แชร์

ตอนที่ 3 แสงที่ถูกบดบัง 

ผู้เขียน: MoonDust
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-16 20:29:43

ฉันยืนก้มหน้านิ่งในห้องทำงานของคุณพิชิตผู้เป็นบิดา...ในนาม บรรยากาศห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด ภายในห้องทำงานเงียบเชียบ ได้ยินเพียงเสียงขีดเขียนกระดาษของชายวัยกลางคนที่นั่งที่โต๊ะทำงานเท่านั้น  

“หายดีหรือยัง?” 

ฉันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบตอบกลับ แม้จะยังไม่เข้าใจว่านั่นคือคำถามด้วยความห่วงใยหรือเพียงแค่ต้องการให้ฉันกลับมาทำงาน 

“คะ? เอ่อ... หายดีแล้วค่ะ” คุณพิชิตพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

“ดี... จะได้กลับมาทำงานต่อ รายงานล่ะ?” 

ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย รายงาน? รายงานอะไร? 

“รายงาน...” ฉันทวนคำโดยไม่ตั้งใจ สมองยังคงประมวลผลกับบทสนทนาที่เกิดขึ้น 

คุณพิชิตเงยหน้าขึ้นจากเอกสารเล็กน้อย แววตาเรียบนิ่งแต่ทรงอำนาจ 

“รายงานตัวเลขของบริษัทที่แกบอกว่าจะส่งให้ฉัน”

ฉันเม้มริมฝีปากแน่น 

นั่นหมายความว่าที่วราลีเป็นที่ปรึกษาลับ ๆ ให้พิชิต... เป็นเรื่องจริงสินะ 

ฉันอาจไม่ใช่วราลีคนเดิม แต่สถานการณ์ในตอนนี้บังคับให้ฉันต้องรับบทนี้ต่อไป 

“อ้อ...” ฉันพยายามตอบให้เป็นธรรมชาติที่สุด “อยู่ในห้องนอนค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเอามา” 

“อืม” 

แค่คำตอบสั้น ๆ ฉันก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้อง 

ฉันหมุนตัวเดินออกไป ทิ้งให้บรรยากาศเงียบงันกลับเข้ามาครอบคลุมห้องนั้นอีกครั้ง 

เขาไม่ได้เรียกฉันเข้ามาดุด่า หรือซักถามเรื่องเมื่อครู่... เขาเพียงแค่ต้องการ ‘รายงาน’ จากฉัน 

นั่นหมายความว่า วราลีไม่ได้เป็นเพียงลูกเมียน้อยที่ถูกมองข้าม...

แต่เธอคือมันสมองที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจของเขาจริงๆ 

ฉันเดินกลับมาที่ห้อง มองหาแฟ้มเอกสารที่น่าจะเป็นไปได้ แล้วก็พบเข้ากับสมุดบัญชีและสมุดบันทึกจำนวนหนึ่งบนชั้น ฉันรีบคว้ากองสมุดเหล่านั้นออกมาดู ทันทีที่มือเปิดสมุดบันทึกเล่มแรก ภาพความทรงจำก็แวบเข้ามา เหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้อนทับกับความเป็นจริง... 

คืนหนึ่ง 

วราลีในวัยเพียง18ปี นั่งคุดคู้อยู่มุมห้องทำงานของนายพิชิต แอบฟังการประชุมระหว่างพ่อกับทีมผู้บริหารโรงสีอย่างตั้งใจขณะทำความสะอาด เธอจดบันทึกตัวเลขและปัญหาต่างๆ ลงในสมุดเล่มเล็กที่ซ่อนไว้ในกระเป๋ากระโปรง 

"เราขาดทุนติดต่อกันสามไตรมาสแล้ว" เสียงผู้จัดการใหญ่รายงาน "ต้นทุนพุ่งสูงขึ้น แต่ราคาขายถูกกดดันจากคู่แข่ง" 

"แล้วจะให้ฉันทำยังไง!?" พิชิตตวาด ขว้างแก้วน้ำลงพื้น วราลีสะดุ้ง แต่รีบก้มหน้าเก็บเศษแก้ว 

เช้าวันต่อมา วราลีเข้ามาที่ห้องทำงาน เธอวางแฟ้มเอกสารตรงหน้าผู้เป็นบิดา  

“นี่เป็น... การวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดทุน....ที่อาจจะช่วยคุณได้ค่ะ” วราลีก้มหน้างุด 

นายพิชิตปรายตามองหญิงสาวอย่างดูถูกก่อนจะพูดออกมาเพียงหนึ่งคำ 

“อวดดี” เขาเปิดอ่านอย่างไม่ใส่ใจ แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งทึ่ง การวิเคราะห์ลึกซึ้ง มองเห็นจุดอ่อนที่คนอื่นมองข้าม และเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ปฏิบัติได้จริง 

"แกเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?" นายพิชิตถาม 

"หนู... หนูแอบฟังการประชุมค่ะ" วราลีตอบเสียงสั่น "แล้วหนูก็…เรียนรู้จากหนังสือในห้องสมุด หนูขอโทษที่แอบ..." 

"พรุ่งนี้ มาที่นี่ตอนห้าโมงเย็น" เขาพูดตัดบท "ฉันมีงานให้ทำ" 

นั่นคือจุดเริ่มต้น วราลีกลายเป็นที่ปรึกษาลับของพ่อ เธอวิเคราะห์ตัวเลข หาจุดรั่วไหล และเสนอแนวทางแก้ไข 

"คุณชายต้องปรับระบบจัดการสต็อกใหม่ค่ะ" วราลีอธิบายในวันหนึ่ง "ตอนนี้เราสูญเสียข้าวเปลือกระหว่างขนส่งเกือบ 20% แต่ถ้าปรับระบบตามนี้ จะลดลงเหลือไม่เกิน 5%" 

นายพิชิตพยักหน้า อ่านรายงานที่เธอเตรียมมาอย่างละเอียด "แกฉลาดเหมือนกัน" เขาพึมพำ แต่ไม่เคยพูดออกมาดัง ๆ 

ภายในสามเดือน โรงสีเริ่มพลิกฟื้น ยอดขาดทุนลดลง และเริ่มมีกำไรในไตรมาสถัดมา ทุกคนสงสัยว่านายพิชิตทำได้อย่างไร แต่ไม่มีใครรู้ว่าคนอยู่เบื้องหลังคือลูกสาวนอกสมรสที่เป็นเพียงคนรับใช้ 

ภาพตัดไปตอนที่วราลีอายุ 19 ปี นั่งขดตัวอยู่มุมห้องสมุดที่เต็มไปด้วยฝุ่น เธอแอบมาที่นี่ทุกคืนหลังเสร็จงานบ้าน ในมือถือหนังสือการเงินและการบัญชีที่หยิบมาจากชั้นหนังสือเก่า 

"มันไม่ยากเลย..." เธอพึมพำ จดบันทึกลงในสมุดเล่มเล็ก "ถ้าเข้าใจหลักการพื้นฐาน ทุกอย่างก็เชื่อมโยงกันหมด" 

กองเอกสารเก่าวางอยู่ข้าง ๆ รายงานการเงิน บันทึกการประชุม สัญญาธุรกิจ ทั้งหมดถูกทิ้งไว้ในห้องสมุดที่ไม่มีใครใช้แล้ว แต่สำหรับวราลี นี่คือขุมทรัพย์แห่งความรู้ เธอใช้ห้องสมุดเป็นมหาวิทยาลัยส่วนตัว อ่านทุกอย่างที่หาได้ การบริหารธุรกิจ การเงิน การตลาด กฎหมาย บัญชี 

"ถ้าเข้าใจตัวเลขพวกนี้..." เธอวิเคราะห์งบการเงินเก่า "เราจะเห็นว่าปัญหาของโรงสีเริ่มมาตั้งแต่..." 

วราลีเริ่มทำความเข้าใจธุรกิจของครอบครัว วิเคราะห์ปัญหา คิดหาทางแก้ไข จดบันทึกทุกอย่างไว้ในสมุดหลายเล่ม 

ภาพตัดไปอีกครั้ง วราลียืนอยู่ในห้องทำงานของนายพิชิต  

"คุณชายคะ..." วราลียื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้นายพิชิต "หนูได้ทุนเรียนฟรีที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาลัย A ค่ะ" 

นายพิชิตเหลือบมองผลการเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 และจดหมายรับรองการได้ทุนเรียนฟรีตลอดหลักสูตรในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ  

"เรียนไปทำไม?" นายพิชิตถามเสียงเย็น "แกมีหน้าที่ดูแลบ้าน ทำงานใช้หนี้บุญคุณที่ฉันเลี้ยงแกมา" 

"แต่หนูได้ทุนฟรีเลยนะคะ" น้ำตาเริ่มคลอ "ไม่ต้องใช้เงินคุณด้วยซ้ำ..." 

"ไม่!" นายพิชิตตวาด 

แต่แล้วนางแพรวก็กล้าพูดขึ้น "คุณชายคะ... ถ้าวราลีได้เรียน เธออาจช่วยงานบริษัทได้..." 

นายพิชิตชะงัก นึกถึงปัญหาในโรงสีที่กำลังเผชิญและความสามารถของเธอที่ช่วยบริษัทก่อนหน้า  

"งั้นเรามาตกลงกัน..." เขาหันมาหาวราลี "ฉันจะให้แกเรียน แต่มีเงื่อนไข" 

"อะไรก็ได้ค่ะ" วราลีตอบทันที 

"หนึ่ง แกต้องปิดเป็นความลับว่าเป็นลูกฉัน ต้องไม่มีใครที่มหาวิทยาลัยรู้ สอง แกต้องช่วยงานโรงสีทุกวันหลังเลิกเรียน และสาม... ทุกความสำเร็จของแก ต้องเป็นของฉัน" 

วราลีพยักหน้ารับทุกข้อ ขอเพียงได้เรียน 

สี่ปีต่อมา 

วราลีจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เธอได้รับการทาบทามจากบริษัทใหญ่หลายแห่ง แต่ทุกข้อเสนอถูกปฏิเสธโดยนายพิชิต 

"แกต้องอยู่ช่วยงานที่นี่" เขาบอก  

วราลีพลิกฟื้นธุรกิจด้วยความรู้ที่เรียนมา ทั้งปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ วางระบบบัญชีและการเงินที่ทันสมัย พัฒนาแผนการตลาดที่แข่งขันได้ แต่ทุกความสำเร็จถูกนำเสนอในนามของนายพิชิต 

"พ่อเก่งจังเลยนะคะ" พลอยไพลินชม หลังการประชุมผู้ถือหุ้น "สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้" 

นายพิชิตยิ้มรับคำชม ขณะที่วราลียืนถือถาดน้ำชาอยู่มุมห้อง ไม่มีใครสังเกตรอยยิ้มขื่นๆ บนใบหน้าเธอ 

............. 

ฉันกะพริบตาถี่เมื่อความทรงจำเก่าเลือนหายไป เหลือเพียงความรู้และความเข้าใจที่ตกผลึกขึ้นมาแทน ภาพข้อมูล ตัวเลข แผนงานต่างๆ ไหลเข้ามาในหัวราวกับฉันเป็นวราลีคนนั้นมาตั้งแต่แรก 

ฉันลูบสมุดบันทึกเก่าของเธอ ไล่สายตาไปตามตัวหนังสือที่จดเรียบเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ทั้งการวิเคราะห์ธุรกิจ โอกาสในการลงทุน และจุดอ่อนของโรงสี 

"เธอเก่งมาก..." ฉันพึมพำกับตัวเอง มองไปที่สมุดบันทึกหน้าแรกที่เธอเขียนเป้าหมายของเธอเอาไว้

Goal : ทำให้บริษัทของพ่อเจริญรุ่งเรือง ให้แม่ได้อยู่สุขสบาย! พร้อมหน้ายิ้มและมือชูสองนิ้วที่เธอวาดเอง

หากได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกว่านี้ เธอคงไปได้ไกลกว่านี้มาก และอาจไม่มีใครกล้าดูแคลนเธอแบบที่ผ่านมา 

ฉันลุกขึ้นยืน กำสมุดบันทึกไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น 

"ฉันจะทำเป้าหมายของเธอให้เป็นจริงเอง" 

......... 

"คุณชายคะ" ฉันวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะของนายพิชิต สายตาของเขาตวัดมองมาครู่หนึ่งก่อนจะหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิด 

แฟ้มหนากว่าเดิมเกือบสองนิ้ว ภายในมีทั้งรายงานตัวเลข สถิติ และการวิเคราะห์เชิงลึกที่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว 

"ดิฉันตรวจสอบตัวเลขทั้งหมดแล้วค่ะ" ฉันกล่าวเสียงเรียบ 

นายพิชิตกวาดตามองสรุปผลที่ฉันเรียบเรียงไว้ กราฟตัวเลขชี้ให้เห็นชัดว่าสถานการณ์ของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร 

"ยอดขายเพิ่มขึ้น 15% ต้นทุนลดลง 20% แต่..."

"แต่อะไร?" เสียงเขาเย็นชาเช่นเคย 

"เรายังต้องการเงินทุนอีกอย่างน้อย 500 ล้านเพื่อประคองสภาพคล่อง" ฉันพลิกไปอีกหน้า "ธนาคารปฏิเสธการปล่อยกู้เพิ่มเพราะเรามีหนี้เสียสะสม และ..." 

ฉันชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป 

"พูดมา" นายพิชิตเงยหน้าขึ้นมองฉันนิ่ง 

“และถ้าเราไม่หาเงินทุนมาได้เร็ว ๆ นี้" ฉันพูดต่อ "โรงสีจะไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวเปลือกในเดือนหน้า ชาวนาที่รอเงินอยู่จะเดือดร้อนหนัก" 

เขายืนนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม 

"มีข้อเสนออะไรไหม?" 

"เราต้องหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาร่วมลงทุน... แต่ต้องเป็นคนที่เราไว้ใจได้" 

"ใครจะมายุ่งกับโรงสีที่กำลังมีปัญหา?" เขาหัวเราะเยาะเบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย "แต่...ฉันจะลองหาทางดู" 

...ไม่รู้ว่าการเสนอทางออกในวันนี้จะกลายมาเป็นเชือกรัดคอฉันในวันหน้าหรือเปล่านะเนี่ย...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 15 คุณไอรีน

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นในตอนที่ฉันกำลังนอนงง ๆ อยู่บนเตียง หัวตึ้บ ร่างปวกเปียก และโลกทั้งใบหมุนวนเบา ๆ แบบไม่จบไม่สิ้น“วี ตื่นหรือยังลูก แม่เอาซุปแก้แฮงค์มาให้”“อื้อ...เข้ามาเลยค่ะ…”ประตูเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของซุปขิงลอยมาแตะจมูก แม่วางถาดไว้ข้างเตียง ฉันยันตัวลุกนั่งอย่างยากลำบาก“เมื่อคืน...วีกลับมาที่นี่ได้ยังไงคะ?” ฉันถามพลางขมวดคิ้ว “วี...จำไม่ค่อยได้เลย”“ก็คุณภูริน่ะสิ เป็นคนอุ้มวีมาส่ง” แม่พูดเรียบ ๆ พลางยกถ้วยซุปมาให้“หา?” ฉันแทบสำลักอากาศ“ใช่ อุ้มเข้ามาส่งถึงห้องนอนเลยล่ะ” แม่ส่ายหัวเบา ๆ “ดื่มน่ะแม่ไม่ว่าหรอกนะ แต่ต้องรู้จักพอประมาณเข้าใจไหมลูก”ฉันพึมพำอะไรไม่เป็นภาษาก่อนจะยกซุปขึ้นซด ในหัวเริ่มมีภาพบางอย่างแวบกลับมา…ฉัน...อยู่ในอ้อมแขนของเขาลืมตาขึ้นเบา ๆ เห็นใบหน้าเขาใกล้แค่คืบตอนนั้นฉัน...เอื้อมมือไปแตะหน้าเขา แล้วพูดว่า…“หล่อจัง… เห

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 14 ฉลองดีลร้อยล้าน

    วันถัดมา พี่พรมาบอกฉันแต่เช้าถึงเรื่องงานเลี้ยงบริษัทที่จะจัดเย็นนี้ ไม่ใช่งานสังสรรค์ของพนักงานทั่วไป แต่มันคืองานฉลองปิดดีลโครงการร่วมทุนมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ที่บริษัทเพิ่งเซ็นสัญญาได้สำเร็จเมื่อไม่นานดีลใหญ่นี้หมายถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมใจกลางกรุงเทพฯ ที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของบริษัทในปีหน้า และที่สำคัญ เป็นดีลที่ภูริเป็นคนเจรจาด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบช่วงเย็น ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บของลงกระเป๋า ภูริพูดกับฉันก่อนออกจากออฟฟิศว่า“คุณไปงานเลี้ยงกับผมนะ ถือว่าตอนนี้คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแล้ว”ฉันพยักหน้ารับ แต่รีบบอกต่อ“แต่ขอไม่ไปกับคุณดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคนจะสงสัย ฉันไปกับพี่พรได้ไหม?”เขานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเรียบ ๆ “ครับ ตามสบาย”เมื่อมาถึงร้าน ฉันนั่งกับพนักงานฝ่ายการตลาดกับแผนกบุคคล บรรยากาศสนุกและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ต่างจากโต๊ะของภูริที่ดูสุขุมเรียบร้อยแบบชนิดที่ฝ่ายบริหารทุกคนตรงนั้นนั่งตัวตรง พูดกันเบาๆ ราวกับกำลังนั่งอยู่ในห้องสัมภาษณ์ ไม่ใช่

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 13 เด็กฝึกงานเอนกประสงค์

    ผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันยื่นแฟ้มงานที่ตรวจสอบเรียบร้อยให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน“เสร็จแล้วค่ะ”ภูริเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะรับแฟ้มจากมือฉันไปเปิดดูทีละหน้า ฉันยืนรออย่างเกร็ง ๆ แม้จะมั่นใจว่าเช็กทุกอย่างอย่างละเอียดแล้ว แต่เมื่อเขาเป็นคนตรวจ…ฉันก็อดประหม่าไม่ได้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาปิดแฟ้มลงและพยักหน้าเบา ๆ“เรียบร้อยดีครับ ถูกต้องหมด”แค่ประโยคสั้น ๆ ก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้ถอนหายใจลึก ๆ เป็นครั้งแรกของวัน“ตั้งแต่พรุ่งนี้ คุณไปเรียนรู้ระบบงานกับแต่ละแผนกครับ”ภูริพูดเรียบ ๆ ระหว่างส่งแฟ้มงานให้ฉัน“ให้ครบทุกแผนก ฝ่ายละหนึ่งวัน จะได้เห็นภาพรวมว่าบริษัททำงานยังไง ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงการตัดสินใจระดับบริหาร”ฉันรับคำโดยไม่ลังเล ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่เพราะรู้อยู่เต็มอกว่านี่คือโอกาสทอง ที่จะได้เก็บเกี่ยวให้มากที่สุดหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฉันวนไปเรียนรู้งานกับทุกแผนกจริง ๆ ทั้งบัญชี การตลาด บุคคล ฝ่ายก่อสร้าง ฝ่ายจัดซื้อ และแม้กระทั่งทีมคอล เซ็นเตอร์ ที่ต้องรับมือกับลูกค้าทุกระดับ จดทุกอย่างลงสม

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 12 เด็กเส้น

    เช้าวันจันทร์ ฉันมายืนรอที่ล็อบบี้ของตึกสำนักงานสูงระฟ้าซึ่งมีโลโก้ของบริษัท TP พรอพเพอร์ตี้ ชื่อดังติดเด่นเป็นสง่าบริษัทหลักที่ภูริดูแลอยู่ นี่มันห่างไกลจาก ‘โรงสี’ ของบ้านฉันเกินไปหรือเปล่านะ? ฉันคิดในใจอย่างเหนื่อยใจนิด ๆอสังหา...มันจะไปเกี่ยวอะไรกับข้าวสารในกระสอบที่เราขายกันได้ล่ะ?แต่ก็นั่นแหละ โอกาสในการได้เรียนรู้จากคนเก่งอย่างภูริ...มันไม่ได้มีมาง่าย ๆ ฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และเอาเข้าจริง...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างเขาบริหารบริษัทระดับนี้ได้ยังไงเสียงประตูลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มในสูทเทาเข้มก้าวออกมาด้วยท่วงท่าสงบ เยือกเย็น และดูดีจนสาว ๆ แถวนั้นแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง“มาแต่เช้าเลยนะครับ” ภูริพูดเรียบ ๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้ “พร้อมหรือยัง?”“พร้อมค่ะ...แต่ขออย่างหนึ่ง” ฉันรีบเอ่ยก่อนจะเดินตามเขาไป “คุณอย่าบอกใครได้ไหมคะ...เรื่องที่ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ”เขาหยุดเดิน มองฉันนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง“ทำไมครับ?”&

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 11 ตั้งใจมาหา

    คืนนั้นฉันนอนไม่หลับ...ความคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ทั้งภาพเหตุการณ์เมื่อวาน สีหน้าของภูริ คนร้ายที่พุ่งเข้าใส่เขา และความจริงที่ว่าศัตรูของเขา…อาจเป็นใครก็ได้และเมื่อฉันแต่งงานกับเขา…ไม่ว่าอยากหรือไม่ เราก็จะมีศัตรูคนเดียวกันโดยปริยายแค่คิดถึงสิ่งที่อาจรออยู่ข้างหน้า ก็เหมือนจะรู้สึกได้ถึงอายุขัยที่สั้นลงทีละวันแต่ตอนนี้ มีบางอย่างสำคัญกว่าให้ต้องจัดการสัญญาของคุณพิชิต…ฉันตัดสินใจเดินไปหาเขาในเช้าวันนั้น บรรยากาศในห้องทำงานของชายวัยกลางคนยังคงเงียบเชียบเหมือนเดิม เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานตัวเดิม ผมเริ่มแซมสีดอกเลาเป็นการบ่งบอกว่าอายุของเขาเพิ่มมากขึ้นแล้ว“ดิฉันอยากพูดเรื่องที่คุณรับปากไว้ค่ะ เรื่องการเปิดตัวในฐานะผู้บริหาร และฐานะลูกสาว”เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารช้าๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไร“หึ...ดูรีบร้อนเสียจริงนะ”“ดิฉันทำหน้าที่ของดิฉันแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “หรือคุณชายจะเปลี่ยนใจ?”คุณพิชิตมอ

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 10 ไวเหมือนแมว [2/2]

    เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉันหันกลับไปทันทีที่เห็นร่างของอาทิตย์เดินตรงมา พร้อมถุงกระดาษอาร์ตทอยในมือ “วี! เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เขาถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “มีอุบัติเหตุน่ะ กล่องอะไรสักอย่างตกลงมา” ฉันตอบพลางชี้ไปยังพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำลังเก็บกวาด เขาขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองชายข้างกายฉันที่ยังยืนมองอยู่ใกล้ ๆ ด้วยท่าทางนิ่งขรึม “ไม่ทราบว่าคุณคือ...?” ภูริถามฉันด้วยเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมจับจ้องอาทิตย์อย่างไม่ละสายตา “อ้อ…คุณภูริ นี่อาทิตย์ค่ะ” ฉันตอบพลางชี้แนะนำกลับไปอีกฝั่ง “อาทิตย์ นี่คุณภูริ” “สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของวี” อาทิตย์เอ่ยก่อน ยิ้มสุภาพ ภูริยกคิ้วเล็กน้อย “ครับ…ผมเป็นคู่หมั้นของเธอ” ฉันกะพริบตาช้า ๆ สังเกตบรรยากาศรอบตัวที่ดูอึดอัดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อากาศเย็นในห้างก็เหมือนจะร้อนขึ้นฉับพลัน ตาสองคู่นั้นสบกันแบบนิ่ง ๆ นานเกินควร และถึงแม้จะไม่มีคำพูดหยาบ ไม่มีท่าทางก้าวร้าว แต่...ฉันสัมผัสได้ถึงแรงต้านบางอย่างที่มองไม่เห็น อาทิตย์เม้มปากแน่นเล็กน้อย ส่วนภูริก็ทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ฉันถอนหายใจในใจเบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status