สายตาจับจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ดวงตาแดงไปหมดอีกทั้งยังมีหยดน้ำใสรื้นขึ้นมาครอบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น สันกรามถูกขบแน่นพร้อมมือที่กำหมัดแววตาฉายแววเจ็บปวดจนนรินทร์รู้สึกผิดไปหมด เธอหลบสายตาของเขาก่อนจะก้มจัดการตัวเองให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นประจันหน้ากับพชรที่ยังคงทนนิ่งค้าง
เธอมองเขาครู่หนึ่งคิดจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกไปแต่ก็พูดไม่ออก... ขนาดตัวเธอเองยังไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แล้วฝันบ้าๆแบบนั้นคือเรื่องจริงหรือแค่ฝัน แต่จากร่างกายที่รู้สึกอ่อนล้าแล้วมันเหมือนจริงจนเธอปฏิเสธไม่ออก พชรดึงสายตามองเธออย่างเงียบๆ ราวกับรอเธอพูดอะไรออกมาสักอย่าง เขาอดทนยืนรอไม่เหมือนเมื่อครั้งอดีตที่เขาไม่ทันได้ฟังมัน
แต่ทว่า...นรินทร์กลับเดินผ่านเขาไปเฉยๆเสียอย่างนั้น พชรขมวดคิ้วแน่นเหลียวมองตามแผ่นหลังเธอไปอย่างเงียบๆ ภากรณ์เห็นอย่างนั้นก็ลุกขึ้นจัดการเสื้อผ้าที่หลุดลุ่
‘มันตรา’ เป็นนาคีสีเขียวตองอ่อนถือกำเนิดจากไข่ของนางงูเขียวในป่าเขาไม่ไกลจากบูรบุรีมากนัก ถิ่นอาศัยก็ถามป่าเขาเหมือนงูเขียวทั่วไป นางเป็นงูที่บังเอิญได้เจองูใหญ่สีแดงมีหงอนเพียงเพราะเลื้อยเล่นในป่าดันไปตัดหน้าทางของนางงูใหญ่ตนนั้น ด้วยความหวาดกลัวจึงผงกหัวนอบน้อมเป็นเชิงขอโทษก่อนที่นางงูใหญ่ลำตัวสีแดงจะแปลงกายเป็นหญิงสาวจับจ้องมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีเมตตา “เจ้าคงจักผลัดถิ่นมาใช่หรือไม่เจ้างูน้อย” ด้วยความที่เป็นงู สมองของงูมีเพียงน้อยนิดสายตาพร่ามัวจับได้แต่เพียงคลื่นความร้อน และจะจดจำแยกแยะกลิ่นได้เพียงเหยื่อและพวกเดียวกัน มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเท่านั้น มันจึงได้แต่ชูคอน้อยๆมองร่างหญิงสาวนั้นตาแป๋ว แต่น่าแปลกที่งูน้อยกลับเข้าใจในสิ่งที่นางพูด งูไม่มีหูไม่ได้ยินเสียงใดนอกจากภาษาจิตที่แรงกล้าของพวกเดียวกันเท่านั้น “เจ้าช่างน่าเอ็น
“คุณพชร...ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายหรอกค่ะ ตัวฉันเองยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำจะอธิบายกับคุณได้ยังไง”นรินทร์พูดขึ้นพลางทำสีหน้าจริงจัง พชรนิ่งเงียบพร้อมกับจ้องมองดวงหน้าสวยที่ดูเป็นกังวลแตกต่างจากทุกที เขาเองอาจจะหลงลืมไปว่านางในดวงใจในตอนนี้นั้นเป็นเพียงมนุษย์และเชื่อในสิ่งที่เห็นเท่านั้น ไม่ได้มีจิตแก่กล้าหยั่งรู้เรื่องที่เหนือจินตนาการได้“ฉันขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง ในฐานะเพื่อนคุณคือเพื่อนที่ดีมากค่ะ แต่เรื่องนี้ฉันขอไม่พูดถึงมัน”นรินทร์เลือกที่จะขีดเส้นกั้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา มันคือหนทางเดียวที่จะทำให้เธอเจ็บน้อยที่สุด...ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าพชรจะคิดเหมือนกันกับเธอก็ตาม แต่อีกใจหนึ่งกลับไม่แน่ใจเพราะเขาไม่เคยพูดอะไรเลย จะมีแค่การกระทำที่ทำให้เธอดูเป็นคนพิเศษแต่นรินทร์ก็คิดว่าเขาอาจจะเป็นคนใจดีแบบนี้อยู่แล้วก็ได้พชรที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับพูดอะไรไม่ออก ตำแหน่งมิตรสหายที่เธอยกให้เขานั้นมันทำให้ใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เขาปล่อยให้เธอเดินหันหลังจากเขาไปโดยที่เขาทำได้เพียงมองแผ่นนั้นด้วยแววตาเจ็บปวด ภาพนี้แววตานี้สินะที่น
สายตาจับจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ดวงตาแดงไปหมดอีกทั้งยังมีหยดน้ำใสรื้นขึ้นมาครอบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น สันกรามถูกขบแน่นพร้อมมือที่กำหมัดแววตาฉายแววเจ็บปวดจนนรินทร์รู้สึกผิดไปหมด เธอหลบสายตาของเขาก่อนจะก้มจัดการตัวเองให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นประจันหน้ากับพชรที่ยังคงทนนิ่งค้าง เธอมองเขาครู่หนึ่งคิดจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกไปแต่ก็พูดไม่ออก... ขนาดตัวเธอเองยังไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แล้วฝันบ้าๆแบบนั้นคือเรื่องจริงหรือแค่ฝัน แต่จากร่างกายที่รู้สึกอ่อนล้าแล้วมันเหมือนจริงจนเธอปฏิเสธไม่ออก พชรดึงสายตามองเธออย่างเงียบๆ ราวกับรอเธอพูดอะไรออกมาสักอย่าง เขาอดทนยืนรอไม่เหมือนเมื่อครั้งอดีตที่เขาไม่ทันได้ฟังมัน แต่ทว่า...นรินทร์กลับเดินผ่านเขาไปเฉยๆเสียอย่างนั้น พชรขมวดคิ้วแน่นเหลียวมองตามแผ่นหลังเธอไปอย่างเงียบๆ ภากรณ์เห็นอย่างนั้นก็ลุกขึ้นจัดการเสื้อผ้าที่หลุดลุ่
แสงตะวันสาดส่องเข้ามากระทบตา นรินทร์ค่อยๆลืมตาขึ้นมองรอบๆด้วยความไม่คุ้นอีกครั้งก่อนจะรีบลุกขึ้นก็พบว่าเสื้อผ้าตัวเองหลุดรุ่ยจึงหันไปมองข้างๆตัวมีแต่หินดินและม่านน้ำตกตรงหน้าคล้ายถ้ำ เธอขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ“อืม...” เสียงครางงัวเงียข้างๆเรียกความสนใจให้เธอหันไปมอง นรินทร์ตกใจสุดขีดถอยร่นออกห่างพร้อมกับมือที่จับเสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยของตัวเองไว้แน่นมองภากรณ์ที่กำลังตื่นขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เมื่อคืน...ไม่ใช่เขา...“คุณตื่นแล้วเหรอ? หึ...คุณนี่เด็ดใช้ได้เลยนะนรินทร์ คบกันมาตั้งหลายปีไม่ยักรู้”“คุณพูดบ้าอะไร!!” นรินทร์แผดเสียงออกไปอย่างหัวเสีย เธอคิดว่าไม่ใช่แน่ๆมันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ“ก็เห็นๆกันอยู่ยังจะถามอีกเหรอ? หรือว่าจะรื้อฟื้นอีกรอบดี?” ภากรณ์พูดพร้อมกับยิ้มกระลิ่มกระเลี่ยมองนรินทร์อย่างหื่นกระหายอีกครั้ง แต่นรินทร์ดูสับสนไปหมดหรือว่าเธอจะเขินอายที่ปล่อยลีลาเด็ดดวงออกมาง้อให้เขากลับไป...“คุณนรินทร์ครับ! คุณนรินทร์! อยู่ในนี้รึเปล่าครับ?” ไม่ทันที่จะได้คิดต่อก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านนอก
“ตามข้ามาสิ...เจ้าแม่นาง” นางนาคีพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำนรินทร์เข้าไปในถ้ำหลังม่านน้ำตกนั้น นรินทร์เดินตามไปอย่างว่าง่ายก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงข้างร่างของภากรณ์ที่นอนนิ่งอยู่“นอนลงไปสินรินทร์ ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข” นางนาคีพูดพร้อมกับหัวร่วนมองนรินทร์ที่ค่อยๆนั่งลงแล้วนอนลงไปข้างกายภากรณ์ก่อนจะร่ายมนตรานาคาเข้าสู่ห้วงฝันไฟราคะกับชายหนุ่มที่อยู่ในใจของเธอ...คีภัทราที่เห็นว่าบริวารของตนทำงานสำเร็จก็อดหัวเราะร่วนออกมาอย่างสะใจไม่ได้หลังจากตื่นขึ้นมาจากสมาธิ เธอร่ายมนต์อีกชั้นไม่ให้ใครเข้าไปกวนใจหรือหาคนทั้งคู่เจอได้จนกว่าจะเช้า อย่างไรองค์เพชรแก้วก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยนางได้ในยามนี้ เพราะเป็นเวลาที่เขาต้องภาวนาจำศีลเพื่อเพิ่มพลังบารมี เพราะการปรากฏกายต่อหน้าคนหมู่มากเพื่อสร้างตัวตนในกายหยาบนั้นมันต้องใช้พลังเยอะระดับหนึ่งแม้ว่านิลนนท์นั้นจะเคยเป็นบริวารของพญาเพชรแก้วมาก่อนแต่หากถือกำเนิดเป็นมนุษย์นั่นก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง แม้จะฝึกจิตใจมากมายแค่ไหนก็ไม่อาจจะหลีกหนีความจริงข้อนี้ไปได้ มนุษย์มีขีดกำจัดในการใช้จิตต่างๆอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้เพรา
“ปกตินรินทร์อาบน้ำนานขนาดนี้เลยเหรอ?” นิลนนท์เอ่ยขึ้นเมื่อยังไม่เห็นนรินทร์กลับขึ้นมาทุกคนมองหน้ากันไปมาเมื่อผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วแต่นรินทร์ก็ยังไม่มีวี่แววจะขึ้นมา“พี่นรินทร์อาบน้ำเร็วจะตาย วันนี้อาบนานผิดปกติ” มินตราตอบเมื่อมองซ้ายมองขวาไม่เห็นนรินทร์ตามที่นิลนนท์พูด“พี่นิลจะไปไหน” มินตราเอ่ยถามเมื่อเห็นนิลนนท์ลุกพรวดขึ้นทันที“จะไปดูนรินทร์หน่อย กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ยังไงก็ผู้หญิงนี่ก็ค่ำแล้วด้วย” นิลนนท์หันไปตอบมินตรา“ฮั่นแน่...เป็นห่วงขนาดนี้ไม่ใช่ว่าแอบหลงรักเพื่อนตัวเองเหรอครับพี่นิลนนท์” เทวินอดเอ่ยแซวไม่ได้ นิลนนท์ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมากับความคิดของเทวิน“ว้า ผมมีคู่แข่งเพิ่มอีกคนอย่างชัดเจนแล้วสิ”“เงียบไปเลยไอ้เทวิน มึงจะมาคิดเรื่องนี้ทำไมแทนที่จะไปดูพี่นรินทร์ก่อนว่าเป็นอะไรรึเปล่า” มินตราพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำชายหนุ่มทั้งสองลงมาจากบนบ้านและพบว่าประตูห้องน้ำเปิดอยู่เสื้อผ้าของนรินทร์ที่เตรียมมาอาบน้ำอยู่บนแคร่
“ว่าแต่พี่นรินทร์ เห็นพี่ภากรณ์บ้างไหมหายไปไหนเนี่ย? คงไม่หลงป่าอีกหรอกนะ” มินตราเอ่ยถามขึ้นระหว่างทางที่กำลังพากันเดินกลับไปยังที่พัก เพื่อจัดการเอาอุปกรณ์ต่างๆไปถ่ายภาพหมู่บ้านพร้อมกับเรียบเรียงบทความสำหรับนิตยสารเมื่อมองไปรอบๆไม่เห็นวี่แววของภากรณ์เดินตามมา “ไม่รู้สิ รายนั้นเขาคงไม่ไปไหนที่ทำให้ตัวเองหลงป่าหรือเดือดร้อนหรอก” นรินทร์เอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “จริงของพี่นรินทร์ คนเห็นแก่ตัวแบบนั้น” เทวินเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วยกับที่นรินทร์พูด “แต่จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่นะ มึงไม่คิดงั้นเหรอ? ตามมาคนเดียวซ้ำยังแยกจากกลุ่มอีก ภากรณ์ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเลยนะ มึงช่วยใจดีกับมันหน่อยเถอะ” นิลนนท์เอ่ยขึ้นอย่างนึกเห็นใจ นริน
“เจ็บอกเหลือเกิน! โอยยยย!! เจ็บ...” แม่สายดูท่าทางทรมาน นิลนนท์ที่เห็นก็ตกใจไม่ต่างจากพชรก่อนจะหันไปปรายตามองเจ้านายของเขา พชรส่ายหน้าไปมาเบาๆก่อนที่ทั้งสองจะหันไปทางแม่สายอีกครั้ง มีพลังงานอื่นแทรกแซงเข้ามาอย่างแน่นอนและคงแรงมากจนแม่สายแทบจะขาดใจ“อะไรกัน!! เจ้าแม่คีภัทรา...มเหสีของเจ้าปู่!! นางจะต้องรำถวายเป็นตัวแทนของเจ้าแม่คีภัทรา!!!” คำพูดของแม่สายที่ดูเหมือนจะขาดใจตัวสั่นเทานั้นทำให้พชรถึงกับอึ้ง มันผิดกับที่เขาคิดไว้ไปอย่างมาก...มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย“เจ้าแม่คีภัทรา...ใช่แล้วพวกเรา! แม่สายเคยเข้าทรงเจ้าปู่บอกว่ารอคนรัก ต้องเป็นเจ้าแม่คีภัทราแน่ๆ เราไม่ได้สร้างรูปปั้นให้คู่กันนี่ โห....สาธุเจ้าแม่” หนึ่งในชาวบ้านพูดขึ้นและดูเหมือนชาวบ้านจะเห็นด้วยจึงรีบยกมือขึ้นพนมท่วมหัวพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าแม่คีภัทราอย่างที่แม่สายพูดขึ้น“รำ! ถวาย! แม่หนู!” แม่สายยังคงชี้ไปทางนรินทร์ อีกมือหนึ่งกุมที่อกราวกับจะขาดใจเริ่มไม่ได้สติ นรินทร์และทีมยังทำหน้างงกับเหตุการณ์นั้นอยู่เลย ก่อนที่นรินทร์จะชี้มาที่ตัวด้วยสีหน้าสงสัย
ภายในถ้ำที่มืดมิดลึกสุดในภูเขาอีกฝากฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้านบูรบุรี หญิงสาวในชุดเครื่องทรงเสื้อผ้าแถบสีแดงเลือดหมูทั้งร่างได้เปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่นั่งสมาธิอยู่นานตั้งแต่เมื่อวานเย็นในมือกำหมัดแน่นจนธำรงค์มรกตในนิ้วบาดแทงผิวเนื้อจนเลือดซิบดวงตาสีแดงฉานดุดันเมื่อเห็นภาพในนิมิต อุตส่าห์ร่ายเวทย์มนต์บังตานำพานางผู้เป็นศัตรูเสี้ยนหนามของหัวใจไปให้ยายสมิงแก่แต่ก็ยังไม่วายบริวารผู้ภักดีของนางมาช่วยไว้ ซ้ำคนที่ตนรักสุดหัวใจอุ้มพานางกลับยังวังบาลเสพสมพาสกันในนิมิตฝันเสียอีก ยิ่งมองเห็นยิ่งทำให้เกิดความคับเค้นใจนัก“เหตุใดเจ้าแม่ของข้าจึงได้มีสีหน้าเช่นนั้น มีกระไรกวนใจเจ้าแม่อีกรือเจ้าคะ” นาคีบริวารผู้จงรักภักดีเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่นั่งเฝ้าผู้เป็นนายไม่ห่างตลอดเวลาที่คีภัทราเข้าสมาธิ“เพราะเหตุใดกัน! เหตุใดเจ้าพี่ถึงได้ทำถึงขนาดนั้น!! เหตุใดต้องยอมแหกกฎฟ้าเพื่อสมสู่กับมัน!! นางมนุษย์ชั้นต่ำ!!”“เพราะรัก...” มันตราถึงกับยอมเงียบไม่พูดต่อให้จบเมื่อเห็นใบหน้าสวยหันขวับไปมองเธอด้วยดวงแดงฉานพร้อมอีกทั้งสีหน้าที่ดูดุดันโกรธแค้นจนน