“คุณมาช้าไปยี่สิบห้านาทีค่ะ เฟลรอฟ”
หญิงสาวติติงด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบขณะบริกรเดินเข้ามาเพื่อรับออเดอร์
“เอสเปรซโซ่ที่หนึ่ง...ขอเข้ม ๆ เลยนะ”
เฟลรอฟ ชายร่างสูงใหญ่เชื้อสายรัสเซียสั่งก่อนหันมายังเจ้าของใบหน้ารูปไข่สวยคม โดยเฉพาะดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลแกมเขียวใสสว่างที่จ้องเขาแทบไม่กระพริบ
“ขอโทษทีที่ทำให้รอนาน ผมกำลังรับคำสั่งจากนายใหญ่ เขาตื่นเต้นมากที่ภารกิจของคุณประสบความสำเร็จ”
เฟลรอฟกล่าวยิ้มแย้มขณะประสานมือหนาทั้งสองบนโต๊ะ เขามีท่าทีที่ดูเป็นมิตร แต่กลับมีอะไรบางอย่างที่อลินทิราเริ่มจับสังเกตุจากประกายตาคู่นั้นซึ่งไม่มีวันเก็บงำอารมณ์ได้เช่นรอยยิ้ม
“ฉันทำตามหน้าที่ค่ะ และตอนนี้ทุกอย่างก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี”
“น่าชื่นชม...ผมรู้สึกชื่นชมความสามารถของคุณมากจริง ๆ ออโซลย่า...ห้องปฏิบัติการด้านฟิสิกส์ในคฤหาสน์ไพรซ์มีระบบความปลอดภัยแน่นหนามาก แต่คุณก็ทำได้ คุณเข้าไปเอาข้อมูลที่นายใหญ่ของเราต้องการออกมาได้ ผมเคยพบกับแดเนียล ไพรซ์ เจ้าของคฤหาสน์ เขาเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทั้งหล่อเหลาและฉลาดหลักแหลม ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังแดเนียลคือนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์มือฉกาจและเขาก็เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับขนาดที่รัฐบาลสหรัฐก็ยังไม่รู้เลยว่าการทดลองของเขาประสบความสำเร็จไปมากแค่ไหน...ทุกภารกิจที่คุณทำเพื่อไซออนเนตล้วนประสบความสำเร็จ และนายใหญ่ของเราก็พร้อมตอบรับทุกข้อเสนอที่คุณต้องการซึ่งก็หมายถึงสิ่งนี้ด้วย”
รอยยิ้มเกลื่อนบนใบหน้าดุก่อนที่เขาจะล้วงหยิบซองกระดาษจากด้านในเสื้อโค้ทส่งให้ออโซลย่า...สายลับสาวสวยลูกครึ่งไทย เวเนซูเอล่าที่ปฏิบัติภารกิจให้กับองค์กรไซออนเนตไม่เคยผิดพลาด แน่นอนว่าเธอทั้งสวยและฉลาดเป็นกรด เฟลรอฟ มองตามนิ้วเรียวบางที่หยิบซองจากมือเขาเปิดออกดูด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ บุรุษร่างสูงเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะยกถ้วยกาแฟที่บริกรนำมาวางไว้ขึ้นจิบเบา ๆ
“นี่คือทั้งหมดที่คุณต้องการ ทั้งตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทย และเช็คเงินสดยี่สิบล้านดอลล่าห์ นายใหญ่ตั้งใจมอบให้ออโซลย่าก่อนที่เธอจะวางมือจากการเป็นสายลับขององค์กร”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ผมมีนัดกับนายใหญ่และมีเวลาไม่มากนัก ถ้าคุณจะส่งมอบของที่เราต้องการ...ตอนนี้”
เฟลรอฟรวบรัดตัดความทั้งที่เอสเปรซโซ่ตรงหน้าเขาแทบไม่พร่องลงเลยด้วยซ้ำ อลินทิราช้อนสายตามองเขานิดหนึ่งก่อนวางซองเอกสารลงบนโต๊ะ
“แต่ไม่ใช่ที่นี่” เขายับยั้งหญิงสาวที่กำลังจะล้วงหยิบของในกระเป๋าก่อนยืดลำตัวขึ้นและพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เธอเดินตามไป
อลินทิราลุกขึ้นและเดินตามไปโดยไม่มีข้อแม้ เฟลรอฟเดินนำหน้าเข้าไปด้านหลังของร้านกระทั่งถึงทางเดินแคบ ๆ ตรงไปยังห้องน้ำที่แทบไม่มีใครเดินผ่านมา
“นายใหญ่เสียดายคุณมาก เพราะนี่เป็นงานสุดท้ายของสายลับมือหนึ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ไซออนเนตเคยมีมา”
ชายหน้าดุกล่าวขณะล้วงถุงมือสีดำขึ้นมาสวมอย่างใจเย็น สายลับมือหนึ่งขององค์กรคือออโซลย่า แต่นักฆ่าแห่งไซออนเนตคือเขา
“และงานท้ายสุดที่คุณต้องทำ...ส่งข้อมูลนั้นมา ออโซล...”
เสียงทุ้มห้าวขาดหายเข้าไปในลำคอคนตัวโตที่หันกลับมาพร้อมปืนพกขนาดเล็กที่หวังจ่อลงตรงหน้าท้องของอลินทิรา แต่เฟลรอฟก็ช้ากว่าสายลับสาวที่เข้าประชิดตัวและจ่อปืนเข้าไปในโค้ทของเขาพร้อมเหนี่ยวไกให้กระสุนทะลุลงตรงหน้าอกข้างซ้ายติดกันสามนัดซ้อน
“ออโซลย่า...”
เฟลรอฟครางออกมาใบหน้าบิดเบี้ยวเมื่อสำนึกถึงความเจ็บปวดที่เขาไม่ทันได้รู้สึกถึงมันด้วยซ้ำ เขาประมาทเกินไป ปืนพกสั้นที่เขาหวังใช้เจาะร่างเล็กแบบบางกว่าร่วงหล่นจากมือ
“ฉันคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ เฟลรอฟ...ฉะนั้น นี่จึงเป็นงานสุดท้ายของฉัน...และของคุณด้วย”
“แก...”
ชายหน้าดุคำรามออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนร่างทั้งร่างจะทรุดลง อลินทิรารีบเก็บปืนพกกลับเข้าไปในแจ็คเก็ตขณะที่ยังไม่มีใครเดินผ่านมา เธอมองร่างของชายชาวรัสเซียที่นั่งแน่นิ่งเหมือนคนเมาแล้วหลับในท่าหลังพิงฝา หญิงสาวเก็บกลั้นน้ำตาและรำพึงออกมาเบา ๆ
“ฉันก็เสียดายคุณเหมือนกัน เฟลรอฟ”
ร่างระหงรีบพาตัวเองออกไปจากที่นั้นโดยไม่ยอมหันกลับไปอีก อลินทิราก้าวออกจากร้านด้วยใบหน้าที่พยายามปรับให้มันราบเรียบเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวทำใจไว้ก่อนหน้าว่าต้องเจออะไรบ้าง ซึ่งที่คิดไว้นั้นไม่ผิดคาด
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต