ภัทรพิชาตื่นขึ้นมาในตอนเกือบหกโมงเช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียนด้วยอาการงัวเงียเพราะว่านอนไม่เต็มตื่น เมื่อคืนหลังจากที่เอาเปรียบเธอจนพอใจชีวินก็กลับออกไปในตอนตีสี่กว่าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ภัทรพิชาจึงทำได้แค่เพียงขยับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นมาดูตอนที่ชีวินลุกขึ้นไปจากเตียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยเช่นกัน
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินหอบกระเป๋าลงไปข้างล่าง หางตาเหลือบไปเห็นแม่ของเธอกำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเดินเข้าออกครัวอยู่ไวๆ ภัทรพิชาจึงเดินลงไปเห็นชวลิตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่สายตาจะมองเลื่อนขยับไปเห็นว่าบนโต๊ะอาหารก็มีชีวินนั่งรออยู่ด้วยและเขากำลังมองมาทางเธอ
"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอไพน์ มากินข้าวต้มหมูสับก่อนสิ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพอดี"
ภัทรพิชาเดินตามหลังแม่ไปยังโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชวลิตวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองเธอลอดผ่านแว่นตามาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ชีวินกลับทำหน้าตึงแล้วตามมาด้วยถ้อยคำถากถางตามแบบฉบับเขา
"นี่ลูกสาวคนใหม่ของพ่อเขาชอบตื่นสายแล้วปล่อยให้คนอื่นนั่งรอบนโต๊ะอาหารแบบนี้ประจำเลยเหรอครับ"
"รอเรออะไรกัน ปกติไพน์ก็ลงมาเวลานี้เสมอ พูดอย่างกับว่าแกตื่นเช้านักทั้งๆที่ตัวแกเองก็พึ่งจะลงมาก่อนหน้าไพน์ยังไม่ถึงหน้านาทีเองเจ้าชิน"
"หึ แตะไม่ได้ด้วยสิ"
ทั้งภัทรพิชาและพาณีเดินเข้ามาถึงตรงโต๊ะพอดีก็เลยต่างก็หน้าเจื่อนไปตามๆกัน ชีวินตั้งใจพูดจากระทบแดกดันเธอซึ่งหน้าทั้งๆที่ปกติเธอก็ยังจะลงมาทานอาหารเช้าร่วมกับมารดาและชวลิตเวลานี้เสมอ
"ต้องขอโทษคุณชินแทนไพน์ด้วยนะคะที่ทำให้รอ สงสัยว่าเมื่อคืนไพน์คงน่าจะอ่านหนังสือเตรียมสอบจนดึกเลยใช่ไหมล่ะลูกก็เลยลงมาทีหลังคุณชิน"
พาณีตัดสินใจกล่าวขอโทษชีวินเสียเพื่อไม่อยากให้ทุกอย่างมันแย่ลงกว่านี้ ถึงแม้ว่าลึกๆแล้วเธอเองจะไม่ได้รู้สึกว่าภัทรพิชาทำอะไรผิดก็ตาม แต่ในที่สุดก็เอ่ยคำขอโทษออกไปเพราะไม่อยากให้ผู้เป็นสามีไม่สบายใจในคำพูดของลูกชายตัวเอง เพื่อที่จะให้เธอและลูกสาวได้อยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างสุขสบาย ในฐานะแม่ เธอคงจะยอมทำได้ทุกอย่าง ยอมๆขอโทษไปเถอะทุกอย่างมันจะได้จบ ยังไงเสียปกติชีวินก็ไม่ค่อยได้มานอนค้างที่บ้านหลังนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่นาถนรีเสียไป ชีวินก็มักจะไปนอนค้างที่คอนโดมิเนียมติดมหาวิทยาลัยเสียมากกว่า หนึ่งในเหตุผลก็คงอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเธอที่ตัดสินใจแต่งงานกับชวลิตด้วย จากเด็กหนุ่มที่เธอเคยชื่นชมว่าอัธยาศัยและมารยาทดี เคยแม้กระทั่งให้เธอติดรถออกไปซื้อกับข้าวในตลาด เคยพาภัทรพิชาไปส่งโรงพยาบาลตอนดึกตอนที่ภัทรพิชาเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ใหม่ๆ ไปเที่ยวที่ไหนก็ซื้อของมาฝากเธอกับลูก จนเธอเคยคิดว่าอยากจะให้ภัทรพิชาได้เจอผู้ชายดีๆแบบนี้ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชีวินกลายเป็นเด็กหนุ่มปากร้าย คอยพูดจาทิ่มแทงว่าให้เธอกับลูกทุกครั้งที่เจอหน้า จนมีหลายครั้งที่เธอแอบหมั่นไส้ อยากจะยุแยงให้ภัทรพิชาจับชีวินทำสามีเสีย เพื่อที่ว่าชีวินจะได้มีปากมีเสียงน้อยลง
"ณีไม่ต้องไปขอโทษเจ้าชินมันหรอก ก็เห็นๆอยู่ว่าไพน์ก็ลงมาเจ็ดโมงเหมือนทุกวัน รู้อยู่ว่าเจ้านี่มันปากไม่ดีชอบหาเรื่อง"
"หึ ผมเนี่ยนะชอบหาเรื่อง เข้าข้างกันเข้าไปเถอะ ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคนใหม่คนดีของคุณพ่อ จริงๆแล้วเมื่อคืนเขาอาจจะไม่ได้อ่านหนังสือ แต่แอบไปทำอะไรสนุกๆจนไม่ได้หลับได้นอนก็ได้นะครับ"
ภัทรพิชาหน้าเสียใจหายวาบขี้นมาทันทีที่อยู่ดีๆชีวินพูดอะไรแบบนี้ออกมา เธอรู้ว่าความนัยที่ซ่อนอยู่ภายใต้ถ้อยคำถากถางของเขานั้นคืออะไร แต่มันก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ใช่หรือที่เป็นคนทำเรื่องจนเธอแทบไม่ได้หลับได้นอน
"ตลกแล้วล่ะเจ้าชิน สองปีที่อยู่ที่นี่มาฉันก็เห็นไพน์ออกจะขยันตั้งใจเรียน ผลสอบคะแนนออกมาสูงสุดในรุ่นทุกปี มีแต่แกเองนั่นแหละที่เอาแต่อยู่รั้งท้าย ยังไม่โดนมหาวิทยาลัยรีไทร์ก็ดีเท่าไหร่แล้ว"
"เคยดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยังดีนี่ครับ นี่ไม่รู้ว่าตกลงคุณพ่อยังเป็นพ่อของผมหรือเปล่า หรือว่าพอแต่งงานใหม่แล้วก็ลืมไปแล้วว่ายังมีผมลูก"
"เจ้าชิน!"
"เออะ คือว่าอย่าทะเลาะกันเลยนะคะ ณีว่าเราทานข้าวต้มกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน"
ทุกคนต่างทานข้าวต้มของตัวเองไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกเลยจนกระทั่งจบมื้ออาหาร ภัทรพิชาจึงลุกขึ้นช่วยมารดายกจานเข้าไปเก็บในครัว มันเป็นอย่างนี้ทุกวัน และในอีกหลายๆครั้งที่ชวลิตบอกว่าให้จ้างแม่บ้านมาเพิ่มเสียเถอะ เพื่อที่แม่ของเธอจะได้ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เอง แต่แม่ของเธอก็ยังคงปฏิเสธอยู่เรื่อยเช่นกัน
"นี่ไพน์ พูดก็พูดเถอะนะ หลายครั้งแล้วฉันล่ะหมั่นไส้คุณชินจริงๆ ชอบมาพูดจากระทบกระทั่งแดกดันแกกับแม่อยู่ได้ คนเราถ้าเกิดว่าไม่ชอบหน้ากันทำไมถึงไม่ต่างคนต่างอยู่เสียก็หมดเรื่อง จะมาฟาดฟันคำพูดไม่ดีใส่กันให้เสียสุขภาพจิตไปทำไม"
"แม่ พูดเบาๆ เดี๋ยวเขาก็เดินเข้ามาได้ยินหรอก"
"แกรู้อะไรไหม นี่ถ้าแม่เป็นแม่ที่เลวกว่านี้อีกสักหน่อยล่ะก็ แม่จะยุให้แกอ่อยแล้วจับคุณชินทำผัวมันซะเลย ผู้ชายปากร้ายแบบนี้มันต้องโดนกำราบ ดีไม่ดีก็อาจจะแอบชอบแกอยู่แล้วทำเป็นแขวะนู่นแขวะนี่เพราะว่าอยากจะรวบหัวรวบหางแกก็ได้ ยิ่งพอแกโตแกก็ยิ่งสวยรู้ตัวหรือเปล่า แกต้องอยู่ห่างๆเขาเอาไว้นะ อย่าไปเผลอยุ่งกับเขาล่ะแม่เป็นห่วง เข้าใจไหม"
"ค่ะแม่"
ภัทรพิชาจำเป็นต้องรับคำมารดาไปอย่างแกนๆ ทั้งๆที่ภายในใจนั้นหัวอกเธอแทบจะกระอักเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดากลัวว่ามันจะเกิดและมันก็พึ่งได้เกิดขึ้นไปแล้วถึงสองครั้งสองครา เธอจะไม่มีวันยอมให้มารดาได้รับรู้ถึงสิ่งที่ได้สูญเสียไปเด็ดขาด ความลับจะยังคงต้องได้เป็นความลับต่อไป รอแค่ว่าเมื่อไหร่วันนั้นมันจะมาถึง วันที่ชีวินบอกว่าเบื่อเธอแล้ว และเลิกยุ่งเกี่ยวกับเธอไปเอง
"แกรีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสาย"
พอเดินกลับออกจากห้องครัวมาก็พบว่าชีวินไม่ได้นั่งอยู่ที่บนโต๊ะกับชวลิตแล้ว วันนี้เขาเองก็คงจะมีเรียนคาบเช้าเหมือนกัน เขาถึงได้แต่งชุดนักศึกษาลงมา
"ไพน์ หนูนั่งรถไฟฟ้าไปเรียนเองได้ใช่ไหมลูก วันนี้ลุงไม่ได้ออกไปไหน หรือว่าจะให้บอดี้การ์ดลุงขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัยเอาไหม"
"ไม่ต้องหรอกค่ะคุณลุง ปกติไพน์ก็นั่งรถไฟฟ้าไปทุกวันมันสะดวกดี ไม่ต้องเจอรถติดด้วย"
"อืม เอาอย่างงั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นลุงก็ตามใจ เมื่อกี้บอกให้เจ้าชินมันรอให้หนูติดรถไปด้วยมันก็ไม่ยอมรอทั้งๆที่ก็ไปมหาวิทยาลัยเดียวกันแท้ๆ นิสัยชักจะเอาใหญ่ ลุงนี่หมดคำพูดกับมันจริงๆ"
ภัทรพิชาเดินออกจากประตูรั้วบ้านมาพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับชีวินไปเรื่อยๆ ยอมรับกับตัวเองว่าเหตุผลหนึ่งที่ตัวเองยอมให้เรื่องราวลับๆระหว่างเธอและชีวินเกิดขึ้นมานั้นก็เป็นเพราะว่าเธอแอบมีความรู้สึกดีๆให้เขาในใจมานานแล้ว
คืนหนึ่งตอนที่เธอพึ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆแล้วเธอเกิดเป็นไข้ตัวร้อนหนักมาก แม่ของเธอตัดสินใจพาเธอออกมายืนรอแท็กซี่หน้าบ้านเพื่อจะพาไปโรงพยาบาล แต่ได้เจอกับชีวินที่กำลังกลับมาจากข้างนอกแล้วได้เจอเธอกับแม่เข้า บอกว่าเขาจะเป็นคนพาไปส่งโรงพยาบาลเอง จังหวะที่เดินจากหน้าบ้านเพื่อมาขึ้นรถ ขาของเธอก็เกิดหมดแรงจนเดินไม่ไหวเกือบได้ล้มลงไปบนพื้น ดีที่ว่าชีวินพุ่งตัวเข้ามาช่วยแม่ของเธอประครองแล้วอุ้มเธอไปขึ้นรถขับไปส่งที่โรงพยาบาลทันที
นับตั้งแต่นั้นภัทรพิชาก็แอบยื่นหัวใจดวงน้อยของเธอไปให้ชีวินโดยที่เขาไม่เคยร้องขอ มันเป็นเพราะเธอแอบชอบเขามาโดยตลอด เมื่อคืนนี้จึงได้ยอมให้เกิดเรื่องราวลับๆขึ้นมาอีกครั้ง
"จะเดินก้มหน้าก้มตา เดินไม่ดูตาม้าตาเรือให้รถมันขับมาชนเธอเลยหรือไง ขึ้นรถ"
"คุณชิน!""ใช่ ฉันเอง"ภัทรพิชาตกใจจนต้องรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ร่างกายของเธอจะถูกเขาจับกดให้กลับลงไปนอนใหม่ ถึงแม้ว่าความคิดถึงมันเต็มล้นเเน่นอยู่ในอก แต่สิ่งที่ชีวินกำลังทำอยู่นั้นมันก็ทำให้เธอเกิดอาการฟึดฟัดขึ้นมาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ชีวินก็ยังคงเป็นชีวินคนเดิมไม่มีเปลี่ยน เรื่องอะไรที่ทำให้เธอฮึดฮัดฟึดฟัดได้นั่นแหละเขาจะรีบทำ"คุณเข้ามาในห้องไพน์ทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ""ไพน์ เธอฟังฉันนะ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะไม่มีทางที่จะสามารถไล่ให้ฉันไปไหนจากเธอได้อีก และตัวเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนจากฉันได้เช่นกัน ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าเมื่อไหร่ที่เธอเรียนจบกลับมา วันนั้นฉันจะไม่มีทางยอมให้เธอหนีฉันไปที่ไหนได้อีกแล้ว เธอจะต้องเป็นของฉันคนเดียว ทั้งตัวและหัวใจตลอดไป"ภัทรพิชานิ่งงันเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ชีวินพูด หน้าตาเขาดูจริงจังเหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด ราวกับว่าต้องการตอกย้ำและอยากที่จะย้ำเตือนในสิ่งที่เขาเคยพูดเอาไว้ แต่เรื่องทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ได้อย่างไร ในเมื่อชีวินเกลียดแม่ของเธอขนาดนั้น "แต่คุณบอกเองว่าคุณเกลียดไพน์และก็แม่ของไพน์ไม่ใช่เหรอคะ""ตอนนั้นฉันอาจจะเ
2 ปีผ่านไป"อาคิยะ เดี๋ยวใบนี้ไพน์ถือเองค่ะ""ไม่เป็นไร ไพน์ถือแค่ใบเล็กๆนั่นก็พอ ส่วนสี่ใบนี้เดี๋ยวผมช่วยไพน์ถือไปส่งที่บ้านให้""หวังว่าแม่ไพน์คงจะไม่ตกใจนะคะที่เห็นไพน์พาคุณกลับไปที่บ้านด้วยแบบนี้""ถ้าแม่ของไพน์ตกใจ เดี๋ยวผมจะเป็นคนอธิบายให้ฟังเองครับ""แล้วนี่คุณกะว่าจะมาอยู่นานแค่ไหนคะ""น่าจะสักเดือนสองเดือน แต่ว่าผมยังไม่มีกำหนดที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าที่นี่จะมีอะไรดึงดูดใจให้ผมอยู่ต่อนานๆหรือๆเปล่า""ไพน์ว่าคงจะต้องมีอยู่แล้วล่ะค่ะ เป้าหมายของคุณไง"สองคนชายหญิงเดินคุยกันกระหนุงกระหนิงผ่านจากประตูหนึ่งของสนามบินทะลุไปออกยังอีกหนึ่งประตู โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีใครบางคนที่ยืนมองภาพนั้นอย่างตาค้างตัวชาราวกับจะเกิดอาการช็อก พอตั้งสติได้ก็วิ่งตามไปยังทิศทางที่สองชายหญิงพึ่งจะเดินผ่านไปข้างหน้า แต่พอตามออกมาดูไม่ห็นแล้วว่าไปทางไหนชีวินยืนก้มตัวลงหายใจจนหอบ วันนี้เขาต้องมารับลูกค้ารายใหญ่ที่มาจีน เลยได้มายืนอยู่ที่สนามบินตั้งแต่เช้า ขณะที่ยืนรอสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่แสนคุ้นตา คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเขามาโดยตลอดตั้งแต่เมื่อก่อนตอนที่เธอพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเขาใหม่ๆ จนกระท
หลังจากวันนั้นชีวินก็ดูเหมือนว่าจะเปิดตัวกับอินทุอรมากยิ่งขึ้น ทุกๆที่ที่มีเธอกับอินทุอรไปก็มักจะมีชีวินติดสอยห้อยตามไปประกบ โดยเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เธอเห็น ต้องการให้เธอเจ็บปวด และมันก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลายทีที่ทนเห็นสองคนนั้นสวีทหวานกันไม่ไหวจนต้องแอบหลบออกมาร้องไห้ที่ไหนสักแห่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเหล่านี้จะจางหายไป มันช่างเป็นความรู้สึกที่หนักหนาสาหัสราวกับว่าเธอกำลังกลายไปเป็นคนอกหักคนหนึ่งที่ต้องพ่ายแพ้ยามที่เห็นคนที่ตัวเองรักไปแสดงความรักกับคนอื่นหลังจากนั้นเพียงไม่นานชีวินก็เรียนจบ วันรับปริญญาของเขามีพวกเพื่อนๆกับชวลิตและอินทุอรไปร่วมแสดงความยินดีด้วย ทุกอย่างนั้นดูลงตัวเหมาะสมไปหมด ส่วนสิ่งที่เธอทำได้คือเพียงแค่แอบยินดีกับเขาอยู่ในที่ของเธอลำพัง เพียงแค่ได้เห็นเขามีความสำเร็จก็แอบดีใจจากนั้นชีวินก็ออกไปทำงานให้กับบริษัทต่างชาติรายใหญ่ ดูเหมือนว่าชีวิตรักของทั้งสองคนจะดูหวานชื่นมื่นกันมากขึ้น เวลาที่ชีวินต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศ แน่นอนว่าอินทุอรก็มักจะตามเขาไปด้วยเสมอ เรียกว่าหวานชื่นมื่นกันมาตลอด เหลือไว้เพียงสิ่งหนึ่งที่ภัทรพิชาต
'ฉันอยู่หน้าบ้าน ออกมาคุยกันหน่อย'ภัทรพิชามองข้อความจากชีวินเด้งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วก็นิ่งเงียบ คิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดี หลังจากที่จบเหตุการณ์เมื่อเช้าชีวินก็ขับรถออกไปจากบ้านแล้วหายไปเลยทั้งวัน จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มกว่าที่เขาส่งข้อความมา หากแต่ภัทรพิชาเลือกที่จะไม่ตอบ โคมไฟหัวเตียงถูกปิดมืดลงทันทีที่เขาบอกว่ารออยู่หน้าบ้าน ภัทรพิชาคิดว่าชีวินกับแม่ของเธอคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีกเรื่องที่ว่าไม่ให้เธอกับเขาเจอกันไม่ว่าจะกรณีไหน แถมตอนที่พูดเคลียร์กันเขาเองก็มีท่าทีหนักแน่นว่าตัวเองไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรที่มันแปลกไปกับเธอ ก็แค่เขาเผลอเข้าห้องผิดไปเท่านั้น ดังนั้นภัทรพิชาคิดว่าเธอเองก็ควรที่จะยึดมั่นในสิ่งที่ผู้เป็นแม่ร้องขอ คือเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาเสีย'แม่ถามแกจริงๆนะไพน์ เรื่องแกกับคุณชินมันมีอะไรเกินเลยหรือเปล่า''มะ ไม่นี่คะ ก็อย่างที่เขาบอกว่าเมื่อคืนเขาคงจะเผลอเดินเข้าห้องผิด ส่วนหนูก็รู้สึกเหมือนว่าจะไม่ค่อยสบายเลยกินยาแล้วหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่แม่เข้ามา''จริงนะ แกอย่ามาโกหกแม่นะ
"ว้ายตายแล้ว นี่มันอะไรกันยายไพน์"ภัทรพิชารีบเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนตอนที่ได้ยินเสียงของมารดาดังขึ้นด้วยความตกใจ ความง่วงที่มีอยู่หายไปแบบสนิท ขนาดว่าแม่เธอร้องเสียงดังขนาดนี้ชีวินก็ยังกอดเธอไม่ยอมปล่อย จนเธอต้องแกะดึงมือเขาออก"แม่คะ คือว่าไพน์""ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห่างๆจากคุณชิน แล้วนี่มานอนกอดกันอยู่แบบนี้มันคืออะไร"ชีวินลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย เป็นเพราะเสียงร้องของพาณีที่ดังลงไปถึงข้างล่าง เลยทำให้ชวลิตต้องเดินตามขึ้นมาดู ภาพของชีวินและภัทรพิชานอนกอดกันอยู่บนเตียงทำให้พาณีตกใจเสียขวัญ ไม่ใช่ว่าชีวินเป็นคนไม่ดี แต่ติดที่ว่าลูกเลี้ยงไม่ชอบตัวเอง ก็เลยเป็นห่วงว่าจะมีเจตนาที่ไม่ดีต่อลูกสาว ส่วนชีวินได้ยินประโยคที่พาณีพูดกับภัทรพิชาเต็มสองหูก็หัวเสีย ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าไม่อยากให้ภัทรพิชายุ่งเกี่ยวกับเขา ก็ถ้าเกิดว่าภัทรพิชายุ่งด้วยแล้วจะทำไม เขามันไม่ดีอย่างไร ยิ่งฟังแล้วก็ยิ่งโกรธ ทีตัวเองยังเอาพ่อเขาไปนอนกกกอด แล้วทำไมเขาถึงจะเอาตัวภัทรพิชามานอนกกนอนกอดบ้างไม่ได้ชวลิตเปิดประตูตามเข้ามาดูเหตุการณ์ภายในห้อง พอเห็นว่าชีวินอยู่กับภัทรพิชาจริงก็เกิดอาการตกใจ ไม่คิดว่าจะมีเ
ค่ำแล้วชีวินขับรถไปจอดส่งภัทรพิชาที่หน้าบ้านแต่ว่าไม่ยอมเข้าไปในบ้านด้วย เหตุก็เป็นเพราะว่ายังไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองไปมีเรื่องชกต่อยมา ทั้งที่ในใจอยากจะตามภัทรพิชาเข้าไปด้วย อยากกลับมานอนที่บ้าน อยากจะนอนค้างห้องข้างๆติดกันที่มีเพียงแค่ผนังแผ่นหนึ่งกั้นเอาไว้ แต่รอให้แผลที่หน้าหายไปอีกหน่อย เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ภัทรพิชานอนห่างจากกายได้อีก"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง คุณขับกลับเองได้แน่ๆใช่ไหมคะ""ถ้าฉันบอกว่าขับไปคนเดียวไม่ไหว เธอจะยอมกลับไปค้างกับฉันด้วยหรือไง"ชีวินแกล้งเย้าคนข้างๆเล่น หากแต่ภัทรพิชากลับมองหน้าเขานิ่งอึ้งจนชีวินขำ"ฉันล้อเล่น เธอเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับแล้ว"ภัทรพิชาพยักหน้าปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วจึงหันไปเปิดประตูจะลง แต่มือของเธอกลับถูกชีวินคว้าเอาไว้แถมยังมองมายังเธอตาละห้อยไม่ยอมปล่อยให้เธอลง"คะ""คิดถึง"อะไรกัน นี่เขาคงไม่ได้ถูกเตวิชญ์ต่อยจนสมองได้รับความกระทบกระเทือนไปแล้วหรอกใช่ไหม ทำไมอยู่ๆชีวินคนที่ชอบใจร้ายใส่เธอถึงได้เปลี่ยนเป็นคนคลั่งรักขึ้นมา ตอนอยู่ด้วยกันที่คอนโดของเขาก็มีทั้งกอดทั้งจูบ ไหนจะมีแม้กระทั่งคำว่า คิดถึง ตามมาตอนนี้อีก ทำให้เธอได้สงสัยหวังว่าท