"อาจารย์ป้า"
ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที
"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"
หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม
"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"
มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู
"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"
คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว
"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"
คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ
"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"
คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน
"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."
นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ้อนเพื่อเบี่ยงเบนความผิดมักจะเรียกเจ้าสำนักหยวนจีให้สนิทสนมกว่าทุกครั้ง แต่นางรู้จักกาลเทศะ จะทำจำเพาะเวลาที่อยู่กันลำพังเช่นนี้เท่านั้น
"เอาละ ๆ อาจารย์เชื่อแล้วว่าเจ้าไม่เหลวไหล"
"ท่านอาจารย์ป้าดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ"
สงสัยจะชวนคุยเพลินไปหน่อยเจ้าสำนักหยวนจีจึงคอแห้งจนส่งเสียงไอออกมา
"ตั้งแต่อาจารย์เก็บตัวเข้าฌาน อาการของเจ้ากำเริบอีกหรือไม่"
แววตาของเจ้าสำนักหยวนจีมีแต่ความเป็นห่วงเป็นใยสตรีตรงหน้า
"ข้ารู้สึกว่ามีไอร้อนแผดเผาในกาย แต่ถ้ำเหมันต์ของอาจารย์ป้ายังยับยั้งได้เจ้าค่ะ"
หรือว่าพลังที่นางผนึกปราณอัคคีไว้จะอ่อนกำลังลง แต่หากให้หยวนจีถ่ายทอดพลังปราณให้อีกตอนนี้เกรงว่าครั้งนี้คงไม่ง่ายเพราะนางฟื้นคืนกำลังได้แค่สองในสิบส่วนเท่านั้น
"ชิงเอ๋อร์ ต่อไปเจ้าต้องเก็บตัวที่ถ้ำเหมันต์เพื่อฝึกสิ่งนี้"
หยวนจีหงายฝ่ามือขึ้น ใช้พลังลงยันต์กลางฝ่ามือปรากฎเป็นคัมภีร์ไผ่ขึ้นมาม้วนหนึ่ง
"นี่คืออะไรหรือเจ้าคะ"
แม้ว่าหลี่ชิงชิงจะมาอยู่ที่สำนักเมฆาล่องลอยได้แปดปีแล้ว ทว่าด้วยความที่ทั้งสำนักให้อิสระแก่นางจนเคยตัวทำให้หลี่ชิงชิงไม่ค่อยสนใจเรื่องเคล็ดวิชาต่าง ๆ ที่บอกว่าทุกคนให้อิสระแก่นางมิใช่เพราะสถานะพิเศษเป็นบุตรสาวของน้องร่วมสาบานของเจ้าสำนักแต่อย่างใด หากเป็นเพราะหลี่ชิงชิงเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่สามารถปลุกพลังปราณในตัวได้ ทุกครั้งที่หลี่ชิงชิงพยายามเค้นพลังปราณออกมานางจะรู้สึกเหมือนธาตุไฟเข้าแทรกทุกครั้ง เจ้าสำนักหยวนจีจึงสั่งห้ามไม่ให้นางฝึกวิชาที่ใช้พลังปราณทุกเคล็ดวิชา ให้ฝึกได้แค่วิชากระบี่ ยิงธนู ขี่ม้า จับทวนที่เป็นวิชาทางกายแทน
"นี่คือคัมภีร์เหมันต์สดับสวรรค์"
"คำภีร์ลับสุดยอดสำหรับเจ้าสำนัก!"
หลี่ชิงชิงเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เห็นคัมภีร์ลับที่บรรดาศิษย์ชั้นล่างอย่างนางไม่มีวันจะได้เห็น แถมเคล็ดวิชานี้ยังถูกเก็บไว้กับตัวเจ้าสำนักรุ่นต่อรุ่นเท่านั้น
"อาจารย์ป้าจะให้ข้าฝึกเจ้านี่หรือเจ้าคะ"
หลี่ชิงชิงมองคัมภีร์ตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายหนืดลงคอ หวนนึกถึงตอนที่นางฝึกวิชากระบี่เหินเมฆาครั้งแรกก็เกือบตายเพราะถูกธาตุไฟเข้าแทรกมาแล้วหนหนึ่ง
"เจ้ามิต้องกลัว วิชาที่อาจารย์จะให้ฝึกมิต้องใช้ลมปราณภายใน เพียงแต่ต้องใช้ธาตุที่บริสุทธิ์ล้อมรอบร่างกายและสมาธิตั้งมั่นหล่อรวมให้เกิดจิตบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่ง เจ้าจึงจะควบคุมปราณอัคคีในตัวเอาไว้ได้"
ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่การใช้สมาธิตั้งมั่นเป็นเวลานาน ๆ คนชอบอิสระเสรีไม่อยู่นิ่งอย่างหลี่ชิงชิงจะทนได้หรือ
"แต่คัมภีร์นี้ยังมีเคล็ดวิชาอื่นอยู่ด้วย อาจารย์ป้ามิกลัวว่าข้าจะแอบฝึกหรือเจ้าคะ"
นางเพียงแค่พูดหยอกล้อเจ้าสำนักหยวนจีเท่านั้น ส่วนอีกคนแม้จะเลี้ยงดูนางแบบจริง ๆ จัง ๆ มาเพียงแค่สามปี แต่นางก็ดูออกว่าเนื้อแท้จิตใจของหลานสาวผู้นี้เป็นเช่นไร นางไม่มักใหญ่ใฝ่สูงถึงขั้นลักลอบฝึกวิชาอื่นเป็นแน่ แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาหากความลับเรื่องตนเองส่งต่อคัมภีร์ให้ผู้อื่นจึงต้องกันไว้ดีกว่าตามแก้ที่หลัง
"เจ้ามิต้องกลัว อาจารย์ใช้วิชาพลางตาหน้าอื่นไว้หมดแล้ว สิ่งที่เจ้าต้องฝึกมีเพียงเหมันต์สดับสวรรค์ขั้นชำระจิตเท่านั้น"
ว่ากันว่าคัมภีร์เหมันต์สดับสวรรค์คือคำภีร์เวทย์ที่เขียนโดยมหาเทพเบื้องบนแล้วส่งลงมายังโลกมนุษย์เพื่อให้เหล่านักพรตผู้ผดุงคุณธรรมได้ฝึกเอาไว้ปกป้องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ซึ่งในคัมภีร์นี้มีทั้งหมด 5 ขั้น ได้แก่
ขั้นชำระล้าง ผู้ฝึกจะต้องล้างร่างกายให้สะอาดด้วยการแช่บ่อน้ำค้างพันปีในคืนจันทร์เต็มดวงเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มจึงจะสามารถใช้อาคมชำระล้างความชั่วร้ายที่มองไม่เห็นทั้งปวงได้
ขั้นชำระจิต เป็นการนั่งสมาธิโดยใช้ธาตุทั้งห้า น้ำ ไม้ ไฟ ดิน และทอง เมื่อจิตแน่วแน่ไร้จิตมารจะสามารถใช้อาคมชำระจิตให้กับผู้อื่นได้
ขั้นปัดเป่า เมื่อกายและจิตเชื่อมเป็นหนึ่ง จะสามารถใช้อาคมปัดเป่าความทุกข์ สงบจิตใจและส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้
ขั้นทำลาย เป็นวิชาขั้นสูง ผู้ที่ฝึกมาถึงขั้นนี้ได้จะต้องมีตบะและพลังวิญญาณที่แกร่งกล้าและบริสุทธิ์ไร้มลทินใด ๆ แปดเปื้อน หากฝึกสำเร็จในทางดีจะสามารถขจัดมารปีศาจจนดวงจิตมารดับสลายไม่สามารถก่อเกิดความชั่วร้ายได้อีก แต่หากฝึกด้วยจิตที่ดำมืด จะกลายเป็นปีศาจร้ายเสียเอง
ขั้นนี้จึงน้อยคนนักที่สามารถฝึกสำเร็จได้
และขั้นสุดท้ายในคัมภีร์เหมันต์สดับสวรรค์คือขั้นดับขันธ์ ว่ากันว่าหากมีมนุษย์ผู้ใดฝึกสำเร็จจะสามารถทำลายได้แม้กระทั่งเทพเซียนบนสรวงสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่เป็นเพียงแค่ข่าวลือเพราะยังไม่มีผู้ใดบรรลุถึงขั้นนี้ได้เลย แม้กระทั่งหยวนจี เจ้าสำนักคนปัจจุบันที่ฝึกบรรลุเพียงขั้นที่สี่ทำลายเท่านั้น!
"ขั้นชำระจิต ฟังดูเหมือนง่าย ความจริงต้องยากมากใช่หรือไม่เจ้าคะ"
หลี่ชิงชิงตะล่อมถามเผื่อเป็นแนวทางในการหาข้ออ้างไม่อยากฝึก
"หากเจ้ามองว่าง่ายก็มิใช่เรื่องยาก"
หยวนจีอ่านใจหลานสาวออกว่าต้องหาเรื่องออดอ้อนให้นางใจอ่อนเห็นใจไม่ต้องฝึกคัมภีร์นี้เฉกเช่นตอนที่ให้เข้าฌานที่ถ้ำเหมันต์ในคราแรก ๆ
"ข้าไม่ฝึกได้หรือไม่เจ้าคะ แค่เข้าไปหลบอยู่ที่ถ้ำเหมันต์ของอาจารย์เช่นทุกครั้งอาการข้าก็ทุเลาความปวดแสบปวดร้อนได้อยู่"
"เจ้าลืมไปแล้วหรือ ยิ่งเจ้าโตเป็นสาวมากเท่าใด ปราณอัคคีในตัวเจ้ายิ่งมีพลังทรมานเจ้ามากเท่านั้น ลำบากวันนี้เพื่ออนาคตของเจ้าในวันข้างหน้า"
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเชิงตำหนิแต่ก็มีความห่วงใยซ่อนอยู่ไม่น้อย
"ปีศาจตนใดกันนะที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้"
น้ำเสียงหลี่ชิงชิงมีแต่ความเคียดแค้น
ผ่านมาตั้งแปดปีแล้ว สุดท้ายนางก็ยังไม่รู้ว่าปีศาจที่ทำให้นางทรมานเช่นนี้คือตนใด และนางควรแก้แค้นผู้ใดให้มารดา
"เจ้าอย่าได้จองเวรแก่กันเลย คิดเสียว่าคือเคราะห์กรรมของเจ้าที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้"
ลึก ๆ ในใจของหยวนจีไม่เชื่อคำพูดของหลี่ต้งเลยสักนิด นางไม่เชื่อว่าหลี่ชิงชิงจะเป็นลูกของหยวนชิงกับปีศาจแม้ร่างกายนางจะมีพลังของปราณอัคคีก็เถอะ แต่เรื่องทั้งหมดยังสืบไม่กระจ่าง นางจะไม่มีวันปักใจเชื่อเพียงเพราะเรื่องเล่าจากปากคนผู้เดียวเช่นบิดาของหลี่ชิงชิงจนกว่าจะตามหาปีศาจที่เป็นเจ้าของพลังนี้ให้เจอแล้วเค้นคอถามลึกหนาบางตื้นของเรื่องนี้
"แปดปีแล้ว ข้าอยากลงเขาไปเยี่ยมท่านพ่อกับอาสี่จัง"
จากกันเมื่อแปดปีที่แล้ว ทั้งสองก็มิเคยมาเยี่ยมเยือนนางสักหน ทั้ง ๆ ที่มีตราหยกผ่านทางติดตัวแต่กลับไม่มีผู้ใดมาหานางสักคน
หรือว่าทั้งสองจะรังเกียจที่นางเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจไปแล้วจริง ๆ
เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยอาสี่หลี่จงก็ไม่คิดเช่นนั้นกับนางแน่
"หากเจ้าอยากลงเขาต้องฝึกวิชานี้ให้สำเร็จแล้วอาจารย์จะให้เจ้าลงไปเยี่ยมสกุลหลี่"
ควรดีใจอยู่หรอก แต่ด้วยความสามารถนางตอนนี้ไม่รู้จะใช้เวลาฝึกกี่วันกี่เดือนกี่ปีกัน
"ท่านป้า... วิชานี้ฝึกยากนัก หากชิงชิงตัดความกังวลและความเคียดแค้นไม่พ้น เหตุใดถึงจะฝึกผ่านกันเล่า"
เสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนให้ดูน่าสงสาร พร้อมทั้งบีบนวดอย่างเอาอกเอาใจ ทำเอาเจ้าสำนักหยวนจีใจอ่อนอีกตามเคย
"พอแล้ว ๆ สามวัน อาจารย์ให้เจ้าลงเขาไปเยี่ยมพวกเขาสามวัน กลับมาเจ้าต้องตั้งใจฝึกวิชานี้ให้สำเร็จ"
"ขอบคุณท่านป้า ข้ารักท่านที่สุดในโลกเลย"
หลี่ชิงชิงรีบโผเข้ากอดหยวนจีทันที นางว่าแล้วอาจารย์ป้าของนางต้องใจดีให้นางเพิ่มกำลังใจกลับมาฝึกวิชาจนได้
