ราวกับรับรู้ว่าพญาเพชรแก้วจะกลับมายังวังบาดาลคืนนี้ คีภัทราจึงได้ตระเตรียมแผนการเอาไว้ ไม่หนำซ้ำยังร่ายมนต์บังไว้มิให้ผู้ใดเข้าไปได้ เหล่าบริวารจะไม่สามารถรับรู้ได้แน่เนื่องจากความหยั่งรู้ในบุญบารมีนั้นต่างกัน ธาราเองเมื่อเห็นว่าไม่มีพญานกอย่างที่บริวารว่าก็รีบรุดหน้ากลับมายังหอนอนเพื่อเฝ้าเจ้าแม่นางของตน
แต่ก็เห็นว่าประตูปิดอยู่คิดว่านางนาคีบริวารทั้งสองคงจะจัดการเรื่องเจ้าแม่นางเรียบร้อยดีแล้วจึงออกไปทำหน้าที่ของตนต่อ ธาราแลเห็นการกลับมาของพญาเพชรแก้วชายผู้เป็นที่รักของเจ้าแม่นางก็เตรียมจะเข้าไปทำความเคารพและแจ้งเรื่องที่นรินธราล้มหลับไป แต่ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัดไปเสียหมด
คีภัทราวิ่งโร่เข้าไปหาพญาเพชรแก้วที่พึ่งกลับมาจากศึก ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นโดยที่ไม่มีใครกล้าขัดเนื่องด้วยเห็นว่าเจ้าจอมกษัตริย์นั้นเกรี้ยวกราดเต็มที่
เจ้าแม่นางถูกจองจำอยู่ในคุกนาคาไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรพญาเพชรแก้วกลับเลี่ยงที่จะฟัง แม้จักเป็นคำพูดของหญิงผู้เป็นที่รักอย่างนรินธราก็ตามที ธาราเห็นทีจักทนไม่ไหวจึงตั้งหน้าไปเข้าเฝ้าเจ้าจอมกษัตริย์ด้วยตนเอง
“ข้าแต่องค์กษัตริย์แห่งเหล่าน
เสียงร้องห่มร้องของไห้ของเหล่าบริวารที่รับใช้เจ้าแม่นางมานานนั้นกลับกลายเป็นเสียงที่เงียบที่สุดเมื่อจอมกษัตริย์นาคาคำรามลั่น ธารานาคาบริวารผู้ที่จงรักภักดีต่อเจ้าแม่นางด้วยใจจริงเนื่องด้วยหัวใจของนาคาหนุ่มผู้นี้นั้นหลงรักเจ้าแม่นางมาตั้งแต่ก่อนพญาเพชรแก้วและนางจักได้เจอกันเสียอีก ด้วยความเจียมเนื้อเจียมตนอยู่เสมอจึงมิคิดอาจเอื้อมเป็นอื่น ขอเพียงได้ดูแลตามหน้าที่แต่ทว่าบัดนี้นั้นนางได้ถูกสังหารต่อหน้าต่อตาเขาไปเสียแล้ว ธาราขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมือกำหมัดแน่น สายตาเพ่งมองร่างของเพชรฆาตที่ขาดเป็นสองท่อนเพราะครีบเกล็ดของเจ้าจอมนาคา อีกทั้งนางคีภทัรายังย่างก้าวเข้ามาเตรียมจักหยิบคว้ากริชนั้นขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทั้งธาราและรัตนาเห็นอย่างนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปคว้ากริชนาคามาเสียก่อนที่นางคีภทัราจะเอื้อมถึงมัน เพราะเป็นกริชศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงเจ้าของถึงจะทนจับมันได้ นาคาและนาคีทั้งสองกรีดร้อ
ราวกับรับรู้ว่าพญาเพชรแก้วจะกลับมายังวังบาดาลคืนนี้ คีภัทราจึงได้ตระเตรียมแผนการเอาไว้ ไม่หนำซ้ำยังร่ายมนต์บังไว้มิให้ผู้ใดเข้าไปได้ เหล่าบริวารจะไม่สามารถรับรู้ได้แน่เนื่องจากความหยั่งรู้ในบุญบารมีนั้นต่างกัน ธาราเองเมื่อเห็นว่าไม่มีพญานกอย่างที่บริวารว่าก็รีบรุดหน้ากลับมายังหอนอนเพื่อเฝ้าเจ้าแม่นางของตนแต่ก็เห็นว่าประตูปิดอยู่คิดว่านางนาคีบริวารทั้งสองคงจะจัดการเรื่องเจ้าแม่นางเรียบร้อยดีแล้วจึงออกไปทำหน้าที่ของตนต่อ ธาราแลเห็นการกลับมาของพญาเพชรแก้วชายผู้เป็นที่รักของเจ้าแม่นางก็เตรียมจะเข้าไปทำความเคารพและแจ้งเรื่องที่นรินธราล้มหลับไป แต่ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัดไปเสียหมดคีภัทราวิ่งโร่เข้าไปหาพญาเพชรแก้วที่พึ่งกลับมาจากศึก ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นโดยที่ไม่มีใครกล้าขัดเนื่องด้วยเห็นว่าเจ้าจอมกษัตริย์นั้นเกรี้ยวกราดเต็มที่เจ้าแม่นางถูกจองจำอยู่ในคุกนาคาไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรพญาเพชรแก้วกลับเลี่ยงที่จะฟัง แม้จักเป็นคำพูดของหญิงผู้เป็นที่รักอย่างนรินธราก็ตามที ธาราเห็นทีจักทนไม่ไหวจึงตั้งหน้าไปเข้าเฝ้าเจ้าจอมกษัตริย์ด้วยตนเอง“ข้าแต่องค์กษัตริย์แห่งเหล่าน
“นางจักมอบยศถาบรรดาศักดิ์ให้พี่จริงดั่งว่าแน่รึ? มิใช่ว่าทำการสำเร็จก็ปิดปากสังหารพี่ดอกรึ?” ภรรยาสาวเอ่ยถามผู้เป็นสามีด้วยท่าทีที่ไม่ไว้วางใจผู้จ้างวานนัก อีกทั้งในใจยังแอบหวงสามีตนเนื่องจากรู้นิสัยของนาคาหนุ่มสามีตนดี ขนาดรับตนเป็นภรรยายังมีเล็กมีน้อยไม่หยุดหย่อน หากแต่ว่าผู้เป็นภรรยานั้นก็ไม่ได้ต่างจากผู้เป็นสามีเลย อย่างที่เขาเรียกว่า…ศีลเสมอกัน…“มิง่ายปานนั้นดอก ในเมื่อนางบอกว่ามิให้พี่ปริปากว่าใครคือผู้จ้างวานทำเรื่องบัดสี นั่นย่อมหมายถึงความลับของนางอยู่ที่ข้าแลหากพญาเพชรแก้วรู้เข้านางคงมิพ้นถูกชังน้ำหน้าจนถูกเนรเทศเป็นแน่”“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี พี่ก็จักมีเงินมีทองมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นนาคานักรบ จักได้มิมีผู้ใดมาดูแคลนได้อีก” ทั้งสองสามีภรรยาหัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ พลางในหัวคิดถึงสมบัติแลอำนาจในมือก็ยิ่งทำให้สุขใจ“พี่ไปก่อนหนากันตา เจ้าจงอดทนรอคอยพี่”นาคาหนุ่มผู้มากตัณหาเอ่ยลาเมียคู่กรรมจะได้เมียใหม่เป็นถึงนาคีสายเลือดกษัตริย์…จักมิต้องมาทนอยู่ในชั้นนาคาต่ำต้อยอีกเจ้าแม่นางน
“แล้วข้าเล่าเป็นเพียงเครื่องราชย์บรรณาการ มิมีความสลักสำคัญใดอย่างนั้นหรือ”“เจ้าเปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสายเลือดย่อมสำคัญ”สิ้นเสียงพญาเพชรแก้วมือที่กอดกายหนาไว้แน่นก็ถูกแกะคลายออก ใบหน้าของชายผู้เป็นที่รักดูจริงจังและแน่วแน่จนใจเจ็บ นางมีรักแท้ให้แก่เขาอยู่เต็มดวงใจ แม้ว่านางจักมาก่อนนางผู้นั้นหลายร้อยปีก็ยังมิอาจทำให้ชายในดวงใจรักนางได้ ยิ่งคิดยิ่งน่าเจ็บใจ…“เจ้ากลับไปเสียเถิด” พญาเพชรแก้วเอ่ยพร้อมหันหลังให้นาง คีภัทรามองแผ่นหลังกำยำของชายหนุ่มตรงหน้าทั้งน้ำตา แม้แต่น้ำตาของนางก็มิอาจเรียกความสนใจของเขาได้เลยคีภัทราจึงวิ่งออกไปจากห้องของพญาเพชรแก้ว ใบหน้าสวยคมคายเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาก่อนจะทรุดร่างนั่งลงสะอื้นไห้เมื่อถึงห้องหอนอนของตนแม้นตัวเจ้าหล่อนยอมละความเป็นกุลสตรีเข้าหาพญาเพชรแก้วด้วยใจรัก ถึงในหอนอนเพียงเพื่อขอร้องอ้อนวอนขอความรักจากเขาเพียงน้อยนิดแต่ทว่าเพียงเศษเสี้ยวเขาก็มิแลเหลียวนาง“เจ็บใจ! เจ็บใจนัก! มันคือผู้ใดกัน!! มันน่าหลงใหลหรือใช้มารยาสาไถใดจึ่งได้ใจเจ้าพี่!!” เอ่ยกล่าวด้
“เจ้าพี่ไปเพียงมินาน ก็ริติดต่อชายอื่นเสียแล้ว หากเจ้าพี่รู้ว่ามเหสีเอกแห่งตนกระทำงามหน้าเพียงนี้จะว่ากระไรหนอ” เสียงเล็กแหลมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน ก่อนจะย่างก้าวเข้ามาในห้องที่นรินธรานั่งอยู่ด้วใบหน้าที่เชิดขึ้นอย่างหยิ่งยโส นรินธราหันไปมองใบหน้าสวยคมนั้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมาร้อยมาลัยดอกมะลิต่อ หวังจะมอบพวงมาลัยดอกมะลินี้แทนใจให้ชายผู้เป็นที่รัก “เจ้ากล้าเมินข้ารึ!” หญิงสาวใบหน้าคมคายเอ่ยขึ้นพร้อมปมคิ้วที่ขมวดมุ่นแสดงถึงความไม่พอใจที่หญิงสาวตรงหน้าเมินเฉยต่อหล่อน ถึงอย่างนั้นนรินธราก็ยังมิมีท่าทีจะสนใจคีภัทราเลย คีภัทราทำท่าไม่พอใจแต่จะให้ทนโดนเมินแล้วยืนอยู่เห็นทีจะเสียหน้า จึงยอมเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปอย่างแค้นเคือง นรินธราเห็นว่าคีภัทราออกไปแล้วก็เงยหน้าขึ้นเหลียวมองตามหลังหญิงผู้นั้นพลางส่ายหน้าไปมา “มิรู้เพราะเหต
แววตาของนรินทร์ที่จ้องมองพชรเปลี่ยนไปจากเดิมดวงตาใสที่เคยมองเขาด้วยความรักบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะล่วงรู้อยู่แล้วว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาจะเปลี่ยนไป แต่ใจของเขากลับทำใจยอมรับไม่ได้เมื่อมันเกิดขึ้น“คุณกลัวผมหรือครับ?”ใจหนึ่งก็กลัวสิ่งที่เธอไม่รู้จักอีกใจหนึ่งก็ปวดใจกับถ้อยคำที่ตัวเองปฏิเสธ เธออยากจะบอกว่าเธอยังรู้สึกดีกับเขาแต่ก็กลัวเกินกว่าจะพูดออกมา นรินทร์หลุบตาลงเม้มปากแน่นหลบเลี่ยงสายตาของเขาที่จ้องมองเธออย่างรอคำตอบ พชรรู้ดีว่าตอนนี้เธอก็คงยังสับสน เขาจึงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ“ผมแค่จะช่วยรักษาคุณ” พชรเอ่ย“คุณไม่ใช่หมอสักหน่อย…เรียกหมอมาดีกว่าค่ะ” นรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม พชรได้แต่เพียงปั้นหน้ายิ้มรับแม้ว่าจะเขาจะรู้สึกเศร้าแค่ไหนก็ตาม เขายังคงดื้อดึงเดินไปนั่งลงข้างๆที่เธอนอนอยู่“นี่คุณ! คุณ!” นรินทร์ตกใจสุดขีดอีกครั้งเธอหลับตาปี๋ร่างของพชรที่ไม่ใช่มนุษย์ยังคงติดตาของนรินทร์ เมื่อเขาเอื้อมมือมาจับที่มือของเธออย่างแผ่วเบา แม้จะกลัวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขานั