แชร์

ตอนที่ 5 เงื่อนไข 

ผู้เขียน: MoonDust
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-18 11:00:43

“แกคิดว่าแกเป็นใครจะมายื่นเงื่อนไขกับฉัน?”

"คุณชายคะ" ฉันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น "ดิฉันเข้าใจดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มีความสำคัญต่อบริษัทของเรา...แต่ดิฉันคิดว่าเราควรตกลงเรื่องบางอย่างให้ชัดเจนก่อน"

"เรื่องอะไร?" นายพิชิตขมวดคิ้ว

"สถานะของดิฉันในบริษัท" ฉันตอบตรง ๆ ”คุณชายเองก็ทราบดีว่าดิฉันเป็นคนดูแลและแก้ปัญหาให้โรงสีมาตลอด แต่ยังต้องทำทุกอย่างอย่างลับ ๆ"

"แก..." คุณพิชิตดูเริ่มจะโกรธ แต่ฉันยกมือขึ้นห้าม

"ลองคิดดูนะคะ" ฉันพูดต่อ พยายามคุมน้ำเสียงให้มั่นคง "หลังแต่งงาน ดิฉันจะเป็นภรรยาของหลานชายตระกูลทรัพย์ไพศาลอนันต์ จะให้แอบย่องเข้ามาทำงานแบบนี้ต่อไปได้ยังไงคะ? มันจะเสียเกียรติทั้งสองตระกูล"

คุณพิชิตนิ่งคิด

"ดิฉันเสนอว่า..." ฉันเดินอ้อมโซฟาช้า ๆ "ให้ดิฉันเป็น ​COO อย่างเป็นทางการ ดูแลโรงสีและธุรกิจอื่นๆ ของเราต่อไป พร้อมเงินเดือนที่เหมาะสมกับตำแหน่ง" ฉันเสนอตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ที่มีหน้าที่ในการดูแลและควบคุมการดำเนินงานขององค์กรในแต่ละวัน เพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานทุกอย่างในบริษัทเป็นไปตามแผนที่วางไว้

"นี่แกกำลังต่อรองกับฉันเหรอ?" คุณพิชิตถามเสียงเย็น

"ไม่ค่ะ ดิฉันกำลังเสนอทางออกที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์...ดิฉันมีแผนฟื้นฟูธุรกิจที่ร่างไว้ ทั้งการขยายตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการร่วมทุนกับพันธมิตร... แต่ถ้าคุณชายไม่เห็นด้วย..."

ฉันเว้นจังหวะ

"ดิฉันก็แค่ต้องแต่งงานไปเป็นภรรยาที่ดีของคุณภูริ อยู่บ้านดูแลสามี ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของที่นี่อีก" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ "คุณชายคงต้องหาคนอื่นมาแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินและคู่แข่งเอง"

บรรยากาศในห้องตึงเครียด คุณพิชิตจ้องมองฉันผู้เป็นลูกสาวนิ่ง เขาคงไม่เคยเห็นวราลีแสดงความมั่นใจแบบนี้มาก่อน

"แกเปลี่ยนไป" เขาพูดในที่สุด

"คนเราต้องเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอดค่ะ"

"ตำแหน่ง COO..." เขาพูดช้า ๆ "พร้อมเงินเดือนที่สมน้ำสมเนื้อ..."

"และการยอมรับว่าดิฉันเป็นลูกสาวของคุณ... อย่างเปิดเผย" ฉันเสริม

“อะไรนะ! นี่มันจะมากเกินไปแล้ว” คุณพิชิตชี้หน้าฉันด้วยความโกรธ

“ไม่มากไปหรอกค่ะ ไม่คิดว่าพอมีข่าวเรื่องแต่งงาน สื่อจะไม่ขุดประวัติดิฉันเหรอคะ ถ้าคุณชายไม่เปิดตัวดิฉันตั้งแต่แรก คิดว่าสื่อจะเล่นข่าวว่าอะไรล่ะคะ? คงไม่พ้น...ลูกเมียน้อยตกถังข้าวสารแต่งงานเข้าบ้านมหาเศรษฐี แล้วไหนจะคนในบริษัทอีก ต่อไป…ถ้าอยากจะให้บริษัทเราไปไกลกว่านี้ ยังไงดิฉันก็ต้องได้เข้าร่วมประชุมกับทุกฝ่ายค่ะ”

เขานิ่งไป คำพูดของฉันคงทำให้เขาต้องครุ่นคิด เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดถูก การปิดบังความจริงต่อไปจะยิ่งสร้างปัญหาและสื่อมวลชนไม่เคยพลาดข่าวอื้อฉาวในตระกูลใหญ่

“…เข้าใจแล้ว" เขาถอนหายใจยาว น้ำเสียงอ่อนลง "ฉันจะจัดการเรื่องตำแหน่งให้ และจะแถลงข่าวเปิดตัวแก... พอใจหรือยัง?"

ฉันยิ้ม "ขอบคุณค่ะ...คุณชาย”

“แต่แกต้องทำให้การดูตัวของแกกับหลานชายคุณหญิงเป็นไปได้ด้วยดี ไม่อย่างนั้นเรื่องที่แกขอฉันวันนี้มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น”

“ค่ะ ดิฉันทราบดี” นายพิชิตโบกมือเป็นสัญญาณให้ออกไปจากห้องได้แล้ว ฉันหมุนตัวเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่ง นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ที่จะทำให้วราลีได้รับสิ่งที่สมควรได้รับมาตั้งแต่ต้น

“ตกลงว่าลูกจะแต่งงานกับคุณภูริจริง ๆ เหรอ?” แม่เอ่ยปากถามทันทีที่ฉันกลับเข้ามาในห้องนอนน

“ยังหรอกค่ะ ต้องไปพบเขาก่อน ถ้าเป็นไปได้ด้วยดีก็คงต้องแต่งค่ะ” ฉันพูดราวกับเรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ

“แต่มันทั้งชีวิตลูกเลยนะ” ฉันส่งยิ้มจางให้มารดาก่อนจะกุมมือหยาบกร้านของเธอเอาไว้

“การแต่งงานครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเราค่ะ วีจะไม่ยอมให้เราอยู่ในสถานะนี้และถูกข่มเหงตลอดไปหรอกนะคะ” แม่กำลังเอ่ยปากจะค้าน แต่ฉันก็พูดต่อ

“แม่อาจจะคิดว่าทน ๆ ไปไม่เป็นไรหรอก แต่จริงเหรอคะ? แม่พอใจจริงๆเหรอกับสิ่งที่ถูกกระทำอยู่ทุกวันนี้ ถ้าแม่พอใจ แม่คงไม่ร้องไห้ทุกวันทุกคืนหลังจากที่โดนเมียกับลูกเขารังแกมา” แม่เงียบไป ความจริงคงวิ่งเข้าทะลุอกจนเธอพูดไม่ออก ฉันกุมมือเธอแน่นขึ้น

“เชื่อเถอะค่ะ วีโอเคจริง ๆ”

แม่เงียบไปนาน คล้ายกำลังชั่งใจ สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มฉันแผ่วเบา

"แม่ไม่ได้อยากให้ลูกต้องฝืนใจตัวเองนะ" น้ำเสียงเธอสั่นไหว

"ค่ะ วีเลือกแล้ว และวีจะทำให้มันเป็นการเลือกที่ดีที่สุด"

แม่มองฉันนิ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างช้า ๆ

“ลูก…เปลี่ยนไปมากนะตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา”

“…เหมือนเกิดใหม่เลยล่ะค่ะ แล้วก็คิดได้ว่าต้องทำสิ่งที่ควรทำเสียที เราปล่อยเวลามานานเกินไปแล้วค่ะ”

"ถ้าลูกมั่นใจ...แม่ก็จะเชื่อใจลูก"

ฉันยิ้มบางๆ ก่อนจะก้มลงกอดแม่แน่น แม้หัวใจจะเต็มไปด้วยความกังวลต่ออนาคตที่ไม่อาจคาดเดา แต่ฉันก็รู้ว่าตัวเองได้ก้าวข้ามเส้นทางแห่งความลังเลไปแล้ว

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่มีวันถอยหลังกลับเด็ดขาด

“ว่าไงนะ! เธอจะต้องแต่งงานแทนคุณหนูเหรอ?” อรเอามือป้องปาก ตกใจกับข่าวที่เพิ่งได้ยิน

“อืม”

“แล้วเขาหน้าตาเป็นยังไงเธอรู้หรือยัง?”

“ยัง เจอแต่รูปตอนเด็ก ๆ” ฉันพูดก่อนจะเปิดรูปในมือถือให้อรดู ซึ่งเป็นรูปเพียงใบเดียวที่หาได้จากการค้นหาชื่อของ ภูริ ทรัพย์ไพศาลอนันต์ ในรูปเป็นหญิงสาววัยกลางคน คือคุณหญิงสมศรี ข้าง ๆ เป็นเด็กชายร่างอ้วนใบหน้าเรียบเฉย มือข้างหนึ่งจับมือคุณหญิง ส่วนอีกข้างถือลูกชิ้นสามไม้

“โห ตอนเด็กยังขนาดนี้ โตมาจะขนาดไหน ที่เขาไม่ยอมออกสื่อเลยเพราะเรื่องรูปร่างหน้าตาหรือเปล่านะ?”

“ฉันพยายามหาแล้ว แต่ก็ไม่เจอเลย”

“วีเอ๊ย! ชีวิตเธอนี่มันช่างน่าสงสาร” อรพูดเสียงอ่อนและบีบมือฉันแน่น

“จะสงสารฉันทำไมเล่า แค่แต่งงานทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องรักใคร่พิศวาสอะไรกันสักหน่อย แถมอีกฝ่ายยังเป็นมหาเศรษฐีด้วยนะ” ฉันพูดจากใจจริง การได้แต่งงานครองคู่กับคนที่เรารักเป็นอะไรที่ผู้หญิงเกือบทุกคนใฝ่ฝันหา แต่ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมปรารถนานั้น แทนที่จะเครียดไปล่วงหน้าว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉันพยายามใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และวางแผนเท่าที่จะทำได้

“แล้วถ้าเขามีรสนิยมแปลก ๆ ล่ะ? แบบ...ซาดิสม์ชอบความรุนแรง บังคับเธอขึ้นเตียงเธอจะทำยังไง?” ฉันเริ่มขมวดคิ้วกับจินตนาการอันล้ำเลิศของเพื่อนสาว

“เขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอกน่า เธอก็รู้ว่าฉันเอาตัวรอดเก่ง”

“ขอให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เถอะ เออ...ว่าแต่รู้หรือยัง อาทิตย์กลับมาแล้วนะ”

“อาทิตย์? อาทิตย์ไหน?”

“เอ้า นี่เธอลืมอาทิตย์ด้วยเหรอเนี่ย อาทิตย์ก็ลูกชายลุงชมคนขับรถไง เขาเพิ่งกลับมาจากเยี่ยมแม่วันนี้ มาถึงก็ถามหาเธอคนแรกเลยนะ แต่ตอนนั้นเธออยู่ในห้องกับคุณชายน่ะ”

“อ้อ...เอาเถอะ เจอแล้วเดี๋ยวค่อยทักแล้วกัน ฉันไปก่อนนะ”

หลังจากแยกกับอรมา ฉันตั้งใจว่าจะไปหาสักมุมในบ้านเพื่อทำงาน ฉันวางแผนที่จะทำผลิตภัณฑ์ใหม่จากข้าว แต่มันยังเป็นแค่แบบร่างเท่านั้น แถมตอนนี้เรามีแบรนด์ข้าวสารบรรจุถุงของตัวเองที่กำลังพัฒนา ต้องทำรายงานเสนอแผนขยายตลาด ถ้าหากว่าเปิดตัวฉันอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ การทำงานคงง่ายมากขึ้น ฉันจะได้ไม่ต้องมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้

ทันทีฉันหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ในสวน ป้าแป้นก็เดินเข้ามาหาฉันราวกับรู้เวลา

“ยัยหนู ไปตลาดให้ป้าหน่อยสิ” ป้าแป้นยื่นถุงผ้าให้ฉันพร้อมรายการของ

“ให้คนอื่นไปแทนไม่ได้เหรอคะ?” แม้จะยุ่ง แต่ฉันไม่สามารถบอกออกไปตรงๆได้เกี่ยวกับงานที่โรงสี ในสายตาป้าแป้น ฉันจึงดูเหมือนคนว่างงานที่สุดแล้วในตอนนี้

“คนอื่นเขายุ่งกันหมด” ป้าแป้นยิ้ม “อีกอย่าง ป้ายังไม่หายเจ็บขาเลย”

ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นรับถุงและกระดาษจดสิ่งต้องซื้อจากมือป้าแป้น

“ก็ได้ค่ะ ป้าจะเอาอะไรเพิ่มไหม?”

“เอาปลาทูมาสามตัว อย่าลืมดูให้ดีนะ เอาตัวที่ตายแล้ว”

ฉันหลุดขำ “ป้าคะ ปลาทูมันก็ตายหมดทุกตัวอยู่แล้วนะ”

“เอ้อ! นั่นแหละ” ป้าแป้นหัวเราะพลางโบกมือไล่

ฉันเดินออกจากสวน พลางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แผนจะหามุมสงบทำงานของฉันพังไม่เป็นท่าอีกแล้ว

ฉันเดินตรงไปที่ประตูรั้ว พลางไล่เช็กรายการของในใจ พอหันซ้ายหันขวาจะก้าวออกจากบ้าน กลับต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของใครบางคนยืนพิงรถกระบะอยู่ไม่ไกล

ชายหนุ่มในเสื้อยืดสีขาวเรียบๆ กางเกงยีนส์สีกลาง และรองเท้าผ้าใบที่ดูสะอาดสะอ้านผิดวิสัยคนบ้านนี้ ดวงตาสีเข้มกำลังจ้องมองฉันด้วยรอยยิ้มบางๆ

"วี"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 15 คุณไอรีน

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นในตอนที่ฉันกำลังนอนงง ๆ อยู่บนเตียง หัวตึ้บ ร่างปวกเปียก และโลกทั้งใบหมุนวนเบา ๆ แบบไม่จบไม่สิ้น“วี ตื่นหรือยังลูก แม่เอาซุปแก้แฮงค์มาให้”“อื้อ...เข้ามาเลยค่ะ…”ประตูเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของซุปขิงลอยมาแตะจมูก แม่วางถาดไว้ข้างเตียง ฉันยันตัวลุกนั่งอย่างยากลำบาก“เมื่อคืน...วีกลับมาที่นี่ได้ยังไงคะ?” ฉันถามพลางขมวดคิ้ว “วี...จำไม่ค่อยได้เลย”“ก็คุณภูริน่ะสิ เป็นคนอุ้มวีมาส่ง” แม่พูดเรียบ ๆ พลางยกถ้วยซุปมาให้“หา?” ฉันแทบสำลักอากาศ“ใช่ อุ้มเข้ามาส่งถึงห้องนอนเลยล่ะ” แม่ส่ายหัวเบา ๆ “ดื่มน่ะแม่ไม่ว่าหรอกนะ แต่ต้องรู้จักพอประมาณเข้าใจไหมลูก”ฉันพึมพำอะไรไม่เป็นภาษาก่อนจะยกซุปขึ้นซด ในหัวเริ่มมีภาพบางอย่างแวบกลับมา…ฉัน...อยู่ในอ้อมแขนของเขาลืมตาขึ้นเบา ๆ เห็นใบหน้าเขาใกล้แค่คืบตอนนั้นฉัน...เอื้อมมือไปแตะหน้าเขา แล้วพูดว่า…“หล่อจัง… เห

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 14 ฉลองดีลร้อยล้าน

    วันถัดมา พี่พรมาบอกฉันแต่เช้าถึงเรื่องงานเลี้ยงบริษัทที่จะจัดเย็นนี้ ไม่ใช่งานสังสรรค์ของพนักงานทั่วไป แต่มันคืองานฉลองปิดดีลโครงการร่วมทุนมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ที่บริษัทเพิ่งเซ็นสัญญาได้สำเร็จเมื่อไม่นานดีลใหญ่นี้หมายถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมใจกลางกรุงเทพฯ ที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของบริษัทในปีหน้า และที่สำคัญ เป็นดีลที่ภูริเป็นคนเจรจาด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบช่วงเย็น ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บของลงกระเป๋า ภูริพูดกับฉันก่อนออกจากออฟฟิศว่า“คุณไปงานเลี้ยงกับผมนะ ถือว่าตอนนี้คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแล้ว”ฉันพยักหน้ารับ แต่รีบบอกต่อ“แต่ขอไม่ไปกับคุณดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคนจะสงสัย ฉันไปกับพี่พรได้ไหม?”เขานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเรียบ ๆ “ครับ ตามสบาย”เมื่อมาถึงร้าน ฉันนั่งกับพนักงานฝ่ายการตลาดกับแผนกบุคคล บรรยากาศสนุกและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ต่างจากโต๊ะของภูริที่ดูสุขุมเรียบร้อยแบบชนิดที่ฝ่ายบริหารทุกคนตรงนั้นนั่งตัวตรง พูดกันเบาๆ ราวกับกำลังนั่งอยู่ในห้องสัมภาษณ์ ไม่ใช่

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 13 เด็กฝึกงานเอนกประสงค์

    ผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันยื่นแฟ้มงานที่ตรวจสอบเรียบร้อยให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน“เสร็จแล้วค่ะ”ภูริเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะรับแฟ้มจากมือฉันไปเปิดดูทีละหน้า ฉันยืนรออย่างเกร็ง ๆ แม้จะมั่นใจว่าเช็กทุกอย่างอย่างละเอียดแล้ว แต่เมื่อเขาเป็นคนตรวจ…ฉันก็อดประหม่าไม่ได้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาปิดแฟ้มลงและพยักหน้าเบา ๆ“เรียบร้อยดีครับ ถูกต้องหมด”แค่ประโยคสั้น ๆ ก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้ถอนหายใจลึก ๆ เป็นครั้งแรกของวัน“ตั้งแต่พรุ่งนี้ คุณไปเรียนรู้ระบบงานกับแต่ละแผนกครับ”ภูริพูดเรียบ ๆ ระหว่างส่งแฟ้มงานให้ฉัน“ให้ครบทุกแผนก ฝ่ายละหนึ่งวัน จะได้เห็นภาพรวมว่าบริษัททำงานยังไง ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงการตัดสินใจระดับบริหาร”ฉันรับคำโดยไม่ลังเล ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่เพราะรู้อยู่เต็มอกว่านี่คือโอกาสทอง ที่จะได้เก็บเกี่ยวให้มากที่สุดหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฉันวนไปเรียนรู้งานกับทุกแผนกจริง ๆ ทั้งบัญชี การตลาด บุคคล ฝ่ายก่อสร้าง ฝ่ายจัดซื้อ และแม้กระทั่งทีมคอล เซ็นเตอร์ ที่ต้องรับมือกับลูกค้าทุกระดับ จดทุกอย่างลงสม

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 12 เด็กเส้น

    เช้าวันจันทร์ ฉันมายืนรอที่ล็อบบี้ของตึกสำนักงานสูงระฟ้าซึ่งมีโลโก้ของบริษัท TP พรอพเพอร์ตี้ ชื่อดังติดเด่นเป็นสง่าบริษัทหลักที่ภูริดูแลอยู่ นี่มันห่างไกลจาก ‘โรงสี’ ของบ้านฉันเกินไปหรือเปล่านะ? ฉันคิดในใจอย่างเหนื่อยใจนิด ๆอสังหา...มันจะไปเกี่ยวอะไรกับข้าวสารในกระสอบที่เราขายกันได้ล่ะ?แต่ก็นั่นแหละ โอกาสในการได้เรียนรู้จากคนเก่งอย่างภูริ...มันไม่ได้มีมาง่าย ๆ ฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และเอาเข้าจริง...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างเขาบริหารบริษัทระดับนี้ได้ยังไงเสียงประตูลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มในสูทเทาเข้มก้าวออกมาด้วยท่วงท่าสงบ เยือกเย็น และดูดีจนสาว ๆ แถวนั้นแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง“มาแต่เช้าเลยนะครับ” ภูริพูดเรียบ ๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้ “พร้อมหรือยัง?”“พร้อมค่ะ...แต่ขออย่างหนึ่ง” ฉันรีบเอ่ยก่อนจะเดินตามเขาไป “คุณอย่าบอกใครได้ไหมคะ...เรื่องที่ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ”เขาหยุดเดิน มองฉันนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง“ทำไมครับ?”&

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 11 ตั้งใจมาหา

    คืนนั้นฉันนอนไม่หลับ...ความคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ทั้งภาพเหตุการณ์เมื่อวาน สีหน้าของภูริ คนร้ายที่พุ่งเข้าใส่เขา และความจริงที่ว่าศัตรูของเขา…อาจเป็นใครก็ได้และเมื่อฉันแต่งงานกับเขา…ไม่ว่าอยากหรือไม่ เราก็จะมีศัตรูคนเดียวกันโดยปริยายแค่คิดถึงสิ่งที่อาจรออยู่ข้างหน้า ก็เหมือนจะรู้สึกได้ถึงอายุขัยที่สั้นลงทีละวันแต่ตอนนี้ มีบางอย่างสำคัญกว่าให้ต้องจัดการสัญญาของคุณพิชิต…ฉันตัดสินใจเดินไปหาเขาในเช้าวันนั้น บรรยากาศในห้องทำงานของชายวัยกลางคนยังคงเงียบเชียบเหมือนเดิม เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานตัวเดิม ผมเริ่มแซมสีดอกเลาเป็นการบ่งบอกว่าอายุของเขาเพิ่มมากขึ้นแล้ว“ดิฉันอยากพูดเรื่องที่คุณรับปากไว้ค่ะ เรื่องการเปิดตัวในฐานะผู้บริหาร และฐานะลูกสาว”เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารช้าๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไร“หึ...ดูรีบร้อนเสียจริงนะ”“ดิฉันทำหน้าที่ของดิฉันแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “หรือคุณชายจะเปลี่ยนใจ?”คุณพิชิตมอ

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 10 ไวเหมือนแมว [2/2]

    เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉันหันกลับไปทันทีที่เห็นร่างของอาทิตย์เดินตรงมา พร้อมถุงกระดาษอาร์ตทอยในมือ “วี! เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เขาถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “มีอุบัติเหตุน่ะ กล่องอะไรสักอย่างตกลงมา” ฉันตอบพลางชี้ไปยังพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำลังเก็บกวาด เขาขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองชายข้างกายฉันที่ยังยืนมองอยู่ใกล้ ๆ ด้วยท่าทางนิ่งขรึม “ไม่ทราบว่าคุณคือ...?” ภูริถามฉันด้วยเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมจับจ้องอาทิตย์อย่างไม่ละสายตา “อ้อ…คุณภูริ นี่อาทิตย์ค่ะ” ฉันตอบพลางชี้แนะนำกลับไปอีกฝั่ง “อาทิตย์ นี่คุณภูริ” “สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของวี” อาทิตย์เอ่ยก่อน ยิ้มสุภาพ ภูริยกคิ้วเล็กน้อย “ครับ…ผมเป็นคู่หมั้นของเธอ” ฉันกะพริบตาช้า ๆ สังเกตบรรยากาศรอบตัวที่ดูอึดอัดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อากาศเย็นในห้างก็เหมือนจะร้อนขึ้นฉับพลัน ตาสองคู่นั้นสบกันแบบนิ่ง ๆ นานเกินควร และถึงแม้จะไม่มีคำพูดหยาบ ไม่มีท่าทางก้าวร้าว แต่...ฉันสัมผัสได้ถึงแรงต้านบางอย่างที่มองไม่เห็น อาทิตย์เม้มปากแน่นเล็กน้อย ส่วนภูริก็ทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ฉันถอนหายใจในใจเบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status