ณ บ้านตระกูลหยวน ห้องโถงใหญ่ มีบรรยากาศตึงเครียด
หยวนเหมยหลันยืนอยู่ท่ามกลางสมาชิกในครอบครัว ท่านพ่อของนาง ขุนนางหยวนฟงเทียน ท่านแม่ของนาง... เหมยซิน
ขุนนางผู้ใหญ่สองท่าน ขุนนางกังไฉหลิง และขุนนางเฉิงโมหย่า และเหมากงกง ผู้แทนจากวังหลวงกำลังยืนอยู่ด้วย
ขุนนางหยวนฟงเทียนเอ่ยขึ้น “เจ้ามาก็ดีแล้วเหมยหลัน เจ้าคงรู้ดีว่า วันนี้เป็นวันที่สำคัญยิ่งต่อครอบครัวของเรา การหมั้นหมายของเจ้ากับท่านอ๋องเหว่ยฉีหยาง เป็นโอกาสที่พิเศษมาก ๆ และเป็นเกียรติแก่ตระกูลหยวนของเรา” ท่านพ่อพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และตื้นตันใจ
หยวนเหมยหลันก้มหน้าลงด้วยความไม่พอใจ แต่ก็แอบซ่อนสายตาและใบหน้าเอาแต่ใจ ต้องกดทุกอย่างเอาไว้ไม่ให้เปิดเผยออกมา
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะพ่อ... แต่ทำไมถึงต้องเป็นเขา? ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับความโหดเหี้ยม และความไร้เมตตาของเขามากมาย...” นางพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจทั้งสองขุนนาง และเหมากงกงเลยสักนิด
ท่านแม่ของหยวนเหมยหลันรีบพูดเบา ๆ แต่ทว่าน้ำเสียงหนักแน่น
“เหมยหลัน เจ้าต้องคิดถึงเกียรติของตระกูลเป็นอันดับแรก การที่เจ้าจะแต่งงานกับอ๋องเหวยฉีหยางนั้นจะนำมาซึ่งความรุ่งเรืองและอำนาจแก่ครอบครัวเรานะ” พร้อมกับจับแขนลูกสาวให้ลดราเสียงที่แข็งกระด้างลง ด้วยสายตาปรามหนัก
หยวนเหมยหลันซ่อนกลบความขมขื่น นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับไม่ให้สั่นเครือ “แต่ข้าไม่รู้จักเขาเลยนะท่านแม่ ข้าจะหมั้นหมายกับใครสักคน หรือแต่งงานกับใครสักคน โดยที่ท่านพ่อท่านแม่จะไม่ให้ข้าได้พบพานหน้าตาของเขา หรือแม้แต่พูดคุยด้วยได้อย่างไร?”
ท่านพ่อตบโต๊ะดังปัง “เหมยหลัน! นี่ไม่ใช่เรื่องของความรักหรือความชอบของเจ้าทั้งนั้น ทว่ามันคือ... ความเสียสละ เจ้าต้องเสียสละเพื่อครอบครัว และเพื่อความมั่นคงของตระกูลเรา การหมั้นหมายนี้เป็นเรื่องการเมืองและอำนาจ เจ้าต้องยอมรับมัน เข้าใจหรือไม่? ที่พ่อเรียกเจ้ามาก็เพื่อรับรู้ ไม่ได้ให้มายืนกรานโต้ที่จะปฏิวัติกับพ่อของเจ้า” ดวงตาคมกล้าแสดงความโกรธจัดขึ้นมา เขารู้สึกเสียหน้ามาก ๆ ที่ลูกสาวสุดที่รัก ยืนกรานเสียงแข็ง และเถียงพ่อฉอด ๆ อย่างนี้
หยวนเหมยหลันเม้มริมฝีปาก นางมองไปรอบ ๆ ห้อง พอได้เห็นสายตาตำหนิจากทุกคน นางก็ต้องก้มหัว กลีบปากน้อย ๆ ลั่นเสียงออกมา “ข้าจะยอมตามคำสั่งของท่านพ่อเจ้าค่ะ แต่โปรดรู้ไว้ว่า ข้าไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด...”
ท่านแม่ได้ยินแบบนั้น นางก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮูหยินหยวนเดินเข้าไปกุมมือเหมยหลัน
“จุ ๆ แม่รู้ว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร แต่นี่คือโชคชะตาของผู้หญิง พ่อของเจ้าอยากให้เจ้าได้เข้าไปอยู่ในวังหลวง พวกเราต้องทำเพื่อครอบครัวของเราเอง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจนะ” ท่านแม่ที่ไม่เคยมีปากมีเสียง ท่านพ่อพูดเช่นไร ท่านแม่ก็ต้องยอมรับเช่นนั้น
แรงมือที่บีบมือของหญิงสาว กลายเป็นบังคับให้นางหยุดพฤติกรรมไม่น่ามองทั้งหลาย
หยวนเหมยหลันมีน้ำตาเริ่มเอ่อล้นท่วมขอบตา พยักหน้าราวเข้าใจ แต่ก็อดที่จะพูดต่อ “ใช่เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจะทำตามที่พวกท่านต้องการ...”
ได้ยินแบบนั้นแล้ว บรรยากาศในห้องโถงนั่นก็เริ่มคลี่คลาย
“พาเหมยหลันเข้าไปพักข้างในไป แล้วก็ไม่ต้องออกมาเสนอหน้ากันอีก” ท่านหยวนอารมณ์เสียมาก ๆ ก่อนจะหันไปเชื้อเชิญทั้งสามท่านให้ดื่มน้ำชา กินของหวาน และคุยเรื่องต่าง ๆ กันต่อ
ในห้องนอนของลูกสาว
“ท่านแม่ ท่านออกไปเถอะ ข้าอย่างอยู่คนเดียว”
“เหมยหลันเอ๊ย! เจ้าน่ะไม่น่าทำให้ท่านพ่อโมโห”
“ข้าก็ยินยอมแล้ว ท่านแม่จะเอาอะไรกับข้าอีก”
“เฮ้อ... ก็เป็นเสียแบบนี้ แม่นี่แหละผิดที่เลี้ยงเจ้ามาให้เป็นคนเช่นนี้ วันนี้ขายขี้หน้านัก” แล้วท่านแม่ก็เดินออกจากห้องของนางไป
หยวนเหมยหลันได้แต่น้ำตานองหน้า นึกถึงหน้าตาตามคำบอกเล่าของผู้คน ที่ต่างเคยเอ่ยถึงความโหดร้ายของอ๋องเหวยฉีหยาง
‘ทำไมต้องเป็นข้าด้วย’ ได้แต่ตัดพ้อต่อโชคชะตา ไม่ว่าอย่างไรก็ขัดบัญชาของท่านพ่อไม่ได้อย่างแน่นอน น้ำตาของหยวนเหมยหลันจึงได้หลั่งไหลจนเปียกหมอนที่รองหนุน รับรู้และพยายามเตรียมใจกับลิขิตใต้เงาร้ายของอ๋องเหวยฉีหยาง
วังของอ๋องเหวยฉีหยาง ห้องหนังสือ บรรยากาศในตอนนี้เงียบสงบ ใบไม้ที่อยู่ด้านนอก เหี่ยวเฉา และร่วงลงมาจากกิ่งไม้ ก่อนจะปลิดปลิวเข้ามาในห้องนั้น
อ๋องเหวยฉีหยางนั่งอ่านรายงานอย่างเคร่งขรึม เหมากงกง คือผู้แทนจากวังหลวง ที่เขาไปเจรจา เขาเดินเข้ามารายงาน
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ การหมั้นหมายระหว่างท่านกับหยวนเหมยหลันถูกจัดการเสร็จสิ้นแล้ว พิธีจะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องเหวยฉีหยางถอนหายใจ และเขาวางรายงานลง
“ข้าไม่เคยให้ความยินยอมในการหมั้นหมายครั้งนี้ ทำไมพวกเจ้าจึงจัดการโดยไม่ได้ปรึกษาข้าฮึ?” ดวงตามาดร้ายฟาดไปที่เหมากงกง นึกพาลไปหมด กับเรื่องที่ขัดใจของตนเองในครั้งนี้
“ฝ่าบาทโปรดอภัย การหมั้นหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์ฮ่องเต้ เสด็จพ่อของฝ่าบาทนั้น และนั่นถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด ที่ใคร ๆ ก็ขัดราชโองการไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างการแต่งงานก็เหมือนการเชื่อมสัมพันธ์ อีกทั้งเพื่อความเป็นปึกแผ่นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องเหวยฉีหยางยืนขึ้นด้วยท่าทางโกรธจัด
ยามค่ำคืนที่เงียบสงัดหลายชั่วโมงผ่านไปหลังจากที่หยวนเหมยหลันและอ๋องเหวยฉีหยางจัดการให้ลูกฝาแฝดนอนหลับสนิทในห้องของพวกเขาท้องฟ้านอกหน้าต่างเปล่งแสงจันทร์อ่อน ๆ ส่องเข้ามาในห้อง อากาศเย็นสบายหยวนเหมยหลันเดินกลับเข้ามาในห้องนอนใหญ่ของตนเอง ขณะที่เหวยฉีหยางยืนมองผ่านหน้าต่าง พลางหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน“หลับสนิทแล้วหรือ?” เหวยฉีหยางถามเบา ๆ น้ำเสียงของเขานุ่มนวลจนเหมือนกล่อม“อืม... นอนกันแล้วทั้งสองคนแล้วเจ้าค่ะ นี่ขนาดให้วิ่งเล่นจนเหนื่อย” หยวนเหมยหลันตอบยิ้ม ๆ ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เขา“วันนี้เล่นจนหมดแรงไปเลย”เหวยฉีหยางยื่นมือไปกุมมือของนาง สัมผัสนั้นอบอุ่นและแสดงถึงความรักที่ลึกซึ้งฉายออกมาทางแววตาหยวนเหมยหลันสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดที่มากกว่าแค่การจับมือ มันคือความผูกพันของคนสองคนที่สร้างครอบครัวมาด้วยกัน“เจ้าทำได้ดีมากนะ ขอบคุณที่ทุ่มเท” เหวยฉีหยางกระซิบ เขาดึงนางเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน ศีรษะของนางพิงกับอกกว้างของเขา“ไม่เพียงแต่เป็นแม่ที่ดี แต่ยังเป็นภรรยาที่ข้ารักที่สุด”หยวนเหมยหลันยิ้ม แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่หัวใจของนางก็รับรู้ว่าเขาต้องการอะไร ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วย
แสงแดดยามเย็นเริ่มคล้อยต่ำ สาดส่องเข้ามากระทบหน้าของทั้งสอง ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่แนบชิดกัน เขาหอมแก้มนางหยวนเหมยหลันกำลังนั่งมองลูกฝาแฝดของนางที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในสวน พวกเขาหัวเราะและวิ่งไล่กันอย่างร่าเริง“ข้าคิดว่า เราสองคนอาจจะทำลูกอีกคนดีไหม?” ฉีหยางกล่าว พร้อมรอยยิ้มกว้าง หยวนเหมยหลันหัวเราะ แสร้งทำเป็นตีไหล่เขา“ท่านพี่ข้าเพิ่งหายเหนื่อยนะเจ้าคะ มีสองคนนี้แล้ว... ก็พอแล้วมั้ง”ทว่าพอเห็นสายตาของเขา“เอ... หรือยังไม่พอ?”“ไม่พอหรอก” ฉีหยางตอบพร้อมยิ้มแฝงความสุข“มีลูกสาวอีกสักคน”“ท่านพี่ แล้วถ้าคลอดออกมา ไม่ได้ลูกสาวเล่า”“ข้าก็ทำอีก จนกว่าจะได้ลูกสาว”“หื้อ!” นางครางเสียงยาว แต่หยวนเหมยหลันยิ้มรับ รู้สึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดของเขา ทั้งสองจะอยู่ครองรักกันตลอดไป ท่ามกลางความสุขของครอบครัวที่พวกเขาได้สร้างขึ้นเองเรื่องราวของอ๋องเหวยฉีหยางและหยวนเหมยหลันเป็นเรื่องราวแห่งความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความยากลำบากและความท้าทายทั้งสองคนได้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย ความเจ็บปวด และการถูกทรยศมากมาย แต่ด้วยความเข้มแข็งและความรักที่ไม่เคยล้มเลิก พวกเขาได้สร้าง
สามปีต่อมา... ฉีหยางและเหมยหลันนั่งอยู่กลางสวนผักที่เขาเพิ่งปลูกด้วยกัน ดวงอาทิตย์ส่องแสงอบอุ่นทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ลูกชายฝาแฝดของพวกเขาวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ไล่จับไก่ตัวเล็กๆ ที่กำลังเดินไปมาอย่างน่ารักข้าง ๆ ยังมีเจ้าหมาน้อยที่เห่าวิ่งตามสองพี่น้องอย่างมีชีวิตชีวา“ดูพวกเขาสิ!” เหมยหลันพูดอย่างยิ้มแย้ม“ทั้งสองดูมีความสุขมากเลย”“ใช่แล้ว” ฉีหยางตอบกลับ พร้อมกับยิ้มกว้าง“พวกเขาชอบเล่นที่นี่มาก”ในขณะที่เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังก้องไปทั่วสวน เหมยหลันจึงหันมามองฉีหยางด้วยความรัก“เราโชคดีแค่ไหนกันนะ ที่ได้มีชีวิตแบบนี้”“ใช่ เราโชคดีมาก” ฉีหยางพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น เขายกมือขึ้นไปลูบผมของเหมยหลันเบา ๆ“และจะไม่มีอะไรทำให้เราห่างกันได้”ทั้งสองมองไปที่ลูก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน และในขณะที่พวกเขาจูบกันอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางธรรมชาติและความรัก ความรู้สึกอบอุ่นเข้ามาในใจทุกคนสวนผักแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักและครอบครัวที่มีความสุข ทั้งสองฝาแฝดได้สร้างความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ในทุก ๆ วัน และด้วยความรักที่มั่นคงฉีหยางและเหมยหลันรู้ว่าพวกเขาจะเผชิญทุกอย่างร่วมก
เขายิ้มให้ พร้อมกับจูบลงที่ริมฝีปากของนางอย่างอ่อนหวาน ริมฝีปากของเขาแนบชิด พร้อมกับท่อนล่างของส่วนสะโพกสอบที่โบกสะบัดอย่างเต็มที่นางเองก็ตอบสนองด้วยความรัก ปล่อยให้ทุกอย่างที่ร้าย ๆ ได้ลบเลือน ทั้งความเศร้า ความกลัว และความคะนึงถึง ต่อไปไม่มีอีกแล้ว เพราะต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดจนวันสิ้นลมหายใจนางจูบเขากลับอย่างกระตือรือร้น ทั้งสองหลอมรวมกันในจังหวะอันหวานซึ้ง ความรักของพวกเขาได้งอกงามอีกครั้งในบรรยากาศที่เงียบสงบของธรรมชาติ“ให้เราสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน” ท่านอ๋องพูดด้วยเสียงนุ่มนวล ขณะที่ยังคงมีริมฝีปากที่แนบชิด“และข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกมีค่าในทุกวัน”“ข้ารู้สึกมีค่าอยู่แล้ว เพราะมีท่านพี่” หยวนเหมยหลันพูด พร้อมยิ้มให้กับเขา พวกเขาอยู่ในท่าทางที่เต็มไปด้วยความรัก บรรยากาศรอบข้างเริ่มต้นมีสีสัน ดอกไม้ข้างนอกที่บานสะพรั่งพลิ้วไหวไปกับสายลมที่พัดเอื่อย ๆหมู่นกและสรรพสัตว์ได้เริ่มต้นขับขานบทเพลงแห่งความสุข ในขณะที่คู่รักได้สัญญาจะเผชิญทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกันในอนาคต ท่ามกลางทุกสิ่งทั้งสองคนเอ่ยถึงความรักที่อยู่ในใจ บอกว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด เหมยหลันและฉีหยางพร้อมที่จ
“ข้าอยากให้ท่านรักษาสัญญานี้ไปจนวันตาย…”“ข้าจะรักษาสัญญาด้วยเกียรติยศของข้า” ท่านอ๋องยิ้มอย่างอบอุ่น และยืนขึ้น เขายื่นมือไปจับมือของนาง“ให้พวกเราเริ่มต้นใหม่ร่วมกัน ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอีกต่อไป ข้าจะปกป้องเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนหลันเอ๋อร์ จะมีข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอดไป”นางมองเขาด้วยความรักและความหวัง ขณะที่ทั้งคู่ยืนอยู่ในแสงแดดอบอุ่นที่อุ่นพอกับอ้อมกอดแห่งรักที่มีต่อกัน“เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความสุขที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้านี้” เขาเอ่ย ท่านอ๋องเหวยฉีหยางยิ้มให้หยวนเหมยหลันด้วยความรักและความจริงใจที่ส่องประกายในดวงตาของเขา“ข้ามีข่าวที่จะบอกเจ้าด้วย”“อะไร?”“ตอนนี้ ข้าเหวยฉีหยางเป็นแค่คนธรรมดาที่รักเจ้า ข้าไม่ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์อีกต่อไป ข้าขอคืนทุกสิ่งอย่างให้กับเสด็จพ่อ ท่านอนุญาตให้ข้ามาอยู่ที่นี่ และข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าและลูก แค่นี้ก็พอแล้ว”“ท่านอ๋อง”“ไม่ใช่แล้ว ข้าไม่ใช่ท่านอ๋อง ต่อไปน่ะนะ หลันเอ๋อร์ต้องเรียก... ท่านพี่ถึงจะถูก”“ท่านพี่ ท่านเสียสละเพื่อข้าถึงเพียงนี้”“ข้าไม่อยากให้อำนาจ ตำแหน่ง ยศถามาบั่นทอนความสุข และความปลอดภัยในชีวิตอีกต่อไป ข
“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ ทำไมหน้าซีดนัก”“ไปตามหมอเถอะเซินลี่ ข้าเวียนหัว ข้าน่าจะท้อง”“หา!” และความโกลาหลก็เกิดขึ้นที่นี่ในที่สุด หมอจางฮูเฟินก็มาถึงและทำการตรวจอาการของนางอย่างละเอียดในใจของนางเต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง“ท่านหมอ… ข้า… ข้าคิดว่าข้าอาจจะตั้งครรภ์” นางพูดออกมาเสียงสั่นหมอจางขมวดคิ้วและทำการตรวจอย่างรอบคอบ สุดท้ายก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“ขอแสดงความยินดี คุณหนูหยวน คุณหนูกำลังตั้งครรภ์จริง ๆ”หยวนเหมยหลันรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ชั่วขณะนั้นหัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น‘ท่านอ๋อง ถ้าท่านรู้ว่าข้าท้องลูกของท่าน ท่านต้องดีใจมาก ๆ’ความรักที่มีต่อท่านอ๋องกลับมาอีกครั้งในรูปแบบของชีวิตใหม่ที่อยู่ในท้องของนาง“ขอบพระคุณท่านหมอจาง ข้าขอยาบำรุงด้วย”“ได้ขอรับคุณหนู”“เซินลี่ตามไปรับยาที่บ้านท่านหมอจาง” นางยิ้มแก้มแทบแตก บนใบหน้าซีดจางจนเกือบจะเป็นสีขาวนั่น‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกจะเป็นข้ออ้าง ที่ดีที่สุด ที่ข้าจะไม่ต้องแต่งงานกับเขาคนนั้น’เมื่อข่าวรู้ไปถึงหูผู้ชายคนนั้น เขาก็ปฏิเสธการแต่งงานกับคุณหนูจริง ๆปัจจุบันผ่านมาสามเดือนยามบ่ายที่เงียบสงบในสวนหลังบ้าน หยวนเหมยห