“โอเคค่ะ คิลเลียน” หญิงสาวทำหน้ารับทราบ “ขอโทษทีนะคะ บางครั้งฉันอาจยังรู้สึกสับสนกับ...ตัวตนของแดน ฉันว่าฉันขอตัวก่อนดีกว่านะคะ ออกกำลังกายต่อเถอะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ อ๊ะ! ซอนญ่า...ระวัง!”
คิลเลียนร้องตกใจทว่าก็ทันได้คว้าร่างบอบบางที่สะดุดขาตัวเองเอาไว้ไม่ให้เธอล้ม อลินทิราก็มีสีหน้าตื่นตระหนกเช่นกัน เธอไม่เคยใจลอยถึงขนาดก้าวพลาดจนเดินสะดุดขาตัวเอง ชายหนุ่มซึ่งประคองร่างนั้นไว้รีบถามอย่างห่วงใย
“ซอนญ่า เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ คิลเลียน...ขอบคุณมาก...ขอบคุณ”
สายลับสาวกล่าวขณะยังไม่หายมึนงงกับตัวเอง แต่ไม่ทันที่คิลเลียนซึ่งรั้งร่างบอบบางไว้ในอ้อมแขนจะว่าอะไรต่อก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า
“แดน! มาได้จังหวะเลย แฟนพี่หน้ามืดจะเป็นลม ผมว่าพี่รีบพาเธอกลับไปที่ห้องจะดีกว่า”
ชายหนุ่มรีบบอกพี่ชายแต่ลืมไปว่ายังประคองว่าที่พี่สะใภ้ไว้ในอ้อมแขนกระทั่งอลินทิราเป็นฝ่ายผละจากคิลเลียนเองก่อนจะได้ยินคำถามจากแดเนียล
“คุณไม่สบายหรือซอนญ่า?”
คำถามที่ออกจากปากเจ้าของใบหน้าคร้ามเข้มไม่ได้ทำให้คนถูกถามรู้สึกสบายใจ ตรงข้ามอลินทิรากลับรู้สึกเหมือนกับว่านั่นเป็นความจำเป็นมากกว่าความกังวลสำหรับแดเนียล
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันสบายดี แค่สะดุดขาตัวเองเกือบหกล้ม”
“ซอนญ่าอาจดื่มไวน์มากเกินไป หรืออาจเมาคลื่น พี่รีบพาเธอกลับห้องเถอะครับ”
คิลเลียนยังคงรบเร้าพี่ชายของเขาด้วยความเป็นห่วงทำให้แดเนียลต้องเข้าไปโอบไหล่หญิงสาวแนบแน่น
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาซอนญ่ากลับไปพักผ่อน ขอบใจมากนะคิลเลียนที่ช่วยดูแลเธอ”
“ครับพี่”
อลินทิรายิ้มให้คิลเลียนก่อนออกจากห้องนั้นพร้อมกับแดเนียลที่โอบไหล่เธอไว้แน่นจนเธอรู้สึกอึดอัด
“แดน...ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันสบายดี”
หญิงสาวท้วงเขาเบา ๆ ทว่าร่างสูงใหญ่กลับไม่ยอมพูดอะไรทั้งสีหน้าก็เปลี่ยนไปจนเธอเริ่มนึกหวั่น
“แดน...อ๊ะ!” สายลับสาวร้องด้วยความตระหนกเมื่อไปถึงห้องนอนอันกว้างขวางภายในเรือแต่กลับถูกคนตัวโตดันเธอจนชิดบานประตูเมื่อมันปิดลง
“แดน...นี่จะทำบ้าอะไรของคุณ ฉันเจ็บนะ!”
ร่างเล็กร้องลั่นเมื่อเจ้าของใบหน้าคร้ามคมทว่าเคร่งเครียดเบียดกายใหญ่โตเข้าหาและตรึงแขนเธอไว้แน่นยิ่งกว่าคีมเหล็ก
“อย่าทำเป็นไร้เดียงสาไปหน่อยเลย ซอนญ่า! คุณกำลังวางแผนอะไรอยู่ บอกผม!”
“แผน...นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่คะแดน? ฉันไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นตอนนี้”
“พวกสายลับอย่างคุณคงคิดเรื่องตื้น ๆ ไม่เป็นแน่ อย่างน้อยที่สุดคุณก็คงกำลังวางแผนจะดึงใครสักคนเข้ามาร่วมในเกมนี้”
“ใครสักคน” หญิงสาวนิ่วหน้า “คุณหมายถึงใครกันล่ะคะ ขอโทษทีที่ฉันคิดไม่ทันพวกดอ็คเตอร์อย่างคุณ”
“อย่ามายอกย้อนผมนะ ซอนญ่า!”
แดเนียลออกกำลังดันร่างเล็กจนแทบหายใจไม่ออก อลินทิราอยากจะร้องไห้เมื่อเห็นชายหนุ่มสำแดงโทสะอย่างไร้เหตุผล ปื้นคิ้วหนาบนหน้าหล่อเหลาเลิกขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหยียด
“ถ้าคุณคิดได้ช้ากว่าผมก็คงโจรกรรมข้อมูลสำคัญนั่นไปไม่ได้ คุณคงกำลังรอเวลาเพื่อที่จะหาทางหลุดไปจากสถานภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้”
“สถานภาพหรือคะแดน? ถ้าคุณหมายถึงการเป็นผู้หญิงข้างกายลูกชายคนหัวปีของตระกูลไพรซ์ เราต่างก็เข้าใจข้อตกลงระหว่างกันดีอยู่แล้ว ที่สำคัญจะมีใครอยากทนเล่นละครในบทบาทที่ตัวเองไม่อยากแสดงอยู่ได้นาน ๆ “
“ผมว่าคุณเต็มใจเล่นบทบาทนี้ต่างหาก เป็นผู้หญิงแสนดีที่พยายามทำให้ผู้ชายเทคะแนนความสงสารให้ ผมคนหนึ่งล่ะที่สงสารคุณจับหัวใจเลยตอนนี้!”
อลินทิราตั้งใจจะตอบโต้คำประชดประชันนั้นแต่กลายกลับเป็นการเปิดโอกาสให้ลิ้นหนาของเขาฉกเข้ามาในโพรงปากเล็ก หญิงสาวไม่มีโอกาสได้บอกเขาถึงความรู้สึกของเธอที่เหมือนดิ่งลงเหวลึก คิลเลียนพูดถูกทุกอย่าง ไม่มีใครคาดเดาอารมณ์ผันผวนของแดเนียลโดยเฉพาะเธอซึ่งเพิ่งรู้จักผู้ชายคนนี้ได้ไม่นาน ทว่าราวกับมีบางอย่างตรึงหญิงสาวไว้ยามอยู่ชิดใกล้ หรือเธอได้ตกลงไปในหลุมพรางอันน่าเสน่หาของนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มอย่างแดเนียลเข้าแล้วจริง ๆ
“แดน!”
บทที่ 9
พิศวาสในสายลม
สายลับสาวปัดป้องในจังหวะที่แดเนียลถอนริมฝีปากออก ร่างบางผลักอกกว้างออกห่างพลางขยี้ปากตัวเองเมื่อนึกถึงภาพที่เห็นบนดาดฟ้าเรือ
“ไม่ต้องมาแสดงความสงสารฉัน! คุณน่าจะกลับไปปลุกปลอบคนที่เขาต้องการอ้อมกอดของคุณมากกว่าที่จะเป็น ออโซลย่า...สายลับที่หาทางเอาคืนคุณอยู่ตลอดเวลา”
“แน่ใจหรือว่าคุณไม่ต้องการผม”
แดเนียลกระชากร่างแน่งน้อยกลับเข้าไปในอ้อมแขน สายลับมือหนึ่งแห่งไซออนเนตควรตอบโต้เขากลับด้วยวิชาการต่อสู้ไม่ท่าใดก็ท่าหนึ่ง แต่หญิงสาวกลับแสดงท่าทีตรงกันข้าม เธอตื่นตระหนกเหมือนวันแรกที่เผชิญหน้ากันในแคนยอนแลนด์ ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปชิดจนลมหายใจร้อนราดรดบนหน้าผากมน
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต