ภัทรพิชาตื่นขึ้นมาในตอนเกือบหกโมงเช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียนด้วยอาการงัวเงียเพราะว่านอนไม่เต็มตื่น เมื่อคืนหลังจากที่เอาเปรียบเธอจนพอใจชีวินก็กลับออกไปในตอนตีสี่กว่าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ภัทรพิชาจึงทำได้แค่เพียงขยับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นมาดูตอนที่ชีวินลุกขึ้นไปจากเตียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยเช่นกัน
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินหอบกระเป๋าลงไปข้างล่าง หางตาเหลือบไปเห็นแม่ของเธอกำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเดินเข้าออกครัวอยู่ไวๆ ภัทรพิชาจึงเดินลงไปเห็นชวลิตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่สายตาจะมองเลื่อนขยับไปเห็นว่าบนโต๊ะอาหารก็มีชีวินนั่งรออยู่ด้วยและเขากำลังมองมาทางเธอ
"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอไพน์ มากินข้าวต้มหมูสับก่อนสิ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพอดี"
ภัทรพิชาเดินตามหลังแม่ไปยังโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชวลิตวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองเธอลอดผ่านแว่นตามาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ชีวินกลับทำหน้าตึงแล้วตามมาด้วยถ้อยคำถากถางตามแบบฉบับเขา
"นี่ลูกสาวคนใหม่ของพ่อเขาชอบตื่นสายแล้วปล่อยให้คนอื่นนั่งรอบนโต๊ะอาหารแบบนี้ประจำเลยเหรอครับ"
"รอเรออะไรกัน ปกติไพน์ก็ลงมาเวลานี้เสมอ พูดอย่างกับว่าแกตื่นเช้านักทั้งๆที่ตัวแกเองก็พึ่งจะลงมาก่อนหน้าไพน์ยังไม่ถึงหน้านาทีเองเจ้าชิน"
"หึ แตะไม่ได้ด้วยสิ"
ทั้งภัทรพิชาและพาณีเดินเข้ามาถึงตรงโต๊ะพอดีก็เลยต่างก็หน้าเจื่อนไปตามๆกัน ชีวินตั้งใจพูดจากระทบแดกดันเธอซึ่งหน้าทั้งๆที่ปกติเธอก็ยังจะลงมาทานอาหารเช้าร่วมกับมารดาและชวลิตเวลานี้เสมอ
"ต้องขอโทษคุณชินแทนไพน์ด้วยนะคะที่ทำให้รอ สงสัยว่าเมื่อคืนไพน์คงน่าจะอ่านหนังสือเตรียมสอบจนดึกเลยใช่ไหมล่ะลูกก็เลยลงมาทีหลังคุณชิน"
พาณีตัดสินใจกล่าวขอโทษชีวินเสียเพื่อไม่อยากให้ทุกอย่างมันแย่ลงกว่านี้ ถึงแม้ว่าลึกๆแล้วเธอเองจะไม่ได้รู้สึกว่าภัทรพิชาทำอะไรผิดก็ตาม แต่ในที่สุดก็เอ่ยคำขอโทษออกไปเพราะไม่อยากให้ผู้เป็นสามีไม่สบายใจในคำพูดของลูกชายตัวเอง เพื่อที่จะให้เธอและลูกสาวได้อยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างสุขสบาย ในฐานะแม่ เธอคงจะยอมทำได้ทุกอย่าง ยอมๆขอโทษไปเถอะทุกอย่างมันจะได้จบ ยังไงเสียปกติชีวินก็ไม่ค่อยได้มานอนค้างที่บ้านหลังนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่นาถนรีเสียไป ชีวินก็มักจะไปนอนค้างที่คอนโดมิเนียมติดมหาวิทยาลัยเสียมากกว่า หนึ่งในเหตุผลก็คงอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเธอที่ตัดสินใจแต่งงานกับชวลิตด้วย จากเด็กหนุ่มที่เธอเคยชื่นชมว่าอัธยาศัยและมารยาทดี เคยแม้กระทั่งให้เธอติดรถออกไปซื้อกับข้าวในตลาด เคยพาภัทรพิชาไปส่งโรงพยาบาลตอนดึกตอนที่ภัทรพิชาเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ใหม่ๆ ไปเที่ยวที่ไหนก็ซื้อของมาฝากเธอกับลูก จนเธอเคยคิดว่าอยากจะให้ภัทรพิชาได้เจอผู้ชายดีๆแบบนี้ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชีวินกลายเป็นเด็กหนุ่มปากร้าย คอยพูดจาทิ่มแทงว่าให้เธอกับลูกทุกครั้งที่เจอหน้า จนมีหลายครั้งที่เธอแอบหมั่นไส้ อยากจะยุแยงให้ภัทรพิชาจับชีวินทำสามีเสีย เพื่อที่ว่าชีวินจะได้มีปากมีเสียงน้อยลง
"ณีไม่ต้องไปขอโทษเจ้าชินมันหรอก ก็เห็นๆอยู่ว่าไพน์ก็ลงมาเจ็ดโมงเหมือนทุกวัน รู้อยู่ว่าเจ้านี่มันปากไม่ดีชอบหาเรื่อง"
"หึ ผมเนี่ยนะชอบหาเรื่อง เข้าข้างกันเข้าไปเถอะ ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคนใหม่คนดีของคุณพ่อ จริงๆแล้วเมื่อคืนเขาอาจจะไม่ได้อ่านหนังสือ แต่แอบไปทำอะไรสนุกๆจนไม่ได้หลับได้นอนก็ได้นะครับ"
ภัทรพิชาหน้าเสียใจหายวาบขี้นมาทันทีที่อยู่ดีๆชีวินพูดอะไรแบบนี้ออกมา เธอรู้ว่าความนัยที่ซ่อนอยู่ภายใต้ถ้อยคำถากถางของเขานั้นคืออะไร แต่มันก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ใช่หรือที่เป็นคนทำเรื่องจนเธอแทบไม่ได้หลับได้นอน
"ตลกแล้วล่ะเจ้าชิน สองปีที่อยู่ที่นี่มาฉันก็เห็นไพน์ออกจะขยันตั้งใจเรียน ผลสอบคะแนนออกมาสูงสุดในรุ่นทุกปี มีแต่แกเองนั่นแหละที่เอาแต่อยู่รั้งท้าย ยังไม่โดนมหาวิทยาลัยรีไทร์ก็ดีเท่าไหร่แล้ว"
"เคยดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยังดีนี่ครับ นี่ไม่รู้ว่าตกลงคุณพ่อยังเป็นพ่อของผมหรือเปล่า หรือว่าพอแต่งงานใหม่แล้วก็ลืมไปแล้วว่ายังมีผมลูก"
"เจ้าชิน!"
"เออะ คือว่าอย่าทะเลาะกันเลยนะคะ ณีว่าเราทานข้าวต้มกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน"
ทุกคนต่างทานข้าวต้มของตัวเองไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกเลยจนกระทั่งจบมื้ออาหาร ภัทรพิชาจึงลุกขึ้นช่วยมารดายกจานเข้าไปเก็บในครัว มันเป็นอย่างนี้ทุกวัน และในอีกหลายๆครั้งที่ชวลิตบอกว่าให้จ้างแม่บ้านมาเพิ่มเสียเถอะ เพื่อที่แม่ของเธอจะได้ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เอง แต่แม่ของเธอก็ยังคงปฏิเสธอยู่เรื่อยเช่นกัน
"นี่ไพน์ พูดก็พูดเถอะนะ หลายครั้งแล้วฉันล่ะหมั่นไส้คุณชินจริงๆ ชอบมาพูดจากระทบกระทั่งแดกดันแกกับแม่อยู่ได้ คนเราถ้าเกิดว่าไม่ชอบหน้ากันทำไมถึงไม่ต่างคนต่างอยู่เสียก็หมดเรื่อง จะมาฟาดฟันคำพูดไม่ดีใส่กันให้เสียสุขภาพจิตไปทำไม"
"แม่ พูดเบาๆ เดี๋ยวเขาก็เดินเข้ามาได้ยินหรอก"
"แกรู้อะไรไหม นี่ถ้าแม่เป็นแม่ที่เลวกว่านี้อีกสักหน่อยล่ะก็ แม่จะยุให้แกอ่อยแล้วจับคุณชินทำผัวมันซะเลย ผู้ชายปากร้ายแบบนี้มันต้องโดนกำราบ ดีไม่ดีก็อาจจะแอบชอบแกอยู่แล้วทำเป็นแขวะนู่นแขวะนี่เพราะว่าอยากจะรวบหัวรวบหางแกก็ได้ ยิ่งพอแกโตแกก็ยิ่งสวยรู้ตัวหรือเปล่า แกต้องอยู่ห่างๆเขาเอาไว้นะ อย่าไปเผลอยุ่งกับเขาล่ะแม่เป็นห่วง เข้าใจไหม"
"ค่ะแม่"
ภัทรพิชาจำเป็นต้องรับคำมารดาไปอย่างแกนๆ ทั้งๆที่ภายในใจนั้นหัวอกเธอแทบจะกระอักเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดากลัวว่ามันจะเกิดและมันก็พึ่งได้เกิดขึ้นไปแล้วถึงสองครั้งสองครา เธอจะไม่มีวันยอมให้มารดาได้รับรู้ถึงสิ่งที่ได้สูญเสียไปเด็ดขาด ความลับจะยังคงต้องได้เป็นความลับต่อไป รอแค่ว่าเมื่อไหร่วันนั้นมันจะมาถึง วันที่ชีวินบอกว่าเบื่อเธอแล้ว และเลิกยุ่งเกี่ยวกับเธอไปเอง
"แกรีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสาย"
พอเดินกลับออกจากห้องครัวมาก็พบว่าชีวินไม่ได้นั่งอยู่ที่บนโต๊ะกับชวลิตแล้ว วันนี้เขาเองก็คงจะมีเรียนคาบเช้าเหมือนกัน เขาถึงได้แต่งชุดนักศึกษาลงมา
"ไพน์ หนูนั่งรถไฟฟ้าไปเรียนเองได้ใช่ไหมลูก วันนี้ลุงไม่ได้ออกไปไหน หรือว่าจะให้บอดี้การ์ดลุงขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัยเอาไหม"
"ไม่ต้องหรอกค่ะคุณลุง ปกติไพน์ก็นั่งรถไฟฟ้าไปทุกวันมันสะดวกดี ไม่ต้องเจอรถติดด้วย"
"อืม เอาอย่างงั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นลุงก็ตามใจ เมื่อกี้บอกให้เจ้าชินมันรอให้หนูติดรถไปด้วยมันก็ไม่ยอมรอทั้งๆที่ก็ไปมหาวิทยาลัยเดียวกันแท้ๆ นิสัยชักจะเอาใหญ่ ลุงนี่หมดคำพูดกับมันจริงๆ"
ภัทรพิชาเดินออกจากประตูรั้วบ้านมาพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับชีวินไปเรื่อยๆ ยอมรับกับตัวเองว่าเหตุผลหนึ่งที่ตัวเองยอมให้เรื่องราวลับๆระหว่างเธอและชีวินเกิดขึ้นมานั้นก็เป็นเพราะว่าเธอแอบมีความรู้สึกดีๆให้เขาในใจมานานแล้ว
คืนหนึ่งตอนที่เธอพึ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆแล้วเธอเกิดเป็นไข้ตัวร้อนหนักมาก แม่ของเธอตัดสินใจพาเธอออกมายืนรอแท็กซี่หน้าบ้านเพื่อจะพาไปโรงพยาบาล แต่ได้เจอกับชีวินที่กำลังกลับมาจากข้างนอกแล้วได้เจอเธอกับแม่เข้า บอกว่าเขาจะเป็นคนพาไปส่งโรงพยาบาลเอง จังหวะที่เดินจากหน้าบ้านเพื่อมาขึ้นรถ ขาของเธอก็เกิดหมดแรงจนเดินไม่ไหวเกือบได้ล้มลงไปบนพื้น ดีที่ว่าชีวินพุ่งตัวเข้ามาช่วยแม่ของเธอประครองแล้วอุ้มเธอไปขึ้นรถขับไปส่งที่โรงพยาบาลทันที
นับตั้งแต่นั้นภัทรพิชาก็แอบยื่นหัวใจดวงน้อยของเธอไปให้ชีวินโดยที่เขาไม่เคยร้องขอ มันเป็นเพราะเธอแอบชอบเขามาโดยตลอด เมื่อคืนนี้จึงได้ยอมให้เกิดเรื่องราวลับๆขึ้นมาอีกครั้ง
"จะเดินก้มหน้าก้มตา เดินไม่ดูตาม้าตาเรือให้รถมันขับมาชนเธอเลยหรือไง ขึ้นรถ"
พอเดินลงจากรถลงมาชีวินก็ตรงเข้ามาดึงแขนให้เธอเดินตามเขาเข้าไปในที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคอนโดมิเนียมทั่วไป มือเขาข้างหนึ่งถือถุงกระดาษ ส่วนอีกข้างก็ดึงข้อมือของเธอเอาไว้ จนกระทั่งพาเธอเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าลิฟท์ ทันใดนั้นถังขยะที่อยู่ใกล้มือก็ถูกเปิดออก ตามด้วยถุงชุดนักศึกษาสองถุงที่เตวิชญ์เป็นคนซื้อให้นั้นถูกยัดลงไปนอนในถังขยะเป็นที่เรียบร้อย"คุณชินนี่คุณทำบ้าอะไร นั่นมันที่พี่ต้าพึ่งซื้อให้ใหม่นะคะ"ด้วยความโมโหจึงทำให้ภัทรพิชาเสียงดังใส่เขา นาทีนี้เธอไม่กลัวเขาแล้ว ถ้าหากว่าชีวินจะกลายเป็นคนนิสัยเสียขึ้นมา อยู่ๆก็มาบังคับให้เธอไปซื้อชุดใหม่ พอมีคนซื้อให้ก็ปาทิ้งขว้างแบบไม่มีเหตุผล"แล้วไง อยากใส่นักหรือไงชุดที่ไอ้ต้าซื้อให้""ก็คุณเป็นคนที่อยากให้ไพน์ไปซื้อใหม่ชุดเองไม่ใช่หรือไง พี่ต้าก็อุตส่าห์ซื้อให้แล้ว อยู่ดีๆจะมาเอาชุดไปเฉยๆแบบนี้คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ""ไม่ได้บ้า แต่แค่ไม่อยากให้เธอใส่ เรื่องชุดฉันเป็นคนบอกว่าให้เธอเปลี่ยน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเป็นคนซื้อ ถามหน่อยซิว่ามันเกี่ยวอะไรกับไอ้ต้า ใครบอกให้มันเป็นคนเสนอหน้ามาซื้อชุดให้เธอ ไหนจะเรื่องที่เธอนั่งรถมากับไอ้ต้าสอง
ระหว่างทางชีวินไม่ค่อยเป็นอันขับรถนักเมื่อสายตาคอยเอาแต่จ้องมองเข้าไปภายในรถคันข้างหน้าที่มีเตวิชญ์ขับนำอยู่ก่อน ยิ่งพอรถของเตวิชญ์สามารถขับผ่านสัญญาณไฟจราจรไปได้ก่อนที่จะต้องติดไฟแดงเหมือนรถของเขา หัวคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งตั้งแต่ตอนแรกก็ยิ่งผูกเข้ากันเป็นปมยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว "ดูพี่ต้าสิคะรีบขับพาไพน์เฉียดไฟแดงไปก่อนแบบนั้น สงสัยคงกลัวว่าพี่ชินจะตามทันแล้วไม่มีเวลาได้อยู่กับไพน์" "ไอ้ต้ามันขับรถบ้าอะไรของมัน วิ่งเฉียดไฟแดงไปแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าอันตราย"ชีวินยังตีโพยตีพายโวยวายเรื่องการขับรถของเตวิชญ์ต่อ วินาทีนั้นยอมรับว่าเขาใจหายวาบราวกับคนขวัญอ่อน หากว่าเกิดอะไรกับคนในรถคันนั้นขึ้นมา มีหวังเขาคงจะถูกผู้เป็นบิดาและแม่ของผู้หญิงคนนั้นเอาสืบสาวเอาเรื่องเข้าแน่ๆ จนกระทั่งสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นมา คันเร่งของรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ถูกเหยียบเร่งตามไปติดๆ หากแต่ว่าเขาขับตามไปไม่ทัน จนไปถึงที่จอดรถในห้าง จึงได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเตวิชญ์ทันที หากแต่ไม่มีคนรับ"ไอ้ต้ามันไม่ยอมรับโทรศัพท์ อินลองโทรหามันดูให้หน่อยสิครับ"พอบอกอินทุอรเสร็จ ตัวเองก็เปลี่ยนมากดโทรออกหาภัทรพิชา แต่กลายเป็นว
หลังจากเรียนเสร็จอินทุอรก็ขยั้นขยอให้เธอไปดูหนังพร้อมตัวเองและเตวิชญ์ ภัทรพิชาได้แต่อยากปฏิเสธให้มันจบๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร จะให้บอกเพื่อนไปตรงๆเลยก็ไม่ได้ว่าตัวเธอเองก็กำลังถูกชีวินส่งข้อความมาตามตัวอยู่เหมือนกัน"นะไพน์ ไปดูหนังเป็นเพื่อนฉันกับพี่ต้าหน่อย อุตส่าห์โทรไปชวนพี่ชินเมื่อกี้ แต่พี่ชินดันบอกว่าติดธุระ ไปด้วยไม่ได้สะงั้น เซ็งจัง""เออะ อิน คือว่าฉัน..""แกห้ามปฏิเสธพี่ฉันนะไพน์ บอกไว้ก่อน รู้ไหมว่าพี่ต้าปกติมีแต่สาวๆพากันวิ่งเข้าหา ฉันก็พึ่งเห็นมีวันนี้นี่แหละที่ว่าคุณพี่ชายเทพบุตรสุดหล่อของฉันอยากจะจีบสาว"ภัทรพิชาฟังอินทุอรสาธยายความฮอตของญาติหนุ่มตัวเองแบบคิดว่าน่าจะเชื่อได้ เตวิชญ์ถือว่าเป็นคนที่หน้าตาและบุคลิกดีมากๆคนหนึ่ง การที่อินทุอรบอกว่าเขามีสาวๆวิ่งเข้าหามากมายนั้นมันคงไม่เกินจริงแน่นอน แต่ทำไมเรื่องอะไรแบบนี้มันต้องมาเกิดกับเธอ เตวิชญ์เป็นเพื่อนกับชีวิน ส่วนอินทุอรก็เป็นเพื่อนของเธอ ทุกอย่างมันดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด"นี่ยายอิน เราเล่นมาพูดแบบนี้ต่อหน้าไพน์พี่ก็เขินแย่สิ""เขินทำไมล่ะคะพี่ต้า อยากจีบก็บอกว่าอยากจีบสิคะ เอาให้มันแมนๆหน่อย ยอมรับตรงๆไปเล
ภัทรพิชาถูกสั่งให้ขึ้นรถมากับคนที่ชวลิตบอกว่าไม่ยอมให้เธอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย รถของชีวินจอดรออยู่ห่างออกจากบ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่ หากแต่เป็นเธอเองที่ไม่ทันได้สังเกตเพราะว่าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและเขา จนกระทั่งเดินเลยผ่านจึงถูกเขาเรียกและบังคับให้เธอต้องขึ้นรถมาเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีดำเทาขับพาเธอทะยานสู่ท้องถนนในตอนเช้า ทุกอย่างดูเร่งรีบและยืดยาดในเวลาเดียวกัน จากที่นั่งเงียบมากันตลอดทาง อยู่ๆมือข้างที่ว่างอยู่ก็วางแหมะลงมาบนต้นขาขาวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาของเธอออกมาในตอนที่รถจอดติดอยู่บนทางด่วน"คุณชิน"ชีวินหันมามองหน้าเธอแล้วยิ้มกึ่งเยาะที่ริมฝีปาก ภัทรพิชาจะรีบปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้บนต้นขาของตัวเองให้พ้นไปแต่เจ้าของมันกลับไม่ยินยอม"จับไม่ได้หรือไง""จับทำไมคะ"ภัทรพิชาหน้ายุ่งเพราะรู้ว่าชีวินกำลังจงใจแกล้งยั่วเธออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบชอบเขาอยู่จนยอมให้เกิดเรื่องราวลึกซึ้งเกินเลยขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความชีวินจะทำอะไรกับเธอยังไงตอนไหนก็ได้"อยากจับ เห็นเธอใส่กระโปรงเสียสั้น เวลานั่งทีกระโปรงก็ถลกขึ้นมาจนเห็นขาขาวๆ ฉันก็เลยนึกว่าเธออยากจะใส่มายั่วฉัน""ไ
ภัทรพิชาตื่นขึ้นมาในตอนเกือบหกโมงเช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียนด้วยอาการงัวเงียเพราะว่านอนไม่เต็มตื่น เมื่อคืนหลังจากที่เอาเปรียบเธอจนพอใจชีวินก็กลับออกไปในตอนตีสี่กว่าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ภัทรพิชาจึงทำได้แค่เพียงขยับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นมาดูตอนที่ชีวินลุกขึ้นไปจากเตียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยเช่นกันหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินหอบกระเป๋าลงไปข้างล่าง หางตาเหลือบไปเห็นแม่ของเธอกำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเดินเข้าออกครัวอยู่ไวๆ ภัทรพิชาจึงเดินลงไปเห็นชวลิตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่สายตาจะมองเลื่อนขยับไปเห็นว่าบนโต๊ะอาหารก็มีชีวินนั่งรออยู่ด้วยและเขากำลังมองมาทางเธอ"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอไพน์ มากินข้าวต้มหมูสับก่อนสิ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพอดี"ภัทรพิชาเดินตามหลังแม่ไปยังโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชวลิตวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองเธอลอดผ่านแว่นตามาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ชีวินกลับทำหน้าตึงแล้วตามมาด้วยถ้อยคำถากถางตามแบบฉบับเขา"นี่ลูกสาวคนใหม่ของพ่อเขาชอบตื่นสายแล้วปล่อยให้คนอื่นนั่งรอบนโต๊ะอาหารแบบนี้ประจำเลยเหรอครับ""รอเรออะไรกั
ทันทีที่ถูกฉุดมาให้ลุกขึ้นนั่ง ชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวตัวบางถูกถอดออกจากทางศรีษะ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เผลอสบตา ริมฝีปากของชีวินก็ตรงเข้ามาครอบลงบนริมฝีปากหวานทันควัน ลิ้นชื้นสอดมุดเข้าไปในโพรงปากนุ่มทันที เขาไม่มีรอจังหวะ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาควานบีบคลึงไปบนเต้างามและบนสะโพกกลมกลึง ภัทรพิชายอมปล่อยให้ชีวินสัมผัสทุกอย่างบนร่างกายเธอได้ตามอย่างแต่ใจด้วยการตอบสนองเป็นท่าทางที่แสนจะเงอะงะ ปราศจากความรู้สึกต่อต้าน สองกายกอดรัดฟัดเหวี่ยงเข้าหาในขณะที่คนหนึ่งเปลือยเปล่าแล้ว หากแต่อีกคนยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาครบชุด"ถอดเสื้อให้ฉัน"แม้ว่าจะรสจูบของเขาจะมีรสชาติมึนเมาจนเธอสมองเบลอ ลมหายใจคล้ายขาดห้วงจนเกือบจะหายใจหายคอไม่ทัน แต่ภัทรพิชาก็ยังคงพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย สองมือสั่นเทารีบยกขึ้นไปแกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างยากลำบาก เหตุผลก็เป็นเพราะว่ารสจูบที่ชักจะร้อนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อชีวินตั้งใจจูบเอาแบบไม่มีความปราณียิ่งทำให้เธอสติหลุด"กระดุมแค่ไม่กี่เม็ด เธอจะใช้เวลาแกะจนถึงพรุ่งนี้เลยไหมไพน์ ชักช้า เอามือออก งั้นกระดุมเสื้อไม่ต้องละ เปลี่ยนเป็นมาถอดเข็มขัดกับกางเกงให้ฉ