“ข้าเป็นผู้ปกครองชีวิตของตัวเอง ข้าไม่ต้องการให้ใครมาบังคับข้ามาก่อน โดยเฉพาะเรื่องแต่งงาน โดยเฉพาะกับหญิงที่ข้าไม่เคยเห็นหน้า ข้าควรจะได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญเช่นนี้เอง!”
“กราบทูลแบบไม่อยากขัดใจไท่จื่อ แต่ข้าน้อยก็ต้องพูดตามความเป็นจริง หากฝ่าบาทประสงค์ไม่แต่งงานกับหยวนเหมยหลัน ต้องไปกราบทูลกับองค์ฮ่องเต้เองพ่ะย่ะค่ะ” เว้นระยะ และเงยหน้ามองคนมีอำนาจมากกว่าตรงหน้า อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ฝ่าบาท ข้าเข้าใจความไม่พอใจของท่าน แต่โปรดคิดถึงประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการหมั้นหมายครั้งนี้ ท่านจะได้เพิ่มพันธมิตรและอำนาจในวังหลวง การหมั้นหมายครั้งนี้เป็นการก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น” หน้าที่ของเหมากงกง คือทำให้เขาสงบลง
อ๋องเหวยฉีหยางหยุดคิดชั่วครู่ น้ำเสียงอ่อนลง แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงเครียด “ข้าเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ข้าก็ไม่ได้อยากถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อความทะเยอทะยานของใคร ข้าจะต้องตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาท ข้าจะรอคำสั่งของท่านเสมอ เอาให้ท่านสบายใจกว่านี้อีกสักนิด แต่ใด ๆ” แล้วเหมากงกงได้โค้งคำนับ ก่อนจะเดินออกไป คำทิ้งท้ายก็เหมือนกับประกาศให้อ๋องเหวยฉีหยางรู้ว่า เขาไม่มีทางปฏิเสธ ต้องทำตามบัญชาขององค์ฮ่องเต้เท่านั้น
ยามนี้อ๋องเหวยฉีหยางยืนอยู่องค์เดียว เขามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ข้าต้องหาวิธีที่จะควบคุมชะตาของข้าเอง... ข้าจะไม่ยอมเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมการเมืองนี้อย่างเด็ดขาด”
นิสัยที่ดื้อด้านแข็งข้อ เป็นที่กล่าวขานกันมานานแล้วในวังหลวง ที่ขึ้นชื่อองค์หนึ่งก็คือ อ๋องเหวยฉีหยาง ในเวลานี้เขายังคงครุ่นคิด ท่าทางสีหน้าไม่พอใจ ความกังวลที่ซ่อนอยู่ในดวงตาปิดไม่มิด
โชคชะตาที่พลิกผัน
จวนแห่งอ๋องเหวยฉีหยาง ในคืนแต่งงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความงดงาม ของสวย ๆ งาม ๆ ถูกนำมาประดับตกแต่งจนเต็มจวนของท่านอ๋องเต็มไปหมด ผู้คนในวังหลวงต่างฉลองด้วยเสียงดนตรี และการแสดงที่วิจิตรงดงาม
หยวนเหมยหลันแต่งกายด้วยชุดเจ้าสาวสีแดงที่งดงาม ตอนนี้ใบหน้าของนางแฝงไปด้วยความกังวล และไม่สบายใจ ตอนนี้นางยืนอยู่คนเดียวที่ระเบียง มองออกไปยังแสงไฟที่ระยิบระยับสะท้อนบนผิวน้ำ ความรู้สึกคือโดดเดี่ยวและหวาดหวั่น
‘คืนนี้ควรจะเป็นคืนที่ข้าควรมีความสุข แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ...’
นางกำนัลเจินอี้เข้ามาคำนับ และพูดอย่างเคารพ
“คุณหนูหยวนเจ้าคะ พิธีการกำลังจะเริ่มแล้ว ไท่จื่อกำลังรอท่านอยู่ที่โถงใหญ่”
หยวนเหมยหลันหันมายิ้มเบา ๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเศร้า
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ขอบคุณมาก” นางกำนัลเจินอี้เดินไปหา และจัดการคลุมผ้าปิดหน้าให้ แล้วจับมือของหยวนเหมยหลันให้มายังโถงใหญ่
โถงใหญ่ในจวนของอ๋องเหวยฉีหยาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสำราญสุข โคมไฟสีแดง ๆ และแสงจากเปลวเทียน พร้อมกับนางกำนัลทั้งหลายบรรเลงเสียงเพลง
อ๋องเหวยฉีหยางยืนอยู่ท่ามกลางขุนนาง และแขกคนสำคัญ
หยวนเหมยหลันเดินเข้ามาด้วยท่าทางเรียบร้อย แต่ทว่าสายตาของอ๋องเหวยฉีหยางกลับมองนางอย่างเย็นชา
ร่างบางไหวเอน ก้าวขาอย่างช้า ๆ และระมัดระวัง นางมองเห็นแต่พื้นห้อง ไม่เห็นใบหน้าของเขาในขณะนี้ อ๋องเหวยฉีหยางพูดเสียงเบา เมื่อหยวนเหมยหลันมาถึงที่เขายืนอยู่
“ข้าไม่คาดหวังว่า เจ้าจะปรากฏตัวตรงเวลา”
หยวนเหมยหลันได้ยินเสียงของเขานางก็ชะงักเล็กน้อย น้ำคำไม่ไพเราะเสนาะหูเท่าใดนัก นางจึงได้แข็งขืนตัว แต่ก็ได้ก้มหัวลงเล็กน้อย
“ข้าไม่อยากให้ท่านต้องรอนาน...”
อ๋องเหวยฉีหยางมองเหมยหลันด้วยสายตาเฉยชา แต่ที่เขาไม่อยากจะเชื่อ คือคำพูดที่แข็งกระด้างของนาง และแสนจองหองนั่นต่างหาก
ท่านอ๋องจึงหันไปพูดกับเหมากงกง ให้เริ่มพิธีการต่าง ๆ ได้เลย
ในขณะที่มีพิธีการอยู่ หยวนเหมยหลันรู้สึกโดดเดี่ยวมาก ๆ แถมนางยังไม่สบายใจอีก ความกดดันภายในจิตใจที่แม้จะทำใจแล้ว แต่อีกใจที่ขัดขืน ก็เฝ้าแต่บอกว่า... ‘นี่ข้าไม่เต็มใจ’ ทั้งเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่มั่นคง และกลัวเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
แค่ได้ยินเสียงเขาพูดเมื่อกี้ น้ำเสียงตวัดและแข็งกร้าว
‘เขาจะเป็นดั่งที่ทุกคนเอ่ยและเล่าขานเป็นแน่ ๆ’ นางอดคิดไม่ได้ หากเขาจะทำอะไรกับตัวของนางแล้ว ณ บัดนี้ เป็นสิทธิ์ของท่านอ๋องอย่างแน่นอน จนยากที่จะปฏิเสธ ขอบตาของนางร้อนขึ้นมาผ่าว ๆ
นางกำนัลเจินอี้เดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของหยวนเหมยหลัน
“คุณหนูหยวน ข้าขอเรียนเชิญท่านไปยังที่พักก่อน เพื่อเตรียมตัวต่อไป มีบางอย่างที่สำคัญที่ต้องจัดการ ก่อนที่ไท่จื่อจะเข้าไปหาท่าน”
หยวนเหมยหลันแม้จะงุนงง แต่พยักหน้ารับ
“มาทางนี้เพคะ” ดูเหมือนจะเปลี่ยนคำพูดคำจากับนางแล้ว
“ข้าขอบคุณเจ้าค่ะ” แล้วนางก็เดินตามแรงจับจูงของนางกำนัลเจินอี้ไปอีกครั้ง
ยามค่ำคืนที่เงียบสงัดหลายชั่วโมงผ่านไปหลังจากที่หยวนเหมยหลันและอ๋องเหวยฉีหยางจัดการให้ลูกฝาแฝดนอนหลับสนิทในห้องของพวกเขาท้องฟ้านอกหน้าต่างเปล่งแสงจันทร์อ่อน ๆ ส่องเข้ามาในห้อง อากาศเย็นสบายหยวนเหมยหลันเดินกลับเข้ามาในห้องนอนใหญ่ของตนเอง ขณะที่เหวยฉีหยางยืนมองผ่านหน้าต่าง พลางหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน“หลับสนิทแล้วหรือ?” เหวยฉีหยางถามเบา ๆ น้ำเสียงของเขานุ่มนวลจนเหมือนกล่อม“อืม... นอนกันแล้วทั้งสองคนแล้วเจ้าค่ะ นี่ขนาดให้วิ่งเล่นจนเหนื่อย” หยวนเหมยหลันตอบยิ้ม ๆ ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เขา“วันนี้เล่นจนหมดแรงไปเลย”เหวยฉีหยางยื่นมือไปกุมมือของนาง สัมผัสนั้นอบอุ่นและแสดงถึงความรักที่ลึกซึ้งฉายออกมาทางแววตาหยวนเหมยหลันสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดที่มากกว่าแค่การจับมือ มันคือความผูกพันของคนสองคนที่สร้างครอบครัวมาด้วยกัน“เจ้าทำได้ดีมากนะ ขอบคุณที่ทุ่มเท” เหวยฉีหยางกระซิบ เขาดึงนางเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน ศีรษะของนางพิงกับอกกว้างของเขา“ไม่เพียงแต่เป็นแม่ที่ดี แต่ยังเป็นภรรยาที่ข้ารักที่สุด”หยวนเหมยหลันยิ้ม แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่หัวใจของนางก็รับรู้ว่าเขาต้องการอะไร ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วย
แสงแดดยามเย็นเริ่มคล้อยต่ำ สาดส่องเข้ามากระทบหน้าของทั้งสอง ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่แนบชิดกัน เขาหอมแก้มนางหยวนเหมยหลันกำลังนั่งมองลูกฝาแฝดของนางที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในสวน พวกเขาหัวเราะและวิ่งไล่กันอย่างร่าเริง“ข้าคิดว่า เราสองคนอาจจะทำลูกอีกคนดีไหม?” ฉีหยางกล่าว พร้อมรอยยิ้มกว้าง หยวนเหมยหลันหัวเราะ แสร้งทำเป็นตีไหล่เขา“ท่านพี่ข้าเพิ่งหายเหนื่อยนะเจ้าคะ มีสองคนนี้แล้ว... ก็พอแล้วมั้ง”ทว่าพอเห็นสายตาของเขา“เอ... หรือยังไม่พอ?”“ไม่พอหรอก” ฉีหยางตอบพร้อมยิ้มแฝงความสุข“มีลูกสาวอีกสักคน”“ท่านพี่ แล้วถ้าคลอดออกมา ไม่ได้ลูกสาวเล่า”“ข้าก็ทำอีก จนกว่าจะได้ลูกสาว”“หื้อ!” นางครางเสียงยาว แต่หยวนเหมยหลันยิ้มรับ รู้สึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดของเขา ทั้งสองจะอยู่ครองรักกันตลอดไป ท่ามกลางความสุขของครอบครัวที่พวกเขาได้สร้างขึ้นเองเรื่องราวของอ๋องเหวยฉีหยางและหยวนเหมยหลันเป็นเรื่องราวแห่งความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความยากลำบากและความท้าทายทั้งสองคนได้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย ความเจ็บปวด และการถูกทรยศมากมาย แต่ด้วยความเข้มแข็งและความรักที่ไม่เคยล้มเลิก พวกเขาได้สร้าง
สามปีต่อมา... ฉีหยางและเหมยหลันนั่งอยู่กลางสวนผักที่เขาเพิ่งปลูกด้วยกัน ดวงอาทิตย์ส่องแสงอบอุ่นทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ลูกชายฝาแฝดของพวกเขาวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ไล่จับไก่ตัวเล็กๆ ที่กำลังเดินไปมาอย่างน่ารักข้าง ๆ ยังมีเจ้าหมาน้อยที่เห่าวิ่งตามสองพี่น้องอย่างมีชีวิตชีวา“ดูพวกเขาสิ!” เหมยหลันพูดอย่างยิ้มแย้ม“ทั้งสองดูมีความสุขมากเลย”“ใช่แล้ว” ฉีหยางตอบกลับ พร้อมกับยิ้มกว้าง“พวกเขาชอบเล่นที่นี่มาก”ในขณะที่เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังก้องไปทั่วสวน เหมยหลันจึงหันมามองฉีหยางด้วยความรัก“เราโชคดีแค่ไหนกันนะ ที่ได้มีชีวิตแบบนี้”“ใช่ เราโชคดีมาก” ฉีหยางพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น เขายกมือขึ้นไปลูบผมของเหมยหลันเบา ๆ“และจะไม่มีอะไรทำให้เราห่างกันได้”ทั้งสองมองไปที่ลูก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน และในขณะที่พวกเขาจูบกันอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางธรรมชาติและความรัก ความรู้สึกอบอุ่นเข้ามาในใจทุกคนสวนผักแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักและครอบครัวที่มีความสุข ทั้งสองฝาแฝดได้สร้างความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ในทุก ๆ วัน และด้วยความรักที่มั่นคงฉีหยางและเหมยหลันรู้ว่าพวกเขาจะเผชิญทุกอย่างร่วมก
เขายิ้มให้ พร้อมกับจูบลงที่ริมฝีปากของนางอย่างอ่อนหวาน ริมฝีปากของเขาแนบชิด พร้อมกับท่อนล่างของส่วนสะโพกสอบที่โบกสะบัดอย่างเต็มที่นางเองก็ตอบสนองด้วยความรัก ปล่อยให้ทุกอย่างที่ร้าย ๆ ได้ลบเลือน ทั้งความเศร้า ความกลัว และความคะนึงถึง ต่อไปไม่มีอีกแล้ว เพราะต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดจนวันสิ้นลมหายใจนางจูบเขากลับอย่างกระตือรือร้น ทั้งสองหลอมรวมกันในจังหวะอันหวานซึ้ง ความรักของพวกเขาได้งอกงามอีกครั้งในบรรยากาศที่เงียบสงบของธรรมชาติ“ให้เราสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน” ท่านอ๋องพูดด้วยเสียงนุ่มนวล ขณะที่ยังคงมีริมฝีปากที่แนบชิด“และข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกมีค่าในทุกวัน”“ข้ารู้สึกมีค่าอยู่แล้ว เพราะมีท่านพี่” หยวนเหมยหลันพูด พร้อมยิ้มให้กับเขา พวกเขาอยู่ในท่าทางที่เต็มไปด้วยความรัก บรรยากาศรอบข้างเริ่มต้นมีสีสัน ดอกไม้ข้างนอกที่บานสะพรั่งพลิ้วไหวไปกับสายลมที่พัดเอื่อย ๆหมู่นกและสรรพสัตว์ได้เริ่มต้นขับขานบทเพลงแห่งความสุข ในขณะที่คู่รักได้สัญญาจะเผชิญทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกันในอนาคต ท่ามกลางทุกสิ่งทั้งสองคนเอ่ยถึงความรักที่อยู่ในใจ บอกว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด เหมยหลันและฉีหยางพร้อมที่จ
“ข้าอยากให้ท่านรักษาสัญญานี้ไปจนวันตาย…”“ข้าจะรักษาสัญญาด้วยเกียรติยศของข้า” ท่านอ๋องยิ้มอย่างอบอุ่น และยืนขึ้น เขายื่นมือไปจับมือของนาง“ให้พวกเราเริ่มต้นใหม่ร่วมกัน ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอีกต่อไป ข้าจะปกป้องเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนหลันเอ๋อร์ จะมีข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอดไป”นางมองเขาด้วยความรักและความหวัง ขณะที่ทั้งคู่ยืนอยู่ในแสงแดดอบอุ่นที่อุ่นพอกับอ้อมกอดแห่งรักที่มีต่อกัน“เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความสุขที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้านี้” เขาเอ่ย ท่านอ๋องเหวยฉีหยางยิ้มให้หยวนเหมยหลันด้วยความรักและความจริงใจที่ส่องประกายในดวงตาของเขา“ข้ามีข่าวที่จะบอกเจ้าด้วย”“อะไร?”“ตอนนี้ ข้าเหวยฉีหยางเป็นแค่คนธรรมดาที่รักเจ้า ข้าไม่ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์อีกต่อไป ข้าขอคืนทุกสิ่งอย่างให้กับเสด็จพ่อ ท่านอนุญาตให้ข้ามาอยู่ที่นี่ และข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าและลูก แค่นี้ก็พอแล้ว”“ท่านอ๋อง”“ไม่ใช่แล้ว ข้าไม่ใช่ท่านอ๋อง ต่อไปน่ะนะ หลันเอ๋อร์ต้องเรียก... ท่านพี่ถึงจะถูก”“ท่านพี่ ท่านเสียสละเพื่อข้าถึงเพียงนี้”“ข้าไม่อยากให้อำนาจ ตำแหน่ง ยศถามาบั่นทอนความสุข และความปลอดภัยในชีวิตอีกต่อไป ข
“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ ทำไมหน้าซีดนัก”“ไปตามหมอเถอะเซินลี่ ข้าเวียนหัว ข้าน่าจะท้อง”“หา!” และความโกลาหลก็เกิดขึ้นที่นี่ในที่สุด หมอจางฮูเฟินก็มาถึงและทำการตรวจอาการของนางอย่างละเอียดในใจของนางเต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง“ท่านหมอ… ข้า… ข้าคิดว่าข้าอาจจะตั้งครรภ์” นางพูดออกมาเสียงสั่นหมอจางขมวดคิ้วและทำการตรวจอย่างรอบคอบ สุดท้ายก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“ขอแสดงความยินดี คุณหนูหยวน คุณหนูกำลังตั้งครรภ์จริง ๆ”หยวนเหมยหลันรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ชั่วขณะนั้นหัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น‘ท่านอ๋อง ถ้าท่านรู้ว่าข้าท้องลูกของท่าน ท่านต้องดีใจมาก ๆ’ความรักที่มีต่อท่านอ๋องกลับมาอีกครั้งในรูปแบบของชีวิตใหม่ที่อยู่ในท้องของนาง“ขอบพระคุณท่านหมอจาง ข้าขอยาบำรุงด้วย”“ได้ขอรับคุณหนู”“เซินลี่ตามไปรับยาที่บ้านท่านหมอจาง” นางยิ้มแก้มแทบแตก บนใบหน้าซีดจางจนเกือบจะเป็นสีขาวนั่น‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกจะเป็นข้ออ้าง ที่ดีที่สุด ที่ข้าจะไม่ต้องแต่งงานกับเขาคนนั้น’เมื่อข่าวรู้ไปถึงหูผู้ชายคนนั้น เขาก็ปฏิเสธการแต่งงานกับคุณหนูจริง ๆปัจจุบันผ่านมาสามเดือนยามบ่ายที่เงียบสงบในสวนหลังบ้าน หยวนเหมยห