บทที่ 5
เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลเดินทางไปยังร้าน ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง ข้างกายเขามีทนายวรุตม์ยืนอยู่ด้วยท่าทีสุภาพ ราวกับเป็นเงาที่คอยสนับสนุนความต้องการของเจ้านาย
เมื่อรามิลก้าวเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมหวานของขนมอบไม่ได้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดลดลง ณิชชาก็ชะงักมือจากการจัดขนม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความระแวงและไม่พอใจที่เห็นใบหน้าของผู้ชายที่เธอพยายามลืมเลือน
ภูผามองหน้าชายแปลกหน้าด้วยความระมัดระวัง วารินจ้องมองด้วยความขี้สงสัย ส่วนเมฆาเกาะขาแม่แน่นด้วยท่าทีงอแง
"ท่านประธาน คุณมาทำไมอีก หรือว่ายังอยากจะทำลายชีวิตของฉันอีกค " ณิชชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พยายามรักษาระยะห่างจากเขา
รามิลรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูดนั้น "ผมมาที่นี่เพื่อคุยกับคุณ...เรื่องลูกของเรา"
"ลูกของฉันค่ะ! พวกเขาเป็นชีวิตของฉัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกพวกเขาว่า ลูกของเรา" ณิชชาตอบโต้ทันที น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าว
"ณิชชา...ผมรู้ความจริงแล้ว" รามิลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง "ผลตรวจ DNA ยืนยันแล้ว ผมคือพ่อของภูผา วาริน และเมฆา" ในเวลาที่พูด เขาได้หลุบตาลงมองเด็กๆ ทั้งสามคน...ไม่ใช่แค่เพียงภูผาที่หน้าตาคล้ายเขา แม้แต่วารินและเมฆาก็ยังเหมือนเขาเช่นกัน โดยเฉพาะดวงตาคมๆ นั่น
"คุณ...คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ ฉันไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลย DNAอะไรกันคะ”" ณิชชาเสียงสั่น เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนคว้าง
“ผมสั่งคนให้สืบ และก็หาทางพิสูจน์DNAของเด็กๆ”
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกันคะ ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ยินยอม แบบนี้มันเข้าข่าย...” คำพูดของเธอชะงักลงเพียงเท่านั้น เมื่อสานสบกับดวงตาคมดุของเขา
“เข้าข่ายอะไรงั้นเหรอ ในเมื่อคุณทำทีเหมือนอยากปิดบังความจริง ผมก็แค่อยากพิสูจน์ ถ้าคุณบอกผมดีๆ ตั้งแต่แรก ผมคงไม่ต้องทำถึงขั้นนี้”
“เพราะฉันไม่ต้องการเกี่ยวข้องอะไรกับคุณแล้วน่ะสิคะ คุณลืมแล้วหรือไงว่าตอนนั้นคุณทำอะไรกับฉันไว้บ้าง คุณทำฉันเจ็บแค่ไหน เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ”
"ผมรู้ว่าผมทำผิดกับคุณไว้มากในอดีต...คืนนั้น ผมใจร้ายและรุนแรงมากเกินไป ผมเสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่เคยรู้ว่า..." เขาเงียบไปครู่หนึ่ง พยายามควบคุมอารมณ์ที่ปั่นป่วน "ผมไม่เคยรู้ว่าผมมีลูกถึงสามคน...ลูกที่ผมควรจะดูแลทะนุถนอม"
หญิงสาวยังคงยืนนิ่ง มองหน้ารามิลด้วยความสับสนและความไม่ไว้วางใจ คำว่า 'เสียใจ' จากปากของเขา มันช่างดูจอมปลอมและไร้ความหมายสำหรับความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญมาตลอดห้าปี
"แล้วคุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่คะ ในเมื่อคุณรู้แล้ว..." ณิชชาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย
"ผมต้องการที่จะรับผิดชอบ...ในฐานะพ่อของพวกเขา ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากคุณในตอนนี้ แต่ผมขอโอกาส...ขอโอกาสให้ผมได้เข้ามาในชีวิตของลูก ๆ ผมอยากชดเชย..."
"ชดเชย?" หญิงสาวหัวเราะเยาะออกมาอย่างขมขื่น "คุณคิดว่าคำว่าชดเชย มันจะลบล้างความเจ็บปวดและความยากลำบากที่ฉันต้องเผชิญมาตลอดห้าปีได้งั้นเหรอคะ คุณคิดว่าเงินของคุณมันจะสามารถทดแทนความรักและความอบอุ่นที่ลูก ๆ ของฉันควรจะได้รับจากพ่อได้งั้นเหรอ"
"ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย ผมไม่ได้โง่" ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่เริ่มร้อนรน "แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมเปลี่ยนไปแล้ว...ว่าผมสมควรที่จะเป็นพ่อของพวกเขา"
"การกระทำสำคัญกว่าคำพูดค่ะ ท่านประธาน คำพูดของคุณมันไม่มีค่าอะไรสำหรับฉันอีกแล้ว"
"ผมเข้าใจ...ผมถึงได้มาพร้อมกับทนายวรุตม์ในวันนี้" รามิลหันไปมองทนายความข้างกาย "ผมต้องการที่จะดำเนินการเรื่องการรับรองบุตรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และผมต้องการที่จะให้คุณและลูก ๆ ได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในฐานะครอบครัวของเรา"
"ครอบครัว?" ณิชชาเค้นเสียงออกมาอย่างเจ็บปวด "คุณกล้าพูดคำว่าครอบครัวกับฉันงั้นเหรอคะ? ในวันที่ฉันอุ้มท้องลูกของคุณอยู่คนเดียว คุณอยู่ที่ไหน ในวันที่ลูก ๆ ของฉันป่วยหนัก คุณเคยแม้แต่จะรู้เรื่องของพวกเขาบ้างไหม?"
"นั่นเพราะคุณไม่เคยบอกผมว่ามีลูก”
“เหอะ ดูจากความใจร้ายของคุณในคืนนั้นแล้ว ถ้าคุณรู้ว่าฉันท้อง คุณอาจจะบังคับให้ฉันเอาออกก็ได้ค่ะ”
ใบหน้าคมซีดเผือด พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
"คุณคิดว่าเงินของคุณจะสามารถชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างได้งั้นเหรอคะ ความรัก ความผูกพัน เวลา...สิ่งเหล่านี้มันซื้อขายกันไม่ได้"
"ผมรู้...ผมรู้ดี แต่ผมต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่...เพื่อลูก ๆ ของเรา และถ้าเป็นไปได้ก็เพื่อคุณด้วย"
เมื่อณิชชาเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่โต รามิลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เธออย่างอ่านไม่ออก"เชิญนั่ง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นณิชชาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวัง "ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ"“เลิกเรียกฉันว่าท่านประธานเถอะ ผมไม่ใช่เจ้านายของคุณแล้ว”หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ คุณรามิลจะคุยอะไรคะ”"เรื่องลูก ๆ พวกเขาต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุด""ฉันก็ดูแลลูก ๆ ของฉันอย่างดีที่สุดมาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง"ผมจะ..." เขาพูดไม่ทันจบ เธอก็พูดสวน“ฉันพาลูกๆ มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าฉันยอมคุณมากแล้วนะคะ อย่าคิดทำอะไรให้มากนักเลย”“คุณรู้เหรอว่าผมจะพูดอะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่ง“ฉันเคยทำงานกับคุณ รู้จักคุณดี พูดง่ายๆ ก็คือรู้ไส้คุณค่ะ คุณคงคิดว่าฉันคือภาระ ส่วนเด็กๆ น่ะ คุณอยากจะให้เขาเป็นคุณชายคุณหนู ของเล่นกองเท่าภูเขา ขนมของกินมากมาย กินทิ้งกินขว้างยังไงก็ไม่มีวันหมด
ณิชชานั่งกุมมือตัวเองแน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสับสนและความกังวล เธอไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจคำพูดของรามิลได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ทนายพูดถึงเรื่องกฎหมายก็ทำให้เธออดหวั่นใจไม่ได้"คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะให้โอกาสเด็ก ๆ ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด ท่านสามารถมอบทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ ทั้งการศึกษาที่ดี สังคมที่ดี และชีวิตที่สุขสบาย ดังนั้นพาลูกๆ ไปอยู่ที่บ้านพ่อของพวกเขาเถอะนะครับ" ทนายวรุตม์โน้มน้าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับรามิล แววตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเช่นเคย กลับฉายแววของความจริงจังและความปรารถนาบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก"แล้วฉันล่ะคะ?" ณิชชาถามเสียงเบา "ฉันต้องอยู่ที่นั่นในฐานะอะไร?""คุณก็คือแม่ของลูก ๆ ของผม" รามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ "คุณจะได้รับการเคารพและดูแลอย่างดีที่สุด ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ของคุณ""คำพูดของคุณ ฉันจะเชื่อได้แค่ไหน" ณิชชาถามด้วยความไม่ไว้วางใจ"ผมรู้ว่าผมเคยทำลายความเชื่อใจของคุณ" รามิลตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่ผมหวังว่าเวลาและการกระทำของผมจะสามารถทำให้คุณเห็นความจริงใจของผมได้"ณิ
"ลูก ๆ ของฉันมีความสุขดีอยู่แล้ว พวกเขาไม่ต้องการพ่อที่ไม่เคยมีตัวตนในชีวิตของพวกเขามาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ทันที"แต่พวกเขาควรจะมีพ่อ และผมต้องการที่จะเป็นพ่อคนนั้น ผมอยากจะชดเชยเวลาที่ผมเสียไป ผมอยากที่จะ...""มันสายเกินไปแล้วค่ะ ท่านประธาน มันสายเกินไปมากแล้ว" ณิชชาตอบเสียงเด็ดขาด"ไม่สายเกินไปหรอก ถ้าคุณเปิดใจให้ผม ถ้าคุณให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง" รามิลยังคงยืนกราน"ฉันไม่เชื่อใจคุณ" หญิงสาวตอบตรง ๆ"ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ผมสัญญา"ทนายวรุตม์ก้าวเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไปด้วยความกดดัน "คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะพูดคุยถึงเรื่องการดูแลบุตรอย่างเป็นทางการ ท่านหวังว่าจะสามารถตกลงกันด้วยดีโดยไม่ต้องถึงศาล ท่านต้องการที่จะให้เด็ก ๆ ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด และท่านก็ยินดีที่จะให้คุณเป็นผู้ดูแลหลัก โดยที่คุณจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณรามิล""คุณหมายความว่ายังไง" ณิชชาถามด้วยความสับสนระคนสงสัย"คุณรามิลต้องการที่จะสนับสนุนทางการเงินและการศึกษาของเด็ก ๆ อย่างเต็มที่ และท่านก็เคารพการตัดสินใจของคุณในการเลี้ยงดูพวกเขา ท่านเพียงแต่ต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิ
บทที่ 5เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลเดินทางไปยังร้าน ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง ข้างกายเขามีทนายวรุตม์ยืนอยู่ด้วยท่าทีสุภาพ ราวกับเป็นเงาที่คอยสนับสนุนความต้องการของเจ้านายเมื่อรามิลก้าวเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมหวานของขนมอบไม่ได้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดลดลง ณิชชาก็ชะงักมือจากการจัดขนม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความระแวงและไม่พอใจที่เห็นใบหน้าของผู้ชายที่เธอพยายามลืมเลือน ภูผามองหน้าชายแปลกหน้าด้วยความระมัดระวัง วารินจ้องมองด้วยความขี้สงสัย ส่วนเมฆาเกาะขาแม่แน่นด้วยท่าทีงอแง"ท่านประธาน คุณมาทำไมอีก หรือว่ายังอยากจะทำลายชีวิตของฉันอีกค " ณิชชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พยายามรักษาระยะห่างจากเขารามิลรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูดนั้น "ผมมาที่นี่เพื่อคุยกับคุณ...เรื่องลูกของเรา""ลูกของฉันค่ะ! พวกเขาเป็นชีวิตของฉัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกพวกเขาว่า ลูกของเรา" ณิชชาตอบโต้ทันที น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าว"ณิชชา...ผมรู้ความจริงแล้ว" รามิลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง "ผลตรวจ DNA ยืนยันแล้ว ผมคือพ่อของภูผา วาริน และเมฆา" ในเวลาที่พูด เขาได้หลุบตาลงมองเด็กๆ ทั้งสามคน...ไม่ใช่แค่เพียงภูผาที่หน้าตา
บทที่ 4ผลตรวจดีเอ็นเอ หลังจากรามิลเดินออกจากร้านไป ความเงียบก็ปกคลุม ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล ความกลัวที่เธอพยายามกดเอาไว้ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเขาต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงเพิ่งมาสนใจเรื่องลูกในตอนนี้? คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในความคิดของณิชชา เธอไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของรามิล การปรากฏตัวของเขาอย่างกะทันหันและการพูดถึงเรื่องลูกทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวง"คุณแม่ฮับ คุณลุงคนนั้นเป็นใครเหรอฮับ? ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยพอใจเลย แล้วทำไมต้องมาที่ร้านของเราด้วย?" น้องเมฆาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจับจ้องมองใบหน้าของณิชชาอย่างเป็นห่วง“หืม ? หนูเห็นคุณลุงด้วยเหรอจ๊ะ” เธอถาม“เห็นคับ พวกเราแอบดูตรงหน้าต่าง ไม่เห็นซื้อขนมเลย แต่ทำหน้าเหมือนจะกินแม่เลยฮับ หรือว่าเขาเป็นยักษ์แปลงตัวมา”ณิชชาฝืนยิ้มให้ลูกชายคนเล็ก ลูบศีรษะเขาเบา ๆ "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะเมฆา คุณลุงเขาอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจน่ะ""แต่หนูกลัวเขาจังเลยค่ะ เขาดูดุ ๆ หนูไม่อยากให้เขามาที่นี่อีก" น้องวารินเอ่ยเสียงเบา เกาะแขนณิชชาแน่น น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย"ไ
บทที่ 3ปริศนาในสายเลือดความสงสัยกัดกินใจรามิลราวกับหนอนไช แม้จะพยายามสะบัดความคิดเกี่ยวกับเด็กชายที่ชื่อภูผาทิ้งไป แต่ภาพดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับตามหลอกหลอนไม่เลิก‘ทำไมถึงเหมือนฉันขนาดนั้น? มันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อดคิดไม่ได้’ เขาเดินวนไปวนมาในห้องทำงานอย่างกระวนกระวาย"ท่านประธานครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เลขาคนสนิทชื่อวิน ได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้านายมาตั้งแต่กลับมาจากสวนสาธารณะวันนั้นรามิลหยุดเดิน หันมามองหน้าวินด้วยแววตาครุ่นคิด "วิน...คุณว่าคนเราจะหน้าเหมือนกันได้มากแค่ไหน"วินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีปี่มีขลุ่ย "ก็...อาจจะมีบ้างครับท่านประธาน แล้วแต่ลักษณะทางพันธุกรรมน่ะครับ ทำไมเหรอครับ""เมื่อวานผมเจอเด็กคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายผมมาก...มากจนน่าตกใจ" รามิลยอมเล่าออกมาในที่สุด"จริงเหรอครับ บังเอิญหรือเปล่าครับ" วินถามด้วยความสงสัย"ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่..." รามิลเงียบไปครู่หนึ่ง "เด็กคนนั้นอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อณิชชา"วินเบิกตากว้างเล็กน้อย "คุณณิชชา...คนที่เคยทำงานที่บริษัทเราเมื่อห้าปีก่อนน่ะเหรอครับ"รามิลพยักหน้า สีหน้าของเ
บทที่ 2 ลูกฝาแฝด 3 คนหลายวันผ่านไป ณิชชาเดินทางไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เธอใช้เงินเก็บที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเช่าห้องพักราคาถูก เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและความเครียดทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลง แต่สิ่งที่ทรมานเธอมากที่สุดคือความรู้สึกผิดหวังในความรักและความเชื่อใจที่เธอเคยมอบให้กับรามิลและแล้ว...สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของณิชชาก็ปรากฏขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เธอก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน และอ่อนเพลียอย่างหนัก ทำให้เธอเริ่มสงสัยในความผิดปกติของร่างกาย และเมื่อไปพบแพทย์ เธอก็ได้รับข่าวที่ทำให้เธอทั้งตกใจจนแทบเป็นลม...เธอตั้งครรภ์ และเป็นลูกแฝด 3 คน !!ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจของณิชชา เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในสภาพที่เธอเป็นอยู่มันยากลำบากเพียงใด และยิ่งไปกว่านั้น เด็กในท้องของเธอคือผลผลิตจากค่ำคืนอันแสนเลวร้ายกับผู้ชายที่ทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสแต่ในที่สุด สัญชาตญาณความเป็นแม่ก็เริ่มทำงาน ณิชชาตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้ เธอจะเลี้ยงดูพวกเขาด้วยความรักและความเข้มแข
บทที่ 1คืนที่ร้าวราน แสงไฟสีทองสาดส่องต้องร่างสูงสง่าของรามิล เดชาบดินทร์ ที่ยืนอยู่บนเวทีในงานเลี้ยงบริษัท ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองผู้คนเบื้องล่างด้วยความเบื่อหน่ายระคนหงุดหงิด แก้ววิสกี้ในมือถูกยกขึ้นจิบอย่างไม่ใส่ใจนัก หญิงสาวมากมายต่างจับจ้องมาที่เขาด้วยสายตาชื่นชมและปรารถนา แต่ในใจของเขากลับว่างเปล่าณิชชาในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มพยายามหลบเลี่ยงสายตาของผู้คน เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุในงานเลี้ยงอันหรูหรานี้ หัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อแอบมองไปยังร่างสูงสง่าบนเวที ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งความรัก ความเสน่หา และความเจ็บปวดที่ฝังลึกค่ำคืนนั้น ในงานเลี้ยงปิดกล้องโปรเจกต์ใหญ่ เธอถูกเรียกตัวให้ไปช่วยงานในส่วนเครื่องดื่ม ด้วยความเกรงใจและอยากช่วยเหลือ เธอจึงอาสาชงเครื่องดื่มพิเศษตามสูตรที่เธอเคยทำให้รามิลดื่มอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผันรามิลในสภาพมึนเมา ดวงตาแดงก่ำ เดินโซซัดเซมาหาเธอที่เคาน์เตอร์ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอด้วยความขุ่นเคืองและกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม"เธอ...เธอวางยาฉันใช่ไหม!" เสียงทุ้มต่ำของเขากระแทกกระทั้น ราวกับกำลังกล่าวหาอาชญากร"ท่านประธานคะ