หน้าหลัก / โรแมนติก / วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม / ตอนที่ 4 เรื่องของคนในครอบครัว 

แชร์

ตอนที่ 4 เรื่องของคนในครอบครัว 

ผู้เขียน: MoonDust
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-17 19:00:02

หนึ่งเดือนผ่านไป ฉันเริ่มชินกับชีวิตในร่างใหม่แล้ว ทั้งงานบ้านที่ต้องทำในฐานะคนรับใช้ และงานที่โรงสีซึ่งฉันต้องรับบทเป็นที่ปรึกษาลับ ๆ ของคุณพิชิต ชีวิตประจำวันของฉันแบ่งเป็นสองแบบชัดเจน กลางวันเป็นสาวใช้ กลางคืนเป็นคนแก้ปัญหาธุรกิจ ฟังดูเท่ดีใช่ไหม? ไม่เลย... เพราะเงินเดือนที่ได้ช่างห่างไกลกับความยุติธรรมเหลือเกิน 

ฉันพยายามกล่อมแม่ให้ลาออกแล้วออกไปใช้ชีวิตกันสองแม่ลูก แต่อย่างที่คาดไว้ แม่ดุฉันเสียยกใหญ่ แถมยืนยันหนักแน่นว่าจะอยู่รับใช้บ้านนี้ไปจนตาย ไม่เพียงแค่นั้น แม่ยังสั่งให้ฉันตั้งใจทำงานเพื่อช่วยเหลือโรงสีอีกต่างหาก 

ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมแม่ถึงผูกพันกับที่นี่นัก? บ้านหลังนี้ไม่ได้ให้อะไรแม่เลย นอกจากภาระและคำสั่งสารพัด แต่ถึงจะไม่เข้าใจ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการปล่อยให้แม่ทำตามที่ต้องการ… อย่างน้อยก็ตอนนี้ 

แต่ฉันน่ะเหรอ? ฉันจะไม่อยู่ที่นี่ตลอดไปแน่ ถ้าหาข้อมูลได้มากพอและมีโอกาสเหมาะเมื่อไหร่… ฉันจะออกไปจากที่นี่ทันที 

ฉันตื่นตั้งแต่ตีห้าเหมือนที่เคยทำตอนเป็นอลิสา ร่างกายใหม่นี้บอบบางกว่าที่เคย แต่หลังจากซ้อมมาเป็นเดือน ฉันก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว ฉันออกไปวิ่งรอบสวนเป็นรอบที่สิบ เหงื่อไหลซึมตามขมับและแผ่นหลัง หัวใจเต้นเร็วแต่ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากนัก ความอึดทนเพิ่มขึ้นชัดเจน 

"วี พักก่อนไหม?" 

เสียงอร เพื่อนคนใช้รุ่นเดียวกันดังมาจากระเบียงหลังบ้าน เธอทำงานที่นี่มานานกว่าสี่ปีแล้ว และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าคุยกับฉันอย่างสนิทสนม ปกติก็ไม่ค่อยมีคนคุยกับวราลีอยู่แล้วเพราะกลัวโดนหางเลขจากพลอยไพลิน บางคนที่อายุใกล้เคียงกันก็จับกลุ่มคอยให้ท้ายคุณหนูใหญ่ของบ้าน รวมหัวกันรังแกวราลีทั้งตอนที่พลอยไพลินเห็นและไม่เห็น ราวกับพวกหมาน้อยประจบที่พอเจ้านายลูบหัวทีเดียวก็ทำท่าระริกระรี้ เห่าแข่งกันเอาหน้า หวังจะได้เป็นตัวที่โดนชมบ้าง

แต่หลังจากที่ฉันตื่นมาในร่างนี้น่ะเหรอ

ข่าวลือในบ้านก็เริ่มหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ ว่าวราลีคนเก่าที่เคยเงียบเชียบ ขี้กลัว และทำได้แค่ก้มหน้ารับคำด่า กลับกลายเป็นคนที่ ‘ไม่เหมือนเดิม’ อีกต่อไป

แต่บางคนก็ยังไม่เลิกดูแคลน

มีสาวใช้อยู่สองคน พวกเธอชอบเกาะกลุ่มเดินตามหลังพลอยไพลินเหมือนลูกไล่ประจบเจ้านาย พอได้รับคำชมหน่อยก็ยิ้มแป้นเหมือนจะบินได้ พอเจ้านายคิ้วขมวดหน่อยก็รีบพนมมือแทบจะกราบลงไปบนพื้น พวกเธอไม่เคยมีความเห็นเป็นของตัวเอง

ครั้งหนึ่งที่พวกเธอพยายามจะแกล้งฉันด้วยการสาดน้ำซักล้างจากกะละมัง หนึ่งในนั้นถือกะละมังทำท่าสะดุดและหวังจะสาดน้ำมาที่ฉัน...แบบจงใจให้เป็นอุบัติเหตุ

แต่น่าเสียดาย...วราลีคนใหม่ไม่โง่ขนาดจะยืนรอให้โดน

ก่อนที่น้ำจะกระทบตัวฉัน ฉันคว้าข้อมือของสาวใช้อีกคนแล้วหมุนตัวหลบ ให้ตัวเธอพุ่งเข้ารับน้ำเต็ม ๆแทน

ซ่า!

เสียงน้ำกระแทกตัวดังสนั่น พร้อมเสียงกรีดร้องของสาวใช้ที่เปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า

ฉันยิ้มเย็น พลางปัดหยดน้ำบนแขนที่กระเด็นมาเล็กน้อย

หรืออีกครั้ง...ในตอนพวกเธอกำลังทำปากเบี้ยวใส่ฉันเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อนินทา แต่พอฉันปรายตามองกลับไปนิดเดียว สายตาเฉียบคมที่ได้มาจากชีวิตสายลับทำให้เธอสะดุ้งเบา ๆ แล้วเงียบเสียงไปเอง

“มีอะไรก็มาพูดต่อหน้า…ฉันไม่ชอบคนเก่งแต่นินทาลับหลัง” ฉันพูดเสียงเรียบ  โดยไม่ได้แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองตรง ๆ

พวกเธอหุบปากสนิทอย่างรวดเร็ว

จากที่เคยคิดว่าฉันคนใช้หัวอ่อน พอเห็นฉันเอาจริงขึ้นมานิดหน่อย ก็หางตกแทบไม่ทัน

หลังจากวันนั้น คนในบ้านก็ยิ่งซุบซิบกันว่า​ฉันอาจจะโดนผีสิงหรือเปล่า เพราะเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า ทำให้ไม่มีใครกล้ายุ่งหรือหาเรื่อง ฉันได้แต่หัวเราะกับข่าวลือ

ก็ฉันนี่แหละ...ผีตัวนั้น

“อีกรอบเดียว!" ฉันตะโกนตอบอร พยายามกดเสียงหอบเอาไว้ อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ดูหมดแรงต่อหน้าคนอื่น 

อรส่ายหัว แต่ก็รออยู่ตรงนั้นจนฉันวิ่งครบตามที่ตั้งใจ พอฉันเดินมาหยุดที่หน้าเธอ อรก็ยื่นขวดน้ำให้ ฉันรับมาดื่มพลางยิ้มบาง ๆ ให้ 

“เธอเปลี่ยนไปจริง ๆ นะ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ดูเป็นคนละคนเลย" 

ฉันกระพริบตาสองสามที ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ "สงสัยจะผีเข้าน่ะ" 

"ตลกละ!" อรทำหน้าเอือม "แต่ฉันว่าฉันชอบเธอตอนนี้นะ...ดูสดใสแล้วก็เข้มแข็งขึ้นเยอะเลย"

“เมื่อก่อนฉันดูอมทุกข์มากเลยเหรอ?”

“อืม…วันๆเห็นเธอตั้งใจทำแต่งาน ก็ไม่วายถูกคุณหนูแล้วก็พวกนั้นชอบมาหาเรื่องเธออยู่เรื่อย น้าแพรวก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันเองก็อยากช่วย…แต่ฉันก็…” เธอเงียบไป

“ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ เธอเองก็คงลำบากใจ ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ สบายมาก” ฉันบีบไหล่เธอเพื่อย้ำว่าอรไม่ได้ทำผิดเลย แค่เธอกล้าคุยกับฉันในขณะที่คนอื่นไม่กล้า นั่นก็นับว่าเธอกล้าหาญมากแล้ว

ทุกเช้า ฉันมักแอบไปที่โรงรถเก่าหลังวิ่งเสร็จ มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครใช้แล้ว และฉันก็ถือโอกาสยึดมุมหนึ่งไว้เป็นที่ซ้อม กระสอบทรายเก่าๆ ถูกแขวนไว้พร้อมอุปกรณ์ที่ประยุกต์จากของในบ้าน ฉันต้องรักษาทักษะการต่อสู้เอาไว้ แม้ว่าร่างกายจะไม่แข็งแกร่งเท่าเมื่อก่อน แต่ความว่องไวและการทรงตัวยังเป็นสิ่งที่ฉันพอจะใช้ได้ 

"วันนี้ลองอะไรใหม่ๆ ดีกว่า" ฉันพึมพำกับตัวเอง ขณะพันผ้าที่มือ ก่อนจะเริ่มออกหมัดใส่กระสอบทราย การชกของฉันแม่นยำและรวดเร็ว สลับกับการเตะและหลบหลีก ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงประตูลั่นเบา ๆ ฉันหยุดชะงัก หันไปเห็นอรยืนตาโตอยู่หน้าประตู 

"ว้าว..." อรอุทาน "เธอเก่งจัง! เรียนมาจากไหนเหรอ?" 

"ก็... หัดเอง" ฉันตอบพลางคลี่ผ้าพันมือออก "อย่าบอกใครนะ" 

"ไม่บอกหรอก" อรยิ้ม "แต่สอนฉันบ้างได้ไหม? ฉันอยากป้องกันตัวเองเหมือนกัน" 

ฉันมองเธออย่างประเมิน อรตัวเล็ก ท่าทางขี้กลัว แต่แววตามีความมุ่งมั่น 

"ได้ แต่ต้องตั้งใจนะ" ฉันพยักหน้า "เริ่มจากการทรงตัวก่อน" 

หลังจากฝึกเสร็จ เราแยกย้ายกัน ฉันคิดว่าจะเข้าไปที่โรงสีเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมหน่อย แต่เพียงแค่ก้าวขาเข้าบ้าน เสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้นจากระเบียงชั้นบน

“ไปหาฉันที่ห้องรับแขกชั้นบน ตามแม่แกมาด้วย” คุณพิชิตสั่ง ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นไปทันที ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะไปตามแม่และขึ้นไปที่ชั้นสอง 

ภายในห้องมีเพียงพิชิตนั่งอยู่ที่โซฟา ไม่นาน คุณนายทับทิมและพลอยไพลินก็ตามเข้ามา เมื่อเห็นฉันกับแม่ สีหน้าของพลอยไพลินก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที 

"ฉันมีเรื่องจะบอกกับทุกคน เกี่ยวกับสถานะของบริษัทและบ้านเรา" น้ำเสียงของคุณพิชิตหนักอึ้ง ท่ามกลางความเงียบในห้องรับแขก  

"แล้วทำไมต้องเรียกอีสองแม่ลูกนี้เข้ามาด้วยคะพ่อ" พลอยไพลินปรายตามองฉันกับแม่อย่างรังเกียจ น้ำเสียงแฝงแววรังเกียจไม่ปิดบัง  

คุณพิชิตไม่สนใจคำถามนั้น เขาถอนหายใจยาวก่อนจะพูดต่อ  

"สถานการณ์โรงสีของเรานั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก แม้จะพ้นวิกฤตมาได้แต่ก็ยังต้องการเงินทุนสำรอง และเราไม่มีเงินทุนสำรองนั้น"  

"แล้วเราจะทำยังไงดีคะ" คุณนายทับทิมถาม มือบางกำผ้าเช็ดหน้าลายดอกแน่น สีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด  

"วันนี้ฉันไปหาคุณหญิงสมศรี ทรัพย์ไพศาลอนันต์มา" คุณพิชิตหยุดชั่วครู่ ราวกับกำลังชั่งใจว่าควรพูดต่อดีหรือเปล่า 

"ทรัพย์ไพศาลอนันต์...ตระกูลของเพื่อนคุณปู่น่ะหรือคะ เขาช่วยเราไหมคะ?" ท่าทางของพลอยไพลินดูร้อนใจไม่ต่างจากมารดาของเธอ  

"อืม โชคดีที่คุณปู่ของลูกเคยช่วยเหลือคุณเฉลิม สามีคุณหญิงสมศรีให้พ้นจากวิกฤตการเงินในอดีต คุณหญิงสมศรียินดีช่วยเรื่องเงินทุนโรงสีของเรา แต่..."   

คำว่า 'แต่' ทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ 

"แต่...แต่อะไรคะคุณ?" คุณทับทิมถามเสียงสั่น  

"แต่คุณหญิงมีเงื่อนไข ทางเราเองก็ต้องทำตามสัญญาที่คุณพ่อเคยให้ไว้ในอดีตเช่นกัน นั่นคือ...ลูกสาวของพานิชวงศ์ต้องแต่งงานกับคนจากตระกูลทรัพย์ไพศาลอนันต์ หมายความว่า พลอยไพลิน...”  

“ลูกต้องแต่งงานกับหลานชายคนเล็กของคุณหญิง...ภูริ"  

ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะมาเจอพล็อตโบราณอย่างการแต่งงานตามสัญญาของผู้ใหญ่ในยุคนี้  

"อะไรนะคะ!! แต่งงาน!?” พลอยไพลินร้องลั่น “นี่มันสมัยไหนแล้วคะพ่อ ยังมีการแต่งงานการเมืองอีกเหรอคะ หนูไม่แต่งนะคะ หนูจำได้ว่าเคยเจอพี่ภูตอนเด็กๆ อ้วนก็อ้วน! ขี้แง ขี้ขลาด แล้วก็ไม่เคยออกสื่อเลยจนทุกวันนี้ ไม่รู้น่าเกลียดกว่าเดิมหรือเปล่าถึงไม่มีรูปออกมาเลย คุณแม่คะ หนูไม่แต่งงานนะ กรี๊ดดด!" เสียงกรีดร้องของน้องสาวทำเอาหูฉันแทบอื้อ คุณทับทิมต้องเข้าไปกอดปลอบ 

"เงียบนะพลอย!" พิชิตตวาดเสียงดัง "หัดดูซะบ้างว่าตอนนี้บ้านวิกฤติแค่ไหนแล้ว งานการก็ไม่ทำได้แต่ถลุงเงินไปวันๆ แค่แต่งงานช่วยครอบครัวแกต้องทำได้!"  

"ไม่ค่ะ! รวยแค่ไหนแต่น่าเกลียดหนูก็ไม่แต่ง หนูไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก!" พลอยไพลินว่าพลางปาดน้ำตา หน้าตาบูดเบี้ยว ไม่เหลือเค้าความเป็นลูกผู้ดี  

"นั่นสิคะ มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอคะคุณ เป็นหนี้บุญคุณเราแต่กลับตั้งเงื่อนไขนู่นนี่ ลูกเราก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก โพรไฟล์ก็ไม่ขี้เหร่ ควรจะได้สามีที่คู่ควรกว่านี้นะคะ!" คุณทับทิมเสริมขึ้น พลางลูบหลังลูกสาวปลอบประโลม  

"…นี่ถือว่าท่านใจดีมากแล้วนะที่แค่ยื่นเงื่อนไขแค่การแต่งงาน ก่อนหน้าฉันไปขอหยิบยืมเงินท่านตั้งหลายครั้งท่านยังไม่คิดทวงคืน" พิชิตพูดเสียงอ้อมแอ้มในลำคอ

ฉันหันไปมองหน้าคุณทับทิมและพลอยไพลินที่ตกใจกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ  และไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก จากที่ดูมา คุณพิชิตบริหารไม่เก่งแถมยังไม่คิดจ้างคนที่ทำได้มาบริหาร หากก่อนหน้านี้ไม่มีวราลีสักคน โรงสีคงล้มละลายไปนานแล้ว  

"ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับภูริ แต่ง ๆ ไปก่อน สักสามสี่ปีหย่าก็ไม่สาย" พิชิตย้ำเสียงเข้ม  

"ตอนนั้นลูกก็กลายเป็นแม่ม่ายไม่มีใครเอาน่ะสิคะ ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วเหรอคะคุณ?”

"คุณพ่อมีลูกอีกคนนึงนี่คะ" พลอยไพลินปาดน้ำตาก่อนจะปรายตามาทางฉันที่ยืนอยู่มุมห้อง  

"อะไรนะ?" พิชิตงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก  

"ก็ให้นังวราลีไปแต่งงานแทน แค่เป็นลูกสาวของพานิชวงศ์ก็พอแล้วนี่คะ"   

…อ่า เข้าใจคิดแฮะ 

"แกจะบ้าเหรอ! มันไม่มีตัวตนในบ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นลูกฉัน!" หากเป็นวราลีคนเก่าได้ยินประโยคนี้ คงราวกับมีดพันเล่มแทงทั่วร่าง แต่ในตอนนี้ ฉันแค่รับฟังอย่างรู้สึกสมเพชเท่านั้น ในหัวเริ่มคิดถึงประโยชน์ถ้าหากฉันเป็นคนที่ต้องแต่งงานในครั้งนี้ 

"ยิ่งดีเลยสิคะ ให้มันสวมรอยเป็นหนูไป ทำให้แนบเนียนหน่อยก็ไม่มีใครจับได้หรอกค่ะ"  

"แต่คุณหนูคะ ดิฉันว่าไม่..." แม่เอ่ยขึ้นมาหวังจะค้านแต่ก็ถูกขัดด้วยเสียงของคุณทับทิม  

"แกเงียบไปเลยนะนังแพรว!" ทับทิมตวาดเสียงเข้ม "นี่เป็นเรื่องของคนในครอบครัวเรา"  

‘เรื่องของครอบครัวเรา’ แต่ดันมีชื่อฉันเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วนี่สิ...  

ฉันกุมมือแม่แน่น ส่ายหัวเบา ๆ พยายามสื่อว่า ไม่เป็นไร ฉันจัดการได้ 

"พ่อว่า..." คุณพิชิตเอ่ยขึ้นช้า ๆ "มันคงไม่เหมาะ"  

"ทำไมจะไม่เหมาะคะ!" พลอยไพลินแทรกขึ้น น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม "มันก็เป็นลูกพ่อเหมือนกัน ทำตัวเหมือนกาฝากในบ้านมาเป็นยี่สิบปี ตอบแทนแค่นี้มันยังน้อยไปค่ะ!”  

ฉันถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรหรอก แค่รู้สึกเบื่อกับความคิดของคนพวกนี้เท่านั้น 

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งประมุขของบ้านพานิชย์วงศ์ถอนหายใจและเอ่ยขึ้นมา  

“ทุกคนออกไป ส่วนแก...วราลี แกอยู่ก่อน”  

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ฉันยังคงยืนนิ่ง รอให้บิดาเอ่ยสิ่งที่เขาต้องการจะพูด  

“แกทำได้ไหม?”  

“ดิฉันเลือกได้ด้วยเหรอคะ?” ฉันไม่ได้ประชด แต่หมายความตามนั้นจริงๆ  

“เฮ้อ...แกเป็นคนเสนอให้หาเงินทุนเองนะ ฉันก็หามาแล้วนี่ไง”  

…ก็ใช่ ฉันเคยเสนอให้หาเงินทุนเพิ่ม แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะขายลูกสาวแลกกับเงินแบบนี้  

“ค่ะ ดิฉันจะแต่งงานกับคุณภูริ...” ฉันเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะจ้องตาคุณพิชิต

"แต่ดิฉันมีเงื่อนไข" 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 15 คุณไอรีน

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นในตอนที่ฉันกำลังนอนงง ๆ อยู่บนเตียง หัวตึ้บ ร่างปวกเปียก และโลกทั้งใบหมุนวนเบา ๆ แบบไม่จบไม่สิ้น“วี ตื่นหรือยังลูก แม่เอาซุปแก้แฮงค์มาให้”“อื้อ...เข้ามาเลยค่ะ…”ประตูเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของซุปขิงลอยมาแตะจมูก แม่วางถาดไว้ข้างเตียง ฉันยันตัวลุกนั่งอย่างยากลำบาก“เมื่อคืน...วีกลับมาที่นี่ได้ยังไงคะ?” ฉันถามพลางขมวดคิ้ว “วี...จำไม่ค่อยได้เลย”“ก็คุณภูริน่ะสิ เป็นคนอุ้มวีมาส่ง” แม่พูดเรียบ ๆ พลางยกถ้วยซุปมาให้“หา?” ฉันแทบสำลักอากาศ“ใช่ อุ้มเข้ามาส่งถึงห้องนอนเลยล่ะ” แม่ส่ายหัวเบา ๆ “ดื่มน่ะแม่ไม่ว่าหรอกนะ แต่ต้องรู้จักพอประมาณเข้าใจไหมลูก”ฉันพึมพำอะไรไม่เป็นภาษาก่อนจะยกซุปขึ้นซด ในหัวเริ่มมีภาพบางอย่างแวบกลับมา…ฉัน...อยู่ในอ้อมแขนของเขาลืมตาขึ้นเบา ๆ เห็นใบหน้าเขาใกล้แค่คืบตอนนั้นฉัน...เอื้อมมือไปแตะหน้าเขา แล้วพูดว่า…“หล่อจัง… เห

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 14 ฉลองดีลร้อยล้าน

    วันถัดมา พี่พรมาบอกฉันแต่เช้าถึงเรื่องงานเลี้ยงบริษัทที่จะจัดเย็นนี้ ไม่ใช่งานสังสรรค์ของพนักงานทั่วไป แต่มันคืองานฉลองปิดดีลโครงการร่วมทุนมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ที่บริษัทเพิ่งเซ็นสัญญาได้สำเร็จเมื่อไม่นานดีลใหญ่นี้หมายถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมใจกลางกรุงเทพฯ ที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของบริษัทในปีหน้า และที่สำคัญ เป็นดีลที่ภูริเป็นคนเจรจาด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบช่วงเย็น ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บของลงกระเป๋า ภูริพูดกับฉันก่อนออกจากออฟฟิศว่า“คุณไปงานเลี้ยงกับผมนะ ถือว่าตอนนี้คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแล้ว”ฉันพยักหน้ารับ แต่รีบบอกต่อ“แต่ขอไม่ไปกับคุณดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคนจะสงสัย ฉันไปกับพี่พรได้ไหม?”เขานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเรียบ ๆ “ครับ ตามสบาย”เมื่อมาถึงร้าน ฉันนั่งกับพนักงานฝ่ายการตลาดกับแผนกบุคคล บรรยากาศสนุกและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ต่างจากโต๊ะของภูริที่ดูสุขุมเรียบร้อยแบบชนิดที่ฝ่ายบริหารทุกคนตรงนั้นนั่งตัวตรง พูดกันเบาๆ ราวกับกำลังนั่งอยู่ในห้องสัมภาษณ์ ไม่ใช่

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 13 เด็กฝึกงานเอนกประสงค์

    ผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันยื่นแฟ้มงานที่ตรวจสอบเรียบร้อยให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน“เสร็จแล้วค่ะ”ภูริเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะรับแฟ้มจากมือฉันไปเปิดดูทีละหน้า ฉันยืนรออย่างเกร็ง ๆ แม้จะมั่นใจว่าเช็กทุกอย่างอย่างละเอียดแล้ว แต่เมื่อเขาเป็นคนตรวจ…ฉันก็อดประหม่าไม่ได้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาปิดแฟ้มลงและพยักหน้าเบา ๆ“เรียบร้อยดีครับ ถูกต้องหมด”แค่ประโยคสั้น ๆ ก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้ถอนหายใจลึก ๆ เป็นครั้งแรกของวัน“ตั้งแต่พรุ่งนี้ คุณไปเรียนรู้ระบบงานกับแต่ละแผนกครับ”ภูริพูดเรียบ ๆ ระหว่างส่งแฟ้มงานให้ฉัน“ให้ครบทุกแผนก ฝ่ายละหนึ่งวัน จะได้เห็นภาพรวมว่าบริษัททำงานยังไง ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงการตัดสินใจระดับบริหาร”ฉันรับคำโดยไม่ลังเล ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่เพราะรู้อยู่เต็มอกว่านี่คือโอกาสทอง ที่จะได้เก็บเกี่ยวให้มากที่สุดหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฉันวนไปเรียนรู้งานกับทุกแผนกจริง ๆ ทั้งบัญชี การตลาด บุคคล ฝ่ายก่อสร้าง ฝ่ายจัดซื้อ และแม้กระทั่งทีมคอล เซ็นเตอร์ ที่ต้องรับมือกับลูกค้าทุกระดับ จดทุกอย่างลงสม

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 12 เด็กเส้น

    เช้าวันจันทร์ ฉันมายืนรอที่ล็อบบี้ของตึกสำนักงานสูงระฟ้าซึ่งมีโลโก้ของบริษัท TP พรอพเพอร์ตี้ ชื่อดังติดเด่นเป็นสง่าบริษัทหลักที่ภูริดูแลอยู่ นี่มันห่างไกลจาก ‘โรงสี’ ของบ้านฉันเกินไปหรือเปล่านะ? ฉันคิดในใจอย่างเหนื่อยใจนิด ๆอสังหา...มันจะไปเกี่ยวอะไรกับข้าวสารในกระสอบที่เราขายกันได้ล่ะ?แต่ก็นั่นแหละ โอกาสในการได้เรียนรู้จากคนเก่งอย่างภูริ...มันไม่ได้มีมาง่าย ๆ ฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และเอาเข้าจริง...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างเขาบริหารบริษัทระดับนี้ได้ยังไงเสียงประตูลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มในสูทเทาเข้มก้าวออกมาด้วยท่วงท่าสงบ เยือกเย็น และดูดีจนสาว ๆ แถวนั้นแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง“มาแต่เช้าเลยนะครับ” ภูริพูดเรียบ ๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้ “พร้อมหรือยัง?”“พร้อมค่ะ...แต่ขออย่างหนึ่ง” ฉันรีบเอ่ยก่อนจะเดินตามเขาไป “คุณอย่าบอกใครได้ไหมคะ...เรื่องที่ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ”เขาหยุดเดิน มองฉันนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง“ทำไมครับ?”&

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 11 ตั้งใจมาหา

    คืนนั้นฉันนอนไม่หลับ...ความคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ทั้งภาพเหตุการณ์เมื่อวาน สีหน้าของภูริ คนร้ายที่พุ่งเข้าใส่เขา และความจริงที่ว่าศัตรูของเขา…อาจเป็นใครก็ได้และเมื่อฉันแต่งงานกับเขา…ไม่ว่าอยากหรือไม่ เราก็จะมีศัตรูคนเดียวกันโดยปริยายแค่คิดถึงสิ่งที่อาจรออยู่ข้างหน้า ก็เหมือนจะรู้สึกได้ถึงอายุขัยที่สั้นลงทีละวันแต่ตอนนี้ มีบางอย่างสำคัญกว่าให้ต้องจัดการสัญญาของคุณพิชิต…ฉันตัดสินใจเดินไปหาเขาในเช้าวันนั้น บรรยากาศในห้องทำงานของชายวัยกลางคนยังคงเงียบเชียบเหมือนเดิม เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานตัวเดิม ผมเริ่มแซมสีดอกเลาเป็นการบ่งบอกว่าอายุของเขาเพิ่มมากขึ้นแล้ว“ดิฉันอยากพูดเรื่องที่คุณรับปากไว้ค่ะ เรื่องการเปิดตัวในฐานะผู้บริหาร และฐานะลูกสาว”เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารช้าๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไร“หึ...ดูรีบร้อนเสียจริงนะ”“ดิฉันทำหน้าที่ของดิฉันแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “หรือคุณชายจะเปลี่ยนใจ?”คุณพิชิตมอ

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 10 ไวเหมือนแมว [2/2]

    เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉันหันกลับไปทันทีที่เห็นร่างของอาทิตย์เดินตรงมา พร้อมถุงกระดาษอาร์ตทอยในมือ “วี! เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เขาถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “มีอุบัติเหตุน่ะ กล่องอะไรสักอย่างตกลงมา” ฉันตอบพลางชี้ไปยังพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำลังเก็บกวาด เขาขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองชายข้างกายฉันที่ยังยืนมองอยู่ใกล้ ๆ ด้วยท่าทางนิ่งขรึม “ไม่ทราบว่าคุณคือ...?” ภูริถามฉันด้วยเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมจับจ้องอาทิตย์อย่างไม่ละสายตา “อ้อ…คุณภูริ นี่อาทิตย์ค่ะ” ฉันตอบพลางชี้แนะนำกลับไปอีกฝั่ง “อาทิตย์ นี่คุณภูริ” “สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของวี” อาทิตย์เอ่ยก่อน ยิ้มสุภาพ ภูริยกคิ้วเล็กน้อย “ครับ…ผมเป็นคู่หมั้นของเธอ” ฉันกะพริบตาช้า ๆ สังเกตบรรยากาศรอบตัวที่ดูอึดอัดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อากาศเย็นในห้างก็เหมือนจะร้อนขึ้นฉับพลัน ตาสองคู่นั้นสบกันแบบนิ่ง ๆ นานเกินควร และถึงแม้จะไม่มีคำพูดหยาบ ไม่มีท่าทางก้าวร้าว แต่...ฉันสัมผัสได้ถึงแรงต้านบางอย่างที่มองไม่เห็น อาทิตย์เม้มปากแน่นเล็กน้อย ส่วนภูริก็ทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ฉันถอนหายใจในใจเบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status