่าแม่เฒ่าอิ๋นใช้สินเดิมแม่ไปจนหมดสิ้น จึงได้แอบยกเงินส่วนตัวจำนวนก้อนหนึ่ง เ
ยามโหย่ว(17.00-19.00)....... หรงหรงแบกของพะรุงพะรังกลับมาถึงก็เป็นเวลาพลบค่ำ ร่างบางไม่รอช้า รีบนำสมุนไพรที่เก็บได้ออกมาวางอย่างเป็นระเบียบ พร้อมทั้งจัดการแยกโสมภูเขาล้ำค่า และจัดแจงสมุนไพรอื่นอีกมากมาย แยกออกเป็นสัดเป็นส่วน กระต่ายน้อยอ้วนพี ถูกจัดการชำแหละเนื้อออกอย่างรวดเร็ว "กลับมาแล้วรึ รีบไปอาบน้ำเถอะ.." นางเมิงมองเห็นบุตรสาวที่เนื้อตัวม่อมแมม ใบหน้าชุ้มไปด้วยเหงื่อ จึงรีบเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง "ลูกจวญจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ..." หรงหรงมองไปที่หญิงชรา แล้วจึงส่งยิ้มให้ "วางมือลงเถอะ ให้แม่ทำเอง เนื้อตัวสกปรกเยี่ยงนั้น ต้องรีบไปอาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น.....? "ไหนๆมือลูกก็เปื้อนไปแล้ว ให้ลูกทำให้เสร็จเถอะเจ้าคะ ท่านแม่แค่รอนำเนื้อกระต่ายลงไปผัด และต้มน้ำแกงก็พอ..." หรงหรงจัดแจงบอกมารดาอย่างละเอียด "ได้ๆๆ....ส่วนที่เหลือแม่จักทำเอง .." "เรียบร้อย....ประเดี๋ยวลูกจะรีบกลับมาช่วยท่านแม่อีกแรงนะเจ้าคะ..." "ไม่ต้องแล้ว ลูกแค่เตรียมท้องรอก็พอ..." หลังจากหรงหรงอาบน้ำเสร็จ นางรีบแวะไปหาโม่เฉินก่อน เพื่อตรวจเช็คดูความคืบหน้าของผลงาน "กลับมาแล้วหรือ...? เสียงทุ่มเอ่ยถาม
บรรยากาศยามรุ่งสาง..... หรงหรงตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก นางรีบอาบน้ำแต่งตัวออกเดินทางขึ้นเขาไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ในระหว่างการเดินทาง เมื่อนึกถึงคำพูดของโม่เฉินตลอดทั้งคืน ยิ่งทำให้นางนอนไม่หลับ นางนอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน จนเผยให้เห็นรอยคล้ำที่ใต้ตาอย่างเด่ดชัด "ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด ยามแรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน เขาช่างดื้อดึงเสียจริงๆ" จู่จู่หรงหรงก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดขึ้นมาในโสตปราสาท นางเคยมีเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงทำให้ถููกเพื่อนสนิทคนนั้นแอบแทงข้างหลัง และได้ถูกสวมเขามาเป็นเวลานาน หากว่าเรื่องไม่แดงขึ้นมาเสียก่อน หรงหรงคงกลายเป็นคงโง่งมอยู่เช่นนั้น ก่อนจะข้ามภพมา หรงหรงตั้งใจว่าจะไปเซอร์ไพรเพื่อนสนิท โดยไม่บอกล่วงหน้า นางจึงได้แอบไปหาเพื่อนสนิทที่ห้องพักอย่างลับๆ และบังเอิญได้ยินเพื่อนสนิทกำลังคุยโทรศัพท์ว่ากำลังตั้งครรภ์ขึ้นมา และพ่อของเด็ก ก็คือแฟนหนุ่มของหรงหรง หรงหรงเหมือนโดนมีดกรีดลงกลางใจ ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างบาดแผลทางใจให้กับหรงหรงอย่างไม่มีวันลืมเลือน.... เมื่อได้สติขึ้นมา หรงหรงรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดทิ้งไ







