Home / รักโบราณ / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 7 นิมิตของแม่เฒ่า

Share

ตอนที่ 7 นิมิตของแม่เฒ่า

last update Last Updated: 2024-10-29 12:17:47

อีกทางด้านหนึ่งของผาเดียวดาย

“โอ๊ย เมื่อย!” เสียงหวานดังขึ้น ร่างโปร่งแสงของนางก้าวออกมาจากต้นดอกท้อที่บัดนี้อายุเกือบแสนปีแล้ว หลังจากนั่งบำเพ็ญตบะเซียนอยู่ครึ่งค่อนวัน นางจึงอยากเดินเล่นแก้เมื่อยเสียหน่อย

“นี่เจ้ากระต่ายเวท มานั่งดูท้องฟ้าเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ” นางเรียกกระต่ายเวทตัวหนึ่งที่อยู่แถวนั้นมาอยู่เป็นเพื่อน จริง ๆ เมื่อไม่กี่หมื่นปีก่อน จู่ ๆ นางก็ไม่ได้เจอมนุษย์คนใดอีกเลย นับว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับนางอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าเขาลูกนี้ร้างหรือน่ากลัวกันแน่จึงไม่มีมนุษย์คนใดเข้ามาถึงริมผาเดียวดาย

ตอนที่นางกำลังนั่งเหงา ๆ อยู่คนเดียว กระต่ายเวทตัวนี้ก็โผล่มา ลักษณะรูปร่างคล้ายกับว่านางเคยเห็นมาก่อน เพียงแต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ในภพนี้แน่นอน หยางซือซือแทบจะลืมไปแล้วว่าเหตุใดนางถึงมาเกิดเป็นต้นดอกท้อ

ตั้งแต่ได้เจอเจ้ากระต่ายตัวนี้ นางก็เอาแต่เล่นกับมันทั้งวัน จนไม่ได้ฝึกบำเพ็ญตบะเซียน จู่ ๆ กระต่ายเวทก็หายไป แรก ๆ นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นั่งรอมันอยู่ที่เดิมหลายวัน แล้วก็คิดได้ว่ากระต่ายเวทคงจะต้องใช้พลังเซียนหล่อเลี้ยงให้สภาพร่างคงอยู่ นางจึงลองใช้พลังเซียนเรียกมันออกมา แต่ก็ไร้วี่แวว แล้วก็เข้าใจไปเองว่าพลังของนางคงไม่เพียงพอ

ด้วยความคิดถึงเพื่อนตัวเดียวของนาง หยางซือซือจึงตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะเซียนเก้าขั้นอีกครั้ง และแล้ววันหนึ่งนางก็ได้เห็นเจ้ากระต่ายเวทตัวเดิมกระโดดไปมาอยู่ข้างใต้ต้นดอกท้อ

นับแต่นั้นมา หยางซือซือจึงเลิกเกียจคร้านคอยฝึกบำเพ็ญตบะเซียนอยู่เรื่อย ๆ แล้วใช้เวลาว่างมานั่งเล่นกับกระต่ายเวท กลายเป็นเพื่อนที่คอยอยู่ข้างกันตลอดเวลา

“กระต่ายน้อย เจ้าสงสัยหรือไม่ว่ามนุษย์หายไปที่ใด อย่าว่าแต่มนุษย์เลย สัตว์ป่าสักตัวข้าก็ไม่เห็น กี่หมื่นปีมาแล้วนะที่ข้าอยู่กับเจ้าสองคนน่ะ ว่าแต่เจ้าไม่คิดจะพูดกับข้าบ้างเลยหรือ ข้าพูดคนเดียวจนเมื่อยแล้วนะ นี่ นี่ เจ้าได้ยินข้าหรือไม่” หยางซือซืออุ้มกระต่ายเวทขึ้นมาพร้อมจ้องหน้ามัน แต่กระต่ายเวทกลับดูนิ่งไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“เฮ้อ!” หยางซือซือถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะนอนลงบนพื้นหญ้าสีเขียวนุ่ม ๆ แล้วเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น กระต่ายเวทจึงกระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของนาง ขดตัวอยู่ข้าง ๆ แล้วนอนหลับไปพร้อมกัน

หมู่บ้านของเสิ่นชิว

ข่าวร้ายเริ่มแพร่ไปทุกทาง ผู้คนกำลังต้องการล่าจิตวิญญาณกวางนำทางกันอย่างบ้าคลั่ง ข่าวที่ว่าคนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้เพราะเผ่าพันธุ์นี้รู้เข้าถึงหูของผู้มีอำนาจ ผู้ใดสูญเสียคนรัก เพื่อนพ้อง พี่น้อง อยากให้คนเหล่านั้นกลับคืนชีพก็จ้างนักล่าจากทั่วสารทิศ ออกตามหากวางนำทางกันทั้งวันทั้งคืน

แม่เฒ่าเห็นนิมิตที่ชัดเจนอีกครั้ง เรื่องในอดีตของเสิ่นชิวก่อนจะมาอยู่ในหมู่บ้าน นางจึงโน้มน้าวผู้นำให้รับรู้สิ่งที่นางเห็น

“ท่านเห็นเช่นนั้นจริงหรือ แม่เฒ่า” เขาเอ่ยปากถามให้แน่ใจ ไม่คิดว่าเสิ่นชิวจะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวร้าย ๆ เพราะข่าวการสังหารเผ่าพันธุ์เริ่มต้นขึ้นนอกหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไป ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับเสิ่นชิวเลยแม้แต่นิดเดียว พวกเขาไม่รู้ว่าลู่ฟางหรง ซิ่วอิง หนิงเหอแอบฟังอยู่อีกฝั่งของบ้าน

“ท่านต้องเชื่อข้า ไม่เช่นนั้นแล้ว หมู่บ้านของเราจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ชีวิตของบุตรสาวท่าน” แม่เฒ่ายื่นคำขาด นางจำเป็นต้องปกป้องคนที่อยู่ในหมู่บ้าน หากปัญหาเกิดจากเสิ่นชิว ก็ต้องไล่เขาออกไปให้เร็วที่สุด ก่อนที่พวกนักล่าจะรู้ว่าทุกคนกำลังหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้าน

ผู้นำหน้าซีด ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี ชีวิตของบุตรสาวนอกจากจะสำคัญที่สุดสำหรับเขาแล้ว นางยังเป็นคนสำคัญของเผ่าพันธุ์กวางนำทางอีกด้วย ครั้นแม่เฒ่าเห็นว่าผู้นำไม่รู้จะทำเช่นไร นางจึงเดินดุ่ม ๆ ไปหาเสิ่นชิว สีหน้าขึงขังแววตาจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนโดยไม่สนใจคำห้ามปราบของผู้นำที่ขอเวลาคิดแก้ไขสถานการณ์สักชั่วครู่

“เสิ่นชิว ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า ไม่ใช่ว่าข้าเกลียดเจ้าหรืออะไร เพียงแต่เจ้าช่วยทำเพื่อคนในหมู่บ้านได้หรือไม่ ข้าเห็นในนิมิต ข้ารู้เรื่องในอดีตของเจ้าหมดแล้ว” แม่เฒ่าพูดกับเสิ่นชิวไปตรง ๆ

“ท่านหมายถึงเรื่องใดหรือ” เสิ่นชิวไม่เข้าใจว่านางพูดเรื่องอะไร เรื่องในอดีตของเขาเรื่องไหนที่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวเขาถึงเพียงนี้

“เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร คำพูดที่ผู้คนเคยเรียกเจ้า สิ่งที่พวกเขาทำกับเจ้าและ... แม่ของเจ้า” คำพูดของนางขาดช่วงไป นางแค่เพียงต้องการให้เขารู้ว่านางหมายถึงอะไร ไม่ได้อยากให้เขานึกถึงช่วงเวลาอันเจ็บปวดของมารดา “ข้าเห็นนิมิต ตัวของเจ้าโชกเลือดสีแดงฉาน ยืนอยู่ท่ามกลางศพของคนในหมู่บ้าน เจ้าเข้าใจหรือไม่ เจ้าต้องออกไปจากหมู่บ้านเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้น...” นางหยุดพูดไปพลางมองหน้าเขา

“แต่ว่า...” ไม่ทันที่เขาได้พูดจบ ชายผู้หนึ่งก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในหมู่บ้าน เนื้อตัวของเขาเปื้อนเลือดจนแทบดูไม่ออกว่าเขาพบเจอเรื่องใดมา

“ท่านผู้นำ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” เขาตะโกนบอกตั้งแต่ยังวิ่งไม่ถึงบ้าน “นักล่ากำลังบุกเข้ามา!” ดวงตาของเขาสั่นไหวตัวสั่นระริก

“ปกป้องอาณาเขตเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็เข้ามาไม่ได้ถ้าไม่ใช่คนในหมู่บ้าน” เขาถืออาวุธเตรียมพร้อมสู้กลับหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน แม้จะไม่เคยคิดว่าหมู่บ้านที่อยู่มาหลายร้อยปีจะถูกนักล่าบุกเข้ามา

“เสิ่นชิว ข้าขอร้อง รีบไปจากที่นี่ซะ” แม่เฒ่าอ้อนวอนเขา

เสิ่นชิวนึกโทษตัวเองอีกครั้งว่าเป็นต้นเหตุหายนะของผู้คนในหมู่บ้าน “เฮอะ ข้านี่มันตัวนำพาหายนะจริง ๆ ข้าเกิดมาทำไมกันนะ ทำไมไปที่ใดถึงได้มีแต่คนตายรอบตัวข้า” เขาพูดพึมพำอยู่คนเดียว ลู่ฟางหรงเดินมากุมมือเขาไว้แน่น นางสบตาเขาราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง

“ฟางหรง เจ้าถอยมานี่” ผู้นำเรียกนางกลับมาหาเขา

“ท่านพ่อ ห้าปีที่ผ่านมา หมู่บ้านของเราก็อยู่กันอย่างสงบสุขไม่ใช่หรือ ฝีมือทุกอย่างเป็นเพราะมนุษย์ชั่วช้าพวกนั้น เสิ่นชิวไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ทำไมท่านต้องผลักไสเขาด้วย” ลู่ฟางหรงต่อต้านบิดาและแม่เฒ่า

“ฟางหรง ครั้งนี้เจ้าอย่าขัดคำสั่งข้าได้หรือไม่ นี่ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะต่อต้าน เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าชีวิตเจ้าสำคัญกว่าใครในที่นี้” เขาตวาดเสียงดังใส่นาง สีหน้าจริงจัง

“ท่านพ่อ...”

บิดาของนางไม่รอช้าสั่งให้ซิ่วอิง หนิงเหอพาตัวฟางหรงไปซ่อนไว้ที่ลับท้ายหมู่บ้าน แล้วเดินมาหาเสิ่นชิว เมื่อได้เห็นสายตาเลื่อนลอยของเสิ่นชิว เขาก็รู้สึกสงสารเสิ่นชิวขึ้นมาอีกครั้ง

“เสิ่นชิว เจ้าหลบไปอยู่สถานที่ห่างไกลจากที่นี่สักพักเถิด เงินถุงนี้ข้าให้เจ้าเอาไว้ใช้จ่าย หากไม่พอก็กลับมา ข้าจะเตรียมเอาไว้ให้เจ้า เพียงแต่เวลานี้ หวังว่าเจ้ายังคงจำสัญญาได้”

“ขอรับ หากทำเช่นนั้นแล้วนางจะปลอดภัย ข้าจะไปโดยไม่ย้อนกลับมาที่นี่อีก ข้าขอบคุณท่านผู้นำที่เลี้ยงดูข้า” เสิ่นชิวบอกลาเขาก่อนจะหันหลังเดินไปเก็บของในบ้านเพื่อเตรียมออกจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 56 จบบริบูรณ์

    ณ ตำหนักโคมดวงจิตเจียลี่นั่งรำลึกความหลังตอนที่นางเป็นเซียนน้อยดูแลตำหนัก แล้วชี้ให้หลินเซินดูว่าโคมดวงจิตของเขาเคยตั้งอยู่ตรงนี้“ข้าไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้า” เจียลี่หันมามองหลินเซิน “ผู้เฒ่าหยางคงจะหมดห่วงแล้วล่ะ”“ข้าติดหนี้เจ้าแล้ว มากมายจนนับไม่ถ้วน หากไม่มีเจ้า จิตวิญญาณของข้าคงแตกสลายไป” น้ำเสียงของหลินเซินแผ่วเบา“ไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก” เจียลี่ส่ายหน้า นางกุมมือเขาเอาไว้ ทำสีหน้าจริงจัง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ว่าใครหน้าไหนกล้าทำร้ายเจ้าอีก ข้าไม่ปล่อยไว้แน่”หลินเซินเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้นาง “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นถึงอดีตเทพสงคราม จะมีใครกล้าทำอะไรข้า”“นั่นสิเนอะ” เจียลี่หัวเราะกับคำตอบของเขา “หลินเซิน ไปดูก้อนเมฆสีรุ้งกันเถอะ ข้าไม่ได้เห็นนานแล้ว” นางเอ่ยปากชวนเขาไปที่ผาน้ำตกทั้งสองนั่งเล่นชมทิวทัศน์อยู่นานจนถึงเวลาพลบค่ำที่ตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า จู่ ๆ เจียลี่ก็นึกได้ว่าเวลาบนดินแดนสวรรค์กับดินแดนมนุษย์ไม่เหมือนกัน“ข้าว่ารีบกลับลงไปที่บ้านเถอะ ไม่รู้ป่านนี้เยี่ยนฟางกับหมิงเฟยจะเป็น

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 55 สลาย

    ช่วงสายของวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส หลินเซินนั่งกินถังหูลู่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบ่อน้ำ เขาหันมามองเจียลี่ที่กำลังหัดร่ายเวทด้วยความจริงจังนึกขำในใจ“เจียลี่ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถิด เจ้าทำหน้าเครียดเกินไปแล้ว” นับตั้งแต่ที่เขาคืนพลังเซียนเพื่อฟื้นชีวิตนาง หลินเซินก็กลายเป็นชนเผ่าหมาป่าธรรมดาที่มีพลังเวทนิดหน่อย กระนั้นยังคงเป็นหมาป่ากินพืชเช่นเดิม“ข้าอยากเป็นเร็ว ๆ นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะได้ช่วยพวกเจ้าได้” เจียลี่ยังคงพยายามจ้องไปที่มือข้างหนึ่งของนางที่มีพลังเซียนส่องแสงวิบวับ“เจ้าต้องผ่อนคลายให้มากกว่านี้แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าต้องทำเช่นไร” หลินเซินให้กำลังใจ เขารินน้ำชาดอกท้อให้นาง “ดื่มก่อน”“อื้ม” เจียลี่พยักหน้า แล้วนึกถึงเรื่องที่นางมีความสุข พลันกลีบดอกท้อปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวทั้งคู่ นางโบกมือไปทางซ้ายขวาบังคับสายลมพัดกลีบดอกท้อปลิวไสวไปทั่วทั้งป่า “ข้าเข้าใจแล้วหลินเซิน” นางยิ้มดีใจทั้งคู่พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงทั้งวันจนตะวันลับฟ้าจึงพากันเดินกลับบ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 54 สัญญา

    เจียลี่ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าทันทีที่ฟื้นขึ้นมา นางไม่อยากให้หลินเซินต้องทำเช่นนี้ จนหมิงเฟยต้องเข้ามาปลอบใจ“ท่านพี่ ทำใจดี ๆ ไว้เถิด ถ้าเขาเห็นว่าท่านเป็นเช่นนี้ วิญญาณคงจะไม่สงบสุข” หมิงเฟยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางซับน้ำตา“ข้าขออยู่คนเดียวได้หรือไม่” นางคงยังไม่อยากพูดกับใคร ในใจเศร้าสร้อยเกินจะคิดอะไร“ขอรับ” หมิงเฟยพยักหน้าแล้วเดินออกมานอกห้องในป่าลึกท้ายหมู่บ้าน เยี่ยนฟางกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตานองหน้าเพราะนึกถึงสิ่งที่นางทำ ทั้งยังไม่กล้าสู้หน้าหมิงเฟยจึงหลบออกมานั่งคนเดียวครั้นเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ นางจึงเงยหน้ามองผู้มาเยือน“หลินเซินนนน” เยี่ยนฟางกลั้นใจไม่ไหว ร้องไห้โฮจนตัวโยนหลินเซินจึงนั่งลงข้าง ๆ ลูบหัวของนางเหมือนอย่างเคย “จำได้หรือไม่ วันแรกที่ข้าเจอเจ้า”“อื้ม”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าโทษตัวเองนักเลย” หลินเซินยื่นขนมหวานให้นาง “หมิงเฟยตามหาเจ้าอยู่ ไม่อยากเ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 53 ไม่มีทางเลือก

    เวลานี้ หลินเซินจำเรื่องราวในอดีตได้หมดทุกอย่างแล้ว พลังตบะเซียนและร่างกายของเขากลับมาเป็นเช่นเดิม เขาร่ายเวทก้าวเข้าสู่หุบเขากองกระดูกในทันทีการปรากฏตัวของเขาทำให้หมิงเฟยและพรรคพวกรู้สึกโล่งใจ ยามนี้เขาแทบจะทนแรงฟาดฟันของเยี่ยนฟางไม่ไหวแล้ว หลินเซินมองเห็นความโกลาหลที่พื้นเบื้องล่าง เขามองหาเยี่ยนฟางและหมิงเฟยเป็นลำดับแรก จากนั้นก็เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้านางในพริบตา“จงหลับ!” นิ้วชี้ของเขาจิ้มไปหว่างกลางหน้าผากของเยี่ยนฟาง เขาเอื้อมมือคว้าตัวนางเอาไว้ แล้วส่งให้หมิงเฟย จากนั้นตรงดิ่งไปที่ร่างของเจียลี่พูดกับหมิงเฟยว่า “พาคนออกไปจากที่นี่แล้วร่ายเวทหล่อเลี้ยงร่างของนางเอาไว้”หมิงเฟยพยักหน้ารับคำ ครั้นหลินเซินร่ายม่านเขตแดนของตนขึ้นมา หุบเขากองกระดูกที่แสนอึมครึมจึงมีโพรงแห่งแสงสว่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น“เฉิงซาน ทางนี้” หมิงเฟยตะโกนบอกพรรคพวกเมื่อทุกคนในที่แห่งนี้มองเห็นทางออกต่างพยายามสลัดให้หลุดจากคู่ต่อสู้ของตนเองหลินเซินมองเห็นเทพมารลอยอยู่เหนือเทพอาวุโส กำลังจะร่ายเวทใส่ร่างของเขา เพียงแต่ได้ยินเสียงร้อ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 52 ซ่งเทียนเย่

    “เทียนจวิน วันนี้มีเรื่องอะไรหรือถึงได้อารมณ์ดี” ซ่งเสวี่ยหยางถามเขา“แค่วันธรรมดาหนึ่งวันบนดินแดนสวรรค์ เห็นเจ้าเพิ่งกลับมาเลยอยากทวงของฝาก” ซ่งเทียนเย่ยิ้มแป้นให้เขา“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ปราบปีศาจที่มีพลังมารก็ทำให้ข้าเหนื่อยไม่น้อย” เขาส่ายหน้าพลางเดินไปที่มุมหนึ่งของตำหนัก “แต่ก็เอาเถอะ ข้าได้ยินมนุษย์พูดกันว่าสุราแคว้นเป่ยรสชาติดีจึงได้ถือติดมือมาด้วย” เขายื่นสิ่งที่พอจะเรียกว่าของฝากให้ซ่งเทียนเย่“เจ้าช่างรู้ใจ ดื่มเป็นเพื่อนกันสักหน่อยดีหรือไม่”หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเกาะลอยฟ้าของตำหนักเทพสงคราม ดื่มสุรากันคนละจอกสองจอกพลางพูดคุยเรื่องที่ได้พบเจอในแต่ละวัน“ท่านอา” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยสองคนเรียกซ่งเสวี่ยหยาง เขาหันไปมองต้นเสียงแล้วพูดว่า “พวกเจ้าสองคน ช้า ๆ หน่อย” แต่เด็กทั้งสองกลับวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะคิดถึงเขา“เฮ้อ ดูสิ บิดาของเขานั่งอยู่ตรงนี้แท้ ๆ” ซ่งเทียนเย่พูดหยอกผู้เป็นน้องชาย“ช่วยไม่ได้ ข้าไม่อยู่ตำหนักตั้งนาน เอ้า! นี่ของฝากพวกเจ้า” เขาร่ายเวทเรียกไข่ของวิหคเพลิงออก

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 51 ด้ายสีทอง

    TW: ความรุนแรง อดีตของหลินเซินและเจียลี่ราวกับเรื่องราวของเยว่เล่อกับนางยังไม่หนักหนาพอ ใต้เท้าหนุ่มเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่นางกำลังนั่งกอดเขาอยู่บนเตียงจึงเกิดความเดือดดาล ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของเยว่เล่อแล้วออกหมัดใส่หน้าเขาไปหนึ่งทีนางรีบวิ่งเข้ามาประคองเขาพยายามห้ามไม่ให้เยว่เล่อโต้ตอบแต่กลับกลายเป็นว่าใต้เท้าหนุ่มยิ่งไม่พอใจที่ผู้หญิงของเขาทำเช่นนั้น“มันเป็นชู้รักของเจ้างั้นรึ” เขาตวาดเสียงดังก้องแล้วเข้าไปกระชากตัวนางจากเยว่เล่อ บีบข้อมือของนางแรงจนช้ำแดงเถือกเยว่เล่อไม่อาจทนเห็นใครทำร้ายนางได้อีก เขาขัดคำสัญญาของนางแล้วพุ่งตรงมาบีบคอของใต้เท้าหนุ่มในทันที เยว่เล่อกัดคอของเขาแล้วสูบเลือดที่มีจนหมดตัว ทิ้งร่างเหี่ยว ๆ กองไว้บนพื้นนางไม่เคยเห็นเขาในสภาพเช่นนี้มาก่อนจึงตกตะลึงไปชั่วขณะแต่แล้วก็เดินมากอดเขาเอาไว้“ไปจากที่นี่กันเถิดนะเยว่เล่อ” นางมองหน้าเขาสายตาอ้อนวอนทั้ง ๆ ที่บริเวณบ้านเงียบงันแต่กลับมีเสียงหนึ่งคล้ายเสียงของใต้เท้าหนุ่มตะโกนโวยวายไม่เป็นเรื่อง คนใช้ในจวนจึงรีบวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามาในห้อง ครั้นได้เห็นภาพเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status