"อย่าลืม ห้ามเกินสามวัน เพราะคืนจันทร์เต็มดวงใกล้มาถึงแล้ว"
หลี่ชิงชิงพยักหน้ารับทราบในอ้อมกอดอันอบอุ่นนี้ที่นางโหยหาจากมารดามาโดยตลอด
"ชิงเอ๋อร์จะรีบไปรีบกลับเจ้าค่ะ"
เหตุใดครั้งนี้หยวนจีถึงรู้สึกใจคอไม่ดี แต่เป็นถึงเจ้าสำนักนางจะตระบัดสัตย์ตอนนี้มิได้
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ"หลี่ชิงชิงแอบชำเรืองมองเห็นมังกรฟ้ายิ้มให้ตนอยู่จึงรีบหลบสายตานั้นบ้าจริง! ทำไมนางต้องใจสั่นเช่นนี้ด้วย พวงแก้มก็ร้อนวูบวาบ หัวใจยังมาเต้นแรงจนยากควบคุมอีก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน""เพคะมหาเทพ""แม้เจ้าจะมีความชอบในศึกครั้งนี้ หากแต่ไม่สามารถลบล้างความผิดก่อนหน้าได้""เรียนมหาเทพ หากเป็นเรื่องสับเปลี่ยนตะวันจันทรา เป็นข้าเองที่ไหว้วานหงส์เพลิงให้ทำเช่นนั้น"เทียนหั่วหลงรู้ว่ามหาเทพเทียนวั่งจะกล่าวโทษเรื่องนี้กับหงส์เพลิงจึงรีบบอกความจริง"มังกรฟ้าไหว้วานข้าก็จริง แต่ถ้าข้าไม่ยินดีทำก็ไม่มีผู้ใดบังคับได้ มหาเทพโปรดลงทัณฑ์ข้าในเรื่องนี้เพียงผู้เดียวด้วย""ฮวาเหยียน"จูฮวาเหยียนคลี่ยิ้มให้กับมังกรฟ้าที่ส่งแววตาเสียใจและรู้สึกผิดให้นาง'ข้าเต็มใจทำเพื่อท่าน'จูฮวาเหยียนบอกทางสายตาให้กับมังกรฟ้า และนางเชื่อว่าคนฉลาดเช่นเขาอ่านแววตานั้นของนางออก"เช่นนั้นเจ้าจงไปรับผิดที่ตำหนักห้วงกาลเวลาของเทพรัตติกาลจู๋อวี่เสีย""น้อมรับพระบัญชามหาเทพ""บัดนี้ทั้งสามพิภพสงบสุขแล้ว ข้ามหาเทพเทียนวั่งขอบคุณทุกการเสียสละของทุกคนในศึกครั้งนี้"กล่าวจบมหาเทพเทียนวั่งก็เร้นกายกลับแดนสุ
หมับ!เทียนหั่วหลงเห็นแววตามุ่งมั่นนั่นแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เขารั้งข้อมือนางไว้แน่น"ข้าจะปลอดภัย"หลี่ชิงชิงหันกลับมาส่งแววตาหวานซึ้งมาให้เขา ในประกายนั่นบอกให้มังกรฟ้าเชื่อใจนาง"เจ้าต้องปลอดภัยกลับมา"หลี่ชิงชิงยิ้มกว้างแทนคำตอบนางหันหน้ากลับไปเผชิญกับจอมมารบรรพกาลที่อยู่ในร่างของหงยวี่บรรยากาศรอบตัวหลี่ชิงชิงเปลี่ยนไป นางถูกพลังของธาตุทั้งห้าที่มองไม่เห็นห้อมล้อมเอาไว้แววตามาดมั่นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นไม่ต่างจากเทพสงครามเฉินเสวี่ยทุกย่างก้าวที่หลี่ชิงชิงก้าวเดินเกิดเป็นคลื่นน้ำรองรับน้ำหนักของนาง"จอมมารชั่ว! เจ้าทำลายสำนักเมฆาล่องลอย เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ รวมถึงอาจารย์ป้าของข้า!"ทุกคำของนางช่างหนักหน่วง แววตามุ่งมาดหวังทำลายศัตรูตัวร้ายตรงหน้า"เจ้าลืมผู้ใดอีกหรือไม่"จอมมารบรรพกาลยั่วยุอีกคนให้นึกถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดแววตาหลี่ชิงชิงวูบไหวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาแน่วแน่ดังเดิม"ข้าจะลืมแค้นของท่านแม่ ท่านพ่อ และอาสี่ได้อย่างไร!"วันที่นางรอคอยในที่สุดก็มาถึง หลี่ชิงชิงจะได้ล้างแค้นให้กับครอบครัวที่ล่วงลับเพราะจอมมารตนนี้เสียที"วาจาสามหาวใช้ได้ วิญญาณของแม่เจ้า พ่อเจ้
