เรือนบรรพชนคือสถานที่นาง ใช้ชีวิตมากกว่าห้องนอนของตน และบ่อยครั้ง ก็หลับนอนกับป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ “หลานไร้ที่พึ่งแล้ว ครั้งนี้บิดาทำเรื่องผิดต่อฮ่องเต้ ข้อหาร่วมมือกับเหลียงอ๋อง ร้ายแรงยิ่งนัก เขาถูกคุมขังไม่พอ บ่าวไพร่ล้วนส่งขายเป็นแรงงานชั้นต่ำ ลูกหลานชายอายุเกินสิบสอบปีต้องโทษจำคุก สตรีที่เหลือล้วนมีชะตากรรมต่างกันไป ท่านย่า เหตุใดโทษถึงร้ายแรงเพียงนี้ ตัวข้าเป็นเพียงดรุณีในห้องหอ ความผิดใดๆ ไม่เคยก่อ เพียงเพราะบิดาเลือกข้างผิด จำต้องรับกรรมหนัก ยามนี้ข้าไม่ยอมรับโทษที่ไม่เป็นธรรม สิ่งเดียวที่คิดได้คือหลบหนีให้ไกล... หากท่านย่าเมตตาหลานสักนิด โปรดนำทางด้วย ชีวิตที่เหลือนี้ หลานจะไม่เป็นสตรีในห้องหอ รอความตายโดยให้บุรุษเป็นผู้ชี้ชะตาชีวิตอีกต่อไป” พอเสียงในหัวเงียบลง เซียวซือเหรินก็ไม่มั่นใจว่า นางกำลังเพ้อหรือไม่ แต่ผีเสื้อตัวดังกล่าว กำลังนำทางไป ฝ่ายนางมีเรี่ยวแรงสืบเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ เหล่าคนด้านหลังไล่ตามมาก็จริง แต่เสียงห่างออกไปเรื่อยๆ จวบจน นางมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าลึก ก็พบว่าพวกคนงานฝังศพไม่อยู่ด้านหลังแล้ว ความแปลกใจ มาพร้อมความเย็นยะ
ในที่สุดถังเซวียนก็พาตัวเซียวซือเหรินออกจากอันตรายสำเร็จ ก่อนหน้านั้นเขาใช้เวลาร่วมหนึ่งเดือนติดตามหานาง และมันเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เพราะนางหลบหนีเก่ง แต่ฝ่ายตรงข้ามใต้เท้าเซียวคิดฆ่าล้างตระกูลเซียว ดังนั้นเขาจึงทำตามคำสั่งเจ้านาย ช่วยเหลือหลายชีวิตให้พ้นเคราะห์กรรมใหญ่หลวง อีกอย่างฮ่องเต้ยังประชวร มู่หยางอวี่ข่ายจึงไม่อาจมาดูแลเซียวซือเหรินด้วยตนเอง เขาต้องเลือกความสำคัญของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ทั้งต้องวางกำลังรอบวังหลวง เพื่อป้องกันการก่อกบฏ “ที่นี่ไม่ใช่ หน่วยตรีสุริยะ”เซียวซื่อเหรินส่งเสียงแหบแห้งออกมา “เลื่อมใสคุณหนูจริง ๆ ถูกต้อง ข้ามิบังอาจพาท่านไปสถานที่แห่งนั้น ตอนนี้ ดื่มกินอาหารตรงหน้าเสีย จากนั้น จะมีสาวใช้ออกมาช่วยทำความสะอาดร่างกาย และอย่าได้คิดหนี หรือติดต่อคนนอก ผู้อื่นยามนี้ ยากไว้ใจ” “เจ้าหมายความเช่นไร” ถังเซวียนถอนหายใจออกมาสองครั้งติดกัน เขารู้สึกว่าหางตาขวานั้นกระตุกบ่อยครั้งเกินไปแล้ว นั่นเป็นเพราะได้รับมอบหมายทำงานสำคัญของตระกูลเซียวนั่นเอง “เจ้านายของข้า ยินดีพบคุณหนู และต้องการพูดคุยเรื่องสำคัญด้วย แน่นอนมันเกี่ยวข้องกับการมีชีวิ
บทส่งท้าย ภาพที่เซียวซือเหรินเห็นคือ น้องชายมาอยู่ตรงหน้า และยังมีเสี่ยวเนี่ยน โจวฟางผู้เป็นแม่นม ที่ได้รับการรักษาเป็นอย่างดี ส่วนมารดานางเสียชีวิตไปแล้ว นี่คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ หญิงสาวกอดทุกคน และสอบถามสิ่งต่างๆ มากมาย ส่วนเสี่ยวเนี่ยนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับนาง และทำให้รู้ว่าฝ่ายตงเหลียนปกป้องนางจนแทบเอาชีวิตไม่รอด เซียวซือเหรินเช็ดน้ำตาตนเองเรียบร้อย ก็หันมาด้านหลัง ด้วยร่างสูงใหญ่เดินมาหานาง และเขามีข่าวดีจะบอก “อาเหริน บิดาเจ้าไม่ได้ถูกจองจำแล้ว แต่ยังมีหน้าที่รับใช้บ้านเมืองที่เกาะฉางไห่ ทำการเกษตรเป็นเวลาสิบปี เมื่อครบกำหนดก็เป็นอิสระ” เซียวซือเหรินยืนนิ่งค้าง เรื่องที่เขาบอก ดีใจ ตื้นตัน และนางเลือกที่จะให้เขาช่วย มันเป็นสิ่งที่สมควร หญิงสาวเอื้อมมือไปจับชายแขนชายหนุ่ม ในตอนนั้นที่รู้สึกว่าหน้ามืด ก่อนที่จะสติดับวูบอย่างไม่ทันตั้งตัว “อาเหริน...” เขาเรียกนางได้เท่านั้นจึงอุ้มร่างอีกฝ่าย พาเข้าไปด้านใน ส่วนคนอื่นๆ รีบตามหมอมาดูอาการหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง เซียวซือเหรินรู้สึกตัวในอีกเกือบครึ่งชั่วยามต่อมา
แนะนำตัวละครซูฟ่านอิง คุณหนูสิบสาม แซ่เดิมกัว ถูกขับให้ออกจากจวนใหญ่หลัวอี้ถัง แม่ทัพเทพอาชาซูหมิงซื่อ คุณหนูเก้าตระกูลซู ผู้หนีการแต่งงานฮูหยินผู้เฒ่าซู นางสิงห์เฒ่าตระกูลซู ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดพ่อบ้านจางเหลียว ดูแลความเรียบร้อยของจวนแม่ทัพแม่นมไห่เหอ แม่นมคนสนิทของซูหมิงซื่ออมาตย์ซู ซูเหวิน ชายผู้อวดดี และเกลียดชังพวกชอบใช้กำลังต้าเฉิน หัวหน้าองครักษ์หลวงรองแม่ทัพเกา เกาฉงหมิง บุรุษที่น่าคบหา ชำนาญการรบ**************** โดยปกติคุณหนูสิบสามตระกูลซู ไฉนจะยอมถูกมัดมือมัดเท้าเช่นนี้ แต่เป็นเพราะพ่อบ้านจางจอมกะล่อนกับแม่นมไห่ตัวแสบ ทั้งคู่ต่างพาแข่งกันร้องไห้เสียงดังจนน่าหนวกหู พร้อมเอ่ยอย่างสิ้นหวังว่า พวกเขาจะเอาหัวชนเสาหินใหญ่หรือไม่ก็กัดลิ้นตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย หากซูฟ่านอิงไม่ยอมนั่งเกี้ยวเข้าจวนแม่ทัพหลัว “โถ พวกเจ้า โง่พอที่จะทำเยี่ยงนั้นจริงหรือ” “บ่าวกับพ่อบ้านจาง ย่อมจำเป็นต้องพลีชีพ หากคุณหนูไม่ตัดสินใจทำสิ่งนี้!” แม่นมไห่ว่าแล้วก็ลงไปนอนดิ้นบนพื้น แล้วปัดตัวไปมาบนพื้น นางทำราวกับเป็นเด็กวัยสามสี่ขวบยามถู
กระทั่งเขาเปิดประตูเข้าไป ชายหนุ่มต้องหัวเราะเสียงหึ ๆ “ผู้ที่ข้าแต่งงานด้วย เป็นลูกลิงนิสัยเสียหรืออย่างไร ถึงถูกมัดมือมัดเท้าแน่นหนาเช่นนี้” และหลัวอี้ถังรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า สตรีที่มีผ้าคลุมหน้าที่เข้าพิธีหลอก ๆ อยู่ด้านนอก เป็นตัวปลอม นางคือสาวใช้ อันเป็นสินเดิมของคุณหนูผู้นี้ ส่วนคนที่เปลือยกาย อวดผิวขาวจัดซึ่งกลิ้งอยู่บนพื้นคือบุตรีของอมาตย์ซู ตาแก่หนังเหนียวที่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างเช่นยุยงให้เหล่าขุนนางยื่นฎีกาเพื่อไม่ให้เขาซื้อม้าศึกหรือส่งเสบียงไปช่วยเหลือเมืองหน้าด่าน แม้กระทั่งคอยปั่นหัวเหล่าบัณฑิตรวมตัวเรียกร้องต่อฮ่องเต้เพื่อสั่งให้ลดกำลังทหารและขยายเรื่องการเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นต่าง ๆ แทน ทั้งที่เรื่องเหล่านี้เหมือนเป็นการชักศึกเข้าบ้าน “อยากให้ข้าควักลูกตาท่านหรือ เหตุใดถึงได้มองผู้อื่นเช่นนั้น” นางว่า แล้วหวีดร้องเสียงสูงจัด และหลัวอี้ถังเกลียดสตรีไม่สำรวม พวกนางงิ้ว นางระบำที่ชอบขึ้นเสียงใส่เขาเป็นที่สุด นางคงถือตัวว่าเป็นลูกสาวอมาตย์ซู แต่สำหรับเขา สกุลซูเป็นเพียงพวกขวางโลก ไร้ประโยชน์ และยังทำตัวถ่วงอำนาจกับความก้าวห
จากนั้นเชือกที่มัดตัวนางถูกตัดออกทีละเส้น ซูฟ่านอิงใจเต้นระทึก ด้วยไม่อยากตกเป็นของเขา ไม่ใช่รังเกียจ เขานั้นสง่างาม แน่นอนหล่อเหลากว่าชายใดที่นางเคยพบพาน แต่...ตอนนี้ยังไม่พร้อม มันรวดเร็วเกินไป ดังนั้นนางจะต้องจัดการเทพอาชาให้หมอบในกระบวนท่าเดียว ขอเพียงสองมือเรียวสวยนี้เป็นอิสระ ทว่าไม่ทันทีเขาจะใช้มีดสั้นตัดเชือกที่มัดมือนางไพล่หลัง สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาซูฟ่านอิงคือเรือนกายเปลือยเปล่าของบุรุษ ! หลัวอี้ถังมีความสามารถถึงเพียงนี้ เขาทำให้ซูฟ่านอิงต้องเบิกตาโต จ้องเรือนกายกำยำราวกับถูกเวทมนตร์สะกดไว้! “อ๊ะ...ท่าน ช่างเป็นบุรุษไร้เกียรติ!” เมื่อคลำหาเสียงตนเองพบ นางก็แว้ดแหวใส่ เขาไม่อายผู้อื่นหรือไร เปลือยกายต่อหน้านางยังไม่พอ เขากลับแสดงความภูมิใจในเนื้อหนังของตนด้วย หลัวอี้ถึงเป็นนักรบโดยแท้ ผิวคล้ำเข้ม มีรอยแผลเป็นหลายแห่ง หากไม่ได้ดูน่ากลัว มันกับขับให้เขาเป็นบุรุษน่าเกรงขาม และมีเสน่ห์ทางเพศรุนแรง หน้าท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ดูเหมือนจะไร้ไขมันด้วยซ้ำ และเมื่อมองต่ำลงไปใต้สะดือลึกสวย นางก็เผลอกลืนน้ำลายดังเอื๊อกใหญ่ ขนในที่ลับ
หลังจากพายุอารมณ์รอบแรกผ่านไป ซูฟ่านอิงก็กลับไปคลุมร่างอยู่ในพรมขนจิ้งจอก และมีผ้าแพรสีแดงอีกผืนทับเอาไว้ นางตกใจ รู้สึกหวิวไหวและยังซ่านสยิวบริเวณเนื้อสาว แน่ละ นางตกเป็นของเขาแล้ว และต้องใช้ขี้ผึ้งชนิดพิเศษช่วยให้ทุกอย่างราบรื่น กระนั้นนางยังมีความอึดอัดจนรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย จวบจนเขาแก้มัดนางจนเป็นอิสระ ซูฟ่านอิงก็ยังไม่อาจขยับตัว “เจ้าทนไหวหรือไม่...” “ขะ ข้ามีทางเลือกอื่นหรืออย่างไร” นางละอาย และขัดเขิน การตกเป็นของบุรุษสักคนที่เพิ่งพบหน้าเพียงครั้งแรกเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับ “ไม่มี...” เขาเอ่ยแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ และดูเหมือนจะยังไม่อิ่มในรสสวาทระหว่างชายหญิง “หากบุตรีของจิ้งจอกเฒ่าซู ไม่อ่อนหัด หรือนุ่มนิ่มจนเกินไป ข้าก็อยากรู้นักว่าจะมีความสามารถล้มบุรุษผู้นี้ได้หรือไม่” หลัวอี้ถังกำลังท้าทายนาง! “ท่านยังมีหน้ามาใช้วาจาเช่นนี้กับข้าหรือ” “โถ เรียกท่านพี่สิ...ฮูหยินน้อย!” “ข้าเป็นฮูหยินน้อยของคนไร้ยางอายตั้งแต่เมื่อใด” “ฮ่า ๆ ๆ เมื่อครู่ ฮูหยินน้อยคงลืมแล้วว่า ส่วนใดกลืนน้ำวิสุ
แม่นมไห่ที่ติดตามซูฟ่านอิงมาด้วย และนางโล่งใจเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายเสียที หลังจากอยู่ในห้องหอนานจนน่าวิตก “ล้มวัวให้ข้าสักตัว หาน้ำนมวัวอย่างดีมาด้วย รวมถึงบะหมี่ไข่เนื้อขาแกะตุ๋น ข้าต้องการกุ้งสด ๆ ตัวโต ๆ ราดน้ำส้มข้าวเหนียวหมักด้วย ทั้งหมดรีบจัดหาอย่างเร่งด่วน หากไม่ทันใจจวนแม่ทัพแห่งนี้ข้าจะพังให้ย่อยยับ” ซูฟ่านอิงหิวจัด เมื่อสั่งการเรียบร้อยจึงกลับเข้าไปที่ห้องหอ มองร่างคนตัวโตที่นอนอย่างสำราญใจบนเตียงกว้าง “บุรุษเช่นท่าน... ยังมีน้ำยาให้ข้ารีดอีกหรือไม่ กระบี่ท่อนเนื้อ... 1 นิ้วก้อยสตรี!” นางมองร่างกายกำยำของหลัวอี้ถัง เขาเป็นคนที่รูปร่างดี มัดกล้ามแกร่ง หน้าท้องเป็นลอนสวย ผิวชายหนุ่มเป็นสีเข้ม ดูแล้วให้ความรู้สึกสยิวซ่านใจ นางยอมรับว่าหลงใหลอีกฝ่าย พอทำให้เขานอนนิ่ง ๆ อยู่เช่นนี้ นางจึงมีโอกาสสำรวจเรือนกายแกร่งอย่างย่ามใจ “หนอนน้อยท่านหลับใหล เช่นนี้ข้าควรจับตอนดีหรือไม่” หญิงสาวว่าจบจึงหัวเราะชอบใจ ทั้งนึกสนุก กระทั่งเห็นสีหน้าเขาระบายยิ้ม นางจึงหึงหวงอย่างคนไร้เหตุผล “ท่านแม่ทัพ กำลังฝันสัปดนหรืออย่างไร” มือข้างหนึ่งหวิดตบ
สามปีต่อมา โจวฟางจื่อรู้สึกว่าวันนี้เธอทำงานหนัก ลูกค้าแวะมาซื้อของไม่ขาดสาย กระนั้นกว่าจะได้พักก็เกือบสามทุ่มกว่าๆ ร่างกายอ่อนแรง และปวดขาไปหมด ใจคิดว่าอยากอาบน้ำแล้วงีบพักสักหน่อย ช่วงเช้ามืดต้องไปจ่ายตลาด แต่รู้ว่าน้องชายสามี กำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ จากจุดนี้เธอมองเห็นไฟในห้องเขา ซึ่งรอดออกมาจากช่องหน้าต่าง ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้านเปิดเอาไว้ เธอจึงรีบล้างเนื้อล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หยิบถ้วยข้าวผัดไข่ที่ทำไว้ พร้อมน้ำแกงไก่ตุ๋นที่เหลือในชามใหญ่ เธอต้องการเอาไปให้อีกฝ่ายได้กินเพิ่มพลัง เด็กหนุ่มๆ ใช้พลังงานเยอะ ร่างกายหวังเสี่ยวเกอสูงใหญ่วัยเกินวัย เมื่อยืนแล้วเธอสูงเลยหัวไหล่เขาไปเล็กน้อย แน่นอนโจวฟางจื่อไม่ใช่สตรีร่างเล็ก เธอไม่ผอมแห้ง แต่ไม่ถึงกับอวบอัด ทรวดทรงจัดว่าดี ส่วนเว้าส่วนโค้งยั่วยวนบุรุษได้ไม่ยาก แต่พักหลังเธอระมัดระวังการกิน เนื่องจากชอบของหวาน และของมันๆ เป็นพิเศษ เธอไม่อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัว การเป็นคนสวย ย่อมสร้างความน่าสนใจให้ผู้พบเห็น และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เธอได้เสมอ สวยมีสมองที่ดี เช่นนี้เธอจึงอยู่รอดในโลกที่ท
โจวฟางจื่อเชื่อฟังโดยง่าย เธอลงไปในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ย่อตัวลงแล้วเริ่มใช้ลิ้นเลียปลายหัวหยักของชายหนุ่ม ปลายลิ้นเล็กๆ สีชมพู แหย่เข้าไปที่ปลายหัวหยักตรงรูที่มีน้ำใสๆ ซึมเออ เธอเคอะเขินก็จริง แต่ดูเหมือนจะชอบที่ได้บริการเขาด้วย พอไล้เลียจนชอบใจ เขาก็ให้เธออ้าปากกว้างๆ แล้วครอบริมฝีปากลงไปจมมิดลำ จากนั้นมือใหญ่จับศีรษะหญิงสาวโยกเข้าโยกออก ด้วยความเสียวซ่านจับใจ “อาจื่อ เธอมันยอดเยี่ยมสมราคาที่อั๊วซื้อมาจริงๆ” เขาว่าและครางอย่างมีความสุข ส่วนโจงฟางจื่อได้แต่ทำตามที่ใจเขาต้องการ ขณะเดียวกันคนที่แอบดูอยู่ใจเตลิดไปไกล ร่างกายร้อนรุ่ม พี่ชายเขาเป็นพวกมากตัณหา ส่วนพี่สะใภ้คือคนที่ต้องรองรับอารมณ์หื่นโหดอย่างไม่อาจต่อต้าน ถึงอย่างนั้นหวังเสี่ยวเกอก็ชอบใจ เขาเห็นว่าเธอไม่ขัดขืน ทั้งตัวสั่นนิดๆ ผิวเนื้อขาวๆ เป็นรอยแดงระเรื่อ เขาก็อยากมีโอกาสปลดปล่อยความสุขเช่นนั้นกับโจวฟางจื่อบ้าง และจากห้องน้ำใหญ่ ทั้งคู่ล้างเนื้อล้างตัว แล้วกลับเข้าห้อง แต่แทนที่จะเตรียมตัวไปทำงาน หวังต้าเซียนซี ที่ยังมีอารมณ์อยู่ก็กระชากเสื้อผ้าโจวฟางจื่อออก แล้วจับเธอให้คว่ำห
แอคเค่อสาวฮอตปรอทแตกชื่อดัง ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายเรื่อง ‘ตำนานรักหม้ายสาวหัวใจแกร่ง’ ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยรับบท โจวฟางจื่อ ซึ่งสามีหายสาบสูญ ทิ้งให้เธอดูแลแม่ของเขาซึ่งป่วยเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เขามีน้องรองที่เอาแต่ใจใช้ชีวิตเหลวแหลก และช็อคยิ่งกว่าก็คือ อาตี๋เล็กสุดหล่อล่ำคลั่งรักเธอ และวันนี้ เธอพอแล้วสำหรับความเฮงซวย ที่ต้องเล่นบทนางเอกเจ้าน้ำตา จากนี้เธอจะเปลี่ยนบทและชีวิตอย่างคุ้มค่า พร้อมบริหารความสวยหมวยเอ็กซ์ให้ซู่ซ่า แบบที่โลกนี้ต้องจำ ฮึ ก็แค่ขึ้นควบขี่มังกรสองลำ ถ้าเพิ่มเป็นสามสี่ห้าลำอวบๆ เมื่อไหร่ ค่อยกล่าวหาเธอร่านสวาท แบบนั้นถึงจะยอมรับแต่โดยดี ตัวละครในเรื่องสะใภ้ใหญ่บ้านหวัง โจวฟางจื่อ อายุ 25 ตัวเอกของเรื่อง (ชื่อเดิมลู่หราน แอคเค่อสาวพราวเสน่ห์)หวังต้าเซียนซี (ต้าเกอ) สามีที่หายตัวไปอย่างเงียบๆหวังเจ๋อหยวน นักแสดงสมบท น้องรองบ้านหวังหวังเสี่ยวเกอ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับใครในบ้านซ่งถิง แม่สามีป่วยความจำหลงๆ ลืมๆไป๋อี้ถง เด็กสาวข้างบ้าน ถงถง (ชื่อเล่น)เมิ่งเหยา มารดาถงถง*************************ทั้งที
“แต่ข้าไม่ได้ทำสิ่งที่ฮองเฮาพูดแม้แต่น้อย” อวิ๋นตวน ไม่อาจทนให้หลิวลั่วอี้ขึ้นเสียงและต่อว่าตน นางปรี่เข้ามา หมายตบใบหน้างามหยาดเยิ้ม แต่เป็นยามนั้นที่หลิวลั่วอี้ปัดมืออีกฝ่ายออกได้ทัน “บัดซบ เหตุใดถึงกล้าขัดขืนข้า” “ข้ามิใช่เพียงหวงกุ้ยเฟย หากยังเป็นลูกสาวของแม่ทัพ และพี่ชายข้าดูแลเมืองใหญ่หลายเมืองให้แคว้นนี้” “จริงอย่างที่เจ้ากล่าว เช่นนี้เจ้าถึงกล้าคิดการณ์ใหญ่ หวังให้ฝ่าบาทยกเจ้าขึ้นมานั่งบัลลัก์แทนข้าเยี่ยงไรเล่า” หลิวลั่วอี้ยิ้ม พลางคิดแผนต่างๆ ในใจ และเอ่ยว่า “ฮองเฮาต้องการให้ข้าตาย และสารภาพในหนังสือยอมรับความผิด แล้วท่านจะมอบยาแก้พิษให้แก่ฝ่าบาท” “นั่นคือเจตนาของข้า เจ้าทำได้หรือไม่ และความผิดนี้ จะไม่สืบถึงสกุลหลิว หรือบ่าวรับใช้ที่ติดตามเจ้า” “ก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใด ขอให้ฮองเฮายืนยันเสียก่อนว่า ท่านคือผู้ตั้งใจวางยาหม่อมฉัน และเป็นเหตุให้ ฝ่าบาทรับพิษแทน” “ฮึ... ในวังหลังใครจะเกลียดเจ้าเท่าข้าได้อีกเล่า!” “ขอบพระทัยฮองเฮาที่แจ้งเจตนาตน เช่นนั้น ขอให้ท่านวางใจได้ ว่าแต่เดิมหม่อมฉันย่อ
หลังจากดื่มด่ำความสุขไปสามรอบๆ ติดกัน ท้องอู๋เหยากวนรู้สึกว่าหิว ยามนี้เขาอยากกินของหวานกับเครื่องดื่มดีๆ คงทำให้เป็นสุขยิ่งขึ้น ยามนั้นดวงตาคมกริบหันไปเห็นถังหูลู่ที่ห่างออกไป และมันช่างยั่วเย้าความยาก น้ำตาลเคลือบผลไม้คล้ายจะเย้ายั่วให้เขาต้องการเพิ่มความหวานเข้าสู่ร่างกาย “เสี่ยวอี้ เจ้าคิดจะเก็บของหวานไว้กินคนเดียวสินะ” เมื่อเขาเอ่ยจบจึงหยิบถังหูลู่ไม้หนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็กัดส่วนที่เป็นพุทราไปหนึ่งคำโตๆ สิ่งที่เขารู้สึกได้ คือความกรอบ หวาน และมีกลิ่นมึนเมาเล็กน้อย แต่นอกจากถังหูลู่พุทรา ยังมีฉาวเหมยสีสดที่มาจากภาคเหนือ และเขาเลือกหยิบขึ้นมา คราวนี้กัดไปหลายคำ ซึ่งหลังจากนั้น ราวๆ ชั่วเวลาน้ำชาพองตัว เขาปวดหัวอย่างรุนแรง ดวงตากลมโตลืมขึ้นช้า ๆ หลิวลั่วอี้ ใช้แรงรับศึกหนักจากอู๋เหยากวนไปหลายกระบวนท่า นางจึงผล็อยหลับ แต่เมื่อลืมตาตื่น ก็เห็นชายหนุ่มนอนนิ่งๆ อยู่บนตั่งไม้กว้าง “ฝ่าบาท... เกิดสิ่งใดขึ้น” หญิงสาวร้องเสียงสั่น และเข้ามาจับเนื้อตัวเขา ก่อนพบว่าแม้ยังอุ่นอยู่ แต่การหายใจเบาจนน่าวิตก “ใครอยู่ที่นี่ ไปเรียกหมอหลวงที” หล
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน การอยู่ที่ตำหนักจันทร์ฉายที่อู๋เหยากวนมอบให้ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ทว่าเมื่อหลิวลั่วอี้โดดเด่นขึ้นเหนือสตรีคนอื่น ย่อมมีผู้คิดร้าย ซึ่งแน่นอนฝ่ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าทำเรื่องชั่วช้า ย่อมไม่พ้นนางแมงป่องพิษอวิ๋นตวน สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้ หลิวลั่วอี้ประเมินแล้วเข้าใจได้ว่า ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตตน กระนั้นนางอยู่ที่นี่ ในโลกซึ่งต้องสะสมคะแนน เพื่อให้ตนทำภารกิจต่างๆ สำเร็จ สุดท้ายนางจะได้กลับคืนโลกที่จากมา แม้เสี่ยงภัย แต่เมื่อชีวิตในโลกคู่ขนานนานวันเข้า หญิงสาวรู้สึกชอบ อีกทั้งได้โบนัสมากมาย ฝ่ายอู๋เหยากวนหลังจากฟังรายงานน่าเบื่อหน่ายจากเหล่าขุนนางเรียบร้อย เขามักมาขลุกอยู่กับหลิวลั่วอี้ “เสี่ยวอี้ของข้า มีสิ่งใดให้ขบคิดเยี่ยงนั้นหรือ” อู๋เหยากวนถาม และดึงมือเรียวสลวยไปจูบหลังมือ แม้ไม่ได้มากด้วยแรงปรารถนา กระนั้นก็ทำให้นางหลับตาพริ้ม ยามนี้หัวใจหลิวลั่วอี้ไหวโอน และยอมรับอย่างลึกๆ ว่า ห่วงหาห่วงใยบุรุษผู้นี้ เขามีอำนาจล้นเหลือ หล่อเหลา และทรงพลังในยามอุ่นเตียง ผิดกับผู้ชายทุกคนที่นางเคยรู้จัก หลิวลั่วอี้มองอู๋เหยากวน พลางคิดถึง
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่หลิวลั่วอี้ ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพระสนมคนโปรด (ในที่นี่กำหนดให้เป็น หวงกุ้ยเฟย) ซึ่งมีฐานะเป็นรองก็แค่ฮองเฮาหนึ่งขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของผู้คนยิ่งนัก แต่สำหรับหลิวลั่วอี้ ย่อมทราบดีว่า ทุกอย่างก็แค่ฉากหนึ่งในระบบที่นางโผล่เข้ามา เหนืออื่นใด ยามนี้นอกจากจะต้องทำให้ตนกุมหัวใจอู๋เหยากวนให้ได้ โดยที่เขายกนางขึ้งเป็นสตรีที่ควบคุมวังหลัง นอกจากมีตราหงส์ในมือ นางยังต้อง ทำให้ตนเป็นผู้กุมอำนาจอย่างแท้จริง จากนั้นระบบจะส่งตัวนางกลับโลกปัจจุบัน ทุกอย่างดูเหมือนจะง่าย และยามนี้ผู้อื่นที่อยู่รอบกายนาง ก็เป็นเพียงตัวละครที่สติปัญญาตื้นเขิน บางครานางต้องแปลกใจ เพราะพวกเขาโผล่ไปโผล่มา บ้างก็หายไปเสียดื้อๆ ส่วนคนที่นางพบหน้ามากที่สุด ย่อมเป็นอู๋เหยากวน และยามนี้ เขามีความเครียด นั่นเป็นเพราะขุนนางฝั่งหนึ่ง ยื่นฎีกาให้ถอดหลิวลั่วอี้จากตำแหน่งหวงกุ้ยเฟย “หากสิ่งที่พระองค์ไม่สบายใจเกี่ยวกับหม่อมฉัน เรื่องนี้นับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง” “เฮ้อ ทุกอย่างล้วนเป็นเราที่ไม่เด็ดขาดกับคนพวกนั้น ทั้งที่เจ้าก็คือคนโปรด เป็นสตรีที่มีจิตใจเมตตา
ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จงใจทำให้ซย่าพ่านเอ๋อร์ขึ้นสวรรค์ให้เร็วที่สุด หากอีกฝ่ายเสร็จสมจากการเล้าโลมครั้งนี้ คงยากเหลือเกินที่จะมีแรงลงเหลือให้อู๋เหยากวนร่วมรักอย่างโลดโผน กัวซาหัวเห็ดที่ใหญ่กว่าในโรงฝึกบุปผาทองคำ ถูกนำออกมา จากนั้นหลิวลั่วอี้ จึงใช้มันแตะวนไปมาเหนือแอ่งเนื้อนูนของซย่าพ่านเอ๋อร์ “อี้ เอามันออกไป” ปากนางบอกเช่นนั้น แต่ซย่าพ่านเอ๋อร์ดูดนิ้วมือหลิวลั่วอี้แรงขึ้น ส่วนมือนางบีบยอดถันของตนอย่างกระสัน ราวกับปรารถนาที่จะเสร็จสมให้เร็วที่สุด หลิวลั่วอี้เลยไม่รอช้า นางส่งกัวซาหัวเห็ดแทรกลึกเข้าไปในเนื้อสาว ยามนั้นซย่าพ่านเอ๋อร์บิดกายไปมา ก่อนสั่งให้หญิงสาวทิ่มแทงตนเองแรงๆ ขณะเดียวกันหลิวลั่วอี้ ใช้สายตาเชิญชวนปั๋วอ๋อง และเขาลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุ ค่อยๆ ก้าวมายังพื้นที่ซึ่งเป็นส่วนรับรองนี้ “อื้อ... ฝ่าบาท ชอบเข้าข้างหลังเช่นนี้หรือเพคะ” “แล้วเจ้าเล่าคุณหนูหลิว ถูกฝึกให้รับรองข้า ทุกส่วนหรือไม่” หลิวลั่วอี้ครางเสียงหวานๆ และไม่ได้ตอบเขา หากยกบั้นท้ายของตนขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจให้มันสัมผัสกับแก่นกายของชายหนุ่มที่ยามนี้ผงกหัวไปมาอย่างกร
เมื่อซย่าพ่านเอ๋อร์กล่าวจบ ภาพจึงตัดมายังบ่อน้ำพุร้อนในทันที ดวงตากลมโตมองไปยังร่างงามสง่า ที่มีกล้ามเนื้อแต่พอดี ทั้งใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาใครเทียบได้ หากจอนห์ดาราหนุ่มที่กระแทกหลิวลั่วอี้จนนางทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานนี้ คือเทพบุตรแห่งชาติ ฮ่องเต้ก็คือเทพเซียนที่สวรรค์ประทานลงมาให้ ทุกชีวิตสยบแทบเท้าเขา และจอภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิวลั่วอี้ ‘500 คะแนน หากทำให้ปั๋วอ๋อง เลือกร่วมรักกับเจ้าเป็นคนแรก!’ แต่เพื่อดูเชิงซย่าพ่านเอ๋อร์ ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จึงให้นางเริ่มก่อน และไม่ได้มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นสำหรับหลิวลั่วอี้สักนิด สิ่งที่ซย่าพ่านเอ๋อร์กระทำ เรียกว่าตื้นเขิน และแน่นอน บุรุษที่เย็นชา ทั้งยังเมินเฉยต่อสตรีที่เขาไม่อยากสนใจ ยังหลับตาพริ้ม ปล่อยใจไปกลับน้ำพุ ทั้งเสียงนักร้องอย่างเป็นธรรมชาติ ซย่าพ่านเอ๋อร์ ใจกล้าอยู่สักหน่อย นางเปลื้องผ้าทั้งหมด และก้าวไปหาอู๋เหยากวน หรือก็คือปั๋วอ๋อง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไร้อาภรณ์ในปกปิดกายแกร่ง “หากฝ่าบาท ไม่พอใจ เจ้าระวังหัวจะหลุดจากบ่า” เสียงกงกงชราเอ่ยขึ้น และดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้สอดส่ายมองหา กระทั่