เพียงเร่งตามหากริชก็ยากลำบากพอควรอยู่แล้ว แต่กลับได้ยินเสียงคำรามลั่นท้องนทีเมื่อคืนทำให้ใจของนางพญานาคีแทบขาดอยู่รอนๆ คีภัทรากลับเข้ามายังถ้ำที่ตนเองจำศีลภาวนาอยู่เป็นประจำพร้อมกับมือที่กอบกุมอกข้างซ้าย เดินโซซัดโซเซมายังแท่นหินด้วยสีหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา
นางช้าไปเพียงก้าวเดียวกลับต้องเสียคนที่รักให้กับศัตรูหัวใจถึงสองครั้งสองคราทั้งที่นางมาก่อน ความเจ็บปวดรวดร้าวระทมใจก่อตัวขึ้นจนดวงใจดวงน้อยแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆเสียตอนนั้น นางทรุดตัวลงนั่งร่ำไห้อย่างทรมานรับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ใบหน้าสวยที่ดูเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น หยาดน้ำตาสีใสกลับกลายเป็นสีแดงสด ใบหน้าที่เคยสวยบัดนี้เริ่มมีโลหิตปรากฏราวกับรากไม้อยู่ทั่วกรอบหน้า ดวงตาสีแดงสดราวกับเปลวเพลิงมือเล็กกำหมัดแน่นทุบลงบนแท่นหินจนแตกร้าวอย่างเจ็บปวดและทรมานใจ
“ไยเจ้าพี่ถึงได้ยอมแหกกฏฟ้าเพื่อมัน!! เหตุเพราะมันผู้เดียว!! นางนรินธรา!! กรี๊ดดดดดดดดด!!!”
เสียงกรีดร้องดังก้องกำงวานไปทั่วถ้ำจนสัตว์ป่าทั้งหลายในบริเวณนั้นต่างตื่นตระหนกวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เสียงกรีดร้องที่
ในห้วงนิทราที่หลับใหลสนิทกันทั้งบ้านพัก ควันไฟเริ่มโชยลอยขึ้นบนชั้นสองพร้อมกับเปลวเพลิง แต่เพราะควันไฟนั้นทำให้คนที่นอนหลับไม่รู้ตัวบนบ้านสูดดมเข้าไปยังไม่ทันได้ตื่นก็ต้องสลบไสลไม่ได้สติต่อไป ไฟเริ่มโหมโรงแผดเผาไหม้บ้านพักไม้จนไฟสุมสว่างจ้า …น่าแปลกที่ไม่มีใครตื่นขึ้นมาหรือตกใจกับเหตุการณ์นี้เลย มีเพียงร่างโปร่งแสงที่ยืนมองเปลวเพลิงด้วยรอยยิ้มร่าอย่างสะใจ ไฟกำลังจะลุกท่วมร่างของพวกเขา…“จงตายตกตามกันไปเสียให้หมด!!” คีภัทราเอ่ยขึ้นพร้อมแสยะยิ้ม รอคอยมองดูร่างที่มอดไหม้อย่างใจเย็นทันใดนั้นเองที่อยู่ๆก็มีแสงจ้าสีขาวพวยพุ่งออกมาจากร่างของนรินทร์ก่อนจะพุ่งตรงออกมายังหน้าบ้านพัก ร่างโปรงแสงในชุดสีขาวประดับทองระยิบระยับอ้าแขนขึ้นหันหน้าไปทางทะเล ก่อนจะวาดมือกลางอากาศ ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับก็พลันมืดครึ้ม ก้อนเมฆจากทั่วทุกสารทิศต่างมารวมกลุ่มเกาะกันเป็นก้อนเมฆฝนเหนือบ้านพักนั้นสายฟ้าผ่ากลางก้อนเมฆนั้นเป็นระยะๆ ฟ้าแลบฟ้าร้องกระหึ่มทั่วป่า เพียงปัดวาดมือลงดินฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาดับไฟที่กำลังโหมไหม้บ้านนั้นจนเหลือแต่เพียงควั
“ผมอาบก่อนคุณรอข้างนอกจะดีกว่า”“มืดขนาดนี้ไม่มีใครมาหรอกค่ะกรณ์นะคะ น๊าา”ภากรณ์ปิดประตูห้องน้ำทันทีและรีบอาบน้ำเพราะเขาเองไม่อยากจะอยู่ข้างล่างตอนกลางคืนนานนัก ทิ้งให้พนิตาหัวเสียอยู่ด้านนอกพนิตาจึงเปิดกระเป๋าอาบน้ำออกมาก่อนจะเลี่ยงออกมาไกลจากห้องน้ำเล็กน้อยและหยิบบุหรี่ที่แอบไว้ขึ้นมาสูบพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลสั่นไหวจนพนิตาเกือบจะกรีดร้องแต่ทว่าสายตาของพนิตาก็เห็นชายหนุ่มที่เธอพึ่งพบเมื่อเย็นเดินออกมาจากพุ่มไม้ และเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยสายตาดูมีเสน่ห์ พนิตารีบซ่อนบุหรี่ไว้ด้านหลัง“มาหานรินทร์เหรอคะ?”“เปล่าครับ ผมมาหาคุณ...”“พนิตาค่ะ เรียกนิตาก็ได้นะคะ”“ซ่อนไว้ทำไมล่ะครับ สูบด้วยกันสักมวนสิครับ”พชรเดินมาประชิดตัวเธอแขนแกร่งอ้อมไปด้านหลังดึงบุหรี่ในมือเธอมาคาบไว้ในปากพนิตาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเขาเข้ามาใกล้จนลมหายใจของเขารดหน้าผากของเธอ พนิตายิ้มด้วยจริตที่มีทำเอียงอายเอาผมทัดหูก่อนจะจุดบุหรี่ให้พชรด้วยสายตาหว่านสเน่ห์ก่อนจะควานหาบุหรี่อีกตัวขึ้นมาสูบ“ทำอะไรครับ?”“สูบเป็นเพื่อนคุณไงคะ”“ถ้าคุณ
นรินทร์และมินตราเตรียมตัวรอเทวินและนิลนนท์ที่ไปเอาข้าวเย็นที่บ้านผู้ใหญ่ ไม่นานนักทั้งสองหนุ่มก็เดนมาพร้อมกับกับข้าวในถ้วยดินเผา ก่อนจะนั่งลงที่แคร่หน้าบ้านที่สองสาวนั่งรออยู่ อาหารวันนี้มีเพียงน้ำพริกปลาย่างและผักลวกซึ่งแตกต่างจากทุกวันที่เคยได้รับ“แค่นี้เหรอพี่นิล” มินตราเอ่ยถามพร้อมมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะเงยหน้ามองนิลนนท์ตาปริบๆ“ก็แค่นี้สิ ทำไงได้ในเมื่อหัวหน้าของเราไปขัดขากับชาวบ้านเรื่องความเชื่อดั้งเดิมอย่างนั้น” นิลนนท์เอ่ยอย่างยิ้มๆ พลางปรายสายตาไปมองนรินทร์ที่หันไปมองเขาตาขวางเช่นกัน“ไม่ได้ขัดสักหน่อยแค่พูดตามที่คิด เขาเรียกว่าความคิดเห็นส่วนตัว” นรินทร์เอ่ยพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ลึกๆในใจก็ยังรู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ทำให้คนในทีมลำบากแบบนี้“ผมว่าเราเลิกเถียงกันเถอะครับ มากินข้าวกันก่อนเถอะ ผมหิวจะแย่” เทวินเอ่ยขัดวงสนทนาพลางจ้องมองอาหารตรงหน้า ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพากันนั่งล้อมวงและกินข้าวมื้อเย็นกันไปและคุยเรื่องงานกันไปพลางๆเมื่อภากรณ์ได้ยินเสียงพูดคุยด้านล่างก็รู้ไ
เพียงเร่งตามหากริชก็ยากลำบากพอควรอยู่แล้ว แต่กลับได้ยินเสียงคำรามลั่นท้องนทีเมื่อคืนทำให้ใจของนางพญานาคีแทบขาดอยู่รอนๆ คีภัทรากลับเข้ามายังถ้ำที่ตนเองจำศีลภาวนาอยู่เป็นประจำพร้อมกับมือที่กอบกุมอกข้างซ้าย เดินโซซัดโซเซมายังแท่นหินด้วยสีหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตานางช้าไปเพียงก้าวเดียวกลับต้องเสียคนที่รักให้กับศัตรูหัวใจถึงสองครั้งสองคราทั้งที่นางมาก่อน ความเจ็บปวดรวดร้าวระทมใจก่อตัวขึ้นจนดวงใจดวงน้อยแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆเสียตอนนั้น นางทรุดตัวลงนั่งร่ำไห้อย่างทรมานรับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนใบหน้าสวยที่ดูเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น หยาดน้ำตาสีใสกลับกลายเป็นสีแดงสด ใบหน้าที่เคยสวยบัดนี้เริ่มมีโลหิตปรากฏราวกับรากไม้อยู่ทั่วกรอบหน้า ดวงตาสีแดงสดราวกับเปลวเพลิงมือเล็กกำหมัดแน่นทุบลงบนแท่นหินจนแตกร้าวอย่างเจ็บปวดและทรมานใจ“ไยเจ้าพี่ถึงได้ยอมแหกกฏฟ้าเพื่อมัน!! เหตุเพราะมันผู้เดียว!! นางนรินธรา!! กรี๊ดดดดดดดดด!!!”เสียงกรีดร้องดังก้องกำงวานไปทั่วถ้ำจนสัตว์ป่าทั้งหลายในบริเวณนั้นต่างตื่นตระหนกวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เสียงกรีดร้องที่
“นิตา คุณมาทำอะไรที่นี่” ภากรณ์พูดพร้อมกับแกะมือของพนิตาที่เกาะกุมแขนของเขาเอาไว้ออก พนิตาทำหน้ามุ่ยมองเขาอย่างนึกเคืองก่อนจะหันไปทางนรินทร์พลางขมวดคิ้ว “ก็มาตามสามีไงคะ ไม่ใช่ว่าคุณตามนรินทร์...มาหรอกเหรอ? อุ๊ย! นี่ใครกัน” พนิตาที่กำลังจะหันไปหาเรื่องนรินทร์ก็พลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่ยืนข้างๆนรินทร์ พร้อมกับทำตาเป็นประกายวาววับจ้องมองพชรไม่วางตา “พนิตา!!” ภากรณ์หันมองสายตาของพนิตาก็รู้สึกหงุดหงิด เขาไม่หึงหรือหวงพนิตาเพียงแต่เขาแค่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพ่ายแพ้พชรก็เท่านั้น ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่ได้เห็นพชรต่างก็มองกันตาเป็นมัน “ผมพชร... แฟนของคุณนรินทร์ครับ” พชรเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาคมดูว่างเปล่า
ทั้งสองเดินมาเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน มือที่จับประสานกันแกว่งไกวตามก้าวเดินราวกับหนุ่มสาวกำลังออกเดท ก่อนที่จะเดินเข้ามาถึงหน้าบ้านพักที่คนในทีมนั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านพร้อมชะเง้อคอมองคนทั้งคู่ที่พึ่งเดินเข้ามา“แหม่ หวานกันแต่เช้าเลยนะมึง” นิลนนท์เอ่ยแซวขึ้นพร้อมด้วยมินตราที่มองคนทั้งคู่อย่างยิ้มๆ เทวินมองภาพตรงหน้าก็ถึงกับเอามือจับอกซ้ายของตัวเองแล้วส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ “ผมแพ้ราบคาบแล้วคราวนี้ เฮ้อ...อกหักเพราะรักหัวหน้า” เทวินเอ่ยก่อนที่มินตราจะหันไปแจกกำปั้นเคาะที่ศีรษะของเทวินเบาๆ“นี่แน่ะ! ใครเขาสั่งเขาสอนให้บอกรักแฟนคนอื่นต่อหน้าแฟนเขาแบบนี้” มินตราเอ่ย“เอาเถอะๆ แล้ว...ภากรณ์ล่ะ?” นรินทร์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนในทีมนั้นมีเพียงแค่สามคน แต่กลับไม่เห็นภากรณ์อดีตสามีตัวปัญหาเลย จากนิสัยของภากรณ์แล้วคงจะต้องลงมาเตรียมตัวหน้าตั้งหาเรื่องเธอแน่ๆ แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น“ภากรณ์ไม่ตื่น เรียกยังไงก็ไม่ตื่น...แต่ยังหายใจอยู่นะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”