: เจ้าสาวของมังกรฟ้า :มังกรฟ้าพาหลี่ชิงชิงออกมาจากห้วงจิตของนางได้สำเร็จ"มาได้สักที"มังกรทมิฬฝืนใช้พลังจนเฮือกสุดท้ายจึงเอ่ยประชดเล็กน้อยที่เห็นสหายทำภารกิจลุล่วงหลี่ชิงชิงตื่นจากการควบคุมของจอมมาร นางรีบใช้คัมภีร์เหมันสดับสวรรค์ชำระล้างพร้อมขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่หลงเหลืออยู่ออกจากกายจนหมดสิ้น"พวกเจ้า! พวกเจ้ากล้าขัดขวางแผนการครองใต้หล้าข้า!"เสียงแห่งความเกรี้ยวกราดของจอมมารบรรพกาลดังขึ้น มันใช้พลังทั้งหมดสะบั้นแส้อัสนีกาลของมังกรทมิฬจนขาดกระจายอั่ก!เมื่อเอ็นมังกรถูกทำลาย มังกรทมิฬจึงบาดเจ็บล้มฟุบลงกับพื้นพร้อมกระอักเลือดออกมาก่อนจะหมดสติ ดวงวิญญาณแตกกระจายหายไปกับอากาศ"หลงเซ่อ!"เสียงสัตว์เทพทั้งสี่ประสานกันด้วยความตกใจมังกรฟ้าเทียนหั่วหลงเคียดแค้นยิ่งนักที่ดวงจิตอีกดวงถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตาตน"ข้าจะไม่ยอมให้การเสียสละของมังกรทมิฬสูญเปล่า"มังกรฟ้าได้พลังวิญญาณและอัคคีมรกตกลับมาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้มันมีพลังเหนือปีศาจทั้งปวงเฉกเช่นแต่ก่อนเสียงดังเปรี้ยงปร้างพร้อมแสงวาบสว่างไสวปรากฎขึ้นเหนือท้องนภาที่ย้อมไปด้วยสีราวเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผา ไม่นานแส้พิฆาตของอัคคีมรกตก็ฟาดเข้ากั
ภายในห้วงจิตของหลี่ชิงชิงในเวลานี้แตกต่างจากครั้งแรกที่เทียนหั่วหลงเคยเข้ามาพื้นที่เวิ้งว้างแห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลหมอกสีดำทมึน กลิ่นไอความชั่วร้ายของจอมมารบรรพกาลกำลังกลืนกินทุกอย่างที่เป็นตัวตนของนางจากในห้วงจิตนี้มังกรฟ้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง หากเขามัวแต่เดินสุ่มทิศทางอยู่แบบนี้คงหาเจ้าของห้วงจิตไม่เจอ เวลายิ่งมีจำกัดเขาจึงเปลี่ยนแผนการใหม่"กระดิ่งมังกรสำแดงฤทธิ์!"มังกรฟ้าใช้อาคมเรียกกระดิ่งมังกรที่อยู่บนตัวหลี่ชิงชิง เสียงกระดิ่งดังก้องกังวาลรอบกายยากแก่การเดาทิศทางที่มาของเสียงเทียนหั่วหลงรีบตั้งค่ายกลขจัดไอมารออกไปเพื่อเพิ่มการรับรู้ทิศทางของกระดิ่งมังกรให้ชัดเจนอั่ก!เขาสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก การใช้อาคมเวทย์ยิ่งขั้นสูงและฝืนใช้มากเท่าไรยิ่งสะท้อนกลับตัวมังกรฟ้าเองมากเท่านั้นเทียนหั่วหลงกลับมาตั้งสมาธิอีกครั้ง เขาหลับตาลงพร้อมกับกำหนดจิตให้แน่วแน่ นึกถึงเพียงหลี่ชิงชิงจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่นานปรากฎแสงสว่างรำไรส่องอยู่ไม่ไกลจากจุดที่มังกรฟ้ายืนอยู่เทียนหั่วหลงมองเห็นคนที่ตามหากำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้นโดยมีแสงสีขาวนั้นคอยปกป้องร่างหลี่ชิงชิงเอาไว้ทำให้จอมมารบรรพการไม่สามารถค
ตู้ม!จอมมารหงุดหงิดใจที่เหล่าเทพชั้นต่ำเอาแต่พร่ำบ่นให้เขารำคาญหูจึงซัดพลังโจมตีเทพที่มาใหม่จนได้รับบาดเจ็บเจียนตาย"เสวียนอวี่ ข้าฝากท่านส่งท่านเทพเหล่านั้นกลับสวรรค์ด้วย"มังกรฟ้าเคลื่อนสายตากลับมาสบมองจอมมารในร่างหลี่ชิงชิงต่อภายในอุ้งมือมังกรฟ้าเกิดเป็นกลุ่มพลังสายหนึ่งขึ้นมา"อัคคีมรกตพิฆาต!"การโจมตีที่หนักหน่วงและแข็งแกร่งของมังกรฟ้าสั่นสะเทือนไปทั้งสามภพ จอมมารปัดป้องได้ทว่าก็ถูกพลังโจมตีนั้นทำให้ได้รับบาดเจ็บประมาณหนึ่งเทียนหั่วหลงเห็นสีหน้าหลี่ชิงชิงเจ็บปวดใจเขาก็ปวดตาม'อดทนอีกนิด ข้าต้องช่วยเจ้าให้ได้'เทียนหั่วหลงกลับมารวบรวมพลังอีกครั้งเพื่อโจมตีจอมมารบรรพกาลการต่อสู้ของมังกรฟ้ากับจอมมารดำเนินไปหลายชั่วยาม ทั้งคู่ผลัดกันจู่โจมผลัดกันปัดป้อง พลังวิญญาณของมังกรฟ้าที่ได้จากหลี่ชิงชิงคืนมาจากครานั้นฟื้นคืนแปดส่วน หากแต่ตอนนี้เขาใช้จัดการจอมมารจนแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงสู้ต่ออั่ก!เทียนหั่วหลงหลบการโจมตีครั้งนี้ไม่ทัน เขาถูกพลังมืดซัดเข้าเต็ม ๆ จนกระอักเลือดเหนียวข้นออกมามังกรทมิฬเห็นท่าไม่ดีหากปล่อยให้มังกรฟ้าสู้ตัวต่อตัวอีกแก่นวิญญาณคงแตกดับเป็นแน่"ข้าฝากทางนี้ด้วย"เท
คราที่หยวนอวิ๋นกำลังจะหมดแรงปรากฎสายอัสนีทมิฬฟาดลงมายังจอมมารบรรพการที่อยู่ในร่างของหลี่ชิงชิงเข้าอย่างจัง"จอมมารน่ารังเกียจ"มังกรทมิฬเทียนหลงเซ่อปรากฎเหนือเวหาด้วยท่วงท่าสง่างาม"คุณชายเทียน"กว่างเซียงเซียงเอ่ยนามผู้ที่เคยช่วยเหลือนางจากปีศาจบุปผา"เจ้ารู้จักเทพผู้นั้น"กว่างเซียงเซียงพยักหน้า หากแต่นางไม่ตอบกลับใด ๆ ในใจรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหลายส่วนตั้งแต่คนผู้นี้ปรากฎกายขึ้น"เจ้ามีกลิ่นไอของข้า"จอมมารบรรพกาลสูดดมกลิ่นของมังกรทมิฬ"เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ถูกตัดทิ้งของเทพผู้สร้างยังกล้าเอาตัวเองมาเทียบเท่ากับข้า"คำพูดเสียดแทงใจของเทียนหลงเซ่อสร้างความเคืองขุ่นให้จอมมารหลายเท่า มันไม่รอเวลารีบใช้อาคมของเหมันต์สดับสวรรค์ขั้นสามซัดไปยังเทียนหลงเซ่อ"น่าขยะแขยง ยึดร่างกายผู้อื่นไม่พอ ยังลอบใช้พลังของนางอีก เจ้าคงไร้พลังจริง ๆ"เทียนหลงเซ่อหลบการโจมตีได้ก็หาเรื่องยั่วโมโหจอมมารทันทีคนถูกดูถูกแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา"มังกรทมิฬหน้าโง่ คิดหรือว่าเจ้าเพียงคนเดียวจะช่วยมนุษย์นางนี้จากข้าได้""ใครว่าคนเดียวกัน!"เสียงดุดันดังขึ้นพร้อมกับเพลิงกัลป์พวยพุ่งโจมตีร่างของหลี่ชิงชิงอย่างไม่ยั้งมือ"ห