ภัทรพิชาถูกสั่งให้ขึ้นรถมากับคนที่ชวลิตบอกว่าไม่ยอมให้เธอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย รถของชีวินจอดรออยู่ห่างออกจากบ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่ หากแต่เป็นเธอเองที่ไม่ทันได้สังเกตเพราะว่าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและเขา จนกระทั่งเดินเลยผ่านจึงถูกเขาเรียกและบังคับให้เธอต้องขึ้นรถมา
เก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีดำเทาขับพาเธอทะยานสู่ท้องถนนในตอนเช้า ทุกอย่างดูเร่งรีบและยืดยาดในเวลาเดียวกัน จากที่นั่งเงียบมากันตลอดทาง อยู่ๆมือข้างที่ว่างอยู่ก็วางแหมะลงมาบนต้นขาขาวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาของเธอออกมาในตอนที่รถจอดติดอยู่บนทางด่วน
"คุณชิน"
ชีวินหันมามองหน้าเธอแล้วยิ้มกึ่งเยาะที่ริมฝีปาก ภัทรพิชาจะรีบปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้บนต้นขาของตัวเองให้พ้นไปแต่เจ้าของมันกลับไม่ยินยอม
"จับไม่ได้หรือไง"
"จับทำไมคะ"
ภัทรพิชาหน้ายุ่งเพราะรู้ว่าชีวินกำลังจงใจแกล้งยั่วเธออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบชอบเขาอยู่จนยอมให้เกิดเรื่องราวลึกซึ้งเกินเลยขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความชีวินจะทำอะไรกับเธอยังไงตอนไหนก็ได้
"อยากจับ เห็นเธอใส่กระโปรงเสียสั้น เวลานั่งทีกระโปรงก็ถลกขึ้นมาจนเห็นขาขาวๆ ฉันก็เลยนึกว่าเธออยากจะใส่มายั่วฉัน"
"ไพน์ไม่ได้ใส่มายั่วคุณ"
"งั้นใส่มายั่วใคร หรือว่าพวกนักศึกษาผู้ชายในมหาวิทยาลัยอย่างงั้นเหรอ"
"ไพน์เปล่า"
"ถ้าเปล่า คราวหน้าก็รู้จักใส่ให้มันยาวมากขึ้นกว่านี้หน่อย ทีหลังจะได้ไม่ต้องถูกใครเข้าใจผิด"
"ถ้าจะให้ยาวกว่านี้คงไม่มีค่ะ ปกติไพน์ก็ใส่ของไพน์แบบนี้ แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย"
"ไม่มีก็ไปซื้อใหม่สิไพน์ เรื่องแค่นี้เธอจะต้องให้ฉันเป็นคนบอกด้วยเหรอ ไหนคุณพ่อชมนักชมหนาว่าเธอเป็นคนฉลาดไง ดูท่าว่าพ่อของฉันคงจะถูกเธอหลอกเข้าให้มากกว่า ส่วนเรื่องที่ว่าฉันเกี่ยวอะไรด้วย ก็อาจจะเป็นเพราะว่าฉันแค่อยากจะเตือนด้วยความหวังดีว่าการที่เธอใส่กระโปรงสั้นๆแบบนี้มาเรียน มันอาจจะทำให้มีผู้ชายคนอื่นเข้าใจผิดนึกว่าเธออยากโชว์ของไง"
"เหรอคะ งั้นไพน์คงต้องขอบคุณคุณชินมากๆเลยที่อุตส่าห์หวังดีเป็นห่วง แต่ไพน์คิดว่านอกจากคุณแล้ว คงจะไม่มีใครคนอื่นที่เขาคิดอะไรๆน่าเกลียดแบบคุณหรอกค่ะ เพราะว่านักศึกษาหญิงคนอื่นๆที่เขาใส่สั้นกว่าไพน์ก็มีเยอะแยะ ไม่งั้นเขาก็คงโดนเข้าใจผิดกันหมดเเล้ว"
"นี่! แล้วเธอจำเป็นต้องใส่ให้มันสั้นเหมือนกับคนอื่นเขาหรือไง ฉันชักจะโมโหกับความดื้อรั้นของเธอแล้วนะภัทรพิชา อย่าทำให้ฉันต้องหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ตอนเย็นฉันจะพาเธอไปหาซื้อชุดใหม่ แล้วไม่ต้องหนีกลับก่อน"
ชีวินจอดรถส่งเธอในซอยเล็กๆก่อนที่จะถึงปากทางเข้าหน้ามหาวิทยาลัย เขาคงกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้าถ้าเกิดว่าปล่อยให้เธอนั่งไปกับเขาจนถึงในรั้วมหาวิทยาลัย ไหนจะบรรดารุ่นน้องแฟนคลับที่คอยตามกรี้ดเขาอยู่ทุกวัน ไหนจะพวกสาวๆที่ชอบเป็นข่าวกับเขาตามหน้าเพจซุบซิบของมหาวิทยาลัยนั่นอีก
ภัทรพิชาเดินบนฟุตบาททางเท้าผ่านเข้ารั้วมหาวิทยาลัยมาได้ถึงครึ่งทาง อยู่ๆก็มีรถเก๋งสปอร์ตยี่ห้อเดียวกันกับของชีวินแต่ว่าเป็นสีขาวขับเทียบชะลอเข้ามาตีคู่ ภัทรพิชาเองได้แต่นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเป็นรถคันนี้เป็นของใคร เพราะเธอเองไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จัก แต่พอกระจกฝั่งคนขับเปิดลงแล้วลองมองลอดผ่านเข้าไปก็เห็นอินทุอรยิ้มแป้นนั่งโบกมือให้
"ไพน์ ฉันเอง"
"อ้าวแกเองหรอกเหรออิน ฉันก็นึกว่ารถใครที่ไหน"
"พอดีว่ารถฉันเสีย วันนี้ก็เลยติดรถลูกพี่ลูกน้องฉันมา เดี๋ยวฉันให้พี่ต้าจอดให้ฉันลงตรงข้างหน้าแล้วเราเดินไปด้วยกัน"
ภัทรพิชาพยักหน้าให้เพื่อนสาว แต่มิวายสายตาก็ยังละกลับมามองหน้าเจ้าของรถคันงามที่เขาเองก็ยังคงมองมาที่เธออยู่แล้วยิ้มให้ เธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนอัธยาศัยไม่ดีเสียที่ไหน ภัทรพิชายิ้มกลับให้กับ พี่ต้า ที่อินทุอรพึ่งจะเอ่ยถึงชื่อเขาออกมา แล้วรถบีเอ็มดับเบิลยูคันงามก็เคลื่อนไปจอดยังริมฟุตบาทข้างหน้าที่สามารถจอดได้
"พี่ต้านะพี่ต้า ไหนตอนแรกบอกว่ารีบไงคะ ไพน์ แกเดินมาเร็วๆเข้าสิ พี่ฉันอยากรู้จัก"
ภัทรพิชาเป็นงงทันทีที่ถูกอินทุอรกวักมือเรียกให้เธอเดินเข้าไปหาเร็วๆ ได้ยินแค่ว่าเสียงบ่นของอินทุอรนั้นแว่วๆเพื่อเร่งให้เธอเดินเข้าไปหา แต่คำอื่นๆนั้นไม่ชัดเจนมากนัก
"ไพน์ นี่พี่ต้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง เรียนอยู่ปีสี่ คณะเดียวกันกับพี่ชินน่ะ เขาอยากรู้จักแก"
ภัทรพิชายกมือขึ้นไหว้ลูกพี่ลูกน้องของอินทุอรพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆที่ประดับอยู่บนหน้า เธอเองก็อายุตั้งยี่สิบแล้ว ไม่ต้องเดามากก็รู้ว่าญาติรุ่นพี่หนุ่มของเพื่อนนั้นมีจุดประสงค์อะไร
"สวัสดีค่ะพี่ต้า"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับไพน์ เห็นอินบอกว่าไพน์อยู่บ้านเดียวกันกับเจ้าชินเหรอ ไม่ยักรู้มาก่อนเลยนะครับว่าชินมันมีญาติสวยขนาดนี้"
"พอดีว่าแม่ไพน์กับพ่อคุณชินพึ่งแต่งงานกันไม่นานนี้เองน่ะค่ะ"
ตอนแรกภัทรพิชาก็กะว่าจะต่อท้ายประโยคด้วยถ้อยคำที่ว่าแม่ของเธอเคยเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านของชีวิน แต่พอคิดอีกทีก็รู้สึกเกรงใจชวลิต กลัวว่าถ้าเกิดเธอพูดถึงอดีตสถานะของแม่ตัวเองออกไปแบบนั้น แล้วคนอื่นอาจจะดูถูกชวลิตเอาได้หรือเปล่าที่ท่านเลือกที่จะแต่งงานกับแม่ของเธอที่เป็นเพียงแค่แม่บ้าน เธออาจทำให้ชีวินอับอายเพิ่มขึ้น หากว่าเพื่อนของเขาคนนี้เอาไปพูดต่อ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้รู้จักผู้ชายคนนี้ เลยเลือกที่จะปิดท้ายประโยคเพียงแค่นั้น แต่สำหรับเพื่อนๆในกลุ่มแล้วภัทรพิชาไม่เคยอายที่มีแม่เป็นเพียงแค่แม่บ้าน
"ถ้าอย่างงั้น ไพน์ก็คงมีสถานะเป็นน้องสาวของเจ้าชินมันสินะ เห็นทีต่อไปพี่คงจะต้องขอแวะไปที่บ้านของมันบ้างเสียหน่อย พักหลังๆมามันเอาแต่ไปขลุกอยู่แต่ที่บ้านพี่ จนบ้านพี่แทบจะถูกมันยึดเอาไปเป็นบ้านมันเองอยู่แล้ว"
"หมายความว่า พี่ต้าเป็นเพื่อนกับคุณชินเหรอคะ"
"เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทเลยล่ะ"
พอได้ยินแค่นั้นภัทรพิชาก็หน้าเจื่อนลงทันที ทำไมโลกถึงช่างกลมอะไรแบบนี้ ถึงแล้วว่าเธอจะชอบชีวิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธออยากจะข้องเกี่ยวกับคนรอบตัวของเขามากขนาดนี้เสียหน่อย สถานะเธอมันธรรมดาเสียที่ไหน แค่ตอนนี้เธอยังรู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกเลยเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชีวินและเธอแล้วก็มีแต่ความละอายในใจ ถ้าหากวันหนึ่งวันใดเกิดอินทุอรรับรู้เรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา แม้แต่คำว่าคนเคยรู้จักก็คงไม่แม้แต่จะมีให้ ไหนจะมิรินและแพรี่ สองคนนั้นก็คงจะเห็นพ้องต้องกันว่าต้องไม่ให้อภัยคนอย่างเธอ ถึงวันนั้นเธอก็คงจะไม่เหลือใครอยู่ข้างๆ อีกแล้ว
พอเดินลงจากรถลงมาชีวินก็ตรงเข้ามาดึงแขนให้เธอเดินตามเขาเข้าไปในที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคอนโดมิเนียมทั่วไป มือเขาข้างหนึ่งถือถุงกระดาษ ส่วนอีกข้างก็ดึงข้อมือของเธอเอาไว้ จนกระทั่งพาเธอเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าลิฟท์ ทันใดนั้นถังขยะที่อยู่ใกล้มือก็ถูกเปิดออก ตามด้วยถุงชุดนักศึกษาสองถุงที่เตวิชญ์เป็นคนซื้อให้นั้นถูกยัดลงไปนอนในถังขยะเป็นที่เรียบร้อย"คุณชินนี่คุณทำบ้าอะไร นั่นมันที่พี่ต้าพึ่งซื้อให้ใหม่นะคะ"ด้วยความโมโหจึงทำให้ภัทรพิชาเสียงดังใส่เขา นาทีนี้เธอไม่กลัวเขาแล้ว ถ้าหากว่าชีวินจะกลายเป็นคนนิสัยเสียขึ้นมา อยู่ๆก็มาบังคับให้เธอไปซื้อชุดใหม่ พอมีคนซื้อให้ก็ปาทิ้งขว้างแบบไม่มีเหตุผล"แล้วไง อยากใส่นักหรือไงชุดที่ไอ้ต้าซื้อให้""ก็คุณเป็นคนที่อยากให้ไพน์ไปซื้อใหม่ชุดเองไม่ใช่หรือไง พี่ต้าก็อุตส่าห์ซื้อให้แล้ว อยู่ดีๆจะมาเอาชุดไปเฉยๆแบบนี้คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ""ไม่ได้บ้า แต่แค่ไม่อยากให้เธอใส่ เรื่องชุดฉันเป็นคนบอกว่าให้เธอเปลี่ยน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเป็นคนซื้อ ถามหน่อยซิว่ามันเกี่ยวอะไรกับไอ้ต้า ใครบอกให้มันเป็นคนเสนอหน้ามาซื้อชุดให้เธอ ไหนจะเรื่องที่เธอนั่งรถมากับไอ้ต้าสอง
ระหว่างทางชีวินไม่ค่อยเป็นอันขับรถนักเมื่อสายตาคอยเอาแต่จ้องมองเข้าไปภายในรถคันข้างหน้าที่มีเตวิชญ์ขับนำอยู่ก่อน ยิ่งพอรถของเตวิชญ์สามารถขับผ่านสัญญาณไฟจราจรไปได้ก่อนที่จะต้องติดไฟแดงเหมือนรถของเขา หัวคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งตั้งแต่ตอนแรกก็ยิ่งผูกเข้ากันเป็นปมยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว "ดูพี่ต้าสิคะรีบขับพาไพน์เฉียดไฟแดงไปก่อนแบบนั้น สงสัยคงกลัวว่าพี่ชินจะตามทันแล้วไม่มีเวลาได้อยู่กับไพน์" "ไอ้ต้ามันขับรถบ้าอะไรของมัน วิ่งเฉียดไฟแดงไปแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าอันตราย"ชีวินยังตีโพยตีพายโวยวายเรื่องการขับรถของเตวิชญ์ต่อ วินาทีนั้นยอมรับว่าเขาใจหายวาบราวกับคนขวัญอ่อน หากว่าเกิดอะไรกับคนในรถคันนั้นขึ้นมา มีหวังเขาคงจะถูกผู้เป็นบิดาและแม่ของผู้หญิงคนนั้นเอาสืบสาวเอาเรื่องเข้าแน่ๆ จนกระทั่งสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นมา คันเร่งของรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ถูกเหยียบเร่งตามไปติดๆ หากแต่ว่าเขาขับตามไปไม่ทัน จนไปถึงที่จอดรถในห้าง จึงได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเตวิชญ์ทันที หากแต่ไม่มีคนรับ"ไอ้ต้ามันไม่ยอมรับโทรศัพท์ อินลองโทรหามันดูให้หน่อยสิครับ"พอบอกอินทุอรเสร็จ ตัวเองก็เปลี่ยนมากดโทรออกหาภัทรพิชา แต่กลายเป็นว
หลังจากเรียนเสร็จอินทุอรก็ขยั้นขยอให้เธอไปดูหนังพร้อมตัวเองและเตวิชญ์ ภัทรพิชาได้แต่อยากปฏิเสธให้มันจบๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร จะให้บอกเพื่อนไปตรงๆเลยก็ไม่ได้ว่าตัวเธอเองก็กำลังถูกชีวินส่งข้อความมาตามตัวอยู่เหมือนกัน"นะไพน์ ไปดูหนังเป็นเพื่อนฉันกับพี่ต้าหน่อย อุตส่าห์โทรไปชวนพี่ชินเมื่อกี้ แต่พี่ชินดันบอกว่าติดธุระ ไปด้วยไม่ได้สะงั้น เซ็งจัง""เออะ อิน คือว่าฉัน..""แกห้ามปฏิเสธพี่ฉันนะไพน์ บอกไว้ก่อน รู้ไหมว่าพี่ต้าปกติมีแต่สาวๆพากันวิ่งเข้าหา ฉันก็พึ่งเห็นมีวันนี้นี่แหละที่ว่าคุณพี่ชายเทพบุตรสุดหล่อของฉันอยากจะจีบสาว"ภัทรพิชาฟังอินทุอรสาธยายความฮอตของญาติหนุ่มตัวเองแบบคิดว่าน่าจะเชื่อได้ เตวิชญ์ถือว่าเป็นคนที่หน้าตาและบุคลิกดีมากๆคนหนึ่ง การที่อินทุอรบอกว่าเขามีสาวๆวิ่งเข้าหามากมายนั้นมันคงไม่เกินจริงแน่นอน แต่ทำไมเรื่องอะไรแบบนี้มันต้องมาเกิดกับเธอ เตวิชญ์เป็นเพื่อนกับชีวิน ส่วนอินทุอรก็เป็นเพื่อนของเธอ ทุกอย่างมันดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด"นี่ยายอิน เราเล่นมาพูดแบบนี้ต่อหน้าไพน์พี่ก็เขินแย่สิ""เขินทำไมล่ะคะพี่ต้า อยากจีบก็บอกว่าอยากจีบสิคะ เอาให้มันแมนๆหน่อย ยอมรับตรงๆไปเล
ภัทรพิชาถูกสั่งให้ขึ้นรถมากับคนที่ชวลิตบอกว่าไม่ยอมให้เธอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย รถของชีวินจอดรออยู่ห่างออกจากบ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่ หากแต่เป็นเธอเองที่ไม่ทันได้สังเกตเพราะว่าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและเขา จนกระทั่งเดินเลยผ่านจึงถูกเขาเรียกและบังคับให้เธอต้องขึ้นรถมาเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีดำเทาขับพาเธอทะยานสู่ท้องถนนในตอนเช้า ทุกอย่างดูเร่งรีบและยืดยาดในเวลาเดียวกัน จากที่นั่งเงียบมากันตลอดทาง อยู่ๆมือข้างที่ว่างอยู่ก็วางแหมะลงมาบนต้นขาขาวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาของเธอออกมาในตอนที่รถจอดติดอยู่บนทางด่วน"คุณชิน"ชีวินหันมามองหน้าเธอแล้วยิ้มกึ่งเยาะที่ริมฝีปาก ภัทรพิชาจะรีบปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้บนต้นขาของตัวเองให้พ้นไปแต่เจ้าของมันกลับไม่ยินยอม"จับไม่ได้หรือไง""จับทำไมคะ"ภัทรพิชาหน้ายุ่งเพราะรู้ว่าชีวินกำลังจงใจแกล้งยั่วเธออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบชอบเขาอยู่จนยอมให้เกิดเรื่องราวลึกซึ้งเกินเลยขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความชีวินจะทำอะไรกับเธอยังไงตอนไหนก็ได้"อยากจับ เห็นเธอใส่กระโปรงเสียสั้น เวลานั่งทีกระโปรงก็ถลกขึ้นมาจนเห็นขาขาวๆ ฉันก็เลยนึกว่าเธออยากจะใส่มายั่วฉัน""ไ
ภัทรพิชาตื่นขึ้นมาในตอนเกือบหกโมงเช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียนด้วยอาการงัวเงียเพราะว่านอนไม่เต็มตื่น เมื่อคืนหลังจากที่เอาเปรียบเธอจนพอใจชีวินก็กลับออกไปในตอนตีสี่กว่าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ภัทรพิชาจึงทำได้แค่เพียงขยับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นมาดูตอนที่ชีวินลุกขึ้นไปจากเตียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยเช่นกันหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินหอบกระเป๋าลงไปข้างล่าง หางตาเหลือบไปเห็นแม่ของเธอกำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเดินเข้าออกครัวอยู่ไวๆ ภัทรพิชาจึงเดินลงไปเห็นชวลิตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่สายตาจะมองเลื่อนขยับไปเห็นว่าบนโต๊ะอาหารก็มีชีวินนั่งรออยู่ด้วยและเขากำลังมองมาทางเธอ"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอไพน์ มากินข้าวต้มหมูสับก่อนสิ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพอดี"ภัทรพิชาเดินตามหลังแม่ไปยังโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชวลิตวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองเธอลอดผ่านแว่นตามาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ชีวินกลับทำหน้าตึงแล้วตามมาด้วยถ้อยคำถากถางตามแบบฉบับเขา"นี่ลูกสาวคนใหม่ของพ่อเขาชอบตื่นสายแล้วปล่อยให้คนอื่นนั่งรอบนโต๊ะอาหารแบบนี้ประจำเลยเหรอครับ""รอเรออะไรกั
ทันทีที่ถูกฉุดมาให้ลุกขึ้นนั่ง ชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวตัวบางถูกถอดออกจากทางศรีษะ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เผลอสบตา ริมฝีปากของชีวินก็ตรงเข้ามาครอบลงบนริมฝีปากหวานทันควัน ลิ้นชื้นสอดมุดเข้าไปในโพรงปากนุ่มทันที เขาไม่มีรอจังหวะ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาควานบีบคลึงไปบนเต้างามและบนสะโพกกลมกลึง ภัทรพิชายอมปล่อยให้ชีวินสัมผัสทุกอย่างบนร่างกายเธอได้ตามอย่างแต่ใจด้วยการตอบสนองเป็นท่าทางที่แสนจะเงอะงะ ปราศจากความรู้สึกต่อต้าน สองกายกอดรัดฟัดเหวี่ยงเข้าหาในขณะที่คนหนึ่งเปลือยเปล่าแล้ว หากแต่อีกคนยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาครบชุด"ถอดเสื้อให้ฉัน"แม้ว่าจะรสจูบของเขาจะมีรสชาติมึนเมาจนเธอสมองเบลอ ลมหายใจคล้ายขาดห้วงจนเกือบจะหายใจหายคอไม่ทัน แต่ภัทรพิชาก็ยังคงพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย สองมือสั่นเทารีบยกขึ้นไปแกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างยากลำบาก เหตุผลก็เป็นเพราะว่ารสจูบที่ชักจะร้อนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อชีวินตั้งใจจูบเอาแบบไม่มีความปราณียิ่งทำให้เธอสติหลุด"กระดุมแค่ไม่กี่เม็ด เธอจะใช้เวลาแกะจนถึงพรุ่งนี้เลยไหมไพน์ ชักช้า เอามือออก งั้นกระดุมเสื้อไม่ต้องละ เปลี่ยนเป็นมาถอดเข็มขัดกับกางเกงให้ฉ