เข้าสู่ระบบรันเวย์’s Part
“ระ รันเวย์!!!!” โมอาเรียกชื่อผมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ใช่ครับ… ผมเป็นคนดึงโมอามาจากตรงนั้นเองแหละ ตอนที่ผมเดินเข้ามาในร้านเพื่อที่จะไปหาพวกเพื่อนๆ ที่โต๊ะ ผมก็เห็นโมอากำลังเดินไปทางห้องน้ำพอดี แล้วจู่ๆ มันก็เหมือนจะคิดถึงเธอขึ้นมาเพราะเราไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์แล้วตั้งแต่วันนั้น ซึ่งผมก็คิดว่ามันดีกับเราทั้งสองคนแต่พอวันนี้ได้เห็นเธอ ไอ้ความตั้งใจพวกนั้นมันก็พังลงไปหมดเลย
อยากคุยด้วย
นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ก่อนจะเดินไปดึงเธอให้มาอยู่กับผมในตอนนี้
“นายดึงฉันมาทำไมเนี่ย?” เมื่อโมอารู้แล้วว่าเป็นผมเธอก็ถามต่อทันที
“อยากคุยด้วย” ผมบอกไปตามตรง
“อยากคุยก็มาคุยดีๆ สิ ดึงมาแบบนี้ฉันก็นึกว่าโดนฉุดแล้ว คิคิ” เธอพูดพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย ถ้าสังเกตจากแก้มแดงๆ กับคำพูดที่ดู
ร่าเริงกว่าปกติแสดงว่าเธอเริ่มจะเมาแล้วสินะ“เมาแล้วเหรอ” ผมถามพร้อมกับเอามือเกลี่ยผมที่ติดหน้าเธอออกไปด้วย
“ยังไม่ได้เมาขนาดนั้นแต่ปวดฉี่แล้วนายก็ดึงฉันมา ต้องไปต่อคิวยาวๆ นั่นใหม่เลยเนี่ย!” ประโยคท้ายเธอแอบมองค้อนให้ผมนิดหน่อย
คิดถึง...
ผมก้มลงมองไปที่ริมฝีปากคู่บางที่พูดเจื้อยแจ้วเมื่อสักครู่ อยากจะลองลิ้มรสมันอีกสักครั้ง ความหวานที่ผมติดใจและหาไม่ได้จากใครอื่น
“มะ มองอะไร” โมอาถามอีกครั้งเมื่อผมเงียบไปและเอาแต่จ้องไปที่ปากของเธอ
“ปล่อยได้แล้วจะเข้าห้องน้ำ” และเธอก็ผละผมออกก่อนจะเดินไปต่อคิวเข้าห้องน้ำใหม่
เธอมองผมเล็กน้อยก่อนจะก้มเล่นมือถือในมือและไม่มองมาที่ผมอีกต่อไป พอเห็นแบบนั้นผมจึงเดินกลับเข้าไปในร้านและไปที่โต๊ะของตัวเอง
“ไหนบอกว่าถึงร้านตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งเข้ามาวะ” เคนเป็นคนทักขึ้นทันทีที่ผมหย่อนตัวลงนั่ง
“แวะไปห้องน้ำมา” ผมตอบไปตามความจริงแต่ไม่ทั้งหมดเพราะผมไม่ได้เข้าห้องน้ำ แค่แวะไปหาใครบางคนมาก็เท่านั้น
“ไปทำอะไรในห้องน้ำมาวะ? ฮ่าๆๆ” เคนยังคงถามต่อ
“มึงนี่… คนไปห้องน้ำจะทำอะไรได้วะ” และคุนก็เป็นคนพูดประโยคต่อมา
“ก็เวลาเพื่อนมึงเข้าห้องน้ำมันไม่ได้เข้าไปคนเดียวนะสิวะ ฮ่าๆๆ” เคนหัวเราะร่ากับคำพูดของตัวเองซึ่งผมก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะสิ่งที่พวกมันพูดก็ไม่ใช่ว่าไม่จริง
“เลือกยุ่งเรื่องของกูได้แล้ว” ผมเอ่ยบอกเสียงเรียบๆ กลับไป ซึ่งเพื่อนก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ
พวกผมนั่งกินเหล้าพูดคุยกันไปได้สักพัก บรรยากาศในร้านก็เริ่มสนุกขึ้นเมื่อดีเจเปลี่ยนเป็นเพลง EDM ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะลุกขึ้นเต้นกันเพราะต่างคนก็ต่างเมาได้ที่แล้ว
ผมมองไปยังโต๊ะของโมอาที่ตอนนี้คนตัวเล็กกับเพื่อนของเธอที่น่าจะชื่อไผ่หลิวกำลังยืนเต้นไปตามจังหวะเพลงด้วยท่าท่างเซ็กซี่พวกนั้น และยังมีผู้ชายจากโต๊ะข้างๆ ขยับมาเต้นใกล้ๆ เธออีก ดูจากการที่ไม่ระวังตัวและสายตาหวานเยิ้มพวกนั้น โมอาเมามากแล้วแน่ๆ
หงุดหงิดชิบ! แม่ง!!!
ปึก!
ผมกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรง
“ออกอาการหวงขนาดนี้แล้วรออะไรอยู่วะ” นักรบเพื่อนอีกคนของผมพูดขึ้นมา ปกติมันจะเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไร แต่รอบนี้นักรบคงจะสังเกตผมอยู่แล้วถึงได้พูดออกมา
“ไม่รู้ว่ะ” ผมตอบไป ไม่ได้จะกวนตีนเพื่อนแต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมอยากจะเดินเข้าไปกระชากโมอาออกมาจากตรงนั้นแต่ก็ไม่รู้จะทำแบบนั้นด้วยสิทธิ์อะไร แต่ว่าถ้าปล่อยให้ผู้ชายพวกนั้นมายุ่งกับเธอแล้วผมทำได้แค่นั่งมองตรงนี้ มันก็ร้อนรุ่มอยู่ในใจจนแทบจะทนไม่ไหวเหมือนกัน
“นั่นใช่โมอากับไผ่หลิวที่เคยมานั่งกับพวกเราปะ” เคนพูดขึ้นมา
“ใช่! แม่งเซ็กซี่กันชิบหาย ถ้าคืนนั้นไม่เกิดเรื่องก่อนคงได้สนิทกันมากกว่านี้ไปละ จะว่าไปก็เสียดาย” คุนพูดต่อขึ้นมา
“ไอ้รันเวย์… วันนั้นมึงกลับพร้อมโมอานี่หว่า ได้คุยกันปะวะ” เคนหันมาถามผม
“ก็คุย” ผมตอบไปสั้นๆ ไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังว่าผมกับโมอามีซัมติงกันอยู่ เหมือนจะมีแค่นักรบนั่นล่ะที่น่าจะมองออก
“มีไอจีหรือไลน์มั้ย เอามาให้กูบ้างดิ” เคนยังคงพูดต่อ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่เคนพูดเลยสักนิด
“เดี๋ยวกูมา” ผมหันไปบอกเพื่อน
“ดูท่าเพื่อนมึงไม่แค่คุยว่ะ ฮ่าๆๆ” คุนบอกกับเคน เพราะหลังจากที่ผมพูดจบผมก็ลุกออกจากโต๊ะและเดินตามโมอาออกไปข้างนอกทันที
.
.
โมอา’s Part
ฉันเดินออกมาเข้าห้องน้ำ ที่จริงไม่ได้อยากเข้ามากนักหรอกแต่ว่าแอบรำคาญผู้ชายโต๊ะข้างๆ ที่พยายามมาเต้นเบียดฉันอยู่ได้ก็เลยต้องหนีออกมาก่อน
แกร๊ก~
“นะ นาย!!!” ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาฉันก็เห็นรันเวย์ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ
พลั่ก! แกร๊ก!
ยังไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น รันเวย์ก็ดันฉันเข้ามาในห้องน้ำและตัวเขาก็ตามเข้ามาก่อนจะล็อคประตูเรียบร้อย
“ทำอะไรของนาย! ออกไปนะ” ฉันถามออกไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร หนีจากข้างในมาก็มาเจอข้างนอกอีก วันนี้มันมันอะไรของฉันกันละเนี่ย T^T
“อยากคุยด้วย” รันเวย์พูดประโยคนี้อีกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็พูดแบบนี้แต่ก็ไม่เห็นจะคุยอะไร
“ทำไมไม่คุยดีๆ ล่ะ?” ฉันเอียงหน้าถามอย่างสงสัย ก็ถ้าจะคุยกันทำไมต้องลากเข้ามาในนี้ด้วยไปยืนคุยข้างนอกก็ได้นี่นา
“ฉันกลัวเธอหนีไปอีก” เขาพูดพร้อมกับโน้มหน้าของเขามาใกล้หน้าของฉัน สันจมูกของเขาคลอเคลียอยู่แถวพวงแก้มชมพูระเรื่อ
ตึกตัก ตึก ตึก
แถมหัวใจไม่รักดีก็ยังไปเต้นแรงกับสิ่งที่เขาทำอีก ใกล้ขนาดนี้เขาจะรู้มั้ยนะว่าใจฉันมันเต้นรัวและเร็วขนาดไหน
“ฉันก็ไม่ได้หนีนายไปไหนสักหน่อยนี่” ฉันบอกเสียงเบา
“เธอพยายามหนีฉันตลอดนั่นละโมอา” คราวนี้เขาหยุดคลอเคลียฉันและหันมาพูดตรงๆ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของเราใกล้กันยิ่งขึ้นไปอีกจนแทบจะใช้ลมหายใจร่วมกัน
“ก็…”
“คิดถึง” ฉันยังพูดไม่ทันจบ รันเวย์ก็พูดแทรกเข้ามาก่อนและปากของเขาตอนนี้ก็แทบจะชิดกับปากของฉันอยู่แล้ว
“…”
เมื่อฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป รันเวย์ก็ทำในสิ่งที่เขาคงอยากจะทำมาตลอด นั่นคือ… จูบฉัน
ฉันยอมเปิดปากให้เขาสอดลิ้นร้อนเข้ามาอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะลึกๆ แล้วฉันเองก็คิดถึงเขาเหมือนกันละมั้ง
รสขมของแอลกอฮอล์จากปลายลิ้นของเราสองคนที่กินเข้าไปในวันนี้มันยิ่งทำให้จูบในครั้งนี้หวานแบบแปลกๆ มันทั้งหวานทั้งตื่นเต้น เมื่อคิดได้ว่าเราสองคนอยู่ในห้องน้ำและข้างนอกก็ยังมีคนอยู่พลุกพร่าน
“อื้มมม” รันเวย์ส่งเสียงครางหึ่มในลำคอด้วยความพอใจ ก่อนจะมอบจูบที่ดูดดื่มขึ้นอีกให้กับฉัน
ฉันเองไม่อยากให้ทำเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็เลยจูบตอบเขาไป ถึงแม้ว่าแรกๆ จะดูไม่ประสีประสาไปบ้างแต่ฉันก็เรียนรู้จากที่เขาจูบฉันและทำกลับไป เราสองคนแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างนั้นและหมือนว่ารันเวย์จะพอใจกับจูบของฉันอยู่ไม่น้อย
ท่อนแขนของเขาจากที่กอดเอวฉันไว้ในตอนแรกก็เริ่มลูบไล้เข้ามาข้างในเสื้อจนมาถึงหน้าอกของฉัน เขาบีบเคล้นมันอย่าวเบามือแต่แค่เพียงเท่านั้นก็ทำให้ร่างกายของฉันร้อนขึ้นกว่าเดิมและความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้น
“อื้อออ” ฉันครางออกมาเสียงเบาอย่างห้ามไว้ไม่ไหว แต่ก็ไม่กล้าที่จะเสียงดังมากเพราะกลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยินเข้า
“กลับห้องกันเถอะ” รันเวย์ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง และกระซิบข้างหูของฉันด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
ฉันที่ตอนนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็พยักหน้าตามเขาอย่างว่าง่าย แถมตอนนี้ยังขึ้นมานั่งอยู่บนรถกับเขาอีก ตลอดทางที่เขาขับรถกลับมายังหอของเรา รันเวย์นั่งจับมือของฉันไว้ตลอด
พอรถจอดที่หอพักฉันไม่ลืมที่จะหยิบมือถือขึ้นมาไลน์บอกเพื่อนไว้ว่าจะกลับก่อนเพราะไม่อยากให้พวกนั้นเป็นห่วง โดยอ้างว่ารำคาญโต๊ะข้างๆ
แกร๊ก~
เมื่อเข้ามาในห้องของรันเวย์ยังไม่ทันจะพ้นหน้าประตู เขาก็ดึงฉันไปจูบต่อทันทีเหมือนกับว่าเขาอดทนรอเวลานี้มานาน ครั้งนี้ทั้งดูดดื่มและร้อนแรงยิ่งกว่าตอนอยู่ในห้องน้ำซะอีก ตอนนี้ฉันไม่ได้สติมากพอที่จะนึกถึงสิ่งผิดถูกจึงได้แต่ปล่อยใจให้สัญชาตญาณนำทางเอา
รันเวย์อุ้มฉันขึ้นและเดินไปที่เตียง ก่อนจะค่อยๆ วางลง เขาโน้มใบหน้าลงมาพรมจูบไซ้ตรงซอกคอและได้ฝากฝังร่องรอยไว้หลายจุด
ท่อนแขนแกร่งเริ่มโอบกอดฉันแน่นขึ้น ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปทั่วตัวของฉันอย่างเร่าร้อน
“สวย… สวยไปทั้งตัวเลยโมอา”
รู้ตัวอีกทีฉันก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา ตอนที่เขาจ้องมองมาแล้วเอ่ยปากชมมันทำให้ฉันรู้สึกเขินอายจนต้องเบือนหน้าหนี
ไม่รอช้าเขาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยและทาบทับลงมาบนเรือนร่างของฉัน ร่างกายที่แนบชิดกันไปทุกส่วนมันยิ่งทำให้เลือดในกายพลุ่งพล่าน แม้ภายในห้องจะแอร์เย็นแค่ไหนก็ตามแต่กลับไม่สามารถต้านทานความร้อนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้ได้เลย
รันเวย์รั้งเรียวขาของฉันให้อ้าออกกว้าง ความแข็งขืนที่เสียดสีบนส่วนที่อ่อนไหวกำลังจดจ่ออยู่ปลายถ้ำ ก่อนจะค่อยๆ ดันความเป็นชายเข้าสู่ภายใน
สวบ!
“อ๊าาา…”
ความเสียวซ่านแผ่ขยายเมื่อยามได้สัมผัสถึงมังกรตัวเขื่องที่กำลังค่อยๆ เข้ามา ฝ่ามือร้อนของเขาเพิ่มการกระตุ้นอารมณ์ด้วยการบีบเฟ้นหน้าอกส่วนอีกข้างเคล้นคลึงสะโพกผาย เพิ่มไฟปรารถนาที่มีอยู่ให้ลุกโชนขึ้นไปอีก
ความต้องการของฉันในตอนนี้มันคุกกรุ่นจนฉุดไม่อยู่…
ปึก ปึก ปึก
“อ๊ะ อ๊ะ”
รันเวย์กระหน่ำกระแทกกระทั้นจนร่างกายของฉันสั่นโยกไปตามจังหวะที่เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉันเองก็เรียนรู้จากเทคนิคอันแพรวพราวของเขาจึงขยับสะโพกบดเบียดเสียดสีตอบรับไปตามอารมณ์เสียดสยิว
“อืมม…” รันเวย์คราง เขาดูจะพอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองจากฉัน แกนกายที่กระแทกเข้าออกไม่หยุดหย่อนสลับกับเสียงครางหวานของเราสองคน
“อ๊ะ มะ ไม่ไหว”
“รอก่อน อีกนิด” เสียงแหบพร่าเอ่ยปากบอก
ปึก ปึก ปึก
“อ๊ะ อ๊า…”
“อ่า ซี๊ด…”
ไม่นานฉันเหมือนหลุดลอยไปในห้วงสวาทอันร้อนฉ่า เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สะโพกสอบกระตุกเกร็งเหมือนกัน
ฉันหอบหายใจราวกับไปวิ่งรอบสนามมา เหงื่อเม็ดเล็กผุดเต็มตามใบหน้า รันเวย์ที่มองมาด้วยสายตาสื่อความหมายค่อยๆ เอื้อมมือมาเกลี่ยเส้นผมที่ชื้นเหงื่อให้กลับเข้าที่ก่อนจะโน้มลงมาจูบที่หน้าผากของฉัน
“ต่อมั้ย?”
เป็นคำถามที่เหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะรันเวย์เริ่มจูบฉันและบทรักอันเร่าร้อนที่แฝงไปด้วยความสุขก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เพราะแค่ครั้งเดียวมันคงไม่เพียงพอ…
2 เดือนต่อมา“นี่โมอา รู้มั้ยว่าตั้งแต่รันเวย์กลับมาคบกับเธอเนี่ย การทำงานของฉันมันสดใสขึ้นมากกกก” เลิฟหันมาพูดกับโมอาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตั้งแต่ที่รันเวย์กลับมาคบกับโมอา เหมือนมีแสงสว่างออกมาจากตัวของเขา รันเวย์รีแล็กซ์มากขึ้น ยิ้มมากขึ้น แถมเวลาคุยงานกับลูกน้องก็ดูใจเย็นใจดีขึ้นอีกด้วยแรกๆ ทุกคนก็ไม่ชินที่รันเวย์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว เป็นแบบนี้มันก็ดีกับตัวพวกเขาทั้งนั้น ไม่ต้องคอยกังวลเวลาจะเข้าไปคุยงานกัน“โมอา!! โมอาๆๆๆ”เสียงตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวดังลั่นแผนก ก่อนจะตามมาด้วยตัวของพี่ปอนด์ที่วิ่งมาด้วยความตื่นตระหนก“พี่ปอนด์ มีอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้” โมอาถามด้วยความสงสัย อะไรมันจะด่วนจนถึงขนาดต้องวิ่งลงมา โทรมาก็ได้นี่นา“รันเวย์เป็นลม!!” เมื่อตั้งสติได้พี่ปอนด์ก็บอกสาเหตุที่วิ่งมาหาหน้าตื่นนี่“ห๊าาาาาาาาา!”“ไม่ต้องมัวตกใจ รีบไปดูมันกับพี่ก่อนเถอะ” พูดจบพี่ปอนด์ก็ลากโมอาขึ้นไปที่แผนกของวิศวะทันที“รันเวย์เนี่ยนะคะเป็นลม เป็นไปได้ยังไง” โมอาถามออกไปด้วยความสงสัยตอนที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์“พี่ก็สงสัย มันไม่เคยป่วยเลยด้วยซ้ำ แ
ช่วงที่หยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมาฉันกับรันเวย์เราอยู่ด้วยกันตลอด เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นจนนอนไม่แยกจากกันเลย เหมือนกับว่าเราสองคนอยากจะชดเชยช่วงเวลาที่เสียไปให้แก่กันและกัน เขาบังคับให้ฉันย้ายมาอยู่กับเขาที่คอนโดเลย โดยใช้เหตุผลว่าช่วงที่เลิกกันไปเขานอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน ฉันต้องรับผิดชอบโดยการมานอนกับเขาเพราะการที่มีฉันอยู่มันทำให้เขาหลับสนิท แล้วฉันจะเถียงอะไรได้ล่ะ! คนมันยังรู้สึกผิดอยู่ เขาว่ายังไงก็ต้องยอมหมดนั่นแหละ ฉันอัพเดทเรื่องที่กลับมาคบกับรันเวย์ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มมหาลัยฟังแล้วนะ ทุกคนยินดีกับฉันมากๆ โดยเฉพาะไผ่หลิวที่มีแซะนิดหน่อยว่าถ้าตัดกันไม่ขาดขนาดนั้นไม่รู้จะเลิกกันทำไมให้เสียเวลาไปหลายปี แหะๆ “คนที่บริษัทจะไม่ตกใจแย่ใช่มั้ย ถ้าฉันลงไปจากรถนาย” ฉันพูดขึ้นมา ใช่ค่ะ! ตอนนี้ฉันอยู่บนรถกับรันเวย์ เราก็กำลังเดินทางเพื่อไปทำงานกัน และวันนี้ก็เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากที่หยุดยาวช่วงปีใหม่มาด้วย เรียกได้ว่าเปิดตัวแรงเว่อร์!“ไม่เห็นเป็นไร ยังไงสักวันก็ต้องเห็นและฉันก็ไม่คิดจะปิดใครด้วย ไอ้พวกที่มันม่อๆ เธอไว้จะได้เลิกมายุ
บนรถ “รันเวย์เหรอ?”โมอาถามออกมาเสียงเบาทั้งๆ ที่ดวงตายังปิดสนิท เหมือนเธอจำได้ลางๆ ว่ารันเวย์เป็นคนพาเธอออกมาจากงาน แต่ตัวเธอเองก็เมาและง่วงมากจนไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไรแค่พอรู้สึกว่าอ้อมกอดนั้นมันดูคุ้นเคยแบบแปลกๆ เธอก็พร้อมจะทิ้งตัวและให้เขาพาเธอไปไหนก็ได้ตามแต่เขาจะพาไป“เมาแล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกที ทำไมไม่ระวังตัว” รันเวย์หันมามองคนตัวเล็กที่นอนหลับตาอยู่เบาะข้างๆ เขาและพูดด้วยน้ำเสียงดุ“ฮะๆ จำได้ด้วยเหรอ… ฉันก็นึกว่านายลืมไปหมดแล้วซะอีก” ประโยคท้ายของโมอาพูดด้วยเสียงเศร้าๆ“เห็นทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกัน ก็นึกว่าลืมกันไปแล้ว”“เธอเองต่างหากที่ทำเหมือนไม่รู้จักฉัน” คนตัวโตเถียงขึ้นมา ก็เป็นเธอเองไม่ใช่หรือไงที่พูดกับเขาแทบจะนับคำได้ แถมยังคอยหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอดถ้ามีโอกาส“นายนั่นแหละ เริ่มก่อน!” คราวนี้คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้วเถียงเสียงดัง แก้มแดงๆ กับดวงตาเยิ้มๆ นั่นดูก็รู้ว่าคงจะเมามากรันเวย์มองภาพนั้นพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย เพราะมันช่างดูน่ารักเหลือเกินในสายตาเขา ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ไหนจะความรู้สึกเบิกบานในหัวใจนี่อีก“ฉันคิดถึงเธอ” เขาตัดสินใจพูดอ
ฉันทำงานที่บริษัทมาได้หลายอาทิตย์แล้ว และก็ได้ร่วมงานกับรันเวย์หลายครั้งแล้วด้วย เขาก็ยังเหมือนเดิม เย็นชา ทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะโกรธเขาหรอก ก็ตอนนั้นฉันเป็นคนเลือกที่จะเลิกไปเองนี่นา : ( “โมอา~ เธอเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงปีใหม่หรือยังจ้ะ” เลิฟตรงเข้ามาถามฉันทันทีที่เธอเข้ามาในออฟฟิศ “เตรียมตัวอะไรเหรอ?” ฉันถามด้วยความงุนงง คือก็พอรู้ว่าจะมีงานเลี้ยงปีใหม่ก่อนจะหยุดยาวแหละ แต่ไม่ยักรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรด้วย “ก็การแสดงของแผนกเราไง ปกติแล้วทุกปีแต่ละแผนกจะต้องคิดการแสดงเพื่อไปแสดงในงานน่ะ ถึงบอสจะบอกว่าเอาง่ายๆ ไม่ต้องจริงจังมากแต่ว่าแต่ละแผนกก็เล่นใหญ่กันทุกปีเลย เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของแต่ละแผนกนั้น” เลิฟอธิบาย “แล้วปีนี้แผนกเราแสดงอะไรกันเหรอ?” “ยังไม่ได้คิดเลยน่ะสิ แต่ว่าคนที่จะต้องแสดงน่ะมียัยเลม่อน มียู ส้ม และก็พวกเราสองคนนะจ้ะ” “หื้มมม~ ฉันก็ด้วยเหรอ?” ฉันทำหน้าตกใจเล็กน้อย สมัยเรียนก็โดดตอนคัดเลือกดาว พอมาทำงานยังจะต้องมาแสดงอะไรอีกเหรอ T^T “โมอาคือตั
โมอา’s Part 2 ปีผ่านไป หลังจากที่เรียนจบฉันก็ขอที่บ้านไปเวิร์คแอนด์ทราเวลมา เหตุผลก็เพราะอยากไปใช้ชีวิตเจออะไรใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ อีกเหตุผลก็คือหนีไปทำใจด้วย ถ้ายังอยู่ที่เดิมเจออะไรเดิมๆ ฉันคงจะมูฟออนไม่ได้สักทีแน่ๆ T^T ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วล่ะ และก็กำลังจะเริ่มงานวันแรกวันนี้ ส่วนเพื่อนๆ ในกลุ่มเราก็มีคุยกันในไลน์กรุ๊ปตลอด แต่ว่ายังไม่ได้นัดเจอกันเลย เพราะไผ่หลิวเองไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนเมษาก็ทำงานไปด้วยพร้อมกับต่อโทไปด้วยทำให้เธอยุ่งจนไม่มีเวลาออกมาเจอใคร กั้งกับอาร์ตตอนนี้ก็เป็นผู้บริหารธุรกิจของที่บ้านไปแล้ว ตอนแรกสองคนนั้นชวนฉันไปทำงานที่บริษัทด้วย แต่ฉันเกรงใจไม่อยากให้ใครมองว่าใช้เส้นสายเพื่อนก็เลยเลือกที่จะหางานเองมากกว่า “สวัสดีค่ะ มัทฑิตา มารายตัวเข้างานวันแรกค่ะ” ฉันพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง HR “สวัสดีจ้าโมอามาแต่เช้าเลยน้า งั้นเดี๋ยวเซ็นเอกสารสัญญากันเสร็จพี่จะพาไปที่แผนกของน้องนะจ้ะ”พี่องุ่น HR ประจำบริษัททักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสองคนเคยเจอกันวันที่ฉันมาสำภาษณ์งานแล้วเหมือนได้ค
หลังจากวันนั้นที่รันเวย์เลิกกับโมอาเขาก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน เรียนก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง โปรเจกต์ก็แทบจะไม่คืบหน้า “รันเวย์ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้ มันจะเรียนไม่จบเอานะเว้ย” คุนพูดขึ้นตอนที่เขาเอาข้าวมาให้เพื่อนที่คอนโด เพราะถ้าไม่เอาข้าวมาให้และนั่งดูเพื่อนกินจนหมด รันเวย์ก็คงแทบจะไม่กินข้าวเลย ช่วงนี้ที่กินก็มีแต่เหล้า “เรียนไม่เท่าไร ข้าวปลาก็ไม่กินแบบนี้จะตายก่อนมั้ยวะ” เคนพูดเสริมขึ้นมา เขาเห็นเพื่อนหมกตัวอยู่แต่ในห้องมาหลายอาทิตย์แล้ว ถ้าไม่ใช่วิชาสำคัญที่จะต้องเข้าจริงๆ รันเวย์ก็ไม่ออกจากห้องเลย แล้วดูสภาพรันเวย์ตอนนี้สิ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวๆ ตอนนี้กลับทรุดโทรมและแห้งตอบ หนวดเคราก็รกรุงรัง เคนคิดภาพไม่ออกเลยว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้เรื่อยๆ เพื่อนเขาจะแย่ลงอีกแค่ไหน “โปรเจกต์จบของเราตอนนี้เครื่องมีปัญหาอยู่นะเว้ย พวกกูช่วยกันดูแล้วแต่แก้ไม่ได้ว่ะ ไอ้นักรบบอกว่ายังไงก็ต้องเป็นมึงมาแก้ มึงช่วยพาตัวเองเข้าไปที่คณะหน่อยได้มั้ยวะ”คุนยังคงพูดต่อไป ถึงแม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเข้าหูเพื่อนบ้างหรือเปล่าก็ตาม ก็รันเว







