Home / แฟนตาซี / ลิขิตสัญญานาคา / ๑.๒ นิมิตเพื่อพานพบ

Share

๑.๒ นิมิตเพื่อพานพบ

last update Last Updated: 2025-04-25 01:50:29

"มาถึงละ เมื่อไหร่จะมา เสียเวลาจริง!"

ปากเรียวบางอมชมพูพูดขึ้นกับปลายสายด้วยเสียงหงุดหงิด หญิงสาวใบหน้าหวานจิ้มลิ้มร่างอรชรพอเหมาะพอดีไม่ผอมไม่อ้วนเกินไปยืนนิ่งหลังจากวางสายสนทนาเมื่อครู่ เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ดวงตาสวยที่แข็งกร้าวเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแต่ต้องกลั้นมันไว้ไม่ให้ไหลออกมา 

.... ยัยนรินทร์...เธอต้องเข้มแข็ง....

หลังจากปลอบใจตัวเองได้ไม่นานนักร่างสูงในชุดหนังและกางเกงยีนส์ขาดๆ ก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมสาวสวยในชุดคล้ายๆกันเหมือนชุดคู่รัก ภากรณ์เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินตรงมาทางเธอ ก่อนจะโอบเอวบางของหญิงสาวข้างกายด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น นรินทร์มองดูพวกเขาเหมือนไม่ใส่ใจแต่กลับเม้มปากแน่น

"อะไรกัน...จะร้องไห้เหรอ?"

"ร้องไห้ดีใจน่ะสิ จะได้หลุดพ้นวังวนอุบาทว์นี้เสียที"

"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ เพื่อน"

หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายภากรณ์ได้เอ่ยขึ้น ใบหน้าสะสวยที่คุ้นเคยสำหรับนรินทร์ พวกเธอเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนตลอดสี่ห้าปี ด้วยความเชื่อใจ เวลาไปไหนมาไหนมักจะไปด้วยกันตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่คิดว่าจะโดนหักหลังแบบไม่น่าให้อภัยโดยการเป็นชู้รักกับสามีของเธอมาตลอดสองปีหลัง นรินทร์มองใบหน้าสวยนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

"ใครเพื่อนเธอ...พนิตา"

"เรียกซะเต็มยศเลยนะ"

"ไปเซ็นใบหย่ากันเถอะ จะได้หลุดพ้นจากคนอย่างเธอสักที รำคาญจะแย่"

ภากรณ์พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะควงแขนพนิตาขึ้นไปยังภายในตึกของที่ว่าการอำเภอ นรินทร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพ่นมันออกแล้วเดินตามพวกเขาไป การเซ็นใบหย่าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือยาวนานมากนัก เพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ทั้งสามคนเดินออกมาก่อนจะเตรียมแยกย้ายกลับ แต่ภากรณ์กลับเรียกรั้งอดีตภรรยาของเขาไว้

"เดี๋ยวสินรินทร์ นี่ไม่คิดจะร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้ายเลยเหรอ?"

"ไม่จำเป็น!"

นรินทร์หันกลับไปตอบอดีตสามีชายอันเป็นที่รักที่สุดตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดหรือแม้แต่ทำผิดกับเขาเลยสักครั้ง อาจจะมีเบื่อบ้างตามประสาคู่รักที่คบกันมานาน แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่ และไม่คิดเลยว่าคนที่พร่ำบอกรักและกลัวว่าเธอจะทิ้งเขา กลับกลายเป็นคนที่หักหลังและทิ้งเธอไปเสียเอง

ภากรณ์ยื่นมือไปให้นรินทร์หวังว่าจะจบกันตรงนี้ด้วยดี แต่เธอกลับมองมือนั้นด้วยสายตารังเกียจ นรินทร์หันหลังกลับไปยังรถของตัวเองโดยไม่สนใจคนที่ยื่นมือรอเก้อและขับรถออกไปทันที แต่ถึงอย่างนั้นสายตาดวงสวยก็เหลือบมองผ่านกระจกหน้ารถที่สะท้อนร่างสูงของคนที่ยืนมองรถของเธออยู่เหมือนกับคิดว่าเธอจะใจอ่อนกลับไปเช่นทุกครั้ง แต่เธอไม่มีคิดที่จะวกกลับไป ให้มันจบสิ้นกันวันนี้...

"จบสักที...ฮึก..."

บนถนนเส้นเดิมที่ระยะทางยาวกว่าเดิมเพราะหัวใจที่บอบช้ำ คนในรถเริ่มพรั่งพรูน้ำตาออกมาอย่างไม่ขาดสาย เธอตัดสินใจจะย้ายไปอยู่แถบชนบท ที่ที่ไม่มีใครหาเธอเจอและหางานทำที่นั่น แต่กว่าจะได้ไปอย่างใจคิดก็คงต้องทำงานเก็บเงินสักพัก เพราะเธอไม่ใช่คนรวยหรือมหาเศรษฐีอะไร เธอเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นมีกินบ้างอดบ้างเหมือนคนปกติ 

หลังแต่งงานชีวิตของเธอก็ไม่ได้ปูพรมแดงอย่างที่คนรอบข้างคิด ไม่ได้สุขสบายเพราะผู้เป็นสามีไม่ได้ช่วยเหลือดูแลเธอเท่าไหร่นัก แต่เมื่อตกลงปลงใจเป็นคู่ชีวิตไม่ว่าจะมีเรื่องหนักหนาแค่ไหนเธอก็คิดว่าจะจับมือกันฝ่าฟันทุกอย่างไปได้หากยังมีกันและกัน แต่สิ่งที่เธอได้รับจากความรักครั้งนี้มันเกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหว

ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้านเสียงสะอื้นก็ยังคงดังอยู่ภายในรถ แม้จะบอกตัวเองให้เลิกร้องแค่ไหนก็ทำไม่ได้ แต่นรินทร์กลับไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ กำลังมองดูความเสียใจของเธอด้วยดวงใจที่ปวดร้าว กายละเอียดแทบจะกลืนไปกับธาตุอากาศของชายหนุ่มทำได้แค่เช็ดน้ำตาให้หญิงสาวโดยที่เธอไม่รู้สึกถึง เขาพยายามปลอบประโลมเธอแต่ก็ไม่อาจส่งไปถึงหญิงสาวได้เลย

.... พี่อยู่ตรงนี้นรินธรา...อยู่ข้างๆ น้อง...คนที่รักน้องมากว่าพันปีที่ล่วงเลย...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลิขิตสัญญานาคา   ๕๕. รำถวาย (2/2)

    ชุดไทยสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างน่าทึ่ง ชาวบ้านพากันโห่ร้องด้วยความตกใจปนทึ่ง แม่สายหันไปพยักหน้าให้เหล่านักดนตรีชาวบ้านก่อนจะบรรเลงเพลงที่อ่อนช้อย ซึ่งเป็นบทเพลงที่แตกต่างจากทางด้านภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่จะค่อนข้างเร็ว แต่เพลงรำถวายนี้กลับเป็นการรำอ่อนช้อยเหมือนนางรำในราชวังอย่างไรอย่างนั้น“ไม่เหมือนที่แม่ซ้อมให้ไม่ใช่หรือ?” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามพลางหันไปมองแม่สายผู้เป็นภรรยา“รำนารีบารมี…เป็นรำที่ไม่ใช่ใครก็รำได้ นางโดนสิงอยู่แน่ๆ…” แม่สายเอ่ยพลางมองจ้องไปยังนรินทร์ที่กำลังเริ่มร่ายรำเสียงฆ้องดังสลับกับเสียงตะโพนในจังหวะเนิบๆ เมื่อเธอกระทืบเท้าหมุนตัวหันมาก็เป็นเสียงเป่าสังข์ดังก้องกังวาน พระจันทร์ด้านบนที่ขึ้นพอดีกับปลายยอดเทวาลัยเกิดปรากฏการณ์จันทร์ทรงกลด ชาวบ้านต่างฮือฮาเมื่อเห็นภาพตรงหน้าราวกับภาพวาดรอยยิ้มหวานบางๆเปื้อนใบหน้า เธอสวยงามไม่ต่างจากในอดีตเลย…ทุกคนในทีมต่างอึ้งทึ่งมองเธอจนไม่กระพริบตา พชรเองก็ไม่ต่างกัน…สายตาคมเอ่อคลอเคลือบไปด้วยน้ำตาใส จ้องมองหญิงสาวที่รำอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้

  • ลิขิตสัญญานาคา   ๕๔. รำถวาย (1/2)

    งานบวงสรวงถูกจัดขึ้นหน้าเทวาลัย แสงเทียนแสงตะเกียงถูกประดับประดาอย่างสวยงาม มันคืองานบวงสรวงที่ผิดกับภาพจำเธอไปเสียหน่อยเพราะว่ามันถูกจัดขึ้นตอนกลางคืน ท่ามกลางพระจันทร์เต็มดวง เธอต้องรำถวายลานหน้าเทวาลัยที่มืดสลัวนั้นนรินทร์ถูกมินตรารุ่นน้องคนสนิทจับนั่งแต่งหน้าอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่ หลังจากที่ถูกกำชับให้อาบน้ำอาบท่าทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำอบน้ำหอมกลิ่นกฤษณาคลอกลิ่นดอกมะลิหอมจนตัวเธอเองยังได้กลิ่น เสื้อผ้สชุดไทยนั้นเธอได้มาจากแม่สายล้วนเป็นสีแดงพร้อมมงกุฏที่สีทอง อีกทั้งยังมีเครื่องประดับสีทอง แต่เธอกลับรู้สึกไม่ชอสีแดงเสียเท่าไหร่ ยิ่งมองตัวเองในกระจกแป้งพับก็ยิ่งทำให้นึกถึงผู้หญิงคนนั้น เพียงแค่คิดขนก็ลุกเกลียวจนเธอเผลอลูบแขนของตัวเองปอยๆ“พี่นรินทร์หนาวเหรอ?” มันตราที่กำลังตั้งใจแต่งหน้าเอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง นรินทร์หันไปยิ้มแห้งแล้วส่ายหน้าไปมา มินตราทำหน้างงครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามต่อ“อ้าว…อย่าบอกนะว่า….”“ว่า?”“พี่นรินทร์รับรู้ถึงพลังงานบางอย่างเมื่อใส่ชุดนี้” มินตราเอ่ยพลางท

  • ลิขิตสัญญานาคา   ๕๓. ตามติดไม่ห่าง

    “อุปกรณ์เราถูกไฟไหม้หมดเลย ข้อมูลต่างๆไม่เหลือเลย” นิลนนท์เอ่ยขึ้น หลังจากที่นรินทร์ได้นอนพักเต็มอิ่มมาตั้งแต่เมื่อวานพร้อมกับความทรงจำใหม่ความรู้ใหม่ในหัวที่ตัวเองพึ่งเจอและเห็นมากับตานรินทร์ละความคิดจากเหตุการณ์นั้นไม่ได้เลย แม้ในขณะที่เธอนั่งฟังเพื่อนสนิทของตนพูดและจ้องมองเพื่อนสนิทของตนอย่างเหม่อลอยอยู่ก็ราวกับว่าเป็นภาพของนาคานักรบคนนั้นที่อยู่ข้างกายพญาเพชรแก้วที่มีใบหน้าและชื่อเหมือนกันกับเพื่อนของตน“นรินทร์…นรินทร์!! มึงฟังกูอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย?” นิลนนท์เรียกและเอามือวาดกลางอากาศใกล้ใบหน้าของนรินทร์แต่เธอยังคงนิ่งค้าง ก่อนที่นรินทร์จะสะดุ้งเล็กน้อยหันไปมองหน้านิลนนท์และคนอื่นๆที่จ้องมองเธอเป็นตาเดียว“ฮะ?! อ๋อ อือ..”“อือ อะไรของมึง สรุปไม่ได้ฟัง?” นิลนนท์เอ่ยย้ำ“พี่นรินทร์ พี่เป็นอะไรไปเนี่ย” มินตราเอ่ยพร้อมกับจับมือเธอเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใย นรินทร์หันไปมองหน้ามินตราก่อนจะผละตัวออกเล็กน้อยพร้อมดึงมือออก มินตรายิ่งงงไปกันใหญ่กับท่าทีของรุ่นพี่ที่สน

  • ลิขิตสัญญานาคา   ๕๒. ธารา รัตนา ราตรี

    เสียงร้องห่มร้องของไห้ของเหล่าบริวารที่รับใช้เจ้าแม่นางมานานนั้นกลับกลายเป็นเสียงที่เงียบที่สุดเมื่อจอมกษัตริย์นาคาคำรามลั่น ธารานาคาบริวารผู้ที่จงรักภักดีต่อเจ้าแม่นางด้วยใจจริงเนื่องด้วยหัวใจของนาคาหนุ่มผู้นี้นั้นหลงรักเจ้าแม่นางมาตั้งแต่ก่อนพญาเพชรแก้วและนางจักได้เจอกันเสียอีก ด้วยความเจียมเนื้อเจียมตนอยู่เสมอจึงมิคิดอาจเอื้อมเป็นอื่น ขอเพียงได้ดูแลตามหน้าที่แต่ทว่าบัดนี้นั้นนางได้ถูกสังหารต่อหน้าต่อตาเขาไปเสียแล้ว ธาราขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมือกำหมัดแน่น สายตาเพ่งมองร่างของเพชรฆาตที่ขาดเป็นสองท่อนเพราะครีบเกล็ดของเจ้าจอมนาคา อีกทั้งนางคีภทัรายังย่างก้าวเข้ามาเตรียมจักหยิบคว้ากริชนั้นขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทั้งธาราและรัตนาเห็นอย่างนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปคว้ากริชนาคามาเสียก่อนที่นางคีภทัราจะเอื้อมถึงมัน เพราะเป็นกริชศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงเจ้าของถึงจะทนจับมันได้ นาคาและนาคีทั้งสองกรีดร้อ

  • ลิขิตสัญญานาคา   ๕๑. พญาเพชรแก้ว

    ราวกับรับรู้ว่าพญาเพชรแก้วจะกลับมายังวังบาดาลคืนนี้ คีภัทราจึงได้ตระเตรียมแผนการเอาไว้ ไม่หนำซ้ำยังร่ายมนต์บังไว้มิให้ผู้ใดเข้าไปได้ เหล่าบริวารจะไม่สามารถรับรู้ได้แน่เนื่องจากความหยั่งรู้ในบุญบารมีนั้นต่างกัน ธาราเองเมื่อเห็นว่าไม่มีพญานกอย่างที่บริวารว่าก็รีบรุดหน้ากลับมายังหอนอนเพื่อเฝ้าเจ้าแม่นางของตนแต่ก็เห็นว่าประตูปิดอยู่คิดว่านางนาคีบริวารทั้งสองคงจะจัดการเรื่องเจ้าแม่นางเรียบร้อยดีแล้วจึงออกไปทำหน้าที่ของตนต่อ ธาราแลเห็นการกลับมาของพญาเพชรแก้วชายผู้เป็นที่รักของเจ้าแม่นางก็เตรียมจะเข้าไปทำความเคารพและแจ้งเรื่องที่นรินธราล้มหลับไป แต่ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัดไปเสียหมดคีภัทราวิ่งโร่เข้าไปหาพญาเพชรแก้วที่พึ่งกลับมาจากศึก ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นโดยที่ไม่มีใครกล้าขัดเนื่องด้วยเห็นว่าเจ้าจอมกษัตริย์นั้นเกรี้ยวกราดเต็มที่เจ้าแม่นางถูกจองจำอยู่ในคุกนาคาไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรพญาเพชรแก้วกลับเลี่ยงที่จะฟัง แม้จักเป็นคำพูดของหญิงผู้เป็นที่รักอย่างนรินธราก็ตามที ธาราเห็นทีจักทนไม่ไหวจึงตั้งหน้าไปเข้าเฝ้าเจ้าจอมกษัตริย์ด้วยตนเอง“ข้าแต่องค์กษัตริย์แห่งเหล่าน

  • ลิขิตสัญญานาคา   ๕๐. นคภกร

    “นางจักมอบยศถาบรรดาศักดิ์ให้พี่จริงดั่งว่าแน่รึ? มิใช่ว่าทำการสำเร็จก็ปิดปากสังหารพี่ดอกรึ?” ภรรยาสาวเอ่ยถามผู้เป็นสามีด้วยท่าทีที่ไม่ไว้วางใจผู้จ้างวานนัก อีกทั้งในใจยังแอบหวงสามีตนเนื่องจากรู้นิสัยของนาคาหนุ่มสามีตนดี ขนาดรับตนเป็นภรรยายังมีเล็กมีน้อยไม่หยุดหย่อน หากแต่ว่าผู้เป็นภรรยานั้นก็ไม่ได้ต่างจากผู้เป็นสามีเลย อย่างที่เขาเรียกว่า…ศีลเสมอกัน…“มิง่ายปานนั้นดอก ในเมื่อนางบอกว่ามิให้พี่ปริปากว่าใครคือผู้จ้างวานทำเรื่องบัดสี นั่นย่อมหมายถึงความลับของนางอยู่ที่ข้าแลหากพญาเพชรแก้วรู้เข้านางคงมิพ้นถูกชังน้ำหน้าจนถูกเนรเทศเป็นแน่”“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี พี่ก็จักมีเงินมีทองมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นนาคานักรบ จักได้มิมีผู้ใดมาดูแคลนได้อีก” ทั้งสองสามีภรรยาหัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ พลางในหัวคิดถึงสมบัติแลอำนาจในมือก็ยิ่งทำให้สุขใจ“พี่ไปก่อนหนากันตา เจ้าจงอดทนรอคอยพี่”นาคาหนุ่มผู้มากตัณหาเอ่ยลาเมียคู่กรรมจะได้เมียใหม่เป็นถึงนาคีสายเลือดกษัตริย์…จักมิต้องมาทนอยู่ในชั้นนาคาต่ำต้อยอีกเจ้าแม่นางน